อย่าตัดสินความรู้สึกของใครบางคน
ว่ามันเป็นเพียงแค่. . . “ชั่ววูบ” . . .
ตราบใดที่คุณยังเชื่อในรักแท้
ที่คุณพยายามมอบให้ใครสักคน
อย่ามองคนบางคนว่า. . . “โง่เขลา” . . .
ที่เฝ้ามอบความรักให้คุณมากมายเหลือเกิน
ตราบใดที่คุณเอง ก็ยังไม่รู้เหตุผล
ของการที่คุณมอบความรักให้ใครไปสักคน
อย่าดูถูกคุณค่าของความรักที่ได้จาก
คนที่คุณ ไม่ได้รัก . . .
ตราบใดที่คุณก็ยังเฝ้ารอมอบความรักให้กับ
คนที่ไม่ได้รักคุณเช่นกัน
เพราะอย่างน้อย ไม่แน่ว่าในขณะเดียวกัน
ที่คุณร้องไห้ ให้กับคนที่ไม่เห็นค่าความรักของคุณ
มีคน คนหนึ่งเฝ้ามองคุณด้วยความเจ็บปวด
ด้วยเหตุผลเดียวกัน. . .
หวานใจ กับ เจ้าชายอสูร...
http://dailyblabber.ivillage.com/entertainment
เรื่องราวความรักอันแสนหวาน และยังยาวนานอยู่
ของคู่นางแบบสาวสวยชาวเยอรมัน ไฮดี้ คลุม
กับซีลนักร้องหนุ่มหน้าโหด แต่จิตใจแสนอ่อนโยน
ซีลเห็นหน้าไฮดี้ครั้งแรกในปี 2003 ในงาน จีคิว อวอร์ด
เมืองลอนดอน ตอนที่เธอขึ้นรับรางวัล วู้แมนออฟเดอะเยียร์
"คืนนั้นที่ผมเห็นเธอ...เธอสวมใส่ชุดที่สุดยอดมาก ชุดเธอ
สีดำกึ่งๆ ซีทรูแนบเนื้อ แต่นั่น ยังไม่เท่ากับยิ้มกว้าง
บนใบหน้าของเธอที่สะดุดตาผม"
"ผมจำได้ว่า ผมแอบคิดในใจว่า ว้าว ผู้ชายคนไหน
ที่ได้ผู้หญิงคนนี้ไป ถือว่าโชคดีจริงๆ"
แต่ซีลก็ไม่กล้าเข้าไปคุยกับเธอ จนงานเลิก และกลับบ้านไป
สามอาทิตย์ต่อมา ซีลเข้าพักที่โรงแรม Mercer ในนิวยอร์ค
เขาเพิ่งออกมาจากยิมฯ แล้วจ๊ะเอ๋เข้ากับนางในฝันของเขา
อีกครั้งหนึ่ง.... ซีลพยายามหลบไฮดี้ เพราะว่าเขาดูไม่ดี
และเหงื่อโทรมกาย แต่ทว่า ไฮดี้เห็นเขาเสียก่อน
และไม่ยอมให้เขาหนีไป เธอชวนเขากินพิซซ่ากับเธอ
แต่ซีลก็ไม่กล้าคิดว่า เธอจะสนใจผู้ชายอย่างเขา
เขาเดาว่า เธอคงแค่อยากเป็นเพื่อนด้วยแค่นั้น
"ผมไม่คิดไม่ฝันว่าไฮดี้จะชอบผมน่ะ
ผมก็ว่าผมมีเซ้นส์ทางนี้อยู่พอสมควร"
"แหม ฉันออกจะให้ท่าเสียขนาดนั้น ยังทำเป็นไม่รู้อีก
อืม หรือบางทีอาจจะไม่ใช่ก็ได้มั้ง แต่ว่าเขาก็มากิน
พิซซ่ากับฉันนะ ฉันเลยเดาว่า อย่างน้อยเขาก็คงชอบ
ฉันบ้างนิดหน่อยล่ะ " ไฮดี้แทรกคำสัมภาษณ์ขึ้นมา
แต่จุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ดูไม่ธรรมดา
เพราะในเวลานั้น ไฮดี้ถูกมหาเศรษฐีอิตาลีทำป่อง และ
ความรักเริ่มง่อนแง่น เนื่องจากมหาเศรษฐี คงไม่ยินดีกับ
การท้องของไฮดี้ครั้งนี้นัก และทำท่าทำทางจะไม่รับเป็น
พ่อเด็กเสียอย่างนั้น ซึ่งทำให้ไฮดี้พบว่า ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว
เขาก็คงไม่ได้รักเธอเลย เธอจึงหมดรักเขาไปด้วยเช่นกัน.....
