1
2

ชีวิต ความหวัง กำลังใจ….



ใจนำทาง : ปาน ธนพร [Official MV]



ชีวิต ความหวัง กำลังใจ….
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว…. มีนักพูดที่มีชื่อเสียงอยู่ท่านหนึ่งได้เปิดการสัมมนาโดยมีผู้เข้าฟังการสัมมนา ประมาณ 200 คน ในการสัมมนานั้น



นักพูดได้ชู แบงค์ 100 ดอลล่าร์ ขึ้น แล้วพูดออกมาว่า มีใครอยากได้แบงค์ใบนี้บ้าง ปรากฎว่ามีคนยกมือขึ้นจำนวนมาก




นักพูดได้ ขยำเงินจนยับยู่ยี่ จากนั้นก็ชูเงินขึ้นอีกครั้ง แล้วพูดออกมาว่า มีใครอยากได้แบงค์ใบนี้บ้าง ปรากฎว่ามีคนยกมือขึ้นอีกจำนวนมาก

จากนั้นนักพูดได้ ทิ้งแบงค์พันใบนั้นลงที่พื้นแล้วย่ำมันด้วยรองเท้าจนแบงค์ยับและสกปรก นักพูดหยิบแบงค์พันขึ้นมาแล้วชูเงินขึ้นอีกครั้ง แล้วพูดออกมาว่า ตอนนี้แบงค์ทั้งยับและสกปรก มีใครอยากได้แบงค์ใบนี้อีกบ้าง ปรากฎว่า ก็ยังมีคนยกมือขึ้นอีกจำนวนมาก

เหตุการณ์นี้เราได้บทเรียนดีๆ บทหนึ่ง ไม่ว่านักพูดจะทำอะไรกับเงิน คนก็ยังคงต้องการมันอยู่ดี เพราะว่าคุณค่าของมันไม่ได้ลดลงเลย มันยังคงเป็นแบงค์พันที่ใช้ซื้อของได้อยู่นั้นเอง



เรื่องนี้ก็เหมือนกับชีวิตคนเรานั่นแหละ บางครั้งก็ถูกทอดทิ้ง ถูกเหยียบย่ำ และถูกทำให้สกปรก ซึ่งอาจเป็นผลจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวๆ ที่กระทบกับชีวิตเรา หรือการที่เราตัดสินใจทำสิ่งต่างๆ ซึ่งอาจผิดพลั้ง ทำให้ต้องสูญเสีย ท้อแท้ และหมดกำลังใจ ทำให้รู้สึกว่า ชีวิตไร้ค่า ไม่มีความหมาย ความจริงแล้วนั้นชีวิตทุกชีวิตล้วนมีคุณค่าทั้งนั้น เหมือนกับแบงค์ใบนั้นนั่นแหละ แม้จะสกปรก จะยับยู่ยี่ มันก็ยังคงมีค่าในตัวมันเอง

เพียงแต่แบงค์บางใบอาจเลอะเทอะ สกปรก ตกอยู่บนถนน คนเดินผ่านมาไม่ทันสังเกตุ ก็เดินผ่านไป ไม่ได้เก็บ นั่นไม่ได้หมายความว่า แบงค์ที่เลอะเทอะไม่มีค่า เชื่อสิสักวันต้องมีคนเดินมาเห็นแบงค์แล้วเก็บไปในที่สุด เพราะแบงค์มีค่าในตัวเสมอ




เราเชื่อว่าการมีชีวิตอยู่ คือการมีทรัพย์ที่ประเสริฐที่สุด "ชีวิต" เป็นทรัพย์ที่มีค่าเหนือทุกสิ่งในโลก เพราะการมีชีวิตอยู่นั้น หมายถึงการได้มีโอกาสที่จะรับรู้ โอกาสที่จะสัมผัสและกระทำการต่างๆ น่าแปลก ที่คนเรามักไม่ได้คำนึงถึงว่า การได้มีโอกาสมีชีวิตเป็นสิ่งมีค่าขนาดไหน กว่าจะเข้าใจก็ตอนใกล้จะสูญเสียมันไปแล้ว เราได้ใช้โอกาสของเราคุ้มค่ากับที่ได้ครอบครองมันหรือยัง คนเราเข้าใจถึงคุณค่าของการมีชีวิตแตกต่างกันไป ทำให้ใช้ชีวิตให้เกิดความคุ้มค่าไม่เท่ากัน

