1
2

วิ่งตาม...ความรัก








Lasse Lindh - Run To You
라쎄 린드 -  Run To You 
Lasse Lindh  - Run To You 
Angel Eyes OST

lyric

With you... Everything seems so easy
With you... My heartbeat has found its rhythm
With you... I'm so close to finding my home

With you... I don't care if I´m a little bit crazy
Cause with you nothing's wrong 

I was broken, I was wasted
Then you came like an angel in the rain
Love used to slip trough me like waters slips trough hands
But with you it changed I know, I feel I'm closer to your heart.

I am run-run-running to you 
And I'll keep you safe forever
Through the tears, trough the love and all the nights we share
I am run-run-running to you 
And I'll keep you safe forever
Don't you know my love, don't you know two hearts can beat as one? 

Love used to slip trough me like water slips trough hands but no more
No more lonely nights, no more, no more
So c'mon, c'mon, hold on, hold on, hold on 

I am run-run-running to you 
And I'll keep you safe forever
Through the tears, trough the love and all the nights we share
I am run-run-running to you 
And I'll keep you safe forever
Don't you know my love, don't you know two hearts can...
I am run-run-running to you 
And I'll keep you safe forever
Through the tears, trough the love and all the nights we share
I am run-run-running to you 
And I'll keep you safe forever
Don't you know two hearts can beat as one?

 วิ่งตาม...ความรัก 



สมัยตอนเป็นเด็ก . . . จำได้ว่าในวิชาพละศึกษา
คุณครูสั่งให้เราวิ่งรอบสนามกันคนละ 20 รอบ เพื่อจับเวลาของแต่ละคน
แถมยังมีรางวัลมาล่อใจอีกด้วยว่า . . .
ใครเข้าเส้นชัยได้คนแรก จะมีคะแนนพิเศษเพิ่มให้



พอเริ่มออกสตาร์ท . . .
ฉันก็สังเกตเห็นเพื่อนหลายคน . . . พยายามจะเบียดตัวเอง
ขึ้นมาอยู่แถวหน้าสุด . . . เพื่อที่จะได้เปรียบคนอื่นในช่วงออกตัว
แล้วพอครูบอกว่า . . . วิ่งได้-เท่านั้นแหละ
เพื่อนหลายคนของฉัน . . . ก็วิ่งปรู๊ดออกไปแบบไม่คิดชีวิต
ส่วนฉัน . . . โน่น วิ่งอยู่หลังสุด



ไม่ได้ช้าเพราะเหนื่อย หรือเพราะวิ่งไม่เก่ง
แต่ฉันกำลังรู้สึกสนุกสนาน . . . กับการวิ่งจับเวลาซะเหลือเกิน
เพราะฉันวิ่งไป- คุยไป กับเพื่อนซี้รู้ใจ . . . แบบไม่สนเวลา
ฉันสนใจความสนุกสนาน ระหว่างการวิ่งมากกว่า



บางที . . . เห็นคนข้างหน้า ที่วิ่งนำมาหลายรอบ
กำลังชะลอความเร็ว เพราะเหนื่อยหอบ
ก็อดที่จะขอวิ่งแซงหน้าบ้างไม่ได้



หรือบางที . . . หันไปเห็นเพื่อนที่วิ่งรั้งท้ายตลอด
ก็จะพยายามวิ่งให้ช้าลง . . . รอให้เขาวิ่งทัน
. . . จะได้คุยไปด้วยกันหลายๆ คน . . . สนุกดี



หรือบางที . . . รู้สึกไม่อยากแซงคนข้างหน้าขึ้นมาเฉยๆ
เพราะว่าวิ่งตามหลังเขา . . . จะได้แอบนินทาเขาได้สนุกไปอีกแบบ
จะทำลายสถิติไหม . . . ไม่รู้หรอก
รู้แต่ว่า . . . วิ่งช้าๆ มันไม่เหนื่อยเร็ว
และขอแค่วิ่งให้ถึงเส้นชัยก็พอ



