EGYPT Mohamed Hamaki- Kheles El Kalam
Hieroglyphs ตัวอักษรของชาวอียิปต์โบราณ เราคงคุ้นเคยความสามารถอันเหลือเชื่อของชนชาติอียิปต์โบราณที่สามารถสร้างปิรามิดและมหาวิหารต่างๆ ที่สวยงามยิ่งใหญ่โดยใช้แรงงานคนอย่างเดียว ไม่ได้มีเครื่องจักรเข้ามาช่วยเหมือนในปัจจุบัน แม้แต่คนชนชาติอื่นๆ ในสมัยนั้นเองก็ให้สมญาชาวไอยคุปต์ว่า "ผู้สร้างสิ่งมหัศจรรย์" เช่นกัน
ตัวอักษรที่จารึกในตามวิหาร แต่จริงๆ แล้วชาวไอยคุปต์ยังได้ขึ้นชื่อว่ามีความชำนาญทางศิลปหัตถกรรม งานช่าง และการทำหนังสืออีกด้วย โดยเฉพาะหนังสือที่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมของพวกเขา
ถ้าเราเข้าไปศึกษาพิธีกรรมของชาวไอยคุปต์ เราจะรู้ว่าชาวอียิปต์โบราณนั้นให้ความสำคัญกับชีวิตหลังความตายและ “อักษรภาพ” หรือ “ภาษา” ตามความเชื่อของพวกเขาก็มีอำนาจและอิทธิพลเกี่ยวกับพิธีกรรมและการดำรงชีวิตสูง อย่างเช่น เขาเชื่อเรื่องการ “ปลุกเสก” รูปปั้นแกะสลักให้มีชีวิตขึ้นมาเพื่อคอยรับใช้พระเจ้าหรือผู้ล่วงลับไปแล้ว หรือการกล่าว “ชื่อ” ของเทพเจ้าก็เป็นเหมือนกับคำพูดแห่งอำนาจ, คำพูดศักดิ์สิทธ์ที่เขาจะเคารพยำเกรง
ชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่าตัวอักษรของพวกเขาประดิษฐ์ขึ้นโดยเทพเจ้าธอธ (Thoth) ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งภูมิปัญญาและจดความดีชั่วของผู้ตาย และเรียกชื่ออักษรของพวกเขาว่า “mdw nTr” หรือ “คำพูดของเทพเจ้า”
เทพเจ้าธอธ - เทพเจ้าแห่งความรู้ ตัวอักษรในยุคแรกๆ จึงมักจะพบถูกจารึกคู่กับการแกะสลักหรือวาดภาพเทพเจ้าไม่ว่าจะบนกำแพงวิหาร, หลุมฝังศพหรือโลงที่ทำจากหินเพื่อคุ้มครองผู้ตาย นอกจากนี้ยังจารึกที่เป็นคำสาปแช่งผู้ที่ล่วงละเมิดสุสาน
โลงมัมมี่และกล่องบรรจุโถโคปิค ไม้ที่เห็นด้านบนคือไม้สำหรับทำพิธีเปิดปากมัมมี่ "มัสอูดี" ได้เล่าตำนานพื้นเมืองของชาวอาหรับซึ่งแสดงให้เห็นถึงความคิดเกี่ยวกับคำจารึกและรูปปั้นเทพเจ้าในวิหารของชาวอียิปต์โบราณว่า
ครั้งเมื่อกองทัพของฟาโรห์ถูกล่อให้จมน้ำในทะเลแดง อียิปต์ในเวลานั้นไม่มีกษัตริย์ปกครอง ผู้คนจึงหวาดกลัวการรุกรานจากชนชาติอื่นๆ พวกเขาจึงเลือกหญิงคนหนึ่งชื่อว่า "ดาลุกาห์" ให้เป็นราชินี เพราะเธอมีความรอบรู้และมีเวทมนตร์ ดาลุกาห์สั่งให้สร้างกำแพงล้อมรอบอียิปต์ทุกด้านและให้คนเฝ้าตามกำแพงเมือง นอกจากนี้เธอยังสร้างรูปจระเข้และสัตว์ดุร้ายอื่นๆ ตามกำแพงเมืองด้วย ระยะเวลา 30 ปีที่เธอครองราชย์ เธอได้สร้างวิหารและรูปสัตว์เคารพมากมายในอียิปต์ เธอสั่งแกะสลักหุ่นคนที่เป็นประชาชนของประเทศใกล้เคียงและทำพิธีกรรมลึกลับเหนือธรรมชาติโดยสลักชื่อลงหุ่นคนเหล่านั้น ซึ่งเมื่อประเทศข้างเคียงยกทัพมาที่อียิปต์ ดาลุกาห์สั่งให้นำหุ่นคนมาฝั่งทรายและทหารที่ยกทัพมาโจมตีต่างก็มีสภาพเหมือนหุ่นคนเหล่านั้น
นักประวัติศาสตร์มัสอูดี กล่าวว่า เรื่องเล่าเป็นบอกความเชื่อเรื่องการใช้เวทมนตร์ของชาวอียิปต์โบราณ เขาคิดว่าความเชื่อนี้น่าจะได้อิทธิพลมาจากทางตะวันออกและพบความเชื่อเช่นนี้ในชาวฮิบรูและบาบิโลเนี่ยนด้วย และตำนานยังแสดงให้เห็นถึงความเชื่อเรื่องอำนาจของตัวอักษร
