1
2

ทองคำ...การลงทุนที่น่าสนใจ







ทองคำ...การลงทุนที่น่าสนใจ


รายงานโดย :ศูนย์วิจัยกสิกรไทย:

ราคาทองคำโลกที่ได้พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จนส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศทะยานขึ้นทำระดับสูงสุดครั้งใหม่ตามไปด้วย
โดยราคาทองคำแท่งรับซื้อที่ 18,350 บาท ขายออก 18,450 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อ 18,085 บาท ขายออก 18,850 บาท

หากเทียบกับสิ้นปี 2551 นั้น ราคาทองคำโลกล่าสุด เพิ่มขึ้นมาแล้วถึง 33% และราคาทองคำแท่งในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้นมาแล้ว 31% เป็นรองเพียงราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น 92% และดัชนีตลาดหุ้นไทยที่เพิ่มขึ้น 53%

นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับข้อมูลอัตราผลตอบแทนจากราคาทองคำโลกและทองคำแท่งในรูปเงินบาท พบว่า อัตราผลตอบแทนในปีนี้ปรับสูงขึ้นทำสถิติใหม่ที่ระดับ 33% เกินกว่าในปี 2550 ซึ่งอัตราผลตอบแทนของราคาทองคำอยู่ที่ระดับ 31%

เมื่อมองไปในช่วงที่เหลือของปีนี้ ต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า นักวิเคราะห์คาดว่าราคาทองคำยังมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นอีก ภายใต้มุมมองในเชิงบวกต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกที่คงจะช่วยหนุนความต้องการทองคำในภาคอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันเงินเหรียญสหรัฐก็ยังมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อไปอย่างน้อยก็ในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า ตราบใดที่ค่าเงินสหรัฐอ่อนค่าราคาทองคำก็ยังขยับขึ้น

อย่างไรก็ตาม หากในปีหน้าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไม่ได้เป็นไปตามคาด รวมทั้งราคาน้ำมันในตลาดโลกและแรงกดดันเงินเฟ้อไม่ขยายตัวมากนัก อาจส่งผลให้ราคาทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์เผชิญความผันผวนได้

การลงทุนในทองคำจึงน่าจะยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งน่าจะให้อัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากประจำของธนาคารพาณิชย์และสูงกว่าเงินเฟ้อ

สำหรับนักลงทุนรายย่อยนั้น การลงทุนในทองคำสามารถทำได้หลายวิธีทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งการลงทุนในแต่ละวิธีต่างก็มีข้อดีและ ข้อด้อยที่แตกต่างกัน


ทองรูปพรรณและทองคำแท่ง เดิมทีคนไทยเลือกลงทุนในทองคำผ่านการซื้อทองรูปพรรณเพื่อใช้เป็นเครื่องประดับ และชอบสะสมทองรูปพรรณเพื่อการออมและการสะสมความมั่งคั่งอีกด้วย

ปกติราคาทองรูปพรรณมักจะสูงกว่าราคาทองคำแท่ง เนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมาจากค่ากำเหน็จ แต่เมื่อนำทองรูปพรรณไปขายคืนให้กับร้านทอง ผู้ลงทุนอาจถูกหักค่าสึกหรอ เนื่องจากน้ำหนักทองคำที่ลดลงไปบ้างหลังผ่านการใช้งานมาแล้วระยะหนึ่ง ซึ่งร้านทองจะตีราคาทองรูปพรรณตามน้ำหนักทองคำที่เหลืออยู่จริง

ต่อมานักลงทุนไทยหันมาให้ความสนใจที่จะลงทุนในทองคำแท่งเพื่อการเก็งกำไรในระยะยาวมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันนักลงทุนสามารถลงทุนในทองคำแท่งเริ่มต้นตั้งแต่ทองคำน้ำหนัก 50 สตางค์ 1 บาท ไปจนถึง 100 บาท

gold futures

สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures) เป็นตลาดที่เพิ่งเกิดใหม่เพียง 10 เดือน สัญญา Gold Futures เป็นสัญญาที่ผู้ซื้อกับผู้ขายตกลงกันวันนี้ว่าจะซื้อขาย ณ ราคาที่ตกลงไว้ในอนาคต

