ไขปริศนาว่า.. ทำไมต้องสวมแหวนแต่งงาน "นิ้วนาง" ข้างซ้าย

ไขปริศนาว่า.. ทำไมต้องสวมแหวนแต่งงาน "นิ้วนาง" ข้างซ้าย เพื่อนๆ เคยสงสัยกันมั้ยว่า.. ทำไมต้องสวมแหวนแต่งงานที่ "นิ้วนาง" ข้างซ้ายด้วย แล้วทำไมเค้าถึงไม่ใส่ นิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วนาง หรือนิ้วก้อย กันล่ะ ^____^ วันนี้เรามีแบบทดสอบมาให้เพื่อนๆ พิสูจน์กัน ให้หายข้องใจกับคำถามที่ว่า.. ทำไมต้องสวมแหวนแต่งงานที่ "นิ้วนาง" ข้างซ้าย ได้รู้กัน. แบบทดสอบพิสูจน์เหตุผลที่ต้องสวมแหวน แต่งงานที่ "นิ้วนาง" ข้างซ้าย แทนที่จะเป็น "โป้ง/ ชี้/กลาง/ ก้อย" - เพื่อนๆ ลอง แบมือทั้ง 2 ข้าง เข้าหากัน แล้วงอนิ้ว "กลาง" ลง จากนั้นก็เอาหลังนิ้ว "กลาง" ทั้ง 2 ข้าง มาชนกัน - ส่วนนิ้วที่เหลือก็คือ โป้ง/ ชี้/ นาง/ ก้อย ทีนี้ก็ให้เอาปลายนิ้วมาชนกัน - จากนั้นลองปล่อยนิ้วที่เอาปลายมาชนกัน เมื่อกี้.. ให้ออกจากกัน ทีละนิ้ว โดยที่ นิ้วกลางยังคงงอแตะกันอยู่ - เพื่อนๆ จะพบว่า "นิ้วโป้ง" ก็ปล่อยจากกันได้ "นิ้วชี้" ก็ปล่อยจากกันได้ "นิ้วก้อย" ก็ปล่อยจากกันได้ อย่างสบายๆ แต่... "นิ้วนาง" เนี่ยสิ กลับ ปล่อย ออกจากกันไม่ได้ คิดจะปล่อยยังงัย ก็ปล่อยไม่ออกจากกันซะที นั้นเป็นเพราะว่า.... - นิ้วกลาง แทน ตัวเราเอง - นิ้วโป้ง แทน พ่อแม่ ซึ่งวันหนึ่งท่านก็ต้องจากเราไป - นิ้วชี้ แทน พี่น้อง ซึ่งเขาก็ต้องไปมีชีวิตของเขาเอง - นิ้วก้อย แทน ลูก พอโตขึ้น ลูกก็ต้องไปมีชีวิตของตัวเอง / มีสังคม, ครอบครัว ของตัวเอง - นิ้วนาง แทน ′คู่ชีวิต′ ทีนี้ก็เหลือแค่ ′คู่ชีวิต′ แล้วล่ะ ที่จะอยู่กับเราไปจนแก่ til death do us part นี่แหละจึงเป็นที่มาว่า.. ทำไมถึงต้องสวมแหวนแต่งงานที่ "นิ้วนาง" ส่วนทำไมถึงต้องเป็นมือข้างซ้ายที่สวมแหวนด้วยนั้น oO@__@Oo ก็เพราะหัวใจของคนเราอยู่ข้างซ้าย และทราบมาว่า นิ้วนางมือซ้าย นั้นมีเส้นเลือดที่ส่งตรงถึงหัวใจของเรา จึงเชื่อว่า..ถ้าสวมแหวนแต่งงาน ที่ "นิ้วนาง" ข้างซ้าย ก็จะทำให้หัวใจของทั้งคู่นั้น อยู่ด้วยกันในใจของ "กันและกัน" ตลอดไป โรแมนติกสุดๆ ไปเลย. แหล่งที่มา: http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1229054992&grpid=01&catid=00 ตำนานแหวนหมั้น ตลอดศตวรรษที่ 19 อันเป็นศตวรรษแห่งความสมบูรณ์พูนสุข ไม่มีใครมีโอกาสชื่นชมเพชรนิลจินดายิ่งไปกว่า “พระนางเจ้าวิคตอเรีย” พระนางเจ้าวิคตอเรียทรงใช้จ่ายราชทรัพย์นับแสนปอนด์ เพื่อสะสมบรรดาเพชรนิลจินดา และในปี ค.