1
2

ชีวิตพบเจอทางตัน..ให้เดินถอยหลังแล้วตั้งสติ


MV อีกไม่นานก็เช้า - Miky Del Re


ชีวิตพบเจอทางตัน..ให้เดินถอยหลังแล้วตั้งสติ



หากอุปสรรคคือกำแพงสูงใหญ่
ทุบกำแพงก็เหมือนทำร้ายตัวเองทางอ้อม
เหนื่อยก็เหนื่อย...เจ็บตัวอีกต่างหาก

เชื่อหรือไม่ว่า... เวลาเราเจอปัญหาหรือแก้ไขปัญหาไม่ได้ เรามักขาด "สติ" 
สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือ คำถาม และคำตอบก็คือ "ความว่างเปล่า" 
ผลที่ได้รับจากความว่างเปล่านั้นก็คือ "ความฟุ้งซ่าน"

บ่อยครั้งที่ใครหลายๆ คน ฟุ้งซ่านไปกับการคิดอะไรไม่ออกเมื่อต้องเผชิญปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องเงินๆ ทองๆ หรือเรื่องความรัก แม้ว่าบางคนพยายามจะเป็นนักแก้ปัญหาที่ดี แต่ยิ่งคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก


"เหตุผลเดียวที่ทำให้แก้ปัญหาไม่ได้คือ การใช้อารมณ์และความรู้สึกในการแก้ไขปัญหา"

เวลาคนเราใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง เรามักจะทำอะไรโดยไม่มีเหตุผล เหมือนคนบ้า เหมือนคนปัญญาอ่อน พูดง่ายๆ ก็คือ "งี่เง่า" เลยทำให้คำตอบของทุกๆ คำถามคือความว่างเปล่า ไม่มีทางออกใดๆให้กับปัญหานั้น 




ลองเปรียบเทียบดูว่า ระหว่างคนสองคนที่เจอทางตันเป็นกำแพงสูงใหญ่

คนแรก ทำทุกวิถีทางที่จะ ทุบกำแพง นั้น ในขณะที่ 
อีกคน พยายาม หาวิธีปีนกำแพง เพื่อจะข้ามไปให้ได้ อยากถามว่าวิธีไหนจะได้ผลกว่ากัน

การแก้ปัญหาที่ดีจึงควร มีสติ เป็นตัวช่วยเสมอ เจอปัญหาก็อย่าเพิ่งมุทะลุ อย่าโวยวาย อย่าทำให้ตัวเองเครียดกับปัญหานั้นๆ ทุบกำแพงก็เหมือนทำร้ายตัวเองทางอ้อม เหนื่อยก็เหนื่อย เจ็บตัวอีกต่างหาก




ลองถอยหลังออกมาทีละก้าวๆ เราจะมีเวลาได้สำรวจดูว่า กำแพงนั้นสูงใหญ่แค่ไหน กว้างแค่ไหน ลึกแค่ไหนมีหนทางจะปีนป่ายข้ามมันไปได้อย่างไร ทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ เหมือนคำกล่าวที่ว่า .. "จะกลัวกับความมืดไปทำไม เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว"

บางทีปัญหาก็ต้องอาศัย เวลา มาเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดความคิดที่จะหาหนทางแก้ไข เมื่อเราคิดอย่างถี่ถ้วน เราจะรู้ว่าควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไร ทำอะไรก่อน ทำอะไรหลัง และเราควรจะใช้เวลาแก้ไขปัญหานั้นมากน้อยเพียงใด เร็วไปอาจจะไม่เกิดประโยชน์ ช้าไปก็อาจจะทำให้ปัญหานั้นบานปลาย และแก้ไขไม่ได้

เชื่อมั่นเถอะว่า .. มีสติ เมื่อไหร่ เราก็จะพบทางออกเมื่อนั้น บางทีทางที่มันตันก็จะช่วยสอนให้เรารู้ว่า ถ้าไม่ประมาทกับการใช้ชีวิต เราก็จะไม่ประมาทกับการแก้ไขปัญหา และเมื่อใดที่เรารู้จักแก้ไขปัญหาด้วยความรอบคอบ เราจะรู้จักคุณค่าที่มีอยู่ในตัวเอง

อ่านเจอข้อความดีๆ จากหนังสือฝันให้ไกลแล้วไปให้ถึง เขียนโดยอาจารย์สมชาติ กิจยรรยง เขากล่าวไว้ว่า

ปัญหาทำให้เราเข้มแข็ง
เวลาทำให้เราเชี่ยวชาญ
สถานการณ์ทำให้เรารู้จักแก้ไข
การตัดสินใจ ทำให้เรารู้ว่าถูกหรือผิด
ความคิดทำให้เราเลิศทางปัญญา

