1
2

จักรวาลวิทยา ( The universe )



จักรวาลวิทยา full WN


Walnut-จักรวาลวิทยา(Apple Girls Band-Full Version)

จักรวาลวิทยา ( The universe )

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เอกภพ (มาจาก universe = uni + verse) หรือ จักรวาลในดาราศาสตร์นั้น คือ พื้นที่อันกว้างใหญ่มหาศาลข้างนอกนั่นสุดที่จะจินตนาการได้ ประกอบด้วย ดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์ ที่รวมทั้งโลก กาแล็คซี่ทางช้างเผือกของเรา และกาแล็คซี่อื่น ๆ อีกมากมาย และยังมีพื้นที่ว่างเปล่าระหว่างกาแล็คซี่
จักรวาลวิทยา
จักรวาลวิทยา เป็นการศึกษาเอกภพโดยรวม ซึ่งนับว่าเป็นการศึกษาถึงสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและเป็นพื้นฐานที่สุดในเวลาเดียวกัน จักรวาลวิทยามุ่งเน้นที่จะศึกษาถึงองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของสรรพสิ่งทั้งหลายในเอกภพ พร้อมกับพยายามที่จะอธิบายความเป็นมาของเอกภพในอดีต และทำนายความเป็นไปของเอกภพในอนาคต เอกภพเป็นอย่างไร เอกภพมีขอบเขตจำกัดหรือไม่ เอกภพเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะเหตุใดเอกภพจึงมีรูปร่างลักษณะอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และอนาคตข้างหน้าเอกภพจะเป็นอย่างไร ปัญหาเหล่านี้คือสิ่งที่นักจักรวาลวิทยาทั้งหลายสนใจ
จักรวาลวิทยาในความหมายที่กว้างที่สุด จะหมายถึงการทำความเข้าใจเอกภพโดยอาศัยความรู้จากหลายสาขาวิชา ไม่ว่าจะเป็น วิทยาศาสตร์ ปรัชญา ศาสนา หรือศิลปะ แต่โดยทั่วไปในปัจจุบัน จักรวาลวิทยาจะหมายถึงการศึกษาเอกภพโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านฟิสิกส์และดาราศาสตร์ ซึ่งถือว่าเป็นสองเครื่องมือสำคัญในการใช้ศึกษาเอกภพ เป็นที่ยอมรับกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่า ยิ่งเรามีความรู้ทางด้านฟิสิกส์และดาราศาสตร์มากขึ้นเท่าใด เราก็จะยิ่งมีความเข้าใจในเอกภพมากขึ้นเท่านั้น

มโนทัศน์เกี่ยวกับเอกภพของมนุษย์เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย
ชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่าเอกภพประกอบด้วยโลกคือเทพเจ้าเก็บ ซึ่งถูกโอบล้อมด้วยท้องฟ้าคือเทพเจ้านัท ต่อมาเมื่อชาวกรีกโบราณศึกษาท้องฟ้าและการโคจรของดวงดาวมากขึ้น เขาก็สามารถสร้างแบบจำลองเอกภพที่สอดคล้องกับข้อมูลที่ได้จากการศึกษานั้น โดยให้โลกเป็นจุดศูนย์กลางของเอกภพ และมีดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ รวมทั้งดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ทั้งหลาย โคจรอยู่รายล้อม แบบจำลองโลกเป็นศูนย์กลางนี้เป็นที่ยอมรับกันมานับพันปี ก่อนที่โคเปอร์นิคัสจะเสนอแบบจำลองใหม่ที่ให้ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง ด้วยเหตุผลว่าแบบจำลองนี้ใช้การคำนวณที่ซับซ้อนน้อยกว่า (หลักการของออคแคม) จะเห็นว่าความรู้ความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นนั้นทำให้มนุษย์มองโลกและเอกภพต่างออกไป

การศึกษาเอกภพก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20
เพราะในศตวรรษนี้มีทฤษฎีใหม่ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของเอกภพมากขึ้น เช่น ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป และควอนตัมฟิสิกส์ รวมทั้งมีการค้นพบหลายสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างมากต่อวงการจักรวาลวิทยา เช่น การค้นพบว่าเอกภพกำลังขยายตัว หรือการค้นพบการแผ่รังสีคอสมิกไมโครเวฟเบื้องหลัง เป็นต้น ทั้งทฤษฎีและการค้นพบใหม่ ๆ เหล่านี้ทำให้ภาพของเอกภพในใจมนุษย์นั้นกระจ่างแจ่มชัดและใกล้เคียงความจริงยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่มนุษย์รู้เกี่ยวกับเอกภพนั้นยังน้อยมาก และยังคงมีอีกหลายปัญหาในทางจักรวาลวิทยาที่ยังคงเป็นปริศนาอยู่ในปัจจุบัน

