โยคะบำบัดโรค ปวดหลัง ปวดคอ บริเวณไหล่
8 วิธีบริหารสมองให้สดชื่น กระตุ้นความคิดแจ่มใสระหว่างวัน
1. ประสานงานสมอง การเขียนเลข 8 ในอากาศด้วยมือทั้ง 2 ข้างๆ ละ 5 ครั้ง โดยเริ่มจากด้านซ้ายของเลขก่อน แล้วเขียนวนไปให้เป็นเลข 8 วิธีนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการอ่าน และการทำความเข้าใจดีขึ้นและทำให้สมองด้านซ้ายและด้านขวาประสานงานกัน
2. น้ำเปล่าหล่อเลี้ยงสมอง วาง ขวดน้ำไว้ใกล้ๆ โต๊ะของคุณเป็นประจำ และคอยจิบทีละน้อย วิธีนี้จะช่วยให้จิตใจและร่างกายของคุณตื่นตัวตลอดเวลา และสมองก็จะเปิดว่าง สามารถรับสารหรือข้อมูลได้ดี เพราะน้ำจะช่วยปรับสารเคมีที่สำคัญในสมองและระบบประสาท ถ้าเวลาที่รู้สึกเครียดเพราะขาดน้ำ จึงควรจิบน้ำเพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำเพื่อไปหล่อเลี้ยงระบบของร่างกาย
3. นวดจุดเชื่อมสมอง วางมือข้างหนึ่งไว้บนสะดือ มืออีกข้างหนึ่งใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้วางบนกระดูกหน้าอกบริเวณใต้ กระดูกไหปลาร้า และค่อยๆ นวดทั้ง 2 ตำแหน่งประมาณ 10 นาที วิธีนี้จะช่วยลดความงงหรือสับสน กระตุ้นพลังงานและช่วยให้มีความคิดแจ่มใส
4. บริหารกล้ามเนื้อหัวไหล่ ให้มือซ้ายจับไหล่ขวา บีบกล้ามเนื้อให้แน่นพร้อมหายใจเข้า จากนั้นหายในออกและหันไปทางซ้ายจนสามารถมองไหล่ซ้ายของตัวเอง จากนั้นสูดลมหายใจลึกๆ วางแขนซ้ายลงบนไหล่ขวา พร้อมกับห่อไหล่ ค่อยๆ หันศีรษะกลับไปตรงกลางและเลยไปด้านขวา จนกระทั่งสามารถมองข้ามไหล่ของคุณได้ ยืดไหล่ทั้ง 2 ข้างออก ก้มคางลงจรดหน้าอกพร้อมกับสูดลมหายใจลึกๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อของคุณได้ผ่อนคลาย เปลี่ยนมาใช้มือขวาจับไหล่ซ้ายบ้างและทำซ้ำกันข้างละ 2 ครั้ง วิธีนี้จะช่วยบริหาร กล้ามเนื้อตรงส่วนลำคอและไหล่ การได้ยิน, การฟัง และช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อที่เกิดจากการนั่งโต๊ะทำงานเป็นเวลานาน อีกด้วย
5. นวดใบหูกระตุ้นความเข้าใจ วิธีนี้ทำได้โดยการนั่งพักสบายๆ แตะปลายนิ้วทั้ง 2 ข้างที่ใบหู เคลื่อนนิ้วไปยังส่วนบนของหู จากนั้นบีบนวดและคลี่รอยพับของใบหูทั้ง 2 ข้างออก ค่อยๆ เคลื่อนนิ้วลงมานวดบริเวณอื่นๆ ของใบหู ดึงเบาๆ เมื่อถึงติ่งหู ดึงลง ให้ทำซ้ำกัน 2 ครั้ง วิธีนี้จะช่วยกระตุ้นการได้ยิน และทำให้ความเข้าใจดีขึ้น เพราