1
2

ขบวนการ…กำจัดกลิ่น








เคล็ดลับขจัดกลิ่น

ประสาทสัมผัสทำให้เรารู้กลิ่นได้ เมื่อจมูกของเราได้กลิ่นอะไรจึงมักเชื่อมโยงกับที่มาของกลิ่น โดยทั่วไปเราต้องการสิ่งที่มีกลิ่นสะอาด ยิ่งทุกสิ่งยิ่งดี วิธีง่ายๆ ที่จะกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่ติดอยู่กับเฟอร์นิเจอร์และข้าวของในบ้านด้วยอุปกรณ์ง่าย ๆ ที่หาได้จากทุกครัวเรือน
กลิ่นอาหารไหม้ ต้มน้ำกับมะนาวฝานเป็นชิ้นเล็ก ๆ ในกระทะเพื่อให้กลิ่นหอม ๆ ของมันมาดับกลิ่นไหม้ที่อบอวลอยู่ในบ้านให้หมดไป
กลิ่นน้ำมันทอดอาหาร วางถ้วยเล็ก ๆ ใส่น้ำส้มสายชูวางไว้ข้าง ๆ เตาขณะทอดอาหาร ทำให้เรารู้สึกว่าอากาศ ณ ที่นั้นไม่มีกลิ่นน้ำมัน
กลิ่นในฟองน้ำหรือผ้าเช็ดจาน หากฟองน้ำหรือผ้าเช็ดจานที่เราใช้อยู่ประจำมีกลิ่นให้นำไปแช่ในอ่างที่มีน้ำเปล่าผสมน้ำส้มสายชูอย่างละครึ่ง ทิ้งไว้ข้ามคืน หลังจากนั้นนำฟองน้ำหรือผ้าไปซักให้สะอาดแล้วผึ่งจนแห้งก่อนนำกลับมาใช้
กลิ่นเหม็นจากถังขยะ หากคนขยะมาเก็บช้าก่อให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์จากถังขยะขึ้นมา เราสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการฝานมะนาวทิ้งลงในถังแค่นี้กลิ่นขยะก็จะบรรเทาลงได้
กลิ่นตู้เย็น ลองเอาถ่านหุงข้าววางไว้บนชั้นในตู้เย็น ถ่านจะช่วยดูดซับกลิ่นออกไป วิธีนี้เหมาะอย่างยิ่งกับตู้เย็นที่ต้องดึงปลั๊กออกเป็นเวลานาน ๆ เพื่อให้ได้ผลเต็มที่ควรแย้มประตูตู้เย็นไว้ด้วยให้อากาศถ่ายเท สำหรับกลิ่นที่รุนแรงมาก ไม่มีสารใดที่จะดีไปกว่าผงกาแฟสดที่แห้งดี เพียงเทผงกาแฟลงในถ้วยแล้ววางทิ้งไว้ในตู้เย็นจนกว่ากลิ่นที่ไม่ต้องการจะหมดไป เพื่อให้ได้ผลดีที่สุดให้ใช้คู่กับก้อนถ่าน
กลิ่นในไมโครเวฟ เครื่องอุ่นอาหารสุดวิเศษของเรา หากเครื่องเริ่มมีกลิ่นไม่ดี ให้หั่นมะนาวเป็นชิ้นบางๆ ใส่ลงในน้ำเดือดและตั้งทิ้งไว้ใน ไมโครเวฟ ปิดฝา รอจนไอน้ำระเหย ออกมา แล้วค่อยใช้ผ้าสะอาดเช็ด แค่นี้กลิ่นก็จะดีขึ้น