ถ้าเปรียบชีวิตเหมือนแบงค์พัน 1 ใบ เราน่าใช้แบงค์พันของเราซื้อของที่จำเป็นมากกว่าจะใช้แทนกระดาษเป็นเชื้อจุดเตาฟืนมิใช่หรือ เราเชื่อว่า การได้คิด ได้ฝัน ได้ลอง ได้กระทำเพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายนั้น ทำให้การมีชีวิตมีความคุ้มค่า และการได้ใช้ชีวิตทำเพื่อผู้อื่นและคนที่ตนรักเป็นการทำให้ชีวิตมีคุณค่า



ทุกชีวิตล้วนมีปฏิสัมพันกับทุนอยู่ 3 ชนิด กล่าวคือ ทุนชีวิต ทุนความรู้ ทุนทรัพย์

ทุนชีวิต คือการได้มีชีวิต มีร่างกายและมีลมหายใจ เป็นทุนที่สำคัญที่สุดในบรรดาทุนทั้งสาม เพราะหากปราศจากทุนชีวิตแล้ว ทุนทรัพย์ และทุนความรู้ย่อมไม่เกิดขึ้น

ทุนความรู้ คือประสบการณ์ที่ได้สะสมมานับจากเกิด ทำให้เราสามารถคิดและแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิผล

ทุนทรัพย์ เป็นสิ่งที่ผู้คนมักมุ่งหวังและปรารถนา บางคนอาจเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะดี อันนี้เกิดจากผลบุญแต่ปางก่อนที่ได้สะสมมา บางคนเกิดในครอบครัวยากจนไม่มีหรือมีทุนทรัพย์น้อย ก็ไม่ควรไปน้อยอกน้อยใจในวาสนา เพราะว่าทุนทรัพย์นั้นสามารถเพิ่มพูนได้ เพียงแต่ต้องรู้ถึงคุณค่าของการมีชีวิต(ทุนชีวิต) ได้ใช้ทุนชีวิตอย่างคุ้มค่า รู้สะสมทุนความรู้ ฉลาดใช้ทุนชีวิตและทุนความรู้เพิ่มพูนทุนทรัพย์ ด้วยทุนชีวิตและทุนความรู้เป็นบ่อเกิดแห่งทุนทรัพย์นั่นเอง

หากใครทำการใดพลาดพลั้ง ผิดพลาด พึงใคร่ครวญถึงเหตุและผลของความผิดพลาดนั้น ทั้งนี้การที่ได้รู้ได้เข้าใจ ถึงมูลเหตุของความผิดพลาดตลอดจนแนวทางแก้ปัญหานั้น จะนำไปสู่การเพิ่มพูนทุนความรู้ในที่สุด ทั้งนี้ทุนความรู้ดังกล่าวจะทำให้เรามีความระมัดระวัง และรอบคอบมากขึ้น ในวันหน้าหากเกิดปัญหาในลักษณะเดิมอีก เราก็จะแก้ปัญหาได้ดีขึ้น

การทำการค้าขาดทุนตลอดจนการสูญเสียทรัพย์สินเงินทองไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตจนไม่มีทางแก้ไข เพราะหากเรายังมีชีวิต รู้สะสมทุนความรู้ที่มากขึ้นจากความผิดพลาด ย่อมสามารถเพิ่มพูนทุนทรัพย์ขึ้นได้ใหม่



จงอย่านำความผิดหวังของเมื่อวาน มาบดบังความฝันในวันพรุ่งนี้
สิ่งที่เสียไป แม้บางทีทำให้เราสิ้นหวัง หมดกำลังใจ รู้สึกว่าชีวิตไม่มีค่า ท้อแท้ ท้อถอย ขอให้มีสติมองเห็นความเป็นจริงที่ว่า ทุกสิ่งที่ได้เสียไปมันก็ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต เรามิได้เกิดมาเพียงเพื่อสิ่งที่เสียไปเหล่านั้นเท่านั้น การมีชีวิตของเรามีค่ามากกว่าสิ่งที่ได้เสียไปเหล่านั้นมากมายนัก

ในเมื่อปัจจุบันเป็นผลของอดีตเป็นเหตุของอนาคต
กล่าวคือ อนาคตสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับตัวเราในปัจจุบัน เราจึงพึงมีสติ รู้จักให้ความสำคัญกับการทำปัจจุบันของเราให้มาก