การวิ่งก็คงคล้ายคล้ายกับ "ความรัก" กระมัง
ทุกคนมีเส้นชัยของตัวเอง . . . มีสถิติที่ตัวเองพอใจ
แต่ . . . คนที่เข้าเส้นชัยก่อน ใช่ว่าจะคว้า "ความรักที่ดี" ได้ก่อนเสมอไป
และสถิติที่ดีก็ไม่ได้การันตีว่า . . . "ความรัก" จะสมบูรณ์แบบ



ในขณะที่สังคมทุกวันนี้ปลูกฝังให้เราวิ่งแซงคนอื่นๆ เสมอ
สอนว่า . . . อย่าพยายามให้ใครแซงหน้า
เพราะนั่นหมายถึง . . . ทำให้เราพลาดโอกาสดีๆ ในชีวิตไป
แต่สังคมของ "ความรัก" สอนให้คนรู้จักผ่อนจังหวะก้าว
. . . ให้ช้าลง . . . แต่หนักแน่นขึ้น



โลกภายนอกบอกให้เรารู้ว่า . . .
"อย่าวิ่งตามใคร ถ้าไม่แน่ใจว่าจะตามเขาได้ทัน"
. . . เพราะมันเสียแรงเปล่า และโง่เหลือเกิน
แต่โลกของความรักของใครอีกหลายคน . . .
สมัครใจที่จะเป็น "คนโง่" เพื่อวิ่งตาม "คนที่ตัวเองรัก" ให้ทัน
ทั้งที่รู้แก่ใจว่า . . . "ไม่มีวันนั้น"





เพื่อนรักคนหนึ่งของฉัน มี "เส้นชัย" ในหัวใจของเธอเอง
คนรักของเธอ . . . เป็นนักวิ่งฝีเท้าดี
เพราะตั้งแต่อยู่กันมา . . . เขาออกวิ่งก่อนเธอเสมอ
ไม่เคยบอกล่วงหน้า . . . และไม่เคยชะลอความเร็วลงเลย
แต่ความเร็วของเขาก็ไม่มากไปกว่า . . . “ความรัก” ที่เธอมี



"ความรัก" ทำให้เธอวิ่งเร็วขึ้น . . . ใกล้เขามากขึ้น
และไม่ยอมปล่อยให้เขาทิ้งระยะ . . . จนคลาดสายตาเธอ
แต่ . . . เมื่อเกือบที่จะถึงตัวเขา . . . เธอก็จะเลือกที่จะ "วิ่งให้ช้าลง"
ราวกับว่า . . . จะวิ่งเหยาะๆ ตามเขาไปเรื่อยๆ
เธอแซงหน้าเขาได้ . . . แต่เธอไม่ทำ
แม้แต่จะวิ่งให้ทันเขาในแนวเดียวกัน
เธอก็ทำได้ . . . แต่เธอไม่ทำ



เหตุผล . . . ที่ฟังดูเหมือนง่ายของเธอ ทำเอาใจฉันนิ่งงัน
"ถ้าวิ่งให้ทันเขา หรือแซงหน้าเขาไป . . . ฉันก็คงมองไม่เห็นเขาในชีวิตอีก
แต่ถ้าฉันวิ่งตามเขาห่างๆ แบบนี้เท่ากับว่า . . .
ฉันยังได้เห็นความเป็นไปของเขา ยังมีเขาอยู่ในสายตา . . . ในชีวิต
แม้ว่า . . . เขาจะไม่เคยหันหลังกลับมา . . . แล้ววิ่งให้ช้าลงเลยก็ตาม"



"แล้วทำไม..ไม่เข้าใกล้เขากว่านี้
ทำไมต้องเว้นระยะห่างแบบนี้ด้วย . . . เธอเป็นคนรักของเขานะ"
คำถามของฉัน . . . ทำให้แววตาของเพื่อนรัก ปรากฎรอยเศร้า . . . แต่ปากยิ้ม
ฉันกลัวเขารู้ตัว . . . แล้ววิ่งหนีฉันไป . . . ไกลยิ่งกว่านี้
ถึงวันนั้น . . . ฉันอาจเหนื่อยจนหมดแรงที่จะวิ่งตามอีกต่อไปแล้ว