หากวันนี้พบเจอทางตัน ถอยหลังก้าวออกมาอย่าง มีสติ แล้วเราจะค้นพบอะไรบางอย่าง อะไรที่ว่านั้น...มันอยู่ในความคิดที่นิ่งสงบของเราแล้วนั่นเอง

อ่านเรื่องราวข้างต้นแล้ว คงเห็นว่า "กุญแจ" สำคัญ ที่จะช่วยทำให้เราสามารถก้าวพ้น "ปัญหา" จนออกไปสู่พบกับแสงสว่างได้ก็คือ "สติ" 

ขอเพียงตั้ง "สติ" ให้มั่น พิจารณาหนทางต่างๆ ด้วย "เหตุผล" จะเกิดเป็น "ภูมิคุ้มกัน" นำทางให้ตัวเองออกจากเขาวงกตของ "ปัญหา" ได้อย่างแน่นอน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
หนังสือ นับหนึ่งใหม่ ถ้าใจติดลบ
โดย: ประดิษฐ์ศักดิ์ บุญสิทธิ์
:: oknation.net ::





Believe เชื่อแบบไหน ก็เป็นไปตามนั้น







Believe เชื่อแบบไหน ก็เป็นไปตามนั้น 

แม่นกอินทรีตัวหนึ่ง บังเอิญทำไข่ใบหนึ่งของมันตกลงไปในฟาร์มไก่
ไม่นานลูกนกอินทรีน้อยก็ฟักเป็นตัวพร้อมๆ กับลูกเจี๊ยบทั้งฝูง 



แม่ไก่เลี้ยงดูมันเหมือนกับลูกๆของมันเอง
เจ้านกอินทรีน้อยคิดว่าตัวเองคือลูกไก่...



มันจึงทำทุกๆ อย่างเหมือนกับที่บรรดาลูกเจี๊ยบทำ 
มันเดินคุ้ยเขี่ยหาอาหารบนพื้นดินกิน 
มันไม่เคยบินไกลๆ เพราะพี่น้องไก่ที่ฟักมาพร้อมกัน ก็ทำได้แค่กระพือปีกบินใกล้ๆ



วันหนึ่ง เจ้าลูกนกอินทรีเห็นอินทรีหนุ่มบินร่อนในท้องฟ้าอย่างสง่างาม มันจึงหันไปคุยกับเพื่อนลูกเจี๊ยบว่า "ดูหมอนั่นสิ บินได้เจ๋งเป็นบ้าเลย" 


ลูกเจี๊ยบตอบกลับมาว่า "ก็นั่นมันอินทรี พวกเราเป็นแค่ลูกเจี๊ยบ เราบินให้สง่าแบบนั้นไม่ได้หรอก ไปหาหนอนกินกันต่อดีกว่า"


เจ้าอินทรีน้อยพอได้ยินลูกเจี๊ยบบอกแบบนั้นก็เชื่อตาม และไม่ได้คิดอะไรอีก มันจึงมีชีวิตอยู่ และตายไปในแบบลูกไก่ตัวหนึ่ง


ไม่เคยกางปีกโบยบิน ไม่เคยถลาร่อนกลางผืนฟ้าที่กว้างใหญ่ ทั้งที่มันเกิดมาเพื่อเป็นผู้ชนะ...เป็นยอดนักล่า แต่ไม่เคยตระหนักถึงศักยภาพของตัวมันเอง




เรื่องแบบเดียวกันนี้ เกิดขึ้นกับคนส่วนใหญ่ 
คนมากมายมีชีวิตอยู่ และจากไป 
โดยไม่ได้ทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำ...




เพียงเพราะไม่เชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง 
ทั้งที่ตัวเองเป็นพญาอินทรี 
ไม่ใช่ลูกเจี๊ยบเลยสักนิด...
Fwd.

  
  



หัวใจ Y อ่านว่าหัวใจวาย ฉบับวินทร์ เรียววาวินทร์


Owner Of My Heart-Sasha


หัวใจ Y อ่านว่าหัวใจวาย 
 ฉบับวินทร์ เรียววาวินทร์



‘โรคหัวใจ’ ทำให้ประเทศชาติสูญเสียทรัพยากรน้ำ (ตา) ในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก 


‘โรคหัวใจ’ เป็นบ่อเกิดของความแตกแยก หย่าร้าง ไปจนถึงการทำร้ายร่างกาย การรักษาโรคตามอาการไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ทางดีที่สุดคือการป้องกันหัวใจไม่ให้เป็นโรค