กลิ่นในตู้เสื้อผ้า หลายครั้งที่เราพบว่าในตู้เสื้อผ้ามีกลิ่นราหรือกลิ่นเก่า ๆ ที่อับรุนแรง วิธีขจัดกลิ่นเหล่านี้ทำได้โดยการวางแผ่นขนมปังขาวลงในชามเทน้ำส้มสายชูลงไปแล้วนำไปวางไว้ในตู้เสื้อผ้า ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง หากยังมีกลิ่นอยู่ ควรทำซ้ำอีกครั้ง นอกจากกลิ่นราอับ ๆ แล้ววิธียังช่วยเรากำจัดกลิ่นน้ำมันวานิชหรือ แชลแล็กได้อีกด้วย เราอาจเลือกใช้การบูรมาใส่ในถุงผ้าเล็ก ๆ และใส่ไว้ในตู้เสื้อผ้า หรือจะนำสบู่แกะห่อออกมาใส่ไว้ในตู้เสื้อผ้าก็ได้ เสื้อผ้าก็จะไม่มีกลิ่นอับ และยังช่วยไล่แมลงได้ด้วย
กลิ่นกระเป๋าใบใหม่ หลายคนมักมองข้าม เพราะไม่รู้จะดมไปทำไม แต่ถ้าไม่อยากให้กระเป๋า มีกลิ่นเหม็นอับของหนังให้เอาผ้าเช็ดหน้าห่อใบชาที่ยังไม่ได้ชง ซุกไว้ในกระเป๋า ทิ้งไว้สัก 2-3 วัน กลิ่นหนัง หรือ กลิ่นอับก็จะหายไป
กลิ่นรองเท้า ปัญหาใหญ่ของใครหลายคนเพราะรองเท้าถูกใช้งานทั้งวัน เก็บหมักหมมเหงื่อไคล ความอับชื้นง่ายมาก วิธีก็คือ โรยเบคกิ้งโซดาในรองเท้า แล้วนำรองเท้าคู่นั้นใส่ถุงพลาสติกรัดให้แน่น นำไปแช่ช่องแช่แข็งของตู้เย็นไว้ 1 หรือ 2 คืน นำรองเท้าออกมาทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง แล้วเอาไปสลัดผงเบคกิ้งโซดาออกให้หมดแล้วสวมได้เลย แต่หากเรายังไม่สวมทันทีให้ปล่อยผงเบคกิ้งโซดาไว้อย่างนั้นก่อนจนกว่าจะนำมาสวม หรือใช้กระดาษหนังสือพิมพ์อัดเป็นก้อนมาใส่ด้านในรองเท้า หมึกของกระดาษหนังสือพิมพ์จะช่วยดูดกลิ่น และยังทำให้รองเท้าอยู่ทรงด้วย ทุกครั้งที่กลับบ้านให้ใส่กระดาษหนังสือพิมพ์ทุกครั้ง และเปลี่ยนแผ่นใหม่ทุกอาทิตย์
กลิ่นในรถ หากมีกลิ่นบุหรี่ในรถ ให้โรยเบคกิ้งโซดาลงที่ก้นที่เขี่ยบุหรี่ในรถเพราะเบคกิ้งโซดาจะช่วยดับกลิ่น แต่ต้องไม่ลืมนำมันออกมาทำความสะอาดด้วยการเทเถ้าทิ้งแล้วโรยผงเบคกิ้งโซดาไว้ที่ถาดเสมอ ๆ