เพราะว่าอดีตเปลี่ยนแปลงมิได้ แต่อนาคตเปลี่ยนแปลงได้
ขอเพียงยังมีลมหายใจ(ทุนชีวิต) ไม่ทิ้งความฝัน ความหวังและความปรารถนาที่จะลุกขึ้นยืนหยัดเพื่อที่จะอยู่อย่างมีคุณค่า มีชีวิตอยู่อย่างคุ้มค่า ด้วยความเพียรพยายามอุตสาหะ ความศรัทธาในตัวเอง ศรัทธาในสิ่งที่ทำ มีความเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่ท้อถอยต่ออุปสรรค มีสติ

ให้ใจเป็นนาย ให้กายเป็นบ่าว เป็น ผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ คือชนะตัวเอง ชนะอารมณ์ตัวเอง
ใช้ปัญญาบนพื้นฐานของทุนความรู้ที่มี ดำเนินการด้วยความไม่ประมาท ในวันหนึ่งข้างหน้าจะต้องบรรลุเป้าหมาย ได้พบคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ มีความสุขใจและความอิ่มเอิบใจที่วันนี้เราได้ใช้โอกาสของการมีชีวิตพิสูจน์ว่า เราได้เกิดมาอย่างมีความหมาย ได้ก่อคุณค่าคุ้มค่ากับการได้เกิด เป็นที่ประจักษ์และยอมรับทั้งแก่ใจของเราเองและบุคคลอื่น


ในวันนั้น เราจะมีความภาคภูมิใจ และเป็นสุขอย่างยิ่งที่ได้เป็นผู้สร้างคุณค่าต่างๆ ให้บังเกิด แม้ในวันหนึ่งชีวิตของเราต้องดับลง ความดีงาม ที่เราได้กระทำเมื่อครั้งมีโอกาสย่อมปรากฏแก่ผู้คนรุ่นหลัง เป็นที่จดจำและกล่าวถึง เมื่อแรกเกิดเราอาจร้องไห้คนเดียวแต่เมื่อเราจากไปผู้คนมากมายจะร้องไห้ให้เรา
Fwd.


What is your value?

A well known speaker started off his seminar by holding up a $20 bill. In the room of 200, he asked. “Who would like this $20 bill?”

Hands started going up. He said, “I am going to give this $20 to one of you – but first, let me do this.”

He proceeded to crumple the 20 dollar note up. He then asked. “Who still wants it?” Still the hands were up in the air.

“Well,” he replied, “what if I do this?” He dropped it on the ground and started to grind it into the floor with his shoe. He picked it up, now crumpled and dirty. “Now, who still wants it?”  

Still the hands went into the air.

“My friends, you have all learned a very valuable lesson. No matter what I did to the money, you still wanted it because it did not decrease in value. It was still worth $20.

Many times in our lives, we are dropped, crumpled, and ground into the dirt by the decisions we make and the circumstances that come our way. We feel as though we are worthless; but no matter what happened or what will happen, you will never lose your value.

Dirty or clean, crumpled or finely creased, you are still priceless to those who love you. The worth of our lives comes, not in what we do or who we know, but by …WHO WE ARE.

You are special – don’t ever forget it

[Story credit : Author Unknown.]





รักมีค่า ... ตอนไหน







รักมีค่า ... ตอนไหน
รักนั้นมีค่า ...
ตอนที่คุณได้สัมผัส หรือเจอะเจอมันแล้ว

รักนั้นมีค่า ...
ตอนที่คุณมีความสุขที่สุด หรืออาจจะทุกข์ใจสุด ๆ

รักนั้นมีค่า ...
ตอนที่คุณรู้ว่า จะเก็บมันรักษาได้อย่างไร

รักนั้นมีค่า ...
ตอนที่คุณรู้ว่า จะเก็บมันได้นานแค่ไหน

รักนั้นมีค่า ...
ตอนที่ได้รู้ว่า มันสำคัญกับคุณมากแค่ไหน

รักนั้นมีค่า ...
ตอนที่คุณรู้ว่า คนที่คุณรักเขา และเขาก็รักคุณ

รักนั้นมีค่า ...
ตอนที่คุณรู้ว่า ความใส่ใจคืออะไร

รักนั้นมีค่า ...
ตอนที่คุณรู้ว่า คุณต้องปรับปรุงตัวเพื่อใคร

รักนั้นมีค่า ...
ตอนที่คุณรู้ว่า มีใครคนหนึ่งยอมปรับปรุงตัวเค้าหาคุณ

รักนั้นมีค่า ...
เมื่อคุณคิดที่จะรักษาและเก็บมันไว้ ได้นานเท่านานที่คุณมี

ถ้าคุณไม่รู้สึกดังที่กล่าวมา แสดงว่า ...
รักของคุณไม่มีค่าที่จะมอบให้ใคร
หรือไม่มีใคร ... มอบความรักที่มีค่าให้คุณ





ถ้าคุณรักใครสักคน... ปล่อยเธอไป...









