หลายคนที่ไม่มีประสบการณ์หรือไม่ได้เรียนรู้ด้านการทำธุรกิจมาโดยตรง มักใช้สัญชาติญาณในการตัดสินใจเริ่มต้นธุรกิจอะไรสักอย่าง บางคนก็ประสบความสำเร็จ บางคนก็ไม่เป็นอย่างที่หวัง แล้วอะไรคือเงื่อนไขแห่งความสำเร็จ อะไรคือเงื่อนไขของความล้มเหลว
ในความเป็นจริงแล้ว มีปัจจัยหลายอย่างที่เป็นกุญแจของความสำเร็จ หากแต่เราไม่สามารถเปรียบเทียบออกมาเป็นบัญญัติไตรยางศ์ได้ เพราะเงื่อนไขแต่ละข้อ ขึ้นอยู่กับกาลเทศะ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ถูกที่ถูกเวลาหรือไม่ แต่องค์ประกอบเหล่านั้นก็ใช่ว่าจะไม่สำคัญ ในความเป็นจริงแล้ว เราสามารถนำมาเป็นแนวทางเบื้องต้นในการพิจารณา ก่อนที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจอะไรสักอย่าง
ผมคงไม่กล่าวถึงปัจจัยที่จะช่วยในการพิจารณาการเริ่มต้นธุรกิจ เนื่องจากมีตำราด้านการตลาดอยู่เยอะแยะมากมาย ที่หาซื้อได้ไม่ยากนัก แต่อยากจะกล่าวถึงธุรกิจบางอย่าง ที่อยู่นอกเหนือตำราที่ถ้าบอกไปแล้ว ท่านผู้อ่านหลายคนอาจจะไม่เชื่อ หรือคิดไม่ถึงว่ามันจะสามารถเป็นธุรกิจได้ เพื่อเป็นแนวทางเบื้องต้น สำหรับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ทางธุรกิจมากนัก และอาจจะนำไปปรับใช้กับความถนัดหรือสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ โดยไม่จำเป็นต้องอิงกับกระแสของธุรกิจที่กำลังเป็นที่นิยม (และแน่นอน...ยิ่งเป็นที่นิยม การแข่งขันก็ยิ่งสูง) พื้นที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่ของคนที่เชี่ยวชาญทางธุรกิจ และมีเงินทุนที่สูงเท่านั้น
จากการที่ผมทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านการดำเนินธุรกิจให้กับลูกค้ามากมาย ทำให้มีโอกาสได้พบเห็นปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่น่าสนใจพอสมควร โดยเรื่องที่ผมจะนำมาเล่าให้ฟังในครั้งนี้ เกี่ยวกับกลุ่มคนที่มีความสนใจเฉพาะเรื่องแบบเข้มข้นและยึดเป็นงานอดิเรก ศึกษาหาข้อมูลเรื่องที่สนใจอย่าจริง ๆ จัง ๆ หรือหากเรียกแบบสุดขั้วก็คือ “หมกมุ่น” นั่นเอง และเป็นการหมกมุ่นที่ถ้าเป็นสมัยในอดีตสักสิบปีย้อนหลังไป คนรอบข้างคงมองว่าเป็นสิ่งไร้สาระอย่างแน่นอน
หากแต่ทุกวันนี้ ความหมกมุ่นของคนกลุ่มหนึ่ง ได้กลายเป็นอาชีพ กลายเป็นธุรกิจ กลายเป็นความพิเศษที่มีมูลค่าสูงขึ้นอย่างมากมาย ทั้งในแง่ของการซื้อขาย หรือในด้านข้อมูล