ด้วย เคล็ดลับง่าย ๆ นี้ ปัญหาเรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์จะไม่ใช่เรื่องกวนใจของเราอีกต่อไป

ขบวนการ…กำจัดกลิ่น

วันนี้คุณนายสะอาดมีวิธีง่ายๆ ที่จะกำจัดกลิ่น ไม่พึงประสงค์ออกไป จาก เฟอร์นิเจอร์ และ ข้าวของในบ้าน ด้วยอุปกรณ์ ง่ายๆ ที่หาได้จากทุกครัวเรือนน่ะค่ะ
ตู้เย็น หากเกิดกลิ่นแปลกปลอมเข้ามา ทำให้คุณคิดอยากจะทำความสะอาดครั้งใหญ่ เพื่อกำจัดกลิ่นเหล่านั้นออกไป แต่ก็มีอีกวิธีที่คุณสามารถป้องกันได้ ก็คือ ก่อนจะนำอาหารที่มีกลิ่นเข้าตู้เย็นควรจะเก็บใส่กล่องต่างหาก หรือห่อด้วยพลาสติก และ หาภาชนะเล็กๆ ใส่แบกกิ้งโซดาวางไว้ในตู้เย็นเพื่อดูดกลิ่นค่ะ
ไมโครเวฟ เครื่องอุ่นอาหาร สุดวิเศษ ของผู้เขียน หากเครื่องนี้เริ่ม มีกลิ่นไม่ดี เราก็หั่นมะนาวเป็นชิ้นบางๆ ใส่ลงในน้ำเดือดและตั้งทิ้งไว้ใน ไมโครเวฟ ปิดฝา รอจนไอน้ำระเหย ออกมา แล้วค่อยใช้ผ้าสะอาดเช็ด แค่นี้กลิ่นก็จะดีขึ้น
รองเท้า ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของใครหลายคนอยู่ เพราะรองเท้าถูกใช้งานทั้งวัน เก็บหมักหมมเหงื่อไคล ความอับชื้น ง่ายมาก วิธีก็คือ ให้นำกระดาษ หนังสือพิมพ์ อัดเป็นก้อน มาใส่ด้านในรองเท้า หมึกของกระดาษหนังสือพิมพ์จะช่วยดูดกลิ่น และยังทำให้รองเท้าอยู่ทรงด้วย ทุกครั้งที่กลับบ้าน ให้ใส่กระดาษหนังสือพิมพ์ ทุกครั้ง และเปลี่ยนแผ่นใหม่ทุกอาทิตย์ รองเท้าของคุณ ก็ปราศจากกลิ่น
ตู้เสื้อผ้า ก็ให้นำ การบูรมาใส่ในถุงผ้าเล็กๆ และใส่ไว้ในตู้เสื้อผ้า หรือจะนำ สบู่แกะห่อออกมาใส่ไว้ในตู้เสื้อผ้าก็ได้ เสื้อผ้าก็จะไม่มีกลิ่นอับ และยังช่วย ไล่แมลงได้ด้วย
กระเป๋าใหม่ หลายคนมักมองข้าม เพราะไม่รู้จะดมไปทำไม แต่ถ้าไม่อยากให้กระเป๋า มีกลิ่นเหม็นอับของ หนัง ให้เอาผ้าเช็ดหน้าห่อ ใบชาที่ยังไม่ได้ชง ซุกไว้ในกระเป๋า ทิ้งไว้สัก 2-3 วัน กลิ่นหนัง หรือ กลิ่นอับก็จะหายไปค่ะ
กลิ่นอับของหนังสือ อันนี้ สำหรับเพื่อนๆ ที่ชอบซื้อหนังสือเก่ามา หรือ เก็บ หนังสือไว้นาน จนมีกลิ่น ซึ่งกลิ่นอับของ หนังสือ ออกจะเฉพาะตัว เพราะนอกจากความอับแล้ว ยังเพิ่มความชื้นไปด้วย ยิ่งถ้าทิ้งนานเกินไป หนังสือ มีหวังขึ้นราแน่ๆ วิธีกำจัดกลิ่นให้เอาหนังสือที่มีกลิ่นทั้งหมด มาใส่รวมกันในถุงกระดาษ ใส่ฟาง หรือ หญ้าแห้ง ปิดปากถุง ให้สนิท ทิ้งไว้นาน 1 สัปดาห์ ค่อยเปิดออก กลิ่นอับก็จะหมดไป
กลิ่นเหม็นจากถังขยะ แหล่งรวมเชื้อโรคนานาชนิด หากคนเก็บขยะ มาช้า กลิ่นไม่พึ่งประสงค์ก็ออกอะลาวาดแล้ว วิธีง่ายๆ ที่ช่วยแก้ปัญหา เฉพาะหน้า คือ ฝาน มะนาว ทิ้งลงไปในขยะ แค่นี่ กลิ่นก็จะบรรเทาลง วิธีนี้ เฉพาะหน้าจริงๆ
กลิ่นกระเทียม สำหรับ พ่อครัวแม่ครัว ทั้งหลาย ที่เข้าครัวทำอาหารแล้ว แต่กลิ่นกระเทียม ยังติดมืออยู่ นอกจากการล้างมือด้วย สบู่บ่อยๆ จะช่วยขจัดกลิ่นได้ แต่รู้ไหมค่ะ ว่า การล้างมือ บ่อยไป จะทำให้ความชุ่มชื้น ในมือ หมดไปด้วย ทำให้มือ แห้งกร้าน โดยใช่เหตุ วิธีกำจัดกลิ่น จากของใช้ในครัวเหมือนกัน คือ ถ้ากลิ่น กระเทียมที่ติดมือ ไม่แรงมาก ให้ใช้ มะเขือเทศสุก ถูมือ แต่ถ้ากลิ่นแรงมาก ให้ใช้กาแฟชนิดเกล็ด ถูมือ กลิ่นกระเทียมก็จะหายไปเองค่ะ