การลงทุนในทองคำผ่านตลาด Gold Futures นั้น จะใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 66,500 บาท ต่อ 1 สัญญา (Initial Margin คือ เงินวางค้ำประกันเริ่มแรก ประมาณ 10% ของมูลค่าสัญญา) ซึ่งแตกต่างจากการลงทุนในทองคำจริงๆ ที่ผู้ลงทุนต้องจ่ายชำระเงินเต็มจำนวนตามน้ำหนักของทองคำที่ซื้อ

อย่างไรก็ตาม การลงทุนใน Gold Futures จะไม่มีการส่งมอบทองคำจริงให้กับผู้ลงทุน แต่จะใช้วิธีการจ่ายชำระเงินตามส่วนต่างกำไรขาดทุนที่เกิดขึ้นด้วยเงินสด ซึ่งการคิดค่าธรรมเนียมการซื้อขาย 500 บาท ต่อ 1 สัญญา (1 สัญญา เท่ากับ ทองคำ 50 บาท) แต่หากซื้อขายจำนวนมากต่อวัน ก็จะมีส่วนลดตามขั้นบันได

กลยุทธ์การทำกำไรในสัญญา Gold Futures นั้น นักลงทุนสามารถใช้กลยุทธ์การลงทุนได้ทั้งทิศทางราคาทองคำขาขึ้นและทิศทางราคาทองคำขาลง ทำให้นักลงทุนต้องติดตามการเคลื่อนไหวของราคาอย่างสม่ำเสมอ โดยหากนักลงทุนขาดทุนมากจนกระทั่งเงินลงทุนต่ำกว่าระดับหลักประกันรักษาสภาพที่ระดับ 46,500 บาท ต่อ 1 สัญญา (Maintenance Margin คือ วงเงินที่นักลงทุนจะต้องรักษาระดับเงินในบัญชีไม่ให้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด หรือ 70% ของ Initial Margin)

นอกจากนี้ หากสถานะ Gold Futures ที่ถือครองอยู่เกิดผลขาดทุนมากจนกระทั่งเงินหลักประกัน (Initial Margin) ลดลงไปต่ำกว่าระดับบังคับปิดสถานะที่ระดับ 19,950 บาท (Force Close) และผู้ลงทุนไม่สามารถฝากเงินเข้ามาภายใน 1 ชั่วโมง ตามที่โบรกเกอร์รายงานไป สัญญา Gold Futures อาจถูกโบรกเกอร์ปิดสถานะเพื่อหยุดผลขาดทุนดังกล่าว

กองทุนรวมที่ลงทุนในทองคำ ถือว่าสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนให้ได้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนจากการลงทุนในทองคำให้มากที่สุด มี 2 ลักษณะ


1.กองทุนรวมที่ไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนที่ลงทุนในทองคำแท่งในต่างประเทศ (Gold Fund) อาทิ SPDR Gold Trust (หรือ StreetTRACKS Gold Trust) ซึ่งผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในรูปของกำไรส่วนเกินในกองทุนในต่างประเทศ หรือผลตอบแทนการลงทุนในตราสารอื่นๆ ที่กองทุนเข้าลงทุน เช่น หากผู้ลงทุนซื้อหน่วยลงทุนครั้งแรก 10 บาทต่อหน่วย ต่อมามูลค่าหน่วยลงทุนเพิ่มเป็น 11 บาทต่อหน่วย แสดงว่าผู้ลงทุนได้กำไร 1 บาทต่อหน่วย

แต่ลงทุนขั้นต้นในกองทุนรวมที่ลงทุนในทองคำดังกล่าว จะเริ่มต้นตั้งแต่หลักพันบาทไปจนถึงหลักหมื่นบาท ซึ่งถือว่าเป็นการเริ่มลงทุนโดยใช้เงินลงทุนจำนวนไม่มาก และสามารถถือครองหน่วยลงทุนได้ยาวนานตามต้องการ แต่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการกองทุน 1.2-1.3% ของมูลค่าหน่วยลงทุน

