ออกกำลังกายเช้าหรือเย็นดีกว่ากัน? กลายเป็นข้อถกเถียงและสงสัยของคนทั่วโลก เนื่องจากมีการอ้างความเห็นจากนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญกันมากมาย คำถามที่ว่า การออกกำลังกายตอนเช้าหรือตอนเย็น ช่วงเวลาไหนดีต่อร่างกายมากกว่ากัน? หรือแม้แต่การบอกต่อๆ กันก็ทำให้คนฟังสับสนได้เหมือนกัน ทั้งนี้ไม่ว่าจะออกกำลังกายตอนเช้าหรือตอนเย็นต่างเป็นกิจกรรมที่ดีต่อสุขภาพเหมือนกัน เรียกว่า ใครใคร่ออกกำลังกายช่วงไหนก็เลือกตามสะดวก ซึ่งข้อสำคัญที่คุณควรคำนึงถึงคือ ความเหมาะสม คุณภาพและความถี่ของการออกกำลังกาย โดยการแบ่งเวลาและปฏิบัติตามจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เสมือนว่าเป็นนัดสำคัญที่ยกเลิกไม่ได้ ทั้งนี้การออกกำลังกายไม่ถูกจำกัดด้วยประเภทของกีฬาหรือสถานที่ แม้การขยับเคลื่อนไหวร่างกายขณะใช้ชีวิตประจำวันก็เป็นการออกกำลังกายได้ ยกตัวอย่างเช่น การจอดรถให้ไกลกว่าจุดหมายเพื่อให้ได้เดินออกกำลังกายมากขึ้น การเดินหรือวิ่งขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์ หรือมุ่งออกกำลังกายดังต่อไปนี้ให้ต่อเนื่องอย่างน้อย 30 นาที คุณก็สามารถเผาผลาญพลังงานได้พอควร เดินเร็ว 3.5 ไมล์ / ชั่วโมง เผาผลาญได้ 140 กิโลแคลอรี การวิ่งจ็อกกิ้ง ความเร็ว 5 ไมล์ / ชั่วโมง เผาผลาญได้ 295 กิโลแคลอรี การขี่จักรยาน ความเร็วต่ำกว่า 10 ไมล์ / ชั่วโมง เผาผลาญได้ 145 กิโลแคลอรี การขี่จักรยาน ความเร็ว 10 ไมล์ / ชั่วโมง เผาผลาญได้ 195 กิโลแคลอรี การยกน้ำหนักฟรีเวท เผาผลาญได้ 110 กิโลแคลอรี ว่ายน้ำฟรีสไตล์เร็วปานกลาง เผาผลาญได้ 255 กิโลแคลอรี แอโรบิก เผาผลาญได้ 240 กิโลแคลอรี บาสเก็ตบอล เผาผลาญได้ 220 กิโลแคลอรี เต้นรำ เผาผลาญได้ 165 กิโลแคลอรี นอกจากนี้สำหรับคนที่เริ่มออกกำลังกายใหม่ๆ เรามีข้อแนะนำดังต่อไปนี้ สำหรับผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการออกกำลังกาย เพื่อไม่กระทบต่ออาการจนเป็นอันตรายต่อร่างกาย เริ่มกำหนดเป้าหมายการออกกำลังกาย ตั้งแต่ 10 นาที และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็น 30-60 นาที หรือแบ่งการออกกำลังกายออกเป็นช่วงสั้นๆ แต่รวมกันให้ได้อย่างน้อยวันละ 30 นาที เช่น ตื่นนอนตอนเช้าออกกำลังกายด้วยการเดินเร็ว 20 นาที หลังเลิกงานไปเดินเร็วอีก 20 นาที ก่อนนอนบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องอีก 10 นาที เป็นต้น พึ่งพาวิดีโอ วิซีดีหรือดิวีดี บริหารร่างกายได้เองที่บ้าน ในยุคน้ำมันแพงแบบนี้ ใครขี้เกียจเดินทางก็เช่าหรือซื้อท่าทางการบริหารร่างกายมาทำตามที่บ้านก็สะดวกเหมือนกัน ทั้งนี้ควรพิจารณาถึงคุณสมบัติของผู้ฝึกสอนที่น่าเชื่อถือ และมีความรู้เกี่ยวกับการออกกำลังกาย ล่าสุด ดร.เซดริก ไบร์อัน นักสรีรวิทยา ที่ปรึกษาการออกกำลังกายแห่งสมาคมเพื่อการออกกำลังกายแห่งสหรัฐอเมริกา อ้างว่าจากการวิจัยผู้หญิงน้ำหนักเกินอายุ 50-75 ปี ที่ให้ออกกำลังกายช่วงเช้าโดยเฉลี่ย 4 ชั่วโมงต่อสัปดาห์พบว่า การนอนหลับของกลุ่มตัวอย่างเป็นไปได้ดีขึ้นและจากออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี ทำให้ผู้หญิงกลุ่มนี้สามารถลดน้ำหนักได้มากกว่า 13 กิโลกรัมทีเดียว โดย ดร.เซดริก ให้ความเห็นถึงเบื้องหลังความสำเร็จของการออกกำลังกายคือ ความสัมพันธ์ระหว่างเวลาและการออกกำลังกาย อันเนื่องมาจากการออกกำลังกายตอนเช้าเปิดโอกาสให้คนหันมาออกกำลังกายจนติดเป็นนิสัยได้มากกว่าการเลือกออกกำลังกายในช่วงเย็น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คนเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ทำให้มีเหตุต้องเลื่อนการออกกำลังกาย ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today |