ถ้าคุณรักใครสักคน... ปล่อยเธอไป...

อารมณ์ดีกับหลากมุมมองของความรัก


‏คนมองโลกในแง่ดี :
ถ้าคุณรักใครสักคน ปล่อยเธอไป
ไม่ต้องกลุ้มใจ เธอจะกลับมาหาคุณ

คนขี้สงสัย :
ถ้าคุณรักใครสักคน ปล่อยเธอไป
ถ้าเธอกลับมา ถามเธอว่า...ทำไม

นักรักษาสิทธิสัตว์ :
ถ้าคุณรักใครสักคน ปล่อยเธอไป
เพราะความจริงที่ว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดสมควรได้รับความเป็นอิสระ

นักกฎหมาย :
ถ้าคุณรักใครสักคน ปล่อยเธอไป
จากวรรคที่ 1a ของย่อหน้าที่ 1 3a-1 ในบทบัญติว่าด้วยการแต่งงานเล่มที่ 2 ความเป็นอิสระ กล่าวไว้ว่า...

บรรณารักษ์ :
ถ้าคุณรักใครสักคน ปล่อยเธอไป
ให้ความเอื้อเฟื้อ และดูแลเขาด้วยความเต็มใจ และอบอุ่นใจ และรักษาความรักของคุณไว้ให้นานเท่านาน


คนทั่วไป :
ถ้าคุณรักใครสักคน ปล่อยเธอไป
ถ้าเธอกลับมาหาคุณเธอเป็นของคุณ ถ้าเธอไม่กลับมาเธอก็จะไม่เป็นของคุณ

นักชีววิทยา :
ถ้าคุณรักใครสักคน ปล่อยเธอไป
เธอจะมีวิวัฒนาการ

นักเคมี :
ถ้าคุณรักใครสักคน ปล่อยเธอไป
สสารย่อมสูญหาย...เป็นไปตามกฏทรงมวล

นักฟิสิกส์ :
ถ้าคุณรักใครสักคน ปล่อยเธอไป
ยังงัย..ยังไง...เธอก็เคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วน้อนกว่าแสง

นักสถิติ :
ถ้าคุณรักใครสักคน ปล่อยเธอไป
ถ้าเธอรักคุณ ความน่าจะเป็นที่เธอจะกลับมาจะมีค่าสูง แต่ถ้าเธอไม่รักคุณ ความสัมพันธ์ของคุณไม่มีความเป็นไปได้


แฟนๆ ภาพยนต์ของ อาโนล ชวาสเนคเกอร์ :
ถ้าคุณรักใครสักคน ปล่อยเธอไป
"SHE'LL BE BACK !!!!!"

คนขี้หวง :
ถ้าคุณรักใครสักคน
อย่า! ปล่อยเธอไป....

Programmer ภาษา C++ :
ถ้าคุณรักใครสักคน ปล่อยเธอไป
if (you_love ( m_she )) m_she.free(); if ( m_she== NLL ) m_she= new Cshe;

Bill Gate :
ถ้าคุณรักใครสักคน ปล่อยเธอไป
ถ้าเธอกลับมา ผมคิดว่าเราสามารถคิดราคาค่าติดตั้ง (Re-Installation)ใหม่่ และบอกเธอว่าเธอกำลังจะ...

คนไม่มีความอดทน :
ถ้าคุณรักใครสักคน ปล่อยเธอไป
ไม่ว่าเธอจะกลับมาหรือไม่ อย่าเสียเวลารอเธอเลย

คนมีความอดทน :
ถ้าคุณรักใครสักคน ปล่อยเธอไป
ถึงแม้เธอจะไม่กลับมา รอ รอ รอ จนกระทั่งเธอกลับมา


คนขี้เล่น :
ถ้าคุณรักใครสักคน ปล่อยเธอไป
ถ้าเธอกลับมา และถ้าคุณยังรักเธอ ปล่อยเธอไปอีกครั้ง ทำอย่างนี้ซ้ำๆ เรื่อยไป..