เหมาะกับนักลงทุนที่อาจไม่มีความเชี่ยวชาญในการลงทุนในทองคำ และต้องการลงทุนผ่านการบริหารกองทุนของผู้จัดการกองทุน

Photobucket

2.กองทุนรวมที่ลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับราคาทองคำ (Gold Linked Fund) จะเน้นลงทุนในตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับราคาทองคำในรูปสกุลเงินตราต่างประเทศ กองทุนจะได้รับการชำระคืนเงินต้นเต็มจำนวนเมื่อครบอายุตราสารในรูปสกุลเงินตราต่างประเทศ (อายุสัญญา 1-2 ปี) และตัดสินใจลงทุนในตราสารฉบับใหม่ต่อไป ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการเพิ่มขึ้นของราคาหน่วยลงทุนในกรณีที่มีการคาดการณ์ทิศทางของราคาทองคำตามที่กำหนดไว้ นั่นคือ หากราคาทองคำ ณ วันที่สิ้นสุดสัญญาลงทุนมากกว่าหรือเท่ากับราคาทองคำ ณ วันแรกที่ทำสัญญาลงทุน กองทุนจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนใน Structured Note ที่อ้างอิงกับราคาทองคำเพิ่มเติม (ประมาณ 8.0-12.0%) ซึ่งก็จะเป็นปัจจัยในการช่วยหนุนให้มูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุนรวมดังกล่าวปรับสูงขึ้น

แต่หากราคาทองคำ ณ วันที่สิ้นสุดสัญญาลงทุนน้อยกว่าราคาทองคำ ณ วันแรกที่ทำสัญญาลงทุน กองทุนจะไม่ได้ผลตอบแทนจากตราสารดังกล่าวแต่จะยังคงได้รับเงินต้นคืนในรูปสกุลเงินตราต่างประเทศ (อัตราผลตอบแทน 0%)

สำหรับมูลค่าขั้นต่ำการสั่งซื้อครั้งแรกของกองทุนรวมประเภท Gold Linked Fund นั้น เริ่มต้นที่ประมาณ 1 หมื่นบาทขึ้นไป มีระยะเวลาการลงทุน 1-2 ปี อย่างไรก็ตาม อาจเผชิญความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนด้วย

จากโอกาสการปรับขึ้นของราคาทองคำในระยะถัดไป คงจะทำให้การลงทุนในทองคำเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจมากขึ้น แต่การเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทใดก็ตาม ผู้ลงทุนควรตระหนักถึงอัตราผตอบแทนที่ตนเองคาดหวังและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้


ของแถม..กฎกติกาการลงทุน...(ลอกเขามา)....ไม่มีกราฟเลยแต่สำคัญมาก...

KEY PRINCIPLES/RULES TO TRADING

1.You Cannot Understand the Market
No one knows where the market is going
No one can predict where or when the market is going
Problems with predictions
No Statistical History on your side.
Not always in the Market
Must have an opinion towards the market.
Successful traders don't predict,they have strategies
Do not allow HOPE or WISHFUL THINKING to run your position.

2.Be in Harmony with the Market จงไปในทิศทางเดียวกันกัยตลาด
Don't fight the market. อย่าสวน
Don't project your biases to the market. อย่าเข้าข้างตัวเอง
Don?t try Average Down/Up Against the trend. อย่าถัว
The Market tells you what to do and when.
ตลาดจะบอกทิศทางเอง
Don?t follow sentiments of other markets to trade own market. อย่าเอาตลาดอื่นมามั่ว
The Market gives and the market takes money. เมื่อตลาดให้โอกาศจงตักตวงจากมัน
Get the right techniques that follows the market. ใช้เทดนิคที่ถูกต้องติดตามราคา

3.The Psychological Key to Trading (Fear and Greed)
Fear of losing money ความกลัวเสียเงิน
Accepting Losses as a cost to doing this trading business.
Think of it as a risk in implementing this trade.(Every type of investment involves risk)
Using Historical Statistics (Performance of a strategy) to build confidence.
Greed for more money ความโลภอยากได้เงิน
It is OK to have some greed but make sure it does not interfere with your strategy
Short term strategy : Take your profit and run
Long term strategy : Let your profit run higher


4. Extend Your Trading Time Horizon
Trade for Profit over time. Give your trading strategy enough time to perform.
Quarterly ,half-yearly or yearly statements
depending on the type of strategy you trade.