ซีลยังไม่แน่ใจในสัมพันธ์ดังกล่าวว่าตกลงทั้งคู่จะเลิกกัน
จริงไหม ดังนั้นเขาจึงรักษาสถานะภาพความสัมพันธ์ไว้กลางๆ
และไม่ผลีผลามเข้าไปในทันที จนกระทั่ง ห้าเดือนต่อมา
ซีลเห็นท้องป่องๆ ของไฮดี้และอาการบ่งบอกถึงความเป็น
ซิงเกิลมัมที่กำลังมาเยือนสาวเจ้า แล้วเกิดอาการสงสาร
พร้อมทั้งรู้ตัวแล้วว่า เขาตกหลุมรักเธอ และ
ลูกในท้อง ทั้งที่ไม่ใช่ลูกของเขานี่แหละ
"แม้ว่าเด็กจะยังไม่เกิด แต่ผมก็รู้สึกว่า ถ้าผมรักผู้หญิงคนนี้
ผมคงต้องทำอะไรให้ถูกต้องเพื่อลูกของเธอที่จะเกิดมา
ผมจึงขอเป็นแฟนกับเธออย่าจริงจังในตอนนั้น และให้
คำมั่นสัญญากับเธอว่า ผมจะรับเป็นพ่อเด็กให้เธอเอง"
"ผมไม่ได้คิดว่า ผมเป็นอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยเธอหรอกนะ
แต่ว่า ผมทำตามที่หัวใจมันสั่งมากกว่า และผม
ก็ไม่สนใจด้วยว่า ใครจะเม้าท์กันว่าอย่างไร"
และในเดือนพฤษภาคม 2004 เลนี่ลูกสาวของไฮดี้
ก็ลืมตาขึ้นมาดูโลก ซีลไม่ลังเล หรือกังวลใดๆ
ที่จะรับเป็นพ่อเด็กเลยแม้แต่นิดเดียว
เขาบอกว่า "สำหรับผมนะ ผมว่ามันไม่สำคัญหรอกว่า
ใครจะเป็นคนทำให้เด็กคนนี้เกิดมา แต่ผมว่าที่สำคัญ
มันอยู่ที่ใครที่จะเป็นคนรับผิดชอบเลี้ยงดูเขาต่างหากล่ะ"
"Briatore พ่อของเลนี่ไม่เคยติดต่อหรือมายุ่งเกี่ยวกับเลนี่เลย
แม้แต่น้อย แต่ผมว่า เขาก็ไม่ใช่คนเลวหรอกนะ ผมพยายาม
มองโลกในแง่ดีว่า เขาก็เป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง ในเมื่อเขา
ตกลงกับไฮดี้ว่าเขาไม่ขอรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น ดังนั้นไฮดี้
ก็เลยบอกห้ามไม่ให้เขาเข้ามายุ่งเกี่ยวอะไรกับเลนี่ทั้งสิ้น"
"และเขาก็ทำตามเป็นอย่างดี ผมก็ถือว่า เขาเป็นคนที่ใช้ได้
คนหนึ่งนะ ถือว่าไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวนะ เพราะผู้ชายบางคน
ไม่รับผิดชอบอะไรแต่ชอบมาแสดงความเป็นเจ้าเข้า
เจ้าของ และเจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตเด็กก็มีเยอะไป"
ซีลจึงได้เป็นพ่อเต็มตัวให้กับ เลนี่ และเขาก็ยินดีเป็นยิ่งนัก
เพราะมันเป็นการเริ่มต้นการแก้ไขเรื่องราวในอดีตอันเลวร้าย
ของเขากับพ่อ ซึ่งต่อไปนี้ ซีลก็จะได้มีโอกาสทำในสิ่งที่ตัวเอง
อยากทำมาตลอด นั่นคือ จะไม่เลี้ยงลูกในแบบผิดๆ อย่างพ่อ
ของเขา และเขาได้ตั้งปณิธานการเป็นพ่อที่ดีให้กับเลนี่อีกด้วย
จากแรงบันดาลใจนี้เอง ซีลและไฮดี้ก็ได้ตัดสินใจมี
ลูกชายเพิ่มอีกสองคน คือ เฮนรี่ และ โจฮัน ยังไม่รวม
ลูกสาวคนล่าสุดที่ยังอยู่ในท้องตอนนี้ด้วย
ซีลขอไฮดี้แต่งงานเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2004
ก่อนคริสต์มาสหนึ่งวัน และเลนี่มีอายุได้ประมาณ
หกเดือน โดยมีการจัดงานแต่งงานกันขึ้นที่ภูเขาน้ำแข็ง
สูงถึง 7000 ฟุต ใน Whistle ในเขต British Columbia
นอกจากเป็นพ่อที่ดีของลูกๆ แล้ว ใครๆ ต่างก็รู้ว่า ซีลเป็น
ผู้ชายที่แสนโรแมนติกที่สุดคนหนึ่ง จนมีนักข่าวทั้งหลาย
กล่าวติดปาก(กา)กันไว้ว่า คู่นี้รักกันไม่มีจืดจาง ซีลทำให้ไฮดี้