สัตวแพทย์ในทุ่งซาฟารี :
ถ้าคุณรักใครสักคน ปล่อยเธอไป
แต่อย่าลืมติตชิปติดตามตัวไว้ที่หูเธอก่อนด้วยนะ จะได้ตามไปง้อเธอได้

นักวิทยาศาสตร์องค์การนาซ่า :
ถ้าคุณรักใครสักคน ปล่อยเธอไป
อย่าลืมคำนวณเชื้อเพลิงให้น้อยกว่าที่ต้องใช้จริงๆ เธอจะได้ตกลงมาหา คุณอีก

นักถ่ายภาพ :
ถ้าคุณรักใครสักคน ปล่อยเธอไป
แต่อย่าลืมถ่ายภาพนู้ดเธอไว้ก่อนล่ะเวลาคุณเอาไปพิมพ์ขาย เธอจะได้โทร...มาหาคุณอีก..


นักโบราณคดี :
ถ้าคุณรักใครสักคน ปล่อยเธอไป
แล้วเธอก็จะกลับมาเป็นซากให้คุณขุดศึกษา

นักบัญชี :
ถ้าคุณรักใครสักคน ปล่อยเธอไป
ถ้าเธอกลับมา debit เธอไว้เป็นสินทรัพย์ ถ้าเธอไม่กลับมา credit เธอเป็นค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ

เภสัชกร :
ถ้าคุณรักใครสักคน ปล่อยเธอไป
เธอก็จะกลับมาพร้อมกับอาการถอนยาจากการขาดคุณไปชั่วขณะ และจะต้องให้ความรักมากกว่า เดิมเป็น 2 เท่า เพื่อรักษาอาการให้ได้ผลในการรักษา จากนั้นก็ค่อยๆ ลดขนาดให้เป็น steadystate (ระดับคงที่)


กระเป๋ารถเมล์ :
ถ้าคุณรักใครสักคน ปล่อยเธอไป
ถ้าเธอกลับมาบอก...ชิดในหน่อยเพ่...ชิดในหน่อย

มุมมองคุณครู :
ถ้าคุณรักใครสักคน ปล่อยเธอไป
ถ้าเธอกลับมา.. บอกเธอว่า..ต่อไปอย่าดื้ออีก เป็นเด็กดีนะจ๊ะ..

นักสังคมศาสตร์ :
ถ้าคุณรักใครสักคน ปล่อยเธอไป
แล้วเธอจะกลับมา เพราะมนุษย์เป็นสัยว์สังคม

นักสำรวจ :
ถ้าคุณรักใครสักคน ปล่อยเธอไป
สักวันเธอจะกลับมา เพราะโลกเรามันกลม

หมอดู :
ถ้าคุณรักใครสักคน ปล่อยเธอไป
เพราะดวงชะตาคุณไม่สมพงศ์กัน

เจ้ากรรมนายเวร :
ถ้าคุณรักใครสักคน ปล่อยเธอไป
เธออาจต้องไปใช้กรรมกับคนอื่นต่อ

ความรักของเซลส์แมน :
ถ้าคุณรักใครสักคน ปล่อยเธอไป
มีโปรโมชั่นเมื่อไหร่เธอจะกลับมาเอง


นักเลง :
ถ้าคุณรักใครสักคน ปล่อยเธอไป
ใจนักเลงจึงปวดร้าวเจียนตาย ปล่อยเธอไปตามใจเธอต้องการ

แล้วคุณหละ..
ถ้าคุณรักใครสักคน... ปล่อยเธอไป...











มาร์เก็ตติ้ง ฮาเฮ




มาร์เก็ตติ้ง ฮาเฮ 
เรียนรู้การตลาดแบบฮาเฮ เข้าใจง่ายๆ กันค่ะ
ให้คำภาษาไทย โดย คุณ วรวรรณ ธาราภูมิ

ให้ตายสิ สุดยอดนักการตลาดระดับโลกอย่าง Philip Kotler, David Ogilvy, Michael Porter, Theodore Levitt หรือ John Kenneth Galbraith ก็ยังอธิบายคอนเซปท์ของวิชาการตลาดได้ไม่ดีเท่านี้



1. เขาพบสาวสวยในงานปาร์ตี้ เขาเดินเข้าไปหาเธอแล้วบอกว่า “ผมรวยมากนะ แต่งงานกับผมเถิด” 

นั่นคือ Direct Marketing (การตลาดทางตรง)