5. Discipline
Make sure you are able to trade all signals provided by the strategy.
You cannot reach your goal if you have good strategy
But not implementing it.
Make sure that the trading strategy suits you.

Smileyเอาแบบ ของแท้ ไม่แปลดีกว่า เดี๋ยวเสียอรรถรส Grin

ลักษณะ Pattern ของตลาดทั่วไปมีอยู่เพียงสองลักษณะ คือลักษณะที่เกิดจากความโลภและความกลัว ตามจริงแล้วก็เป็นตัวเดียวกัน คือเป็นความโลภเหมือนกัน ความโลภตัวแรกคือความโลภอยากได้มากๆไม่มีที่สิ้นสุด ความกลัวก็คือความโลภไม่อยากเสียเมื่อตลาดเคลื่อนไหวผิดทางกับการตัดสินใจของผู้ลงทุน เมื่อตลาดเริ่มขึ้น ตลาดจะเคลื่อนไหวเหมือนคลื่นในมหาสมุทร เมื่อคลื่นซัดเข้าสู่ฝั่งนั้น จะมีคลื่นเล็กนำมาก่อน ตามด้วยคลื่นใหญ่ ถาโถมเข้าหาฝั่งอย่างบ้าคลั่ง แล้วก็ถอยกลับไปสู่ทะเลตามเดิม ไม่เหลืออะไรไว้เลย ทฤษฎี Elliott Wave ก็ได้มาจากลักษณะของคลื่นในท้องทะเลนี้เอง

เมื่อตลาดเริ่มขึ้น จาก Fundamental factor อย่างใดอย่างหนึ่ง ข้อมูลเหล่านี้มักจะมีคนรู้น้อยคน ตลาดจะขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ขึ้นไม่มาก ขึ้นมาเป็นลักษณะของ Wave 1 แล้วลงทันทีเป็น Wave 2 ซึ่งบางครั้งก็ลงรุนแรงมาก เกือบจะลงไปเท่ากับฐานของ Wave 1 (Wave C) ก็เป็นไปได้ หลังจากนั้น Wave ใหญ่ คือ Wave 3 ก็จะตามมา Wave 3 นี้จะรุนแรงและยาวนาน เหมือนคลื่นถาโถมเข้าหาฝั่งอย่างบ้าคลั่ง เป็น Wave ที่นักลงทุนทั้งหลายเข้ามาซื้อเพื่อเก็งกำไร เข้ามาซื้อด้วยความโลภ เมื่อตลาดขึ้นไปเล็กน้อย ความกลัวก็ทำให้เกิดการ Take profit หรือการ ขายหมู เกิดขึ้น หลังจากนั้น ความโลภก็ชักนำให้กลับเข้ามาซื้อใหม่ ขายหมูใหม่ เป็นวงจรอย่างนี้ไม่รู้จบ....อธิบายข้อ 3 ครับแต่ยาวหน่อย..

Ps.หมู ในวงการทองคำ หมายถึง ทองคำ Grin


ข้อมูลลับ
วัน พุธ 20 ส.ค. 08@ 06:47:28 ICT
หัวข้อ: คุยกับลุงโฉลก


บ่อยครั้งที่มีข้อมูลลับที่รู้เฉพาะกันไม่กี่คนในหมู่นักการเมืองผู้มีอำนาจ ..................................................................................................................................................................... นักลงทุนธรรมดาไม่มีทางรู้ข้อมูลลับเหล่านี้ ส่วนมากก็ทำหน้าที่เป็นแมงเม่าที่ดี ที่ยากจนอยู่ก็ยากจนเพิ่มขึ้น ที่พอจะมีทรัพย์อยู่บ้างก็ตามแสงไฟบินเข้ากองไฟไปเป็นอาหารของนักปั่นหุ้น แต่สมาชิกที่ลงทุนตามระบบ คงจะสังเกตุว่าเราก็มีโอกาสล่วงรู้ข้อมูลลับเหล่านี้ได้เช่นเดียวกัน จากการสังเกตุความผิดปรกติของ Chart pattern