แผนที่ภาระกิจ สำรวจระบบสุริยะจักรวาล ( Space Exploration on One Map )
Space Exploration การสำรวจอวกาศ
สำหรับมนุษย์ชาตินั้นพึ่งเริ่มมาเพียง 50 กว่าปี หลังจากความสำเร็จของภาระกิจ สปุตนิก 1(Sputnik 1) ในปี 1957 นับว่าสั้นนักหากเปรียญเทียบกับอายุขัยของ จักรวาล (เพียงลำพังอายุของ ดวงอาทิตย์ก็มากกว่า 4.6 พันล้านปี)

50 ปี แห่งภาระกิจสำรวจระบบสุริยะจักรวาล ของมนุษย์ชาติ
ภาพข้างต้น อาจจะดูแปลกตา มาดูกันว่ามันมีความหมายอย่างไรขออภิบายคร่าวๆ ดังนี้
1. จากภาพ วงกลมสีฟ้า ที่เป็นศูนย์กลางของ ริ้วเส้นเส้นสายจำนวนมาก คือ โลก(Earth)
2. เส้นสายจำนวนมาก แทน จำนวนภาระกิจที่ยานสำรวจอวกาศ ที่ถูกส่งจากโลกไปสำรวจ ดวงดาวต่างในระบบสุริยะจักรวาลของเรา ดังต่อไปนี้
ดวงอาทิตย์(Sun) มีภาระกิจสำรวจ 9 ภาระกิจ
ดาวพุธ(Mercury) มีภาระกิจสำรวจ 2 ภาระกิจ
ดาวศุกร์(Venus) มีภาระกิจสำรวจ 43 ภาระกิจ
ดวงจันทร์(Moon) มีภาระกิจสำรวจ 73 ภาระกิจ
ดาวอังคาร(Mars) มีภาระกิจสำรวจ 40 ภาระกิจ
ดาวพฤหัสบดี(Jupiter) มีภาระกิจสำรวจ 9 ภาระกิจ
ดาวเสาร์(Saturn) มีภาระกิจสำรวจ 5 ภาระกิจ
ดาวยูเรนัส( Uranus ) มีภาระกิจสำรวจ 1 ภาระกิจ
ดาวเนปจูน( Neptune ) มีภาระกิจสำรวจ 1 ภาระกิจ
อุกกาบาต(Asteroid) และดาวหาง(Comet) มีภาระกิจสำรวจ 14 ภาระกิจ
3. แถบด้านล่างสุด เป็นแถบเพื่อบอกระยะทางของยานสำรวจอวกาศ ลำต่างว่าปัจจุบันอยู่ห่างจากโลก เป็นระยะทางเท่าไร ( หน่วยเป็น 1,000 ล้านไมล์ ) ซึ่งจะมียานเพียง 5 ลำที่ปรากฏในแถบนี้ คือยานดังต่อไปนี้
New Horizon ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2006 มีเส้นทางจากโลก เข้าสู่วงโคจรของดาวพฤหัสบดี แล้วเดินทางผ่านดาวเสาร์เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2008 และคาดว่าจะถึงดาวพลูโต ในวันที่ 14 กรกฎาคม 2015
Pioneer 11 ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศเมื่อวันที่ 6 เมษายน 1973 มีเส้นทางจากโลก ผ่านดาวอังคาร ผ่านดาวพฤหัสบดี และออกจากระบบสุริยะจักรวาลไป เมื่ออยู่ระหว่างดาวพฤหัสบดี กับดาวเสาร์ ยานไพโอเนียร์11 ยังค้นพบ วงแหวนดาวเสาร์เพิ่มเติมจากเดิม
Voyager2 ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 1977 มีเส้นทางผ่านดาวในระบบสุริยะจักรวาลทุดดวง และเป็นยานสำรวจอวกาศ ลำแรกที่มาถึง ดาวยูเ้รนัส และดาวเนปจูน
Pioneer 10 ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 1972
Voyager1 ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศเมื่อวันที่ 6 กันยายน 1977 และนับเป็นยานสำรวจอวกาศที่อยู่ไกลจากโ ลกมากที่สุดขณะนี้คือมีระยะทางกว่า 10 พันล้านไมล์



The Early Cosmos
Stars are forming in Henize 2-10, a dwarf starburst galaxy located about 30 million light years from Earth, at a prodigious rate, giving the star clusters in this galaxy their blue appearance. This combination of a burst of star formation and a massive black hole is analogous to conditions in the early Universe. Since Henize 2-10 does not contain a significant bulge of stars in its center, these results show that supermassive black hole growth may precede the growth of bulges in galaxies. This differs from the relatively nearby universe where the growth of galaxy bulges and supermassive black holes appears to occur in parallel.

The combined observations from multiple telescopes has provided astronomers with a detailed new look at how galaxy and black hole formation may have occurred in the early universe. This image shows optical data from the Hubble Space Telescope in red, green and blue, X-ray data from NASA's Chandra X-ray Observatory in purple, and radio data from the National Radio Astronomy Observatory's Very Large Array in yellow. A compact X-ray source at the center of the galaxy coincides with a radio source, giving evidence for an actively growing supermassive black hole with a mass of about one million times that of the sun.

Image Credit: X-ray (NASA/CXC/Virginia/A.Reines et al); Radio (NRAO/AUI/NSF); Optical (NASA/STScI)


Seeing Red
This image by the Hubble Space Telescope shows a dramatic view of the spiral galaxy M51, dubbed the Whirlpool Galaxy. Seen in near-infrared light, most of the starlight has been removed, revealing the Whirlpool's skeletal dust structure. This new image is the sharpest view of the dense dust in M51. The narrow lanes of dust revealed by Hubble reflect the galaxy's moniker, the Whirlpool Galaxy, as if they were swirling toward the galaxy's core.

Image Credit: NASA, ESA, M. Regan and B. Whitmore (STScI), R. Chandar (University of Toledo), S. Beckwith (STScI), and the Hubble Heritage Team (STScI/AURA)
Going Supernova
While searching the skies for black holes using NASA's Spitzer Space Telescope, astronomers discovered a giant supernova that was smothered in its own dust. In this artist's rendering, an outer shell of gas and dust -- which erupted from the star hundreds of years ago -- obscures the supernova within. This event in a distant galaxy hints at one possible future for the brightest star system in our own Milky Way.

Image Credit NASA/JPL-Caltech
The Triangulum Galaxy
The Triangulum Galaxy is located nearly 3 million light years from Earth. And, in a study that pushes the limits of observations currently possible from Earth, a team of NASA and European scientists recorded the "fingerprints" of mystery molecules in the Triangulum Galaxy, as well as the Andromeda Galaxy.

Figuring out exactly which molecules are leaving these clues, known as "diffuse interstellar bands" (DIBs), is a puzzle that initially seemed straightforward but has gone unsolved for nearly a hundred years. The answer is expected to help explain how stars, planets and life form.

Image Credit: NASA/Swift Science Team/Stefan Immler
Andromeda’s Once and Future Stars
Two European Space Agency observatories combined forces to show the Andromeda Galaxy in a new light. Herschel sees rings of star formation in this, the most detailed image of the Andromeda Galaxy ever taken at infrared wavelengths, and XMM-Newton shows dying stars shining X-rays into space.

ESA’s Herschel and XMM-Newton space observatories targeted the Andromeda Galaxy, the nearest large spiral galaxy, which like our own Milky Way contains several hundred billion stars. This is the most detailed far-infrared image of the Andromeda Galaxy ever taken and clearly shows that more stars are on their way.
In this image, Herschel’s infrared image of the Andromeda Galaxy shows rings of dust that trace gaseous reservoirs where new stars are forming and XMM-Newton’s X-ray image shows stars approaching the ends of their lives. Both infrared and X-ray images convey information impossible to collect from the ground because these wavelengths are absorbed by Earth’s atmosphere.
For more information and images, visit the ESA site.

Image Credit: ESA/Herschel/PACS/SPIRE/J.Fritz, U.Gent/XMM-Newton/EPIC/W. Pietsch, MPE
Sparkle
This Hubble Space Telescope image of galaxy NGC 1275 reveals the fine, thread-like filamentary structures in the gas surrounding the galaxy. The red filaments are composed of cool gas being suspended by a magnetic field, and are surrounded by the 100-million-degree Fahrenheit hot gas in the center of the Perseus galaxy cluster.

The filaments are dramatic markers of the feedback process through which energy is transferred from the central massive black hole to the surrounding gas. The filaments originate when cool gas is transported from the center of the galaxy by radio bubbles that rise in the hot interstellar gas.
At a distance of 230 million light-years, NGC 1275 is one of the closest giant elliptical galaxies and lies at the center of the Perseus cluster of galaxies.

The galaxy was photographed in July and August 2006 with Hubble's Advanced Camera for Surveys.

Image Credit: NASA, ESA, and the Hubble Heritage (STScI/AURA)-ESA/Hubble Collaboration; Acknowledgment: A. Fabian (Institute of Astronomy, University of Cambridge, UK)

The Greatest Stars
The small open star cluster Pismis 24 lies in the core of the NGC 6357 nebula in Scorpius, about 8,000 light-years away from Earth. The brightest object in the center of this image is designated Pismis 24-1 and was once thought to weigh as much as 200 to 300 solar masses. This would not only have made it by far the most massive known star in the galaxy, but would have put it considerably above the currently believed upper mass limit of about 150 solar masses for individual stars.