2. เขากำลังอยู่ในงานปาร์ตี้ท่ามกลางเพื่อนๆ หลายคน และเขาพบสาวสวยคนหนึ่ง 1 ในเพื่อนของเขาเดินไปหาเธอ ชี้นิ้วมาที่เขา แล้วบอกเธอว่า “เพื่อนผมคนนี้รวยมากนะ แต่งงานกับเขาเหอะ”

นั่นคือ Advertising (การโฆษณา)

3. เขาพบสาวสวยในงานปาร์ตี้ เลยขอเบอร์โทรศัพท์เธอไว้ แล้วโทรไปหาในวันรุ่งขึ้น “สวัสดีครับ แต่งงานกับผมเถิด ผมรวยมากนะครับ” 

นั่นคือ Telemarketing (การขายสินค้าและบริการทางโทรศัพท์)

4. เขาเห็นสาวสวยในงานปาร์ตี้ เลยยืนขึ้นจับเนคไทให้เข้าที่ เดินเข้าไปหา รินเครื่องดื่มให้เธอ เสนอตัวพาเธอกลับบ้าน และเมื่อพาไปที่รถคุณก็เปิดประตูให้เธอเข้าไปนั่ง หยิบกระเป๋าถือของเธอที่หล่นบนพื้นคืนให้ แล้วบอกว่า “เอ่อ ... ผมรวยนะครับ แต่งงานกับผมได้ไหมครับ”

นั่นคือ PR (Public Relations) การประชาสัมพันธ์)

5. เขาอยู่ในงานปาร์ตี้ และพบสาวสวยคนหนึ่ง เธอเดินเข้ามาหาแล้วบอกว่า “ฉันจำคุณได้ คุณรวยมาก แต่งงานกับฉันไหมคะ” 

นั่นคือ Brand Recognition (การรู้จักแบบมีสิ่งกระตุ้น)

6. เขาเห็นสาวสวยในงานปาร์ตี้ เขาเดินเข้าไปหาเธอแล้วบอกว่า “ผมรวยมาก แต่งงานกับผมซะ” พอพูดจบเธอก็ตบหน้าเขาเต็มเหนี่ยว

นั่นคือ Customer Feedback (การตอบรับจากลูกค้า)

7. เขาเห็นสาวสวยในงานปาร์ตี้ เขาเดินเข้าไปหาเธอแล้วบอกว่า “ผมรวยมาก แต่งงานกับผมซะ” เธอเลยแนะนำให้เขารู้จักกับสามี 

นั่นคือ demand and supply gap (ช่องว่างระหว่างอุปสงค์กับอุปทาน)

8. เขาเห็นสาวสวยในงานปาร์ตี้ เขาเดินเข้าไปหาเธอ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็มีชายอื่นโฉบเข้ามาแล้วพูดก่อนว่า
“ผมรวยมาก แต่งงานกับผมไหมครับ” เธอยิ้ม แล้วเธอก็จากไปกับชายคนนั้น

นั่นคือ competition eating into your market share (โดนคู่แข่งกินส่วนแบ่งทางการตลาดไปแล้ว หรือ ม.ค.ป.ด.)

9. เขาเห็นสาวสวยในงานปาร์ตี้ เขาเดินเข้าไปหาเธอ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร เมียดันมาถึงพอดี


นั้นคือ restriction for entering new markets (ข้อจำกัดในการเปิดตลาดใหม่)






Marketing Tips



Subject: Professor at IIMs explaining marketing concepts to Students?
1. You see a gorgeous girl at a party. You go up to her and say: "I am very rich.”Marry me!" 
- That's Direct Marketing"

2. You're at a party with a bunch of friends and see a gorgeous girl. One of your friends goes up to her and pointing at you says: "He's very rich.”Marry him." 

-That's Advertising"

3. You see a gorgeous girl at a party. You go up to her and get her telephone number. The next day, you call and say: "Hi, I'm very rich. Marry me” 

- That's Telemarketing"

4. You're at a party and see gorgeous girl. You get up and straighten your tie, you walk up to her and pour her a drink, you open the door (of the car) for her, pick up her bag after she drops it, offer her ride and then say: "By the way, I'm rich. Will you "Marry Me?" 