ลักษณะ Pattern ของตลาดหุ้นมีอยู่เพียงสองลักษณะ คือลักษณะที่เกิดจากความโลภและความกลัว ตามจริงแล้วก็เป็นตัวเดียวกัน คือเป็นความโลภเหมือนกัน ความโลภตัวแรกคือความโลภอยากได้มากๆไม่มีที่สิ้นสุด ความกลัวก็คือความโลภไม่อยากเสียเมื่อตลาดเคลื่อนไหวผิดทางกับการตัดสินใจของผู้ลงทุน เมื่อตลาดเริ่มขึ้น ตลาดจะเคลื่อนไหวเหมือนคลื่นในมหาสมุทร์ เมื่อคลื่นซัดเข้าสู่ฝั่งนั้น จะมีคลื่นเล็กนำมาก่อน ตามด้วยคลื่นใหญ่ ถาโถมเข้าหาฝั่งอย่างบ้าคลั่ง แล้วก็ถอยกลับไปสู่ทะเลตามเดิม ไม่เหลืออะไรไว้เลย ทฤษฎี Elliott Wave ก็ได้มาจากลักษณะของคลื่นในท้องทะเลนี้เอง

เมื่อตลาดเริ่มขึ้น จาก Fundamental factor อย่างใดอย่างหนึ่ง ข้อมูลเหล่านี้มักจะมีคนรู้น้อยคน ตลาดจะขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ขึ้นไม่มาก ขึ้นมาเป็นลักษณะของ Wave 1 แล้วลงทันทีเป็น Wave 2 ซึ่งบางครั้งก็ลงรุนแรงมาก เกือบจะลงไปเท่ากับฐานของ Wave 1 (Wave C) ก็เป็นไปได้ หลังจากนั้น Wave ใหญ่ คือ Wave 3 ก็จะตามมา Wave 3 นี้จะรุนแรงและยาวนาน เหมือนคลื่นถาโถมเข้าหาฝั่งอย่างบ้าคลั่ง เป็น Wave ที่นักลงทุนทั้งหลายเข้ามาซื้อเพื่อเก็งกำไร เข้ามาซื้อด้วยความโลภ เมื่อตลาดขึ้นไปเล็กน้อย ความกลัวก็ทำให้เกิดการ Take profit หรือการ ขายหมู เกิดขึ้น หลังจากนั้น ความโลภก็ชักนำให้กลับเข้ามาซื้อใหม่ ขายหมูใหม่ เป็นวงจรอย่างนี้ไม่รู้จบ

หลังจากจบคลื่นใหญ่คือ Wave 3 แล้ว ทะเลยังมี Aftermath คือระลอกคลื่นสุดท้ายตามมาอีก เป็น Wave 4 ที่เต็มไปด้วยความหวัง แต่ไม่มีความจริงอยู่ในนั้นเลย เป็นเวลาของแมงเม่าที่จะโบยบินเข้ามาเล่นไฟ เป็นเวลาที่นักลงทุนทะยอยขายหุ้นออกทำกำไร

เมื่อคลื่นถาโถมเข้าหาฝั่งจบสิ้นกระบวนความแล้ว ก็ถอยตัวกลับไปสู่ทะเลใหม่ ไม่เหลืออะไรไว้เลยนอกจากร่องรอยว่าครั้งหนึ่งเคยมีน้ำทะเลปริมาณมหาศาลที่บริเวณนี้ ท้องทะเลกลับเงียบสงบตามเดิม รอเวลาที่คลื่นลูกใหม่จะถาโถมเข้ามาสู่ฝั่งอีก ด้วยอาการที่เหมือนคลื่นลูกก่อนหน้านี้ แม้ในเวลาอันยาวนานในอดีต คลื่นเหล่านั้นก็มีลักษณะเหมือนกันกับคลื่นในปัจจุบันนี้ทุกประการ และจะมีอาการอย่างนี้อีกต่อไปในอนาคตไม่มีเวลาสิ้นสุด การถอยตัวกลับของคลื่นนั้น ถอยกลับเป็น 3 คลื่นย่อย ถอยกลับแล้วย้อนเป็นระลอกเล็กๆกลับมาหลอกแมงเม่าตัวสุดท้าย ก่อนที่จะถอยกลับสุ่ทะเลอย่างสมบูรณ์ต่อไปในที่สุด ไม่เหลืออะไรไว้เลย นอกจากทรากศพของแมงเม่าทั้งหลาย