กำจัดสารพัดกลิ่นด้วยวิธีธรรมชาติ
บ้านไหนที่มีกลิ่นอับชื้นหรือมีกลิ่นเหม็น สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรกคือ
รักษาความสะอาดในห้องไม่ให้มีการหมักหมมของขยะ
หมั่นเปิดประตูหน้าต่างเพื่อให้อากาศถ่ายเทสะดวกขึ้น
ส่วนในห้องอื่นๆมีข้อแนะนำในการกำจัดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ดังต่อไปนี้
กลิ่นบุหรี่ในห้อง
เปิดหน้าต่างให้โล่ง ใช้สำลีชุบแอมโมเนียหรือน้ำส้มสายชูวางทิ้งไว้ตามจุดต่างๆภายในห้อง
หรือจะใช้วิธีจุดเทียนไขทิ้งไว้ในห้องเพื่อดับกลิ่นก็ช่วยได้เช่นกัน
แต่เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพควรที่จะเลิกดีกว่า
กลิ่นในห้องน้ำ
จุดเทียนไขไว้ในจานเชิง จากนั้นให้ดับสนิท ยกไปวางไว้ในห้องน้ำ ปิดประตูทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที ก่อนจะเปิดประตูเพื่อระบายอากาศ กลิ่นไม่พึงประสงค์ก็จะหมดไป
กลิ่นสีทาบ้าน
ผ่าครึ่งหอมหัวใหญ่ตามยาว แล้วนำไปวางตามจุดต่างๆในบ้าน หอมหัวใหญ่ซึ่งมีคุณสมบัติที่ดีในการดูดซับกลิ่นฉุนของสีทาบ้านให้เบาบางลง
กลิ่นอาหารในครัว
ห้องครัวที่ทำอาหารเป็นประจำมักจะมีกลิ่นฉุน เราสามารถจะลดกลิ่นเหล่านั้นได้
โดยใช้ผงกาแฟโปรยลงบนเตา พอให้เกิดควัน จากนั้นปิดครัวไว้ราว 5 นาที แล้วจึงเปิดประตูตามปกติ
กลิ่นจะจางลง ในกรณีที่ไม่มีกาแฟ จะใช้เกลือป่นหรือผงถ่านละเอียดโรยตามบริเวณที่มีกลิ่นก็ได้เช่นเดียวกัน
กำจัดกลิ่นติดภาชนะในครัว
ไม่ว่าจะเป็นหม้อหุงข้าวเหม็นคาว กลิ่นในเตาไมโครเวฟ หรือกลิ่นเหม็นติดภาชนะพลาสติก ก็มีวิธีในการกำจัดกลิ่นให้หมดไปดังนี้
กลิ่นหม้อข้าวเหม็นคาว
หากเผลอนำจานชามใส่อาหารที่มีกลิ่นคาวไปแช่น้ำรวมกับหม้อข้าว จะทำให้กลิ่นคาวติดหม้อไปด้วย
เวลาหุงข้าวครั้งต่อไปจะไม่อร่อย เพราะข้าวสวยร้อนๆ มีกลิ่นคาวติดไปด้วย
แก้ไขโดยการนำกากชาลงไปต้มในหม้อดังกล่าว
รอให้น้ำเดือดแล้วเททิ้งจากนั้นล้างซ้ำอีกครั้งด้วยน้ำยาล้างจาน กลิ่นคาวในหม้อข้าวจะหมดไป
กลิ่นเหม็นในเตาไมโครเวฟ
มีวิธีที่ทำแสนง่าย เพียงใช้น้ำมะนาวหนึ่งลูกผสมน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว คนให้เข้ากัน
แล้วนำไปเข้าเตาไมโครเวฟ เปิดเตาทิ้งไว้ประมาณ 2 นาที เพียงเท่านี้กลิ่นเหม็นก็จะหมดไป
กลิ่นเหม็นที่ติดจากภาชนะพลาสติก
ปัญหาที่มักพบบอยๆ สำหรับการใช้ภาชนะพลาสติกคือมักจะมีกลิ่นอาหารติดภาชนะ
ล้างอย่างไรก็ออกไม่หมด ปัญหานี้แก้ได้ เพียงแช่ภาชนะเหล่านั้นในน้ำส้มสายชู ทิ้งไว้ 2 วัน
แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพียงเท่านี้ก็จะได้ภาชนะพลาสติกที่ไม่มีกลิ่นเหม็นอีกต่อไป
กำจัดกลิ่นติดมือ
เป็นปัญหาหนึ่งที่ทำให้เรานั้นหงุดหงิดอยู่บ่อยครั้งมีวิธีกำจัดดังต่อไปนี้
กลิ่นหอมหัวใหญ่ติดมือ
ใช้สำลีชุบน้ำส้มสายชูไปเช็ดตามเล็บและบริเวณอื่นๆจนทั่วฝ่ามือ
จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด กลิ่นหอมหัวใหญ่จะไม่มากวนใจอีก
กลิ่นคาวติดมือ
ใช้ใบผักกาดขาวถูไปมาให้ทั่วมือ จากนั้นล้างน้ำซ้ำอีกครั้งด้วยน้ำสบู่ กลิ่นจะจางหายไป
หรือใช้ข้าวสวยประมาณ 1 กำมือถูไปตามมือ ทิ้งไว้ประมาณ 2 -3 นาที
ก็จะช่วยกำจัดกลิ่นเหม็นตามเล็บและมือได้เช่นกัน
สำหรับผู้ที่ชอบกินปลาแล้วมีปัญหากับกลิ่นคาวและเมือกลื่นๆ ของปลา
ก่อนขอดเกล็ดให้ลองใช้สารส้มถูให้ทั่วตัวปลา แล้วจึงล้างน้ำสะอาด ทั้งเมือกและกลิ่นคาวก็จะหมดไป

