Ruby Birthstone for July. Symbol of Happiness and Good Fortune.
เดือนกรกฎาคม ทับทิม(Ruby) “ ราชาแห่งอัญมณี ” มณีแดง พลอยแดง ปัทมราช รัตนราช ล้วนหมายถึง ทับทิม หรือ ราชาแห่งอัญมณีทั้งสิ้น ทับทิมหรือRuby ซึ่งแปลว่า สีแดง เป็นอัญมณีในตระกูลคอรันดัม (Corandam) ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับไพลิน (Blue Sapphire)ด้วยความแข็งถึง 9 โมส์ (Moh) ซึ่งเป็นรองเพียงแค่เพชร สีแดงที่สดใสสะดุดตา ประกายอันเจิดจ้า ประกอบกับความเชื่อเกี่ยวกับอำนาจลึกลับ จึงทำให้ทับทิมเป็นที่ปรารถนามาทุกยุคทุกสมัย วรรณกรรมอินเดียได้บันทึกลักษณะของทับทิมไว้เมื่อ 2,000 ปีก่อน อันเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นว่ามนุษย์เรารู้จักทับทิมมาเป็นเวลานาน ราชวงศ์อังกฤษก็ใช้ทับทิมประดับเป็นแหวนทองราชาภิเษก โดยสลักเป็นรูปไม้กางเขนเซนท์จอร์จและรอบ ๆ ตัวทับทิมถูกประดับรายล้อมไว้ด้วยเพชรถึง 26 เม็ด เครื่องรางนำโชค กล่าวได้ว่า ทับทิม คือ อัญมณีที่ทรงคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง ในคัมภีร์ไบเบิ้ล ยกย่องอัญมณีสีแดงชนิดนี้ว่าเป็นดั่งความมีสติปัญญาอันล้ำเลิศ เชื่อกันว่า ผู้ใดมีทับทิมที่มีสีแดงสดใส ไม่มีตำหนิ จะทำให้ผู้นั้นมีอำนาจ ร่ำรวยสุขภาพสมบูรณ์ มีสติปัญญาดี และประสบความสำเร็จในชีวิต ส่วนทางด้านความรัก ถือกันว่าทับทิม คือ อัญมณีที่ทำให้สุขสมหวังในความรัก สีแดงของทับทิมเป็นสีแห่งความรักและอารมณ์ ทับทิมจึงมีพลังช่วยกระตุ้นให้กล้าแสดงออกและกล้าแสดงความรู้สึกรักมากขึ้นทำให้สมหวังในเรื่องรัก และยังช่วยผลักดันให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ด้วย ทับทิมยังถูกนำมาเป็นของขวัญในวาระครบรอบการแต่งงานปีที่ 15 และปีที่ 40 สำหรับผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับเลือด เช่น โลหิตจาง หรือผู้ที่เป็นโรคที่เกี่ยวกับอวัยวะเพศ ทับทิมมีพลังช่วยบำบัดอาการเหล่านี้ได้ ตำนานกำเนิดทับทิม ตำนานการเกิดของทับทิมในคัมภีร์พระเวทบันทึกไว้ว่า เกิดจากโลหิตของอสูรวลาซึ่งถูกเหล่าเทวดาหลอกมาสังหารแล้วแยกชิ้นส่วนร่างกายของอสูรตนนี้ออกอันเนื่องมาจากอสูรวลามีอำนาจเหนือพระอินทร์ คอยกดขี่ข่มเหงเทวดาอื่น ๆ สุริยเทพได้นำโลหิตของอสูรวลาเหาะท้องฟ้า แต่ถูกราวัณซึ่งเป็นพระราชาแห่งศรีลังกา ผู้หยิ่งทะนงกับชัยชนะของตนเหนือเหล่าเทพยดากีดขวางไว้ ทำให้เกิดสุริยคราส และสุริยเทพทำโลหิตของอสูรวลาหล่นลงมายังสระลึกแห่งภารตะ แหล่งผลิตทับทิม สระลึกแห่งภารตะในปัจจุบันก็คือ พม่า ไทย เขมร เวียดนาม อินเดีย ศรีลังกา อัฟกานิสถาน ปากีสถาน และเนปาลในปัจจุบัน ดินแดนเหล่านี้จึงกลายเป็นแหล่งทับทิมที่สำคัญทุกวันนี้ ทับทิมที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก คือ ทับทิมโมกก (Mokok) ของพม่า เพราะมีสีแดงสดใส แต่จากการที่เหมืองในพม่าถูกรัฐบาลทหารควบคุม จึงเป็นโอกาสให้ทับทิมของไทยเริ่มเข้าสู่ตลาดโลก