เมื่อหุ้นเริ่มตกจากจุดสูงสุด 1789.16 มีสัญญาณทาง Technical บ่งบอกข้อมูลลับมากมาย ที่เห็นชัดเจนคือการเกิด Bearish convergence ที่จุดรวมยอดของ Wave 5 เล็กใน Wave 5 กลาง ใน Wave 5 ใหญ่

ตัวเลข percentage ของ Correction ในขาขึ้นก็เป็นสัญญาณที่ดีอีกสัญญาณหนึ่ง ตลาดไทยมี Correction ขนาดเล็กประมาณ 2%-3% และ Correction ขนาดใหญ่ประมาณ 6% เมื่อตลาดลดลง 11.89% ในเดือนตุลาคม 1994 นั่นเป็นสัญญาณว่าขาขึ้นจบแล้ว Wave 5 confirmed แล้ว ถึงเวลาเลิกเล่นหุ้นแล้ว


หลังจากนั้นหุ้นก็ตกลงจาก 1789.16 ลงมาเหลือเพียง 204.59 ไม่เหลือแม้แต่คราบน้ำตาของแมงเม่า


และที่ก้นบึ้งแห่งความสิ้นหวัง เราก็ได้เห็นข้อมูลลับอีกครั้งหนึ่ง ตลาดมี Bullish divergence ชัดเจน ที่ Fibonacci 161.8% ราคา Breakout จาก Standard error channel และ Reaction percentage เพิ่มจาก average 12% เป็น 24% ประกอบจากสัญญาณซื้อจากระบบของเรา จึงเป็นสัญญาณเปลี่ยน Trend ที่ชัดเจน


วันนี้คลื่นลูกใหม่ถาโถมเข้าหาฝั่ง แล้วก็ย้อนนำปริมาณน้ำทั้งหมดกลับคืนสู่ห้วงมหาสมุทรตามเดิม ไม่เหลืออะไรไว้เลย ทิ้งรอยน้ำตาของแมงเม่าเอาไว้บนชายฝั่งตามเคย คราบน้ำตาที่สมาชิกสามารถนำมาเป็นข้อมูลลับในเหล่าสมาชิก Bullish divergence ที่ Fibonacci 261.8% การ Breakout จาก Standard error channel อัตราเพิ่มขึ้นของ percentage change ของ reaction ประกอบกับสัญญาณซื้อจากระบบ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นอีก again and again จนกว่าจะไม่มีโลกอีกต่อไป


เตรียมตัวรับสถานะการณ์น้ำมันแพงอีกครั้งหนึ่งในเร็วๆนี้ ข้อมูลลับของเราเริ่มส่งสัญญาณ bullish divergence ที่ Fibonacci 261.8% รอการ Breakout จาก Standard error channel และสัญญาณซื้อจากระบบ Confirm ด้วย percentage change ของ reaction ใน down trend ถ้าสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้น ก็จะเป็นข้อมุลลับของพวกเรา ที่บ่งบอกการเปลี่ยน Trend ของราคาพลังงาน



ทองคำรอ Confirmation จากตลาดน้ำมัน ความเป็นไปได้ของ New up-trend จะต้องรอ Confirmation ของการ Breakout จาก Standard error channel และสัญญาณซื้อจากระบบ คาดว่าอีกไม่นานครับ อีกไม่นานทองคำก็จะกลับขึ้นไปใหม่อีกครั้งหนึ่ง



ข้าวโพด CU2008



ข้าวเปลือก RRX2008


ยางพารา



ในที่สุดทะเลก็สงบ ไม่มีน้ำสักหยดเดียวที่จะค้างอยู่บนฝั่ง ไม่มีลาภใดที่ไม่มาพร้อมกับการเสื่อมลาภ มีประโยชน์อะไรกับการแสวงหาสิ่งที่จะต้องหมดไป เรามีข้อมูลลับที่จะรู้ลักษณะของคลื่นได้ล่วงหน้า เมื่อถึงเวลาที่คลื่นลูกใหม่เริ่มถาโถมเข้าหาฝั่ง อีกครั้งหนึ่ง ปริมาณน้ำมหาศาลก็จะถาโถมเข้าหาฝั่ง อีกครั้งหนึ่ง เพียงเพื่อที่จะกลับคืนสู่ความสงบของท้องทะเล อีกครั้งหนึ่ง เท่านั้นเอง ผู้มีปัญญาก็สามารถใช้ข้อมูลลับ คือความเป็นอย่างนี้เองของคลื่น หาประโยชน์จากการสังเวยชีวิตด้วยความโลภของแมงเม่า นักลงทุนควรมีสติ ถ้าเราลงทุนด้วยความโลภที่ไม่มีวันสิ้นสุด เราก็จะเป็นแมงเม่าอีกตัวหนึ่ง ที่พยายามบินขึ้นสู่แสงจันทร์ มันไม่มีทางบินไปถึงดวงจันทร์ที่สุกสว่างกลางเวหาได้ รังแต่จะต้องตกลงตายในมหาสมุทรแห่งความโลภทุกตัว ลาภยศสรรเสริญสุข เป็นโลกธรรมที่เสพไม่อิ่ม มีขอบเขตยิ่งใหญ่กว่ามหาสมุทร์ มีประกายสวยงามเป็นภาพลวงตาหลอกล่อนักลงทุนที่ขาดสติ ความ พอเพียง ที่เกิดจากปัญญา มองเห็นความเป็นอย่างนั้นเองของสรรพสิ่งทั้งหลาย ย่อมทำให้เกิดความพอใจในสภาวะที่เป็นอยู่ ความ พอเพียง นี้เอง เป็นทรัพย์อย่างยิ่ง เป็นทรัพย์ที่ไม่ต้องส่งคืนให้แก่โลกเหมือนคลื่นจำนวนนับไม่ถ้วนที่กลับคืนสู่มหาสมุทร์ เป็นทรัพย์ที่เอาติดตัวไปได้ สร้างความอิ่มใจให้แก่ผู้มีทรัพย์คือความ พอเพียง นี้ ทั้งในชีวิตนี้และในภายภาคหน้า เป็นทรัพย์ที่ไม่ต้องระวังรักษา เพราะไม่มีใครสามารถแย่งชิงไปจากเจ้าของได้ ขอสมาชิกทุกคน มีสติใช้ข้อมูลลับที่ลุงโฉลกได้แสดงไว้ในที่นี้ หยิบฉวยประโยชน์จากมหาสมุทรแห่งความโลภของมนุษย์ตามสมควร อย่าให้ถึงกับปรารถนาอยากจะได้มหาสมุทรนี้มาเป็นของเราแต่ผู้เดียวเลย

UNCLE CHALOKE

บทความนี้มาจาก www.chaloke.com
http://www.chaloke.com

URL สำหรับเรื่องนี้คือ:
http://www.chaloke.com/modules.php?name=News&file=article&sid=363




1
2

Wish You Happinessss

Success is not the key to happiness. Happiness is the key to success. 
If you love what you are doing, you will be successful. 

~ Albert Schweitzer ~

 คัมภีร์ 5 ห่วง  วิถีแห่ง "ซามูไร" วิถีแห่งนักรบ "บูชิโด"   แนวคิดของตัวเม่น   GOOD LUCK สร้างแรงบันดาลใจเพื่อความสำเร็จ ในชีวิตและธุรกิจด้วยตัวคุณเอง    Why complicate life ?   3 x 8 = เท่าไหร่ ?????   "ฉันชื่อ..โอกาส"

Wish You Happinessss