5 วิธี ดับกลิ่นบุหรี่ก่อกวนใจ (หนังสือสุขภาพดี)

กลิ่นบุหรี่ เป็นอีกหนึ่งปัญหาสร้างความรำคาญและทำลายมลภาวะในบ้าน ตอนนี้คุณแม่บ้านหลายท่าน อาจกำลังหนักใจ ไม่รู้จะกำจัดกลิ่นอย่างไรดี เราเลยนำวิธีง่ายๆ ที่จะลดปัญหานี้มาบอก
1.หากมีกลิ่นบุหรี่ติดอยู่ตามเครื่องหนัง เช่น โซฟาหนัง กระเป๋าหนัง วิธีการดับกลิ่นให้ใช้น้ำส้มสายชูเทใส่ผ้าพอประมาณ แล้วเช็ดเครื่องหนังที่มีกลิ่นติดอยู่ ถึงแม้น้ำส้มสายชูจะมีกลิ่นฉุนสักหน่อย แต่หากทิ้งไว้สักพักหนึ่งกลิ่นจะระเหยไปเอง เป็นวิธีที่ปลอดภัยแบบธรรมชาติและกำจัดกลิ่นได้ดี
2.ถ้ามีกลิ่นบุหรี่ติดอยู่ตามพรมเช็ดเท้า วิธีการดับกลิ่นนำพรมเช็ดเท้าไปซักให้สะอาด แล้วตากแดดให้แห้งหรือใช้โซดาไฟโรยลงไปบริเวณที่มีกลิ่น ทิ้งไว้ประมาณ 1 วัน เพื่อให้ดูดกลิ่นออกให้หมด
3.กลิ่นบุหรี่เหม็นอับในห้องนอน วิธีการดับกลิ่นให้ใช้สำลีชุบแอมโมเนียหรือน้ำส้มสายชูวางทิ้งไว้ตามจุด ต่างๆ ภายในห้อง หรือจะใช้วิธีจุดเทียนไขทิ้งไว้ในห้องเพื่อดับกลิ่นก็ช่วยได้เช่นกัน และคุณควรหมั่นเปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศมีการถ่ายเท
4.กลิ่นบุหรี่อบอวลในห้องรับแขก วิธีการดับกลิ่นหยดน้ำส้มสายชูสัก 2-3 หยดลงในน้ำร้อน 1 แก้ว แล้วนำไปตั้งทิ้งไว้บริเวณซอกหรือมุมต่างๆ ภายในห้องรับแขกจะทำให้กลิ่นบุหรี่ค่อยๆ จางหายไป
5.ดับกลิ่นบุหรี่ในรถ วิธีการดับกลิ่นคุณควรนำที่เขี่ยบุหรี่ออกมาทำความสะอาดและทิ้งเถ้าบุหรี่ อย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้การโรยเบคกิ้งโซดาลงก้นที่เขี่ยบุหรี่ในรถจะเป็นอีกวิธีที่ช่วยดับ กลิ่นได้ แต่วิธีที่ดีที่สุดในการกำจัดกลิ่นบุหรี่ก็คือเลิกสูบบุหรี่ซะ นอกจากจะไม่สร้างความรำคาญใจให้คนในบ้านแล้ว ยังจะทำให้สุขภาพของคนทั้งบ้านดีขึ้น ปอดสะอาดกันทั้งครอบครัวเลย

สารพันปัญหากลิ่นตัว

สารพันปัญหากลิ่นตัว
นพ.ประวิตร พิศาลบุตร ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนัง

กลิ่นตัวเกิดได้อย่างไร
Q. ช่วงหน้าร้อนหน้าฝน ผมมักมีเหงื่อออกมากจนเกิดกลิ่นตัว อยากทราบว่ากลิ่นตัวเกิดได้อย่างไรครับ?
องอาจ / จ.สมุทรปราการ

A. ตามธรรมชาติเหงื่อนั้นเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกาย เพราะช่วยควบคุมอุณหภูมิในร่างกายให้คงที่ โดยปกติต่อมเหงื่อมี 2 ชนิด ชนิดแรกเรียกว่า ต่อมเหงื่อเอ็คครายน์ (eccrine) มีกระจายทั่วร่างกาย นับได้ประมาณ 2 ล้านต่อม เป็นต่อมเหงื่อที่หลั่งเหงื่อใสๆ ออกมาเวลาร้อนจัด ส่วนต่อมเหงื่ออีกชนิดเรียกว่า ต่อมเหงื่ออะโปครายน์ (apocrine) มักอยู่ตามรักแร้ รอบหัวนม ทวารหนัก และรอบอวัยวะเพศ

กลิ่นตัวทั่วไปนั้นเกิดจากการที่ต่อมเหงื่ออะโปครายน์หลั่งของเหลวสีคล้ายน้ำนมออกมา แต่เนื่องจากมีเป็นจำนวนน้อยมาก จึงไม่ค่อยได้สังเกตเห็นกัน แล้วมีแบคทีเรียตามผิวหนังออกมาย่อยสลายของเหลวนั้นทำให้เกิดกลิ่นตุๆ ขึ้นได้ พบว่าอาหารบางอย่าง เช่น หอมและกระเทียม เครื่องเทศ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วส่งกลิ่นออกมากับเหงื่อได้ เท้าที่ใส่ถุงเท้ารองเท้าอยู่ทั้งวันมีเหงื่ออับชื้นอยู่ตลอดทำให้แบคทีเรียเติบโตมาก เมื่อถอดถุงเท้ารองเท้าจะได้กลิ่นเหม็นโชยไปไกลได้ อากาศที่ร้อนอบอ้าวในฤดูร้อนและฤดูฝนทำให้มีเหงื่อมากกว่าปกติ อารมณ์ที่ตึงเครียด กระวนกระวายใจ ก็ทำให้เหงื่อออกได้ พบว่าการสูบบุหรี่ทำให้เหงื่อหลั่งมากขึ้นเช่นกัน แต่เหงื่อใสที่หลั่งโดยต่อมเหงื่อเอ็คครายน์นี้ช่วงแรกก็ไม่มีกลิ่น ต่อเมื่อเมื่อมีการเติบโตของแบคทีเรียจะเกิดกลิ่นตัวขึ้น พบว่าคนอ้วนและผู้ที่เป็นโรคเบาหวานมีโอกาสเกิดกลิ่นตัวง่ายกว่าคนทั่วไป

การดูแลผิวพรรณไม่ให้เกิดกลิ่นตัว
Q. กำลังตั้งครรภ์อยู่ค่ะ สังเกตว่ามีกลิ่นตัวมากเหลือเกินค่ะ อยากถามคุณหมอประวิตร พิศาลบุตรเรื่องการดูแลไม่ให้เกิดกลิ่นตัวและการใช้ยาดับกลิ่นค่ะ
อาทิตยา / จ.กรุงเทพฯ