ตัวอักษรของชาวอียิปต์โบราณหรือที่เรารู้จักว่าอักษรภาพ (Hieroglyphs) จึงไม่ได้เป็นแค่ตัวอักษรเท่านั้น แต่พวกเขาได้ใส่ความศรัทธาและความเชื่อของพวกเขาลงไปในตัวอักษรด้วย คำว่าไฮโรกลิฟ (Hieroglyphs อ่านว่า ไฮโรกลิฟ, ฮีโรกลิฟ อนุโลมให้อ่านว่าไฮโรกราฟิค,ฮีโรกราฟิคได้ แต่อย่าอ่าน “เฮียโรกราฟฟิค” นะ อายเขา = =”) มาจากภาษากรีก hieros (ศักดิ์สิทธิ์) + glypho (จารึก) คำนี้ใช้เป็นครั้งแรก โดยคลีเมนต์แห่งอเล็กซานเดียร์
ไม่มีการยืนยันที่ชัดเจนว่าการเขียนในอียิปต์โบราณที่เก่าที่สุดเกิดขึ้นเมื่อไร ส่วนอักษรไฮโรกลิฟที่จารึกเป็นตัวสุดท้ายคือประกาศที่กำแพงวิหารในฟิเล (Philae) ในวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 394 การเขียนทั่วไปในชีวิตประจำวันใช้อักษรเฮียราติก หลังจากจักรพรรดิทีโอโดซิอุสที่ 1 (Theodosius I) สั่งปิดวิหารของพวกนอกรีตทั่วจักรวรรดิโรมันในช่วง ค.ศ. 457 ความรู้เกี่ยวกับอักษรภาพนี้ก็ได้สูญหายไป
ศิลาโรเซตตา ไฮโรกลิฟเพิ่งมีการอ่านและแปลความหมายได้อย่างชัดเจนเป็นระบบเมื่อมีการค้นพบหินโรเซตตาในปี ค.ศ.1799 ตัวอักษรที่จารึกบนแผ่นหินมีตัวอักษร 3 แบบ คือ กรีกโบราณ ดีโมติก และไฮโรกลิฟ จึงทำให้การเปรียบเทียบชื่อราชวงศ์ต่าง ๆ โดยใช้ตัวอักษร 3 แบบนี้ และทำให้ผู้เชี่ยวชาญภาษาโบราณ Jean-Francosis Champollion ชาวฝรั่งเศสถอดความอักษรนี้ใน 25 ปีต่อมา
อักษรไฮโรกลิฟมีทิศทางการเขียนเป็นได้หลายแบบ ทั้งแนวนอนซ้ายไปขวาหรือขวาไปซ้าย ,แนวตั้งจากบนลงล่างทั้งซ้ายไปขวาหรือขวาไปซ้าย เราจะรู้ทิศทางการอ่านให้สังเกตจากการหันหน้าของรูปคนหรือสัตว์ ถ้ารูปหันหน้าไปทางขวาให้อ่านจากขวาไปซ้าย ถ้ารูปหันหน้าไปทางซ้ายให้อ่านจากซ้ายไปขวา หรือสรุปว่ารูปจะหันหน้าเข้าสู่จุดเริ่มต้นในการอ่านเสมอ ถ้าเจอหันทั้ง 2 ฝั่งในภาพเดียวกัน [ซึ่งโอกาสเจอน้อยมาก] ให้แยกกันอ่าน [มันไม่มีทางเป็นประโยคเดียวกันแน่นอน] ส่วนที่หันไปทางซ้ายก็ให้จัดรวมกันไว้ และอ่านด้วยกันจากซ้ายไปขวา ส่วนที่หันไปทางขวาก็ให้จัดไว้รวมกัน และอ่านจากขวาไปซ้าย -- (Detectiveoat13)
อักษรไฮโรกลิฟอียิปต์ยุคต้นและยุคกลางใช้สัญลักษณ์ 700 ตัว ในยุคกรีก-โรมัน ใช้สัญลักษณ์มากกว่า 5,600 ตัว สัญลักษณ์แต่ละตัวบอกทั้งการออกเสียงและความหมาย เช่น คำว่า “จระเข้” จะเป็นรูปจระเข้รวมกับสัญลักษณ์แทนเสียง “msH” (อ่านว่า meseh) หรือคำว่า “แมว” จะใช้รูปแมวรวมกับสัญลักษณ์แทนอักษร “miw” (อ่านว่า meeoo) อักษรที่มีลักษณะเช่นเดียวกับอักษรไฮโรกลิฟของอียิปต์จะเรียกอักษรไฮโรกลิฟด้วย เช่น อักษรไฮโรกลิฟของชาวมายา,ชาวฮิทไทน์,ชาวลูเวียน ฯลฯ
ตัวอักษรของชาวมายา คนอียิปต์ในปัจจุบันไม่ได้พูดและใช้ภาษาอียิปต์โบราณอีกแล้วแต่พูดภาษาอาหรับ ภาษาลูกของชาวอียิปต์โบราณที่เหลือคือ ภาษาคอปติกซึ่งเป็นภาษาที่ใช้ในโบสถ์ของศาสนาคริสต์นิกายคอปติกที่เรียก คอปติกเชิร์ช
อยากมีชื่อเป็นภาษาอียิปต์กันบ้างมั้ยคะ หรือใส่ชื่อด้านล่างนี้เลยค่ะ เรียบเรียง : lilypixel อ้างอิง : คุณแอ้ม,คุณ TEP, คุณ Detectiveoat13 http://en.wikipedia.org/wiki/Egyptian_hieroglyphs http://my.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=211222&chapter=47 http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=kunnaree2&topic=61 http://en.wikipedia.org/wiki/Maya_hieroglyphics http://www.historylink101.net/egypt_1/a-writing.htm http://iyakoop.exteen.com/20080926/hieroglyphs
|