ห่างแบบนี้ดีกว่า . . . ฉันได้เห็นเขา . . . มันอุ่นใจ
หรือถ้าวันหนึ่ง . . . เขาล้มลง . . . ฉันจะได้วิ่งเข้าไปช่วยพยุงได้ทัน
และถ้ามันจะทำให้เขาเห็น “ความจริงใจ” ของฉัน
เขาอาจจะชวนฉันวิ่งไปพร้อมกันอีกครั้ง . . . ถ้าเขาหายดีแล้ว
ความรัก..ทำให้คนมีความหวัง . . . อยู่เสมอ
ในขณะเดียวกัน . . . มันก็ทำให้คนบางคน “โง่งมงาย” เสียเต็มประดา



ถ้าเพื่อน . . . เลือกที่จะวิ่งออกนอกเส้นทาง
แล้วไปตั้งต้นใหม่กับ “ใครสักคน” ที่เขาพร้อมจะวิ่งไปกับเพื่อน..
ป่านนี้เพื่อนของฉัน . . . คงเข้าเส้นชัยไปนานแล้ว
แต่ . . . เพื่อนยังคงเต็มใจ ที่จะวิ่งตามเขาไปเรื่อยๆ
แม้ว่าบางที..อาจจะไม่มีวันนั้น .. วันที่เพื่อนเข้า.. 'เส้นชัยแห่งความรัก'



เพราะบางที . . . "เส้นชัย" อาจไม่มีความหมายต่อคนบางคน
หากว่า . . . เขาเข้าเส้นชัย . . . แต่ได้ทำ  "หัวใจ"  หล่นหายไประหว่างทาง

เมื่อความสุข คือ . . . การโง่ที่จะรักและวิ่งตาม
ในสังคมของความรัก . . . ฉันจึงมองเห็นคนที่วิ่งช้า
และปรารถนาจะเป็นผู้ตาม . . . ด้วยความเต็มใจอยู่เสมอ




 ความรัก . . . ไม่ใช่สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต
แต่ . . . ความรักเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีค่ามากที่สุด 
ตอนนี้ก็คงจะพอรู้ . . .
ถึงความรู้สึกของการวิ่งตามบ้างแล้วนะ . . .
อยากเป็น “คนวิ่งตาม”
โดยที่ไม่รู้จักเหนื่อยบ้างเหมือนกัน . . .






ที่มา : Ajjima






ทำอย่างไร ให้หายขี้อาย



สิงโต นำโชค - อาย




ทำอย่างไร ให้หายขี้อาย


ถ้าพูดถึง "ความขี้อาย" แล้ว ไม่ว่าใครก็ย่อมมีความรู้สึกนี้อยู่บ้างล่ะน่า แหม...ใครจะใจกล้าหน้าด้านไปซะทุกเรื่องล่ะฮ้า ขืนเป็นงี้มันก็เกินไปนะตัว...ใช่ปะ 

เรื่อง
"ขี้อาย" จึงไม่ใช่ความแปลกใหม่ ของชีวิต แต่เป็นสิ่งที่ใคร ๆ มีติดตัวมาตั้งแต่เกิดมากฝ่า ซึ่งข้อดีของความขี้อายมันก็มีอ่ะนะ เช่น ทำให้เป็นคนสุภาพเรียบร้อย และทำให้เป็นคนมีมารยาททางสังคม แต่โห ข้อเสียของการเป็นคนขี้อายก็มีเยอะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเผื่อคุณอยากรู้จักมักจี่ หรือสนิทสนมผสมรักกับใครสักคนขึ้นมา แต่ไม่กล้าแสดงออกให้เค้ารู้ หรือไม่กล้าเข้าไปทักทายโอภาปราศรัยก่อน ก็ทำให้คุณเสียโอกาสที่จะคว้าใครสักคนมาเป็นแฟน...จริงไหมล่ะ

ยิ่งเป็นวัยรุ่นด้วยแล้ว ปัญหาที่พบมากและพบบ่อยที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้น การไม่กล้าเปิดเผยความในใจให้ "คนที่ตัวเองนึกชอบ" ล่วงรู้ความในใจน่ะสิว่า
คุณรู้สึกอย่างไรกะเค้า เพราะชอบก็ไม่กล้าบอกว่าชอบ หรือหลงรักเค้าอยู่...โอ๊ะ เรื่องนี้ ยิ่งไม่กล้าพูด นี่ไม่ใช่แค่อายนะแต่กลัวเค้าไม่รับรัก ก็จะยุ่งอีนุงตุงนัง ทำให้เสียหน้า, เสียฟอร์ม และเสียความมั่นใจในตัวเอง ยิ่งเตลิดเปิดเปิงไปใหญ่น่ะซี

เพราะฉะนั้น มาหาวิธีขจัดความขี้อาย กันเถอะ ว่าแต่...อย่าถึงกับทำให้ความรู้สึกนี้หมดไปซะเลยล่ะ ขอให้เหลือไว้บ้าง ย่อมดีกว่าไม่มีเลย น่ะจ๊ะ ส่วนจะลดความขี้อายไงดีนะเหรอ ก็ทำแบบนี้ไง...เช่น




 1. ถามตัวเองซะก่อนว่า เรานั้นขี้อายตรงไหน แล้วแก้ให้ถูกจุด 
แบบอายเพราะไม่กล้าสบตาคนอื่น, อายเพราะไม่กล้าเดินเข้าไปทักคนอื่นก่อน, อายเพราะไม่กล้ายิ้มให้ใคร เพราะกลัวส่งยิ้มแล้วเค้าไม่ยิ้มตอบก็หน้าแตกสิว่ะ 
ถ้ารู้ตัวเองว่าคุณไม่กล้าทำอะไร เห็นทีต้องใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่งซะแล้วสิ 
อย่างถ้าอยากรู้จักใคร ก็ไม่ต้องอ้ำอึ้งทำเป็นไม่กล้าพูดไม่กล้าเข้าไปคุย แต่ควรเดินเข้าไปคุยกับเค้าเลยจ๊ะ ด้วยการแนะนำตัวคุณก่อนก็ดีว่าชื่ออะไร ? แล้วค่อยถามเค้ากลับ เรื่องแค่นี้ไม่ควรจะเขินนานนะ การผูกมิตรน่ะง่ายกว่าการสร้างศัตรูซะอีกเชื่อดิ

 2. ฝึกด้วยการเป็นแม่สื่อหรือพ่อสื่อให้ เพื่อนดูก่อนก็ได้ 
บางคนงี้ ไม่กล้าไปเสวนาหรือเดินเข้าไปขายขนมจีบใครก่อนหรอก แต่ถ้าให้ช่วยเหลือเพื่อนเพื่อจีบใครล่ะก็ 
แหมถนัดนักล่ะ งั้นลองสวมบทบาทเป็นแม่สื่อ (หรือพ่อสื่อ) จับคู่เพื่อนที่มีใจให้กัน ให้ได้สักคู่นึงก่อนดิ 
ด้วยการสังเกตสังกาว่า มีเพื่อนคนไหนบ้างที่ "ส่งใจไปหากัน" แต่ทั้งคู่กลับไม่เคยแสดงออกในเรื่องนี้ให้รับรู้กันเลย อ่ะ งั้น...ฟ้าคงส่งให้เป็นหน้าที่ ของคุณซะแล้ว ที่จะช่วยให้พวกเค้าสมหวังกันสักที ทำเงี้ยะได้บุญด้วยนะ ไม่เชื่อลองส่งเสริมรักให้เพื่อนซี้ ดูก่อนก็ได้ แล้วจะรู้สึกดีจริงๆจ้า