ทับทิมที่ขุดพบในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นสีแดงอมม่วง แดงอมน้ำตาล และแดงดำ หรือเรียกกันว่า ทับทิมสยาม เมื่อผ่านกรรมวิธีการเผา ทับทิมเหล่านี้จะมีสีแดงสดใส ไร้มลทินเป็นที่ต้องการของตลาด ประเทศไทยจึงกลายเป็นแหล่งผลิตทับทิมที่ใหญ่ที่สุดในโลกเพราะผลิตได้มากถึง 80 % นอกจากนี้ ทับทิมยังพบได้ที่อเมริกา ออสเตรเลีย แอฟริกา เคนยา สีแดงที่สดใสของทับทิมนั้นเกิดจาการที่มีโครเมียมปะปนอยู่ในผลึก แต่ในช่วงเวลาหลายล้านปีก่อนที่ทับทิมเริ่มก่อตัวขึ้นก็เกิดรอยแยกจำนวนมากอยู่ภายในผลึกทับทิมเช่นเดียวกัน ดังนั้น การขุดหาทับทิมขนาดใหญ่กว่า3 กะรัตที่มีสีแดงสด และไร้มลทินจึงทำได้ยาก จึงเป็นสาเหตุให้ทับทิมเป็นอัญมณีที่มีมูลค่าสูงไม่เปลี่ยนแปลง
Peridot Birthstone for August. Symbol of Warmth and Charity.
เดือนสิงหาคม เพอริโด (Peridot) “ เพอริโด อัญมณีแห่งความกล้าหาญ ” เพอริโดเป็นอัญมณีแปลกประหลาดที่นอกจากจะพบได้ตามชั้นหินอัคนีในโลกแล้ว ยังพบได้จากลูกอุกกาบาตนอกโลกที่ตกลงมาบนโลกของเราด้วย คำว่า เพอริโด (Peridot) เป็นภาษาฝรั่งเศส เป็นอัญมณีในตระกูลโอลิวีน (Olivine) ซึ่งแปลว่า สีเขียวมะกอก มีความแข็ง 6.5 – 7 โมส์ (Moh) มีความวาวแบบแก้ว สีของเพอริโดมีทั้งสีเขียวอมเหลือง สีเขียวใส สีเขียวอมเทา สีเขียวอมน้ำตาล แต่สีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ สีเขียวใสบริสุทธิ์ ในสมัยอียิปต์โบราณ มีการทำเหมืองเพอริโดบนเกาะ Zeberget แต่ต้องทำกันในเวลากลางคืนเท่านั้นเพราะในเวลากลางวันจะมองไม่เห็นแร่ชนิดนี้ ส่วนชาวโรมันเรียกเพอริโดว่า Evening Emerald เพราะเมื่อใช้ตะเกียงส่องหาแร่ชนิดนี้ในเวลากลางคืนก็ยังคงมองเห็น ต่อมาในยุคกลาง มีการนำเพอริโดไปประดับตามโบสถ์สันนิษฐานว่าชาวยุโรปที่ไปร่วมรบในสงครามครูเสดเป็นผู้ที่นำเพอริโดเหล่านี้กลับมา จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ผู้คนมากมายเชื่อกันว่า เพริโดต์มีพลังสามารถขับไล่วิญญาณร้าย ภูตผีปีศาจได้ และช่วยคุ้มครองผู้สวมใส่ด้วย นักรบสมัยโบราณจึงมักจะพกอัญมณีชนิดนี้ติดตัวไว้ เพริโดต์มีพลังที่ทำให้จิตใจของผู้สวมใส่เข้มแข็ง กล้าหาญ และหากนำเพริโดต์ไปประดับกับทองจะยิ่งทำให้เพริโดต์มีพลังมากขึ้น ทางด้านความรัก จากพลังของเพริโดต์ที่นำมาซึ่งอารมณ์และจิตใจที่มั่นคง จึงทำให้คู่แต่งงานที่สวมใส่อัญมณีชนิดนี้มีความสุขในชีวิตแต่งงาน ทางด้านการบำบัดรักษา เพริโดต์ช่วยในเรื่องระบบทางเดินอาหาร เช่น ช่วยในการดูดซึมอาหาร ช่วยการทำงานของม้าม ถุงน้ำดี ตับ ตับอ่อน และรักษาโรคหอบหืดได้เพอริโด แหล่งที่พบเพอริโด แหล่งของเพริโดต์พบมากที่เมืองโมกก ประเทศพม่า เกาะเซนต์จอห์นในทะเลแดง รัฐอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา จีน ศรีลังกา และล่าสุดมีการขุดพบเพริโดต์คุณภาพดีที่ปากีสถาน
Sapphire Birthstone for September. symbol of Faith and Goodness.