ศ.1850 พระคลังเพชรของพระนาง ก็ได้บรรจุเพชรระบือนามที่ชื่อ “โคห์-อิ-นูร์” ( The Koh-i-noor) หรือ “ภูเขาแห่งแสง อันเป็นของกำนัลจากบริษัทอินเดียตะวันออกไว้อีกเม็ดหนึ่ง ลักษณะของเพชรที่พระนางเจ้าวิคตอเรียทรงโปรดปรานมากที่สุดคือ เพชรเม็ดเดี่ยวในแหวนลงยาเรียบๆ ที่พระสวามีอัลเบิร์ตประทานให้ เมื่อ 4 ปีก่อนการสมรส และเมื่อมีการอภิเษกทรงเลือกแหวนรูปงู อันเป็นสัญลักษณ์ที่นิยมมากในศตวรรษที่ 19 ลักษณะของงูขดวนไปรอบๆแหวน แสดงถึงความเป็นนิรันดร์ รูปงูนี้อาจจะมีเกล็ดหรือไม่ก็ได้ บางครั้งทำเป็นรูปงูขดทั้งตัวหรือเฉพาะส่วนหาง แหวนที่สวยที่สุดจะประดับเพชรหรือทับทิมที่ตางู รูปแบบของแหวนในศตวรรษนี้ได้เปลี่ยนจากเดิมเป็นอย่างมาก ทั้งในด้านอารมณ์ศิลป์และจินตนาการ เพชรในเรือนแหวนเพิ่มขนาดใหญ่ขึ้น เปล่งประกายบาดตา ส่วนในตอนปลายศตวรรษ ความคิดอิสระได้เกิดขึ้นพร้อมกับศิลปะแบบนูโว ทำให้มีการนำแบบอันละเอียดอ่อนเช่นเดิมกลับมาใช้อีกครั้ง แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ความสวยงามบาดตา และสัญลักษณ์สูงสุดของความรักความสมบูรณ์ ก็ยังคงเป็นคุณสมบัติของ “เพชร” ไม่แปรเปลี่ยน.... ในยุคนี้เป็นยุคที่เพชรก้าวมาถึงจุดสูงสุด เทคนิคการเจียระไนและขัดเกลาแบบใหม่ ทำให้เพชรเกิดความงามเต็มภาคภูมิ เพชรแต่ละเหลี่ยม จะมีประกายราวกับดวงไฟสุกสว่าง แบบเรือนแหวน พาเพชรหลีกหนีจากรูปแบบเก่า และเปิดโอกาสให้ช่างของศตวรรษที่ 20 ได้แสดงฝีมือเต็มที่ ราวปี ค.ศ.1900 ได้มีการใช้ทองคำขาวกันทั่วไป ทองขาวบริสุทธิ์มีความคงทนและแข็งแรงจนได้สมญาว่า “โลหะของสวรรค์” เมื่อได้ทองคำขาวที่มีคุณสมบัติพิเศษมาใช้ประโยชน์ ช่างเพชรสามารถลดขนาดเรือนแหวนลงได้มาก การออกแบบจึงมุ่งจุดสนใจไปยังเม็ดเพชรมากขึ้นทุกที เรือนแหวนทำเป็นเพียงโครงโปร่งๆ ทำให้การประดับประดาอย่างมีความหมายแบบสมัยก่อนลดความสำคัญลง และในปีค.ศ.1981 นิสซิ่งแห่งเยอรมนีได้ประดิษฐ์แหวนแบบใหม่ ที่จะช่วยแสดงความยิ่งใหญ่ของเพชร โดยที่เพชรจะถูกยึดอยู่โดยบ่าแหวน 2 ข้าง ตัวเรือนที่ทำมาจากทองคำขาวนี้จะมีความสามารถพิเศษในการรับแรงบีบมหาศาล แนนซี มิตฟอร์ด ให้ข้อสังเกตว่า “เพชรเป็นอัญมณีผูกพันอยู่กับจิตของสตรี แม้ว่าสตรีผู้นั้นจะไม่มีความรู้เลยก็ตาม นับเป็นผลทางจิตวิทยาที่มีความประหลาด” เธอเปรียบเทียบว่าเพชรมีอำนาจลึกลับ เหมือนกับมนตร์เสน่ห์ แม้กระทั่งทุกวันนี้เสน่ห์จากเพชรก็ยังคงอำนาจลึกลับเหนือจิตใจของทุคคน และ ไม่ว่าแฟชั่นของเพชรจะแปรเปลี่ยนอย่างไรก็ตาม แหวนเพชรในการหมั้นก็ยังเป็นที่ต้องการมากที่สุดของเจ้าสาวในศตวรรษที่ 20 นี้ตราบนานเท่านาน.......