However, Hubble Space Telescope high-resolution images of the star show that it is really two stars orbiting one another that are each estimated to be 100 solar masses.

In addition, spectroscopic observations with ground-based telescopes further reveal that one of the stars is actually a tight binary that is too compact to be resolved even by Hubble. This divides the estimated mass for Pismis 24-1 among the three stars. Although the stars are still among the heaviest known, the mass limit has not been broken due to the multiplicity of the system.

ImageCredit: NASA, ESA, and J. Maíz Apellániz (Instituto de Astrofísica de Andalucía, Spain)
The images of NGC 6357 were taken with Hubble's Wide Field and Planetary Camera 2 in April 2002.
Dark Reflections in the Southern Cross
NASA's Wide-field Infrared Survey Explorer, or WISE, captured this colorful image of the reflection nebula IRAS 12116-6001. This cloud of interstellar dust cannot be seen directly in visible light, but WISE's detectors observed the nebula at infrared wavelengths.

In images of reflection nebulae taken with visible light, clouds of dust reflect the light of nearby stars. The dust is warmed to relatively cool temperatures by the starlight and glows with infrared light, which WISE can detect. Reflection nebulae are of interest to astronomers because they are often the sites of new star formation.

The bright blue star on the right side of the image is the variable star Epsilon Crucis. In the Bayer system of stellar nomenclature, stars are given names based on their relative brightness within a constellation. The Greek alphabet is used to designate the star's apparent brightness compared to other stars in the same constellation. "Alpha" is the brightest star in the constellation, "beta" the second brightest, and so on. In this case, "epsilon" is the fifth letter of the Greek alphabet, so Epsilon Crucis is the fifth brightest star in the constellation Crux.

Crux is a well-known constellation that can be easily seen by observers in the Southern Hemisphere and from low northern latitudes. Also known as the Southern Cross, Crux is featured in many country's flags, including Australia, Brazil and New Zealand (although New Zealand's flag does not include Epsilon Crucis).

The colors used in this image represent specific wavelengths of infrared light. The blue color of Epsilon Crucis represents light emitted at 3.4 and 4.6 microns. The green-colored star seen beside Epsilon Crucis is emitting light at 12 microns. This star is IRAS 12194-6007, a carbon star that is near the end of its lifecycle. Since the infrared wavelengths emitted by this star are longer than those from Epsilon Crucis, it is cooler. The green and red colors seen in the reflection nebula represent 12- and 22-micron light coming from the nebula's dust grains warmed by nearby stars.

Image credit: NASA/JPL-Caltech/UCLA

Ultraviolet
This mosaic of M31 merges 330 individual images taken by the Ultraviolet/Optical Telescope aboard NASA's Swift spacecraft. It is the highest-resolution image of the galaxy ever recorded in the ultraviolet. Also known as the Andromeda Galaxy, M31 is more than 220,000 light-years across and lies 2.5 million light-years away. On a clear, dark night, the galaxy is faintly visible as a misty patch to the naked eye.

The irregular shape of the image results when the more than 300 images were assembled to make the final image.

Image Credit: NASA/Swift/Stefan Immler (GSFC) and Erin Grand (UMCP)

Deep Inside the Milky Way
This artist's impression shows how the Arches star cluster appears from deep inside the hub of our Milky Way Galaxy. Hidden from our direct view, the massive cluster lies 25,000 light-years away and is the densest known gathering of young stars in our galaxy. The illustration is based on infrared observations from Hubble and with ground-based telescopes, which pierced our galaxy's dusty core and snapped images of the luminous cluster of about 2,000 stars.

Image Credit: Artist's Concept/NASA/ESA/STScI
http://www.nasa.gov/home/index.html
http://wowboom.blogspot.com/2010/08/space-exploration-on-one-map.html






1
2

Wish You Happinessss

Success is not the key to happiness. Happiness is the key to success. 
If you love what you are doing, you will be successful. 

~ Albert Schweitzer ~

 คัมภีร์ 5 ห่วง  วิถีแห่ง "ซามูไร" วิถีแห่งนักรบ "บูชิโด"   แนวคิดของตัวเม่น   GOOD LUCK สร้างแรงบันดาลใจเพื่อความสำเร็จ ในชีวิตและธุรกิจด้วยตัวคุณเอง    Why complicate life ?   3 x 8 = เท่าไหร่ ?????   "ฉันชื่อ..โอกาส"

Wish You Happinessss