 3. ถ้าไม่มั่นใจในตัวเอง เห็นทีต้องฝึกท่องในใจซะแล้วว่า คุณทำได้สบายมาก
ความขี้อายมักเกิดมาจากความไม่มั่นใจในตัวเอง เช่น ไม่มั่นใจว่าถ้าแสดงพฤติกรรมอย่างงั้นอย่างงี้ออกมาแล้ว คนอื่นจะคิดยังไง ? หากเป็นเช่นนี้ คุณควรลดความกลัว ที่ว่าคนอื่นจะคิดกับคุณอย่างไรออกไปบ้าง แล้วมุ่งเน้นความ สนใจไปที่ความรู้สึกของคนที่คุณชอบเค้าก็พอ เพราะถ้าขืนคิดถึงคนอื่นมากไป โอกาสที่คุณจะทำอะไรเพื่อตัวเองก็มีน้อยลงเท่านั้น

ดังนั้น ลองท่องประโยคที่ว่า คุณทำ...(อะไรก็ได้ที่อยากทำและเชื่อว่าทำแล้วคนที่คุณชอบจะชอบด้วย) ก็ทำเลย ไม่ต้องกระมิดกระเมี้ยนเก็บอาการอีกต่อไปแล้ว อย่าลืมสิว่า คุณทำได้! 

 4. อย่าคิดมาก 
ถ้าอยากเอาชนะใจคนที่คุณเหล่ไว้ละก็ อย่าตีโพยตีพายคิดมากและคิดเองเออเองขึ้นมาก่อนเชียวว่า สงสัยคุณคงไม่กล้าไปพูดหรือเข้าไปเจรจากะเค้าแหงเลย เพราะถ้าคิดไปก่อนแบบนี้ ไอ้ที่ไม่กล้า ก็ยิ่งไม่กล้าอยู่นั่น ทางที่ดีอย่าคิดอะไรไปในทางร้าย ๆ ก่อนแค่นี้พอ แล้วเดี๋ยวความกล้าก็มาเอง

 5. หากิจกรรมส่งเสริมความกล้าทำมั่ง 
เช่น กล้าที่จะไปเสนอรายงานหน้าชั้นเรียน, กล้าที่จะคุยกับคนแปลกหน้าที่ไม่ใช่เพื่อน, กล้าที่จะทำกิจกรรมของโรงเรียนหรือที่ทำงาน และอื่น ๆ อีกเยอะแยะที่ช่วยฝึกฝนส่งเสริมให้เกิดความกล้าได้ ดังนั้น จึงอยากชวนให้ลองทำตามตัวอย่างที่ยกมาให้สักอย่าง เชื่อดิ่เดี๋ยวอาการขี้อายของคุณก็จะลดดีกรีลงไปเอง ในขณะที่ความกล้าจะเข้ามาแทนที่ 

เอ้า...เริ่มกล้าส่งตาหวานไปให้คนที่คุณชอบรึยังเอ่ย?

 6. อย่ารุกหนักเกินไป 
จริงอยู่ที่ใครหากมีความมั่นใจในตัวเอง รับรองเป็นสิ่งที่เลอเลิศประเสริฐศรีดีแน่นอน แต่ความมั่นใจในตัวเองควรอยู่ในระดับพอดิบพอดี (ทางสายกลาง) ไม่น้อยไปและไม่มากจนเว่อ เหมือนนักร้องบางคนละกันนะ เพราะเวลาที่คุณอยากไปตีซี้กะ "คนที่หมายปอง" ควรค่อย ๆ เดินหน้าเข้าหานะยะ ไม่ใช่บุ่มบ่ามส่งสายตาหื่นกระหายไปให้เค้า โอ้ยขืนเป็นงี้แล้วใครที่ไหนจะอยากคบด้วยล่ะ เนี่ยะไม่โดนคนที่คุณ ส่งสายตาแทะโลมตบสักเปรี้ยงก็ดีแค่ไหนแล้ว หัดเข้าหาเค้าอย่างสุภาพดีกว่าน่า

 7. อย่ากลัวถูกปฏิเสธ
หากเป็นนักกีฬา คุณก็คงทำใจไว้ก่อนใช่ไหมว่า โอกาสที่คุณจะชนะหรือแพ้มีเท่า ๆ กัน 50-50 ซึ่งก็เหมือนในเกมของความรัก คุณคงไม่เข้าข้างตัวเองว่าคุณจะพิชิตใจ "คนที่หมายปอง" ไปซะทุกคนได้หรอกจริงมะ ฉะนั้น ถ้ากล้าที่จะเผชิญหน้ากับความรักแล้วละก็ จงระลึกเสมอว่า การที่คุณจะฉอเลาะเข้าไปจีบใครสักคน ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่วิเศษแล้ว แม้ผลลัพธ์ที่ตามมา เค้าจะรับรักคุณหรือไม่ อย่าไปหวั่นใจตรงนี้ให้มาก ถือว่าคุณได้ลองจีบเค้าอย่างดี ที่สุดแล้วก็พอ อีกหน่อยอาการมือไม้สั่น, ใจเต้นแรง และพูดตะกุกตะกักก็จะหายไปได้เอง แหละตัว ไม่เชื่อก็ลองดูซี
:: variety.teenee.com ::





สิ่งที่เรามองข้าม


อย่า อยู่ อย่าง อยาก - P2Warship



สิ่งที่เรามองข้าม

 


ทุกวันนี้เรามีตึกสูงขึ้น มีถนนกว้างขึ้นแต่ความอดกลั้นน้อยลง
เรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่ครอบครัวของเรากลับเล็กลง
เรามียาใหม่ ๆ มากขึ้น แต่สุขภาพกลับแย่ลง


เรามีความรักน้อยลง แต่มีความเกลียดมากขึ้น
เราไปถึงโลกพระจันทร์มาแล้ว แต่เรากลับพบว่า
แค่การข้ามถนนไปทักทายเพื่อนบ้านกลับยากเย็น…………


เราพิชิตห้วงอวกาศมาแล้ว แต่แค่ห้วงในหัวใจกลับไม่อาจสัมผัสถึง
เรามีรายได้สูงขึ้น แต่ศีลธรรมกลับตกต่ำลง
เรามีอาหารดี ๆ มากขึ้นแต่สุขภาพแย่ลง
ทุกวันนี้ทุกบ้านมีคนหารายได้ได้ถึง 2 คน แต่การหย่าร้างกลับเพิ่มมากขึ้น


ดังนั้น……จากนี้ไป……ขอให้พวกเรา อย่าเก็บของดี ๆ ไว้โดยอ้างว่าเพื่อโอกาสพิเศษ
เพราะทุกวันที่เรายังมีชีวิตอยู่คือ ……โอกาสที่พิเศษสุด……แล้ว


จงแสวงหา การหยั่งรู้
จงนั่งตรงระเบียงบ้านเพื่อชื่นชมกับการมีชีวิตอยู่ โดยไม่ใส่ใจกับความ…..อยาก…
จงใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูงคนที่รักให้มากขึ้น…….


กินอาหารให้อร่อย ไปเที่ยวในที่ที่อยากจะไป
ชีวิตคือโซ่ห่วงของนาทีแห่งความสุขไม่ใช่เพียงแค่การอยู่ให้รอด
เอาแก้วเจียระไนที่มีอยู่มาใช้เสีย


น้ำหอมดี ๆ ที่ชอบ จงหยิบมาใช้เมื่ออยากจะใช้
เอาคำพูดที่ว่า…….สักวันหนึ่ง……..ออกไปเสียจากพจนานุกรม
บอกคนที่เรารักทุกคนว่าเรารักพวกเขาเหล่านั้นแค่ไหน


อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ที่จะทำอะไรก็ตามที่ทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้น
ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที มีความหมาย
เราไม่รู้เลยว่าเมื่อไรมันจะสิ้นสุดลง


:: variety.teenee.com ::





1
2

Wish You Happinessss

Success is not the key to happiness. Happiness is the key to success. 
If you love what you are doing, you will be successful. 

~ Albert Schweitzer ~

 คัมภีร์ 5 ห่วง  วิถีแห่ง "ซามูไร" วิถีแห่งนักรบ "บูชิโด"   แนวคิดของตัวเม่น   GOOD LUCK สร้างแรงบันดาลใจเพื่อความสำเร็จ ในชีวิตและธุรกิจด้วยตัวคุณเอง    Why complicate life ?   3 x 8 = เท่าไหร่ ?????   "ฉันชื่อ..โอกาส"

Wish You Happinessss