ขณะที่ โรคหัวใจวาย อาจเป็นสาเหตุของความตายอันดับต้นๆ อาการ 




‘หัวใจ Y’ กลับทำให้สดชื่นแจ่มใส


หัวใจ Y (Y = Young) คือหัวใจที่เป็นหนุ่มสาวเสมอ ไม่รู้เหนื่อย ไม่รู้แก่


ต่อไปนี้คือเทคนิครักษาสภาพหัวใจของคนที่รักกัน เคยรักกัน และ/หรืออยากรักกันมากขึ้น (สามารถเลือกใช้ได้มากกว่าหนึ่งวิธี) :




1 เทคนิคใช้ความอุ่น (Heart Warming)
เป็นเทคนิคโบราณ เป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านที่ยังไม่ล้าสมัย เทคนิคนี้เน้นการให้ความอบอุ่นกับคนรักอย่างเสมอต้นเสมอปลาย เช่น ก่อนแต่งงานเคยมอบกุหลาบแดงแก่คนรัก หลังแต่งงานแล้วห้าปีสิบปี ก็ยังมอบให้ตลอดเรื่อยๆ (ไม่มีข้ออ้างราคาดอกไม้สูงขึ้นกี่เปอร์เซนต์) ก่อนแต่งงานไปรับส่งแฟน หลังแต่งงานก็ยังไปรับส่ง (ไม่มีข้ออ้างเรื่องไม่ว่าง) 
เทคนิคนี้เป็นหลักสำคัญของการถือไม้เท้ายอดทอง ถือกระบองยอดเพชร




2 เทคนิคเปลี่ยนหัวใจ (Heart Transplant)
การเปลี่ยนหัวใจนี้ทำได้ง่ายมาก นั่นคือเอาใจเขามาใส่ใจเรา ไม่ทำในสิ่งที่เรารู้ว่าอีกฝ่ายไม่ชอบ ถ้าทั้งสองฝ่ายรู้จักคิดถึงหัวอกกันและกันสม่ำเสมอ จะไม่มีความบาดหมางใดๆ มากวนใจ
อนึ่ง อัตราการป้องกันโรคหัวใจด้วยเทคนิคนี้สูงถึง 99.25 เปอร์เซนต์




3 เทคนิคการทำบายพาส (Bypass Surgery)
ในกรณีที่ท่านประสบอุปสรรคในชีวิตคู่ ให้ปล่อยเรื่องไม่ดีผ่าน (Bypass) ออกไปเสีย อย่านำเรื่องไม่ดีเข้าบ้าน ไม่เอาเรื่องไม่ดีของคนรักไปโพนทะนา เทคนิคนี้รวมถึงการไม่นินทาชาวบ้าน
อัตราการป้องกันโรคหัวใจด้วยเทคนิคนี้สูงถึง 98.5 เปอร์เซนต์




4 เทคนิคการทำบอลลูน (Heart Balloon)
ชีวิตเราต้องเจอเรื่องไม่ดีแทบทุกวัน เทคนิคนี้สอนให้เรารู้จักปล่อยวาง สิ่งร้ายๆ ที่เกิดขึ้นแล้วก็แก้ปัญหาเสีย เรียนรู้จากประสบการณ์ แต่ไม่เก็บไว้ในใจข้ามปีข้ามชาติ รู้จัก ลอยตัวให้เบาสบายเหมือนลูกบอลลูน




5 เพิ่มระดับความหวาน (Heart Glucose)
แปลกแต่จริง ความหวานไม่มีผลเสียต่อหัวใจเหมือนต่ออวัยวะส่วนอื่นๆ
จงเติมความหวานเข้าไปในหัวใจให้สูงเข้าไว้ เอ่ยคำว่า ‘รัก’ ต่อคนรักบ่อยเท่าที่ต้องการ (อย่างน้อยวันละครั้งก่อนหรือหลังอาหาร หรือก่อนนอน)
เชื่อเถิด กระทรวงสาธารณสุขทั่วโลกรับรองมาแล้วว่าเทคนิคนี้ไม่มีอันตรายอย่างแน่นอน


 


6 นวดหัวใจด้วยการสัมผัส (Touching)
การสบตากัน การแตะมือเบาๆ การกอดกัน ช่วยทำให้ หัวใจมีคุณภาพดีมาก 
จากการทดสอบคู่สมรส 14,216 คู่ จากเจ็ดทวีป พบว่าการสัมผัสเบาๆ แต่อบอุ่นทำให้หัวใจวาบหวามดื่มด่ำ ช่วยให้ร่างกายเพิ่มสารเอนโดรฟิน สบายกายสบายใจขึ้นมาก




7 ลดระดับคาร์บอนไดออกไซด์แก่หัวใจ
ไม่ใช้คำหยาบ ไม่กระฟัดกระเฟียด ไม่แดกดัน ไม่ตีวัวกระทบคราด ไม่พูดเรื่องไม่เป็นมงคล มองโลกในแง่ดี จะทำให้หัวใจเต้นเป็นจังหวะดี