“แฟนพันธุ์แท้” เป็นรายการโทรทัศน์ที่ทำให้ความหมกมุ่นของคนกลุ่มหนึ่ง มีความน่าสนใจขึ้นในสายตาคนทั่วไป จนกลายเป็นกระแสว่า ใครสักคนที่มีความสนใจสิ่งหนึ่งสิ่งใดอย่างจริงจัง จนถึงขั้นรู้ลึกรู้จริง จะเป็นคนที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้น ๆ โดยไม่จำเป็นต้องมีใบปริญญามาคอยกำกับ ทำให้มุมมองจากสังคมเกี่ยวกับคนกลุ่มนี้เริ่มเปลี่ยนไป
แต่ไม่เพียงเท่านั้น การได้รับการยอมรับจากสังคมไม่ใช่สิ่งสุดท้ายที่คนพันธุ์หมกมุ่นได้รับ
สิ่งที่ตามมาคือการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้เกิดขึ้น บางคนถนัดในการสะสมของเล่นที่เป็นของแถมจากสินค้าอุปโภคบริโภค สะสมกันเป็นล่ำเป็นสัน เริ่มจากความชอบเก็บมาเรื่อย ๆ จนมีปริมาณมากมายก่ายกอง ซึ่งก็เก็บรักษาไว้อย่างดี จนวันหนึ่งเมื่อมีการตามหาของเล่นของสะสมเก่าเก็บ จากคนที่สนใจ การซื้อขายแลกเปลี่ยนก็เกิดขึ้น ซึ่งราคาในการซื้อขายก็ขึ้นอยู่กับความเก่า สภาพ จำนวน รวมไปถึงความพิเศษในมุมอื่น ๆ
บางคนก็สามารถเป็นเจ้าของหนังสือที่ให้ความรู้เกี่ยวกับสิ่งสะสมที่ตัวเองคลุกคลีมาทั้งชีวิต ซึ่งถือได้ว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจอีกช่องทางหนึ่ง
หากถามถึงการยอมรับจากผู้บริโภค อันนี้คงต้องมองไปที่ความเป็นกลุ่มเฉพาะ ที่ในสังคมของเขาจะเหมือนกับชุมชนที่ผู้คนมีความสนใจในเรื่องเดียวกัน ซึ่งก็จะเกิดการแลกเปลี่ยนในสิ่งที่ตนเองสนใจ ไม่ว่าจะแลกกันด้วยสิ่งของหรือกระทั่งการใช้เงินตราซื้อหามา แต่มีข้อสังเกตอยู่อย่างหนึ่ง ที่หากท่านผู้อ่านสนใจการแปรเปลี่ยนงานอดิเรกให้เป็นธุรกิจ สิ่งเหล่านั้นต้องมีเครือข่ายที่ใหญ่พอสมควร กล่าวคือ มีผู้คนจากทั่วโลกให้ความสนใจเก็บสนใจสะสม เช่น ของที่ระลึกจากโค้ก เป๊บซี่ แม็คโดแนลด์ เสื้อสโมสรฟุตบอล เป็นต้น ซึ่งปัจจุบัน คนที่มีของสะสมจากโค้กมากที่สุดในโลกอยู่ที่เมืองไทยเรานี่เอง
ที่กล่าวมานั้นเป็นเพียงบางส่วนของการเปลี่ยนงานอดิเรกให้เป็นธุรกิจ ซึ่งยังมีวิธีการอีกมากมายในการเริ่มเป็นเจ้าของธุรกิจ หากแต่เราต้องรู้ข้อแตกต่างระหว่างการเริ่มต้นเพราะเห็นโอกาส (ซึ่งอย่าไปคิดเอาเองว่าเราเห็นคนเดียว เมื่อเราเห็นได้ คนอื่นเขาก็เห็นได้เช่นกัน) กับการเริ่มต้นโดยมีที่มาจากสิ่งที่ตัวเองรักที่ตัวเองชอบ เมื่อรู้แล้วผมหวังว่าการเริ่มต้นธุรกิจของท่านผู้อ่าน จะเป็นการเริ่มต้นที่มีความสุขและมั่นคงนะครับ
ที่มา : นิตยสาร SME Thailand คอลัมน์ Business Concept Design
เรื่อง : มกร เชาวน์วาณิชย์
smethailandclub.com