A. ตามปกติเวลาตั้งครรภ์ ต่อมเหงื่ออะโปครายน์ที่หลั่งเหงื่อสีน้ำนมมักทำงานลดลง แต่ว่าที่คุณแม่ก็อาจส่งกลิ่นตัวได้ เพราะต่อมเหงื่อเอ็คครายน์ที่หลั่งเหงื่อใสทำงานมากขึ้น ทำให้ผิวหนังชื้นแฉะเชื้อแบคทีเรียเติบโตได้ดี โดยทั่วไปแนะนำว่าเวลาตั้งครรภ์ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่โปร่งบางและหลวมเพื่อให้เหงื่อระบายออกไปได้ง่าย ควรอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายวันละ 1-2 ครั้ง ใช้สบู่อ่อนฟอกตามตัวและตามซอกพับ ถ้าบริเวณใดอับชื้นง่าย เช่น รักแร้ ขาหนีบ หรือซอกนิ้วเท้า ก็ให้ใช้แป้งฝุ่นโรยเพื่อดูแลให้ผิวหนังบริเวณนั้นแห้ง

เสื้อผ้าต้องซักให้สะอาด ผึ่งแดดให้แห้งสนิทได้ก็ดี เพราะเสื้อผ้าที่ไม่สะอาดและอับชื้นอยู่เสมอเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดกลิ่นตัวได้ นอกจากนั้นยังพบว่ากลิ่นตัวยังติดอยู่กับเสื้อผ้าได้ด้วย

การโกนขนรักแร้ช่วยลดกลิ่นตัวได้ เพราะเชื้อแบคทีเรียชอบบริเวณที่อับชื้นอย่างเช่นที่รักแร้อยู่แล้ว ลดการรับประทานเครื่องเทศ เช่น หอม กระเทียม และลดการรับประทานหน่อไม้ฝรั่ง เพราะอาหารเหล่านี้ล้วนเสริมให้กลิ่นตัวมากขึ้นได้ ลดการดื่มเครื่องดื่มที่มีสารคาเฟอีนผสมอยู่ เช่น กาแฟ ชา และน้ำอัดลม สารคาเฟอีนกระตุ้นให้หลั่งเหงื่อได้มาก รวมทั้งงดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้นอกจากก่อกลิ่นตัวแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อลูกในครรภ์ด้วยครับ

ถ้าดูแลรักษาตามแบบที่ว่าแล้วยังมีเหงื่อออกมากหรือมีกลิ่นตัวอยู่ ก็ควรเลือกใช้ยาลดเหงื่อ ยาดับกลิ่น หรือไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้อง

การเลือกใช้ยาดับกลิ่นตัว
Q. อยากถามว่าควรเลือกใช้ยาดับกลิ่นตัวและลดเหงื่ออย่างไหนดีคะ?
ภัคจิรา / จ.ชลบุรี


A. ยาลดเหงื่อ (antiperspirants) ที่ขายในท้องตลาดไม่ว่าในรูปครีม รูปแท่ง โลชัน แป้งฝุ่น หรือ โรลออน มักลดการหลั่งของเหงื่อได้ดีกว่าสเปรย์พ่น แต่จะเลือกใช้แบบใดก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัว คือชอบว่าแบบใดที่ใช้ง่ายที่สุด ใช้แล้วไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ ใช้แล้วไม่แสบไม่คัน เมื่อทายาลดเหงื่อแล้วเหงื่อลดน้อยลง ย่อมเป็นการดับกลิ่นตัวไปด้วยทางอ้อม อย่างไรก็ตาม หากเหงื่อออกไม่มากแต่ก็มีกลิ่นตัว ขอแนะนำให้ใช้ยาดับกลิ่นตัวโดยตรงจะดีกว่าครับ

ส่วน ยาดับกลิ่นตัว (deodorants) ไม่ลดการหลั่งของเหงื่อ ประกอบด้วยสารที่มีฤทธิ์ทำลายแบคทีเรียผสมกับสารที่มีกลิ่นหอม จึงทำให้กลิ่นตัวลดลงได้ ยาดับกลิ่นตัวในท้องตลาดก็มีอยู่หลากหลายรูปแบบกับยาลดเหงื่อนั่นเอง บางครั้งอาจมีอาการแพ้ ระคายเคือง ตามบริเวณที่ทายาดับกลิ่นตัวหรือยาลดเหงื่อได้ ควรเปลี่ยนชนิดดู เลือกใช้ชนิดที่โฆษณาว่าใช้แล้วเกิดแพ้ได้น้อย (hypoallergenic products) ถ้ายังแพ้อยู่ก็ควรไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อหาสาเหตุของการแพ้และหาวิธีกำจัดกลิ่นตัวที่เหมาะสมต่อไป

เทคนิคต่างๆที่รักษากลิ่นตัว
Q. มีกลิ่นตัวมาก ใช้ยาดับกลิ่นแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น มีเทคนิคทางการแพทย์อะไรบ้างครับที่ใช้รักษากลิ่นตัวได้?
คุณภัทร / จ.ปทุมธานี


A. เทคนิคทางการแพทย์ที่รักษากลิ่นตัว ในกรณีที่รักษาสุขอนามัย ใช้ยาลดเหงื่อยาดับกลิ่นแล้วไม่ได้ผล เช่น การดูดไขมันเพื่อเอาต่อมเหงื่ออะโปครายน์ออก (removal of apocrine sweat glands by superficial liposuction) การผ่าตัดต่อมเหงื่ออะโปครายน์ออก (removal of apocrine sweat glands by surgical excision) ยารับประทานบางชนิด (anticholinergic or beta-blocking drugs) การใช้เทคนิคไอออนโต (iontophoresis) การผ่าตัดปมประสาทซิมพาเทติก (sympathectomy) การฉีดสารพิษโบทูลินัม หรือ โบท็อกซ์ (botulinum toxin injection) มีงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารผิวหนังของอเมริกา (Archives of Dermatology) ศึกษาการฉีดสารโบท็อกซ์เพื่อลดกลิ่นตัว โดยใช้อาสาสมัคร 16 คน ให้สวมเสื้อยืดผ้าฝ้ายคอปกสีขาวเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ห้ามใช้ยาดับกลิ่นยาลดเหงื่อ ห้ามรับประทานหอม กระเทียม หน่อไม้ฝรั่ง และห้ามสัมผัสกอดรัดกับคู่ครอง 2 วันก่อนและระหว่างการทดลอง หลังจากครบ 24 ชั่วโมงจะมีการดมทดสอบกลิ่นตัว (sniff test) หลังจากนั้นผู้เข้ารับการทดลองจะได้รับการฉีดโบท็อกซ์เข้าในรักแร้ด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านถูกฉีดด้วยน้ำเกลือเปล่า หลังจากนั้น 7 วัน คณะผู้วิจัยจะดมทดสอบกลิ่นตัวอีกครั้ง ผลการทดลองพบว่ารักแร้ด้านที่ฉีดโบท็อกซ์มีกลิ่นและมีเหงื่อลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เมื่อเทียบกับด้านที่ฉีดน้ำเกลือเปล่า อย่างไรก็ตามเทคนิคเหล่านี้อาจมีข้อแทรกซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูงมาก จึงควรเลือกใช้ในกรณีที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้นครับ

ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today
http://lifestyle.th.msn.com/health/tips/article.aspx?cp-documentid=3697994http://www.geocities.com/girlseed2006/tiptrick.htm
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=citylivingzone&month=07-2007&date=31&group=1&gblog=2
http://blog.spu.ac.th/moon/2008/12/03/entry-2
http://www.showded.com/myprofile/mainblog.php?user=diavolo&jucId=77062




1
2

Wish You Happinessss

Success is not the key to happiness. Happiness is the key to success. 
If you love what you are doing, you will be successful. 

~ Albert Schweitzer ~

 คัมภีร์ 5 ห่วง  วิถีแห่ง "ซามูไร" วิถีแห่งนักรบ "บูชิโด"   แนวคิดของตัวเม่น   GOOD LUCK สร้างแรงบันดาลใจเพื่อความสำเร็จ ในชีวิตและธุรกิจด้วยตัวคุณเอง    Why complicate life ?   3 x 8 = เท่าไหร่ ?????   "ฉันชื่อ..โอกาส"

Wish You Happinessss