การดูแลอัญมณี “อัญมณี” เป็นเครื่องประดับอันทรงคุณค่า การสวมใส่ไปนาน ๆ ก็อาจทำให้สีสัน ดูหมองหม่นลงจากเดิมบ้าง การดูแลทำความสะอาดจะช่วยทะนุถนอม อัญมณีที่คุณรัก ให้มีความสะอาดสวยงามเสมอ เพื่อให้อัญมณีทอแสง เจิดจรัสบนเรือนกายทุกครั้งที่สวมใส่ และการดูแลรักษาอัญมณีในแต่ละชนิดนั้น ย่อมมีเคล็ดลับที่แตกต่างกันเสมอ เพราะอัญมณีบางชนิดก็บอบบางมาก ดังนั้น ในโอกาสนี้ ก็ขอเชิญเพื่อนๆชาว gem มาศึกษาในการทำความสะอาด และดูแลอัญมณีที่ท่านรักในแต่ละชนิดแบบคร่าว ๆ เลยนะคะ การดูแลรักษาและทำความสะอาดอัญมณี เพชร เป็นอัญมณีที่ล้ำค่า มีความงดงาม และ ราคาสูงเป็นเลิศในบรรดาอัญมณีทั้งหลาย เนื่องด้วยเพชรมีความแข็งเป็นอันดับ 1 ในบรรดาสสารทั้งหมดที่มีอยู่ในโลกนี้ และมีการทนต่อความร้อน ทนต่อสภาพกรด-ด่าง และแอลกอฮอลล์ได้ การทำความสะอาดเพชรโดย การต้ม หรือ แช่ในน้ำร้อน จึงไม่ทำอันตรายต่อเพชร และถ้ามีสิ่งสกปรกเคลือบอยู่บนผิดเพชรมากก็ให้นำไปแช่ในแอลกอฮอลล์ หรือ เหล้าและเขย่าเบา ๆ (เพื่อให้สิ่งสกปรกละลายไปได้ง่ายขึ้น) และนำไปล้างด้วย น้ำสะอาด และเช็ดให้แห้งอีกครั้งด้วยผ้านุ่ม ๆ เพชรจะสะอาดแวววาวหรือถ้าวิธีเหล่านี้ยังไม่ได้ผล ก็แนะนำให้ใช้ โซเดียม คาร์บอเนต (โซดาซักผ้า) ผสมน้ำและนำเพชรไปต้มประมาณ 10-20 นาที แล้วจึงล้างให้สะอาด ข้อควรระวังในการทำความสะอาดเพชร คือ อย่าให้เกิดการกระแทก หรือ อย่าใช้เหล็กปลายแหลมเขี่ยตามซอกของตัวเรือน เพราะจะทำให้ทองซึ่งอ่อนกว่าเหล็กเกิดริ้วรอยได้ และแม้เพชรจะสะอาด แต่ตัวเรือนซึ่งประกอบขึ้นเป็นอัญมณี ซึ่งเป็นโลหะมีค่า เช่นทอง หรือ แพลททินั่ม จะเป็นรอยอยู่ตลอดไป หรือถ้าท่านมีเวลาว่างแวะไปตามร้านเครื่องประดับที่ท่านใช้บริการเป็นประจำก็ สามารถให้ทางร้านล้างทำความสะอาดให้ก็ได้ เพราะบางร้านจะมีเครื่องล้างที่ใช้ระบบอัลตราโซนิก อยู่และจะทำให้ผงเล็ก ๆ หลุดออกจากเครื่องประดับเราได้โดยง่าย ระมัดระวังอย่าให้เพชรกระทบกระเทือนกับอะไรแรง ๆ เพราะจะให้ขอบเพชรบิ่นได้และอย่าเก็บเพชร ไว้ปะปนกัน เพราะเหลี่ยมของเพชรอาจจะขูดขีดกันเองทำให้เกิดริ้วรอยขึ้นได้ พลอย เป็นอัญมณีที่มีความแข็งในระดับต่าง ๆ กันและยังมีคุณสมบัติความเหนียวและความเปราะแตกต่างกันอีกด้วย การดูแลพลอยชนิดต่าง ๆ สามารถกระทำได้ดังนี้ … พลอยที่มีความแข็งค่อนข้างต่ำ การสวมใส่ หรือการใช้งานควรมีความระมัดระวัง เป็นอย่างยิ่ง เพราะเนื้อพลอยจะมีความเปราะ ถ้าไปกระทบกับสิ่งที่มีความแข็งกว่าก็อาจจะทำให้เกิดริ้วรอย หรืออาจแตกร้าวได้ อย่าล้างด้วยน้ำร้อน ๆ เพราะความร้อนจะทำให้น้ำที่แทรกอยู่ในเนื้อพลอยระเหยออกไปได้ง่ายขึ้น ทำให้ผิวของพลอยลดความวาว และความมันลง เพราะฉะนั้นจึงควรล้างด้วยน้ำยาทำความสะอาดพลอย หรือในน้ำธรรมดาที่มีอุณหภูมิพอเหมาะอย่าเก็บพลอยด้วยวิธีการแช่ไว้ในน้ำมัน เพราะฝุ่นละอองจะสามารถจับได้ง่าย เมื่อทำการเช็ด ทำความสะอาดผงของฝุ่นละอองจะเกิดการเสียดสี และขูดขีดผิวของพลอย ให้ลดความวาวลงไป ทำให้ประกายของพลอยน้อยลง ซึ่งจะดูไม่สวยงาม ดังนั้นวิธีที่เหมาะสมที่สุดในการทำความสะอาดพลอยคือ แช่น้ำสะอาด และเช็ดให้แห้งด้วยผ้านุ่ม ๆ ไข่มุก ห้ามมิให้ไข่มุกถูกสารเคมีทุกชนิด เช่น น้ำหอม หรือสเปรย์ต่าง ๆ เพราะสารเหล่านี้ จะทำให้ไข่มุกลดความวาวลงได้ ห้ามมิให้ผิวของไข่มุกไปขูดขีดกับวัตถุที่มีความแข็งเพราะผิวของไข่มุกอ่อนมาก ซึ่งจะทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย จึงควรสวมใส่ด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ควรใช้ผ้านุ่ม ๆ ชุบน้ำสะอาด ทำความสะอาดไข่มุก เพื่อป้องกันฝุ่นละอองที่จะมาเกาะบริเวณผิวของไข่มุกได้ หรือหลังจากสวมใส่เครื่องประดับมุกแล้วก็ให้นำมาแช่น้ำดื่มไว้ประมาณ 5 นาทีจึงเช็ดด้วยผ้านุ่ม ๆ ไม่ควรเก็บไข่มุกรวมกับอัญมณี ชนิดอื่น ๆ เพราะจะทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย ทองคำ เมื่อสวมใส่ทองไปนาน ๆ สีของทองย่อมหมองลงไปเนื่องมาจากเหงื่อไคลของผู้สวมใส่ ซึ่งถ้าคนเหงื่อเค็มจะทำให้หมองเร็วขึ้น และถ้าทองคำบริสุทธิ์มาก ๆ สัมผัสกับน้ำหอมบางชนิดอาจเกิดปฏิกิริยาจนหมองคล้ำ การทำความสะอาดทองคำก็ง่ายมาก แค่ล้างด้วยน้ำสะอาด ใช้แปรงนุ่ม ๆ ขัดเบา ๆ ตามซอกลวดลาย และใช้ผ้านุ่มเช็ดจนแห้ง … แต่ทองคำที่เป็นเครื่องประดับนั้น สามารถนำไปชุบใหม่ให้แวววาวได้เช่นกันค่ะ หยก หยกเป็นอัญมณีที่บอบบาง แตกง่าย ไม่ทนต่อความร้อน สามารถเกิดรอยร้าวภายในได้ง่าย ไม่ทนต่อกรดด่าง ดังนั้นการทำความสะอาดหยกควรเพียงแค่ใช้ผ้านุ่ม ๆ เช็ดหลังสวมใส่ทุกครั้ง ควรระวังไม่ให้ถูกความร้อนสูง ไม่ควรให้กระทบกระแทกอะไรเพราะอาจแตกได้ง่าย เคล็ดลับในการทำให้หยกมีความแวววาวเป็นพิเศษคือ ให้หยกแช่ในน้ำโซเดียมสีขาวที่เจือจาง เมื่อนำมาถูเบา ๆ จะทำให้หยกแวววาวขึ้น คล้ายการเคลือบเงา แต่ต้องระวังไม่ให้หยกที่ผ่านกรรมวิธีนี้ใกล้กับความร้อนเพราะจะทำให้โซเดียมที่เคลือบผิว อยู่เปลี่ยนเป็นสีเหลือง |