เดือนกันยายน ไพลิน (Sapphire) “ ไพลิน อัญมณีแห่งคุณธรรม ” ไพลิน (Blue Sapphire) เป็นอัญมณีในตระกูลคอรันดัม (Corandam) ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกันกับทับทิม จึงมีความแข็ง 9 โมส์ (Moh) และมีความวาวแบบเพชรเช่นเดียวกัน แต่ไพลินมีแร่ไททาเนียมและเหล็กปนอยู่ในผลึก จึงทำให้ไพลินมีสีน้ำเงิน ในขณะที่ทับทิมมีแร่โครเมียมปนอยู่จึงทำให้มีสีแดง คำเรียกอัญมณีชนิดนี้ แต่เดิมนั้นคนไทยเรียกว่า นิลกาฬ ดังที่ปรากฏในคำกลอนนพรัตน์ที่ว่า “ สีหมอกเมฆนิลกาฬ ” แต่ต่อมาเปลี่ยนมาเรียกกันว่า “ ไพลิน ” เนื่องจาก เมื่อประมาณ 30 – 40 ปีก่อน นิลกาฬสีน้ำเงินเข้มสดที่มาจากจังหวัดไพลิน ประเทศเขมรเป็นที่ต้องการของตลาดมาก เมื่อผู้ขายนำมาขายจึงต้องระบุว่ามาจากจังหวัดไพลิน จนคำว่า “ ไพลิน ” กลายเป็นคำเรียกแทน “ นิลกาฬ ” ไปโดยปริยาย ส่วนคำว่า Sapphire นั้น มาจากคำว่า Sapphiros ในภาษากรีก แปลว่า สีน้ำเงิน อัญมณีแห่งความจริงใจ คนในสมัยโบราณมีความเชื่อเกี่ยวกับอัญมณีชนิดนี้หลากหลาย เช่น ชาวยิวเชื่อว่าไพลินเป็นเสมือนสารลับจากพระเจ้า ชาวเปอร์เซียคิดว่าโลกของเราวางอยู่เหนือไพลินขนาดใญ่ ส่วนท้องฟ้า คือ ภาพสะท้อนสีสันอันงดงามของไพลิน ไพลินเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงและความซื่อสัตย์ ผู้หญิงจำนวนมากจึงเลือกใช้ไพลินมาทำเป็นแหวนหมั้น นอกจากนี้ไพลินยังเป็นอัญมณีแห่งคุณธรรมอีกด้วย ช่วยทำให้ผู้ที่สวมใส่มีจิตใจตั้งมั่นอยู่ในความดี ช่วยควบคุมอารมณ์ เพิ่มความเชื่อมั่นและความศรัทธาต่อตัวเอง ช่วยให้ประสบความสำเร็จในชีวิต และเช่นเดียวกับอัญมณีทรงคุณค่าชนิดอื่น ๆ ไพลินก็มีอำนาจช่วยปกป้องให้พ้นจากภยันตรายต่าง ๆ ด้วย ทางด้านการบำบัดรักษา ไพลินช่วยบรรเทาโรคหรืออาการทางสมอง โรคที่เกี่ยวกับประสาทและไขสันหลังผิวหนังอักเสบได้ ตำนานกำเนิดไพลิน ในคัมภีร์พระเวทบันทึกไว้ว่า ไพลิน คือ ดวงตาของอสูรวลาซึ่งถูกเหล่าเทวดาหลอกมาสังหารแล้วแยกชิ้นส่วนร่างกายของอสูรตนนี้ออกอันเนื่องมาจากอสูรวลามีอำนาจเหนือพระอินทร์ คอยกดขี่ข่มเหงเทวดาอื่น ๆ ชิ้นส่วนร่างของมารวลาที่ตกลงมาบนโลกมนุษย์ได้กลายเป็นอัญมณีชนิดต่าง ๆ ส่วนดวงตานั้นได้ตกลงมายังเกาะลังกา แหล่งที่พบไพลิน บริเวณที่ไพลินร่วงหล่นลงมาได้กลายมาเป็นแหล่งไพลินแหล่งใหญ่ในปัจจุบัน คือ ประเทศศรีลังกา และบริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย พม่า เขมร ไพลินที่ดีที่สุดพบที่แคว้นแคชเมียร์ ประเทศอินเดีย ไพลินของแคว้นแคชเมียร์ถูกค้นพบครั้งแรกในปี ค . ศ .1881 ไพลินของแคว้นนี้มีสีน้ำเงินเข้ม แลดูนุ่มนวล ไม่อมเขียวหรืออมดำ เรียกกันว่า สีน้ำเงินกำมะหยี่ (Velvety Blue) ไพลินที่ขึ้นชื่ออีกแหล่งหนึ่ง คือ ไพลินจากซีลอน หรือประเทศศรีลังกาซึ่งมีลักษณะเดียวกันกับไพลินจากแคว้นแคชเมียร์ สำหรับในประเทศไทย พบไพลินมากที่จังหวัดจันทบุรีและกาญจนบุรี ไพลินของไทยส่วนใหญ่มีสีน้ำเงินเข้ม น้ำเงินอมดำ อมเขียว หรืออมฟ้า นอกจากนี้ยังพบไพลินที่จังหวัดแพร่ สุโขทัย ศรีสะเกษ เพชรบูรณ์บ้างประปราย
Opal Birthstone for October. Symbol of Hope and Inspiration.
เดือนตุลาคม โอปอล (Opal) “ โอปอล อัญมณีสีรุ้ง ” โอปอล (Opal) เป็นอัญมณีในตระกูลควอร์ตซ์ (Quatrz) เช่นเดียวกับแอเมทิสต์ซึ่งเป็นอัญมณีประจำราศีกุมภ์ มีความแข็ง 5 – 6 โมส์ (Moh) มีความวาวแบบแก้วและยางสน มีหลายสีด้วยกัน เช่น สีขาว แดง เหลือง เขียว ม่วง ดำ แต่ที่เป็นที่นิยมมากที่สุด คือ โอปอลไฟ จากสีสันลวดลายอันงดงามที่พาดผ่านบนตัวโอปอลนี้ ทำให้นักประวัติศาสตร์ ไพลนี (Pliny) ชื่นชมไว้ว่า มันคือศูนย์รวมความงามของเหล่าอัญมณี เพราะประกอบด้วยเปลวไฟสีแดงจากทับทิม ประกายสีม่วงเหมือนแอเมทิสต์ และสีเขียวน้ำทะเลจากมรกต คำว่า Opal มาจากภาษาสันสกฤตว่า Upula แปลว่า หินมีค่า โอปอลเป็นที่รู้จักมาเป็นเวลานานหลายพันปีมาแล้ว โดยเฉพาะประเทศในแถบตะวันตก นักโบราณคดีชื่อ Louis Leaky ขุดพบเครื่องประดับโอปอลที่เก่าแก่ที่สุดซึ่งมีอายุถึง 6,000 ปี ในถ้ำที่ประเทศเคนยา มงกุฎของกษัตริย์แห่งอาณาจักร Holy Roman ประดับด้วยโอปอลชื่อ Orphanus มงกุฎของกษัตริย์แห่งฝรั่งเศสก็ประดับด้วยโอปอลเช่นกัน อัญมณีสีรุ้งนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเขียนในสมัยก่อนมากมาย เช่น วิลเลียม เช็คสเปียร์ (William Shakespeare) เซอร์ วอลเตอร์ สก็อต (Sir Walter Scott) ก่อให้เกิดภาพลักษณ์ใหม่ ๆ แก่โอปอล สัญลักษณ์แห่งความหวังของชาวตะวันตก ชาวตะวันตกเชื่อกันว่าโอปอลเป็นหินแห่งโชคลาง มีความเกี่ยวข้องกับไสยศาสตร์ สามารถบอกเหตุล่วงหน้าได้ว่าจะเกิดเหตุดีหรือเหตุร้าย โอปอลยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง เพราะมันเต็มไปด้วยสายรุ้งแห่งความหวัง ผู้ที่สวมใส่อัญมณีชนิดนี้จะสมหวังในสิ่งที่ต้องการ ชาวอาหรับเชื่อว่าโอปอล คือ อัญมณีที่ตกลงมาจากสวรรค์ ทางด้านการบำบัด หากสตรีมีครรภ์สวมใส่โอปอลจะช่วยให้คลอดบุตรง่าย หากทำเป็นเครื่องประดับผมจะช่วยให้ผมดำเงางาม ในยุคกลาง เชื่อกันว่าโอปอลทำให้สายตาดี