- That's Public Relations

5. You're at a party and see gorgeous girl. She walks up to you and says: "You are very rich! Can you marry me?" 
- That's Brand Recognition

6. You see a gorgeous girl at a party. You go up to her and say: "I am very rich. Marry me!" She gives you a nice hard slap on your face. 
- "That's Customer Feedback"

7. You see a gorgeous girl at a party. You go up to her and say: "I am very rich. Marry me!" And she introduces you to her husband. 
- "That's demand and supply gap"

8. You see a gorgeous girl at a party. You go up to her and before you say anything, another person comes and tells her: "I'm rich. Will you marry me?" and she goes with him

- "That's competition eating into your market share"

9. You see a gorgeous girl at a party. You go up to her and before you say: "I'm rich, Marry me!" your wife arrives. 
- "That's restriction for entering new markets"



นิทานประกอบการเรียนบริหารรัฐกิจและธุรกิจ [ขำๆ]


TAKE ME TO YOUR HEART



นิทานประกอบการเรียนบริหารรัฐกิจและธุรกิจ [ขำๆ]


 ๑. จางเซียเหลียง (เป็นจอมพลในรัฐบาลเจียงไคเช็ก ตนเองเปิดเผยว่ามีผู้หญิง ๑๑ คนมาติดพันในชีวิต ) มีชู้คนหนึ่งแซ่จ้าว สมสู่กันตั้งแต่นางอายุ ๑๖ ปี ถ้าคบกัน ๑ ปี ถือว่าเป็นชู้ คบกัน ๓ ปี ถือว่าเป็นกิ๊ก แต่นี่อยู่ด้วยกัน ๖๐ ปี (จางเซียเหลียงอายุยืนตั้ง ๑๐๑ ปี) จึงกลายเป็นความรักอมตะ 

นิทานเรื่องนี้ให้แนวคิดว่า 
เรื่องหลายเรื่องไม่ได้ดูที่ทำหรือไม่ทำ แต่ดูที่ทำนานแค่ไหน


 ๒. ต้นยุคสาธารณรัฐจีน มีโสเภณีเด่น (โสเภณีจีนตั้งแต่โบราณ ที่ทั้งสวยทั้งมีความรู้มีมากมาย) คนหนึ่งนามว่าหงส์น้อย หากเธอพัวพันกับชาวนาหรือกรรมกร คงถูกกวาดล้างไม่ไว้หน้า แต่เธอเป็นชู้กับนายพลไฉ้เอ๋อ ก็เลยมีชื่อจารึกในประวัติศาสตร์ หากเธอคบกับประธานาธิบดี ก็อาจกลายเป็นเฟิร์สต เลดี้ 

นิทานเรื่องนี้ให้แนวคิดว่า 
การที่คุณทำอะไรไม่สำคัญหรอก สำคัญอยู่ที่ว่าคุณทำกับใคร


 ๓. เกิดไฟใหม้ที่โรงอาบน้ำหญิง กลุ่มหญิงเปลือยล่อนจ้อนวิ่งหนีเอาตัวรอดออกมาบนท้องถนน ตาแก่คนหนึ่งตะโกนฮาป่า บรรดาหญิงเปลือยนึกขึ้นได้จึงพยายามใช้มือปกปิด แต่จุดล่อแหลมมีอยู่หลายจุด จึงต่างจ้าละหวั่นทำอะไรไม่ถูก ตาแก่ตะโกนบอก “ปิดใบหน้าก็พอ ข้างล่างมันเหมือนกันหมด” 

นิทานเรื่องนี้ให้แนวคิดว่า  
ในภาวะฉุกเฉินไม่อาจทำอะไรให้รอบคอบทุกด้าน จับจุดสำคัญก็พอ


 ๔. สาวใหญ่แจ้งความกับตำรวจ 
“ดิฉันเสียบกระเป๋าเงินไว้ในยกทรง 
เบียดเสียดในรถไฟใต้ดินจนถูกหนุ่มหล่อล้วงกระเป๋าไป” 
ตำรวจขมวดคิ้ว 
“ล้วงในจุดล่อแหลมขนาดนี้ คุณไม่รู้สึกตัวรึ?” 
สาวใหญ่ตอบเหนียมอาย 
“ก็ไม่นึกว่าเขาตั้งใจจะล้วงกระเป๋าสิ” 

นิทานเรื่องนี้ให้แนวคิดว่า 
การทำให้ลูกค้าตกอยู่ในภาวะเคลิบเคลิ้มพอใจที่จะถูกรีดเงิน เป็นชั้นเชิงสูงสุดทางธุรกิจ