8 เพิ่มออกซิเจนเข้าหัวใจ
หัวใจต้องการสารอาหารที่สะอาดและมีประโยชน์ ออกซิเจนก็คือลมปากหวานหู รู้จักง้อบ้าง เทคนิคนี้ช่วยป้องกันลิ้นหัวใจรั่ว




9 การช็อคหัวใจ (Shock Technique)
บางครั้งช็อคหัวใจของอีกฝ่าย ที่เรียกว่า ‘เซอร์ไพรส์’ เช่น พาไปกินอาหารนอกบ้านในที่แปลกๆ พาไปฟังดนตรี ตลอดจนทำกิจกรรมที่ไม่จำเจร่วมกัน




10 การกระตุ้นหัวใจด้วยเสียง (Sound Therapy)
โทรศัพท์หาคนรักบ้าง (แม้ไม่ถี่เท่าก่อนแต่งงาน) เพิ่มการใช้เสียงกระซิบ ลดการเสียงกระชาก
นักวิทยาศาสตร์พิสูจน์แจ้งแล้วว่า การลดระดับเสียงลงเพียงไม่กี่เดซิเบลต่อวัน ช่วยทำให้ชีวิตคู่ดีขึ้นมาก




11 เทคนิคแยกหัวใจ (Absence Technique)
แยกทางกันบ้าง การไม่เจอหน้ากันตามสมควรทำให้คิดถึงกันมากขึ้น (ที่ฝรั่งว่า Absence makes the hearts grow fonder.) เทคนิคนี้พิสูจน์แล้วว่าทำให้หัวใจโหยหากันและกันอย่างเห็นได้ชัด




12 เทคนิควางใจ (Trust)
ลดความระแวง ไม่ต้องตามเช็กว่าไปไหน ไม่ต้องแอบตรวจเสื้ออีกฝ่ายว่ามีซากลิปสติกไหม ไม่ต้องจ้างนักสืบ ฯลฯ วิธีนี้ป้องกันโรคหัวใจรั่วชะงัด




13 เทคนิคบ่มหัวใจ (Aging Process)
ไม่เฉพาะแต่ไวน์ที่บ่มยิ่งนานยิ่งดี หัวใจก็เช่นกัน คนรักกันไม่ควรชิงสุกก่อนห่าม ไม่ควรผลีผลาม เพราะความรู้สึกที่เราเชื่อว่าเป็นรักอาจเป็นเพียงความหลงใหลชั่วคราว
นักวิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่า เทคนิคนี้ช่วยเพิ่มสารเคมีที่เรียกว่า Romantica Substance ในหัวใจสูงถึง 81.25 เปอร์เซนต์ (สูตรเคมีคือ R2L2 R = Romantic L = Love)




14 เพิ่มไขมันที่ดี (HDL) ให้หัวใจ
ไขมันชนิดดี (HDL) จะสร้างความอบอุ่น ป้องกันเรื่องไม่ดีที่มากระทบ ไม่ให้ทำอันตรายต่อหัวใจได้
HDL (= High Density Love) มาจากการออกกำลังกาย ทำให้หัวใจแข็งแรง พร้อมรับมือเรื่องแย่ๆ ได้ทุกเมื่อ




15 ลดคอเลสเตอรอลที่หัวใจ
คอเลสเตอรอลที่เกาะหัวใจเกิดมาจากการเสพสิ่งไม่ดีมากเกินไป ทำให้เส้นเลือดหัวใจอุดตัน การใช้จ่ายเกินกำลัง การหลงระเริงไปกับบริโภคนิยม ฯลฯ
การเสพอย่างพอเพียงเท่ากับช่วยเก็บหอมรอมริบ ช่วยกันประหยัด เพื่ออนาคตของตนเองและครอบครัว




เทคนิคต่างๆ เหล่านี้ต้องทำต่อเนื่อง วันละเล็กวันละน้อย กว่าจะบรรลุขั้น 'หัวใจ Y' อาจจะยาก แต่เพื่อคนที่เรารัก มันคุ้มที่จะเริ่มต้นทำมิใช่หรือ?
Fwd.






1
2

Wish You Happinessss

Success is not the key to happiness. Happiness is the key to success. 
If you love what you are doing, you will be successful. 

~ Albert Schweitzer ~

 คัมภีร์ 5 ห่วง  วิถีแห่ง "ซามูไร" วิถีแห่งนักรบ "บูชิโด"   แนวคิดของตัวเม่น   GOOD LUCK สร้างแรงบันดาลใจเพื่อความสำเร็จ ในชีวิตและธุรกิจด้วยตัวคุณเอง    Why complicate life ?   3 x 8 = เท่าไหร่ ?????   "ฉันชื่อ..โอกาส"

Wish You Happinessss