รู้สึกถึงความรักที่มั่นคงอยู่ทุกวี่วัน แถมยังจัดงานแต่งลำลอง และ
สาบานรักกับไฮดี้ทุกปี (อย่างที่เพิ่งเล่าข่าวไปแล้วเมื่อวันก่อน)
บอกแล้วไงว่า หน้าซาตาน แต่หัวใจเจ้าชายเสียขนาดนี้
สาวไฮดี้คนดีจะไม่หลงรักได้อย่างไร จริงไหมคะ
Thanks to Daily Mail (the uk) for a story and all pictures
********************************************************
Seal and Heidi Klum are totally loved up
and can't stop touching each other
ถ้าไม่เชื่อ ก็ดูกันเอาเองค่า
พอแหละ ไปดีกว่า เดี๋ยวริษยากันเป็นไฟ บล็อกจะไหม้เสียเปล่าๆ อิอิ
ขอบคุณภาพจากกู้เกิ้ลทั้งหลายด้วยค่ะ
SEAL
เจ้าชายอสูร
ซีล นักร้องดังชาวอังกฤษมีชื่อเต็มๆ ว่า Seal
Henry Olusegun Olumide Adeola Samuel
ชื่อกลางของเขา Olusegun มีความหมายว่า
God is victorious หรือที่ชาวฝรั่งเขาแปลกัน
ประมาณว่า หากเชื่อในพระเจ้าก็จะพบกับชัยชนะ
ซีลเกิดเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 1963 ปัจจุบัน
อายุ 46 ปี เขาประสบความสำเร็จในการเป็น
นักดนตรี นักร้อง และนักแต่งเพลงโซล ฟังก์กี้
รวมถึงแนวป๊อบที่โด่งดังเป็นที่รู้จักไปแล้วทั่วโลก
ซีลแต่งงานมีครอบครัวกับ ไฮดี้ คลุม นางแบบสาวแสนสวย
ชาวเยอรมัน พรีเซนเตอร์ของแบรนด์ดัง วิกตอเรียซีเคร็ท
เขาได้พบกับ Adam Tinley
โปรดิวเซอร์ที่ประทับใจเสียงของซีลมาก จนยกเพลง killer ให้ซีลร้องในชื่อ Adamski
ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น Seal ในปัจจุบัน และได้ทำซิงเกิ้ลแรกในปี 1990 จนประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
เพราะเพลง killer สามารถติดชาร์จเพลงฮิตของอังกฤษในช่วงนั้นได้อย่างรวดเร็ว
และยืนหยัดอยู่อย่างยาวนาน
อัลบั้มที่สองของซีลออกในปี 1994 โดยมีซิงเกิลดังสองเพลงที่คนรู้จักกันดี คือ
Prayer for the dying และ Newborn Friend ซึ่งต่อมาได้รับรางวัลแกรมมี่ในสาขา อัลบั้มยอดเยี่ยมแห่งปี
อัลบั้มที่สามของซีล มีการตัดเพลง Kiss from a Rose มาเป็นซิงเกิล ซึ่งภาพยนตร์เรื่องแบทแมน
ฟอร์เอฟเวอร์ ได้ขอไปใส่ในซาวน์แทรคหนัง เพลงนี้ได้รับรางวัลแกรมมี่อวอร์ดในปี 1996 สาขา
บันทึกเสียงยอดเยี่ยมแห่งปี และ เพลงยอดเยี่ยมแห่งปีด้วย และทำให้ซีลได้มีที่ยืนในตลาดอเมริกาในทันที
แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีเพลงฮิตเข้าไปในบิลบอร์ดชาร์จอยู่บ้างแล้วก็ตาม
ปัจฉิมฯ
หลายคนอาจจะสงสัยกันว่า หน้าซีลทำไมถึงได้มีแผลเป็นเช่นนี้ ก็มีข่าวลือออกมาต่างๆ
มากมาย แต่ซีลก็ยืนยันว่า เป็นเพราะความเจ็บป่วยในวัยเด็ก
เขาโชคร้ายที่ต้องเผชิญกับโรคชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Discoid Lupus Erythematosus (DLE)
ซึ่งอาการของโรคก็เหมือนกับโรคภูมิแพ้ชนิดหนึ่งซึ่งทำให้ผิวหนังไหม้เกรียมและกลายเป็นแผลเป็น
โดยเฉพาะเวลาเจอแดดเข้าไป นอกจากผลกระทบทางผิวหนังแล้ว โรคนี้ยังทำให้ซีลผมร่วงอีกด้วย
เขาเล่าว่า เนื่องจากไม่มีเงินรักษา เขาจึงต้องทุกข์ทรมานอยู่กับโรคนี้เป็นเวลาหลายปีทีเดียว