 ๕. บริษัทติดข้อความเหนือโถปัสสาวะ 
ก้าวเข้าไปอีกนิด ใกล้ชิดอารยธรรม” แต่บนพื้นก็ไม่วายมีฉี่เรี่ยราดเฉอะแฉะ 
บริษัทศึกษาบทเรียนอย่างจริงจัง แล้วปรับแผนใหม่ดังนี้ 
“ฉี่ไม่ตรงเป้าโถแสดงว่าของคุณอ่อน ฉี่เล็ดก่อนถึงโถแสดงว่าของคุณสั้น” 
ผลปรากฏว่าพื้นสะอาดกว่าเดิมเยอะทีเดียว 

นิทานเรื่องนี้ให้แนวคิดว่า  
การให้คำแนะนำแก่ลูกค้า ต้องเป็นรูปธรรม และแทงถูกใจดำ


 ๖.วันหนึ่ง เลขานุการสาวตีหน้าขึงขังกับผู้จัดการ “ผู้จัดการ ดิฉันตั้งท้องอะ” 
ผู้จัดการได้ยินดังนั้นยังคงก้มหน้าอ่านเอกสาร 
แล้วตีหน้าตายพูดว่า “ผมทำหมันตั้งนานแล้ว” เลขานุการสาวตะลึงอยู่ชั่วขณะ 
แล้วยิ้มให้ผู้จัดการ “ดิฉันพูดเล่นจ้า” 
ผู้จัดการเงยหน้ามองเธอ “ผมก็หมือนกัน” พร้อมกับจีบน้ำชา 

นิทานเรื่องนี้ให้แนวคิดว่า  
คนที่อยู่ในสังเวียนต้องไม่ตระหนกตกใจง่ายเมื่อเผชิญวาวะวิกฤต แม้มีปืนเล็งมาก็ตั้งตัวรับได้


 ๗.มี ๓ ชายหนุ่มไปขอลูกสาว ว่าที่พ่อตาให้แต่ละคนแนะนำตัว 
ก.บอกว่า “ผมมีเงิน ๑๐ ล้าน” 
ข.บอกว่า “ผมมีคฤหาสน์หรูมูลค่า ๒๐ ล้าน” ว่าที่พ่อตาฟังแล้วรู้สึกพอใจ 
แล้วถาม ค. ว่ามีอะไร “ผมไม่มีอะไรเลย” ค.ตอบ
“มีแต่ลูกคนเดียวยังอยู่ในท้องลูกสาวคุณ” ก. กับ ข. ได้ยินแล้วรีบลาจาก 

นิทานเรื่องนี้ให้แนวคิดว่า  
อำนาจแข่งขันไม่อยู่ที่กำลังทรัพย์ แต่อยู่ที่การจัดวางคนของเราในตำแหน่งที่สำคัญ


 ๘. เถ้าแก่เบื่อเมียลับเต็มทน เมียลับเริ่มแก่ตัวจึงขอค่าเลี้ยงดูก้อนใหญ่ เถ้าแก่คิดจะฆ่าปิดปาก แต่ CFO เสนออุบายให้เถ้าแก่ออกทุนแสนหยวนส่งเมียลับไปเรียน EMBA โดยอ้างเหตุผลเพื่อยกระดับวุฒิการศึกษา ในห้องเรียน EMBA ล้วนเป็นนักศึกษาระดับเถ้าแก่ ต่างหลงเสน่ห์นักศึกษาสาวเมียลับคนนี้ ไม่ช้าไม่นานเมียลับก็ไม่ขออยู่กับเถ้าแก่เก่าแล้ว แถมยังให้เงินล้านแก่เถ้าแก่เก่าเป็นค่าปิดปาก 

นิทานเรื่องนี้ให้แนวคิดว่า  
การจัดการทรัพย์สินด้อยคุณภาพของธุรกิจ วิธีที่ดีที่สุดคือย้อมแมวตกแต่งแล้วแปลงทรัพย์สินให้เป็นทุน ไม่ใช่ถือเป็นซากทิ้งไปหรือรอให้ย่อยสลายเอง 





1
2

Wish You Happinessss

Success is not the key to happiness. Happiness is the key to success. 
If you love what you are doing, you will be successful. 

~ Albert Schweitzer ~

 คัมภีร์ 5 ห่วง  วิถีแห่ง "ซามูไร" วิถีแห่งนักรบ "บูชิโด"   แนวคิดของตัวเม่น   GOOD LUCK สร้างแรงบันดาลใจเพื่อความสำเร็จ ในชีวิตและธุรกิจด้วยตัวคุณเอง    Why complicate life ?   3 x 8 = เท่าไหร่ ?????   "ฉันชื่อ..โอกาส"

Wish You Happinessss