หากกลัดเป็นเข็มกลัดไว้ที่หน้าอกจะช่วยให้ปอดดีขึ้น ตำนานการเกิดโอปอล สีสันหลากหลาบนโอปอลมีตำนานเล่าขานกันว่า เทพแห่งดวงอาทิตย์ เทพแห่งไฟ และเทพแห่งสวรรค์หลงรักผู้หญิงคนเดียวกัน ทำให้เทพทั้งสามบาดหมางกัน เทพเจ้าซีอุสจึงแก้ปัญหาโดยสาปหญิงผู้นั้นให้กลายเป็นหมอกแต่เทพทั้งสามกลับกลัวว่าตนเองจะจำหญิงผู้นั้นไม่ได้ เทพแห่งดวงอาทิตย์จึงให้สีทองแก่นาง เทพแห่งไฟให้สีแดง ส่วนเทพแห่งสวรรค์ให้สีน้ำเงิน เทพซีอุสเห็นว่าเรื่องราววุ่นวายมากขึ้น จึงเสกให้ร่างของหญิงสาวกลายเป็นโอปอล ตั้งแต่นั้นมา โอปอลจึงมีสีสันสวยงามดังที่เห็น ในทางวิทยาศาสตร์ การที่โอปอลมีสันหลากหลายนั้นเกิดจากอนุภาคของทรายซึ่งเป็นส่วนประกอบของโอปอลเรียงตัวไม่เป็นระเบียบ ทำให้เกิดช่องว่างภายในเป็นโพรงเล็ก ๆ และมีน้ำแทรกอยู่ในช่องว่าง จึงเกิดแสงสะท้อนให้เห็นเป็นสีสันต่าง ๆ มากมาย แหล่งที่พบโอปอล โอปอลพบมากที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย แหล่งอื่น ๆ ที่พบ เช่น ประเทศฮังการีซึ่งเคยเป็นเหมืองโอปอลในอดีต ประเทศเม็กซิโก ฮอนดูรัส เนวาดา ส่วนในประเทศไทยพบที่จังหวัดลพบุรี ลำปาง โคราช
Topaz,Citrine Birthstone for November. Symbol of Truth and Integrity.
เดือนพฤศจิกายน โทแพส (Topaz)
" อัญมณีแห่งมิตรภาพ " โทแพส (Topaz) เป็นอัญมณีที่มีความแข็ง 8 โมส์ (Moh) มีความวาวแบบแก้ว จัดว่าเป็นอัญมณีที่มีความแข็งพอสมควร เหมาะที่จะนำมาทำเป็นเครื่องประดับ เพราะทนต่อรอยขีดข่วน
คำว่า “Topaz” มาจากคำว่า Topas แปลว่า ไฟ ประกาย หรืออาจจะมาจากคำว่า Topazion ซึ่งเป็นชื่อเกาะในทะเลแดงซึ่งเป็นสถานที่แรกที่ขุดพบพลอยชนิดนี้
โทแพสที่มีชื่อเสียงที่สุด คือ โทแพส Braganza ซึ่งประดับอยู่ที่มงกุฎของกษัตริย์แห่งโปรตุเกส โทแพสไม่ได้มีเพียงสีเหลืองสีเดียวเท่านั้น แต่ยังมีสีสันอื่น ๆ อีก เช่น สีน้ำตาล สีส้ม สีลูกเชอร์รี่ สีแดง สีชมพู นอกจากนั้น ยังมีโทแพสสีฟ้าเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งสี แต่โทแพสสีนี้เกิดจากการฉายรังสีโทแพสขาวให้เกิดสีฟ้าขึ้น
ชาวอียิปต์เชื่อว่าสีของโทแพสเกิดจากแสงสีทองของเทพราซึ่งเป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์ทาบทาลงไป โทแพสจึงเป็นเครื่องรางที่มีพลังขจัดสิ่งชั่วร้ายได้และความลุ่มหลงต่าง ๆ ได้ ชาวโรมันก็เชื่อว่าโทแพสมีความเกี่ยวข้องกับเทพจูปิเตอร์ซึ่งเป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์เช่นกัน
โทแพสเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพ สิริมงคลของการสวมใส่อัญมณีชนิดนี้ คือ มีเสน่ห์ เป็นที่รักแก่ผู้ที่พบเห็น ชีวิตรุ่งเรือง
โทแพสยังมีคุณสมบัติช่วยรักษาโรคหวัด วัณโรค หอบหืด และช่วยให้ปอดทำงานดีขึ้น หากวางไว้ใต้หมอนขณะนอนหลับจะช่วยให้ร่างกายมีพลังในการทำงาน ยังเชื่อกันอีกว่า อัญมณีสีทองนี้จะเปลี่ยนสีหากอาหารหรือเครื่องดื่มมียาพิษ แหล่งที่พบ โทแพส โทแพสพบมากที่ประเทศบราซิล ศรีลังกา ไนจีเรีย รัสเซีย มาดากัสการ์ พม่า ซีลอน ไทย
ซิทริน (Citrine)มาจากภาษาฝรั่งเศส "Citron" แปลว่า มะนาว เป็นการตั้งชื่อตามสีเพราะมีสีเหลืองมะนาว แต่ในความเป็นจริงแล้ว ซิทรินมิได้มีสีเหลืองอย่างผลมะนาว แต่จะมีสีอยู่ในช่วงเหลืองอ่อนจนถึงน้ำตาลทองมากกว่า และส่วนมากจะมีสีเหลืองจางๆสีของมันอาจเหลือง เนื่องจากมีเหล็กเป็นมลทินบริสุทธิ์หรืออาจออกเหลืองทึมๆ อาจมีสีน้ำผึ้งหรือเหลืองน้ำตาลและบางครั้งก็อาจมีแต้มสีน้ำตาลปนแดงด้วย และเช่นเดียวกับอะมิทิสต์ สีของซิทรินมักไม่ค่อยสม่ำเสมอ มักเห็นเป็นแทบสีแต่ก็ไม่ชัดเจน ซิทรินมีความวาวคล้ายอะเมทิสต์ และตามปกติซิทรินที่เจียระไนแล้วจะมีเนื้อที่ใสสะอาด ปราศจากมลทิน ทั้งนี้เพราะในธรรมชาติจะมีซิทรินอยู่อย่างเหลือเฟือและเพียงพอที่จะคัดเอาเฉพาะที่มีคุณภาพดีเยี่ยมเท่านั้นมาเจียระไน โดยอาจเจียระไนเป็นรูปทรงหรือเหลี่ยมแบบใดก็ได้ยกเว้นเหลี่ยมเกสร เพราะมันไม่วูบวาบพอ และมีขนาดตั้งแต่ 10 กะรัตขึ้นไปก็หาได้ไม่ยาก
Turquoise Birthstone for December. Symbol of Strength and Intelligence.
เดือนธันวาคม เทอร์ควอยซ์ (Turquoise) “ เทอร์ควอยซ์... หินแห่งตำนาน ” สีฟ้าของเทอร์ควอยซ์ คือ เสน่ห์ที่ดึงดูดผู้คนไม่ว่ายุคใดหรือวัยไหนให้หลงใหลอย่างไม่เสื่อมคลาย เทอร์ควอยซ์ (Turquoise) หรือพลอยขี้นกการเวก เป็นอัญมณีที่เป็นที่รู้จักกันมานานกว่า 5,000 ปี การขุดค้นทางโบราณคดี พบกำไลทองคำที่ประดับด้วยเทอร์ควอยซ์ อะมีทีสต์ (Amethyst) ลาพิส ลาซูลี (Lapis Lazuli) ในสุสานราชวงศ์แรกของอียิปต์ มัมมี่พระศพตุตันคาเมนก็ห่อหุ้มด้วยทองคำประดับอัญมณีหลากหลายชนิด รวมทั้งเทอร์ควอยซ์ด้วย อย่างไรก็ตาม ชื่อ "Turquoise" เพิ่งใช้เรียกอัญมณีชนิดนี้ในช่วงที่เกิดสงครามครูเสด เนื่องจากบรรดานักรบชาวยุโรปที่เดินทางไปร่วมรบในสงครามครูเสดได้นำอัญมณีชนิดนี้กลับมา ชื่อของอัญมณีชนิดนี้แปลว่า หินจากตุรกี (Turkish Stone)
สีของเทอร์ควอยส์มีตั้งแต่สีฟ้าไปจนถึงสีเขียวอมเทา แต่ที่นิยมมากที่สุดและมีคุณภาพดีที่สุด คือ สีฟ้าของท้องฟ้า ในเนื้อพลอยมักจะมีลายเส้นบาง ๆ พาดพันไปมาเป็นลวดลายสวยงามเหมือนใยแมงมุม
ผู้คนในสมัยโบราณเชื่อกันว่า เทอร์ควอยซ์เป็นหินศักดิ์สิทธิ์ เป็นหินนำโชค นำความมั่งคั่งร่ำรวยมาสู่ผู้สวมใส่บอกเหตุล่วงหน้าได้และยังเป็นเครื่องรางป้องกันภัยได้
ชาวอียิปต์และชาวแอซเท็ก (Aztec) ชนเผ่าพื้นเมืองที่อยู่ทางตอนเหนือของเปรูเชื่อว่าเทอควอยซ์เป็นสัญลักษณ์ของความรุ่งเรือง ชาวแอซเท็กใช้เทอร์ควอยซ์ประดับหน้ากากที่ใช้ประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น พิธีเรียกฝน ชาวมุสลิมใช้เทอร์ควอยซ์มาประดับคู่กับไข่มุกบนหมวกโพกศีรษะเพื่อคุ้มครองตนจากสิ่งชั่วร้าย ชาวอินเดียนแดงเชื่อว่า เทอร์ควอยซ์เป็นสัญลักษณ์แห่งท้องฟ้า เป็นดังลมหายใจและนำมาซึ่งจิตวิญญาณของท้องฟ้าและท้องทะเล ทำให้ยิงธนูได้แม่น และยังเชื่อกันว่า เทอร์ควอยซ์ที่ดีที่สุดนั้นถูกซ่อนไว้ในดินแดนที่อยู่สุดปลายสายรุ้ง
ส่วนผู้ที่ขี่ม้าในสมัยก่อนนิยมพกอัญมณีชนิดนี้ติดตัวไว้เพื่อป้องกันการตกม้า ความเชื่อดังกล่าวได้สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยผู้ที่ใช้พกเทอร์ควอยซ์ คือ ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับเครื่องบิน หรืออาชีพอื่นที่อาจเกดอุบัติเหตุได้ง่าย และหากผู้สวมใส่กำลังตกอยู่ในอันราย เทอร์ควอยซ์จะเปลี่ยนสี แต่จากการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ พบว่าเทอร์ควอยซ์เปลี่ยนสีไปเนื่องจากอิทธิพลของแสง เครื่องสำอาง ฝุ่น ค่า ph ของผิวผู้สวมใส่ซึ่งทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีขึ้น
สีฟ้าของเทอร์ควอยซ์ยังช่วยคลายเครียด ก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ และเทอร์ควอยซ์ยังเป็นอัญมณีที่มีคุณสมบัติในด้านความรัก ความเมตตา มิตรภาพอีกด้วย นอกจากนี้ เทอร์ควอยซ์มีทองแดงเป็นส่วนประกอบจึงมีคุณสมบัติช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจได้ดี ช่วยรักษาโรคไขข้ออักเสบ อาการปวดสะโพก แหล่งที่พบเทอร์ควอยซ์ แหล่งเทอร์ควอยส์พบมากที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก อิสราเอล อิหร่าน อัฟกานิสถาน เปอร์เซีย เนวาดา คาบสมุทรไซนาย การดูแลรักษา สีสันอันสดใสของเทอร์ควอยส์ทำให้ผู้คนนิยมสวมใส่กันมาก อย่างไรก็ตาม เทอร์ควอยส์มีความแข็งเพียง 6 ซึ่งจัดว่าเป็นอัญมณีเนื้ออ่อน เกิดรอยขูดขีดง่ายหรือสีจางได้ จึงมีการเคลือบเทอร์ควอยส์ด้วยเรซินเพื่อทำให้เทอร์ควอยส์คงทนและมีสีสันสดใส นอกจากนี้ เมื่อใช้งานเสร็จแล้ว ควรทำความสะอาดด้วยผ้า และพยายามไม่ให้เทอร์ควอยส์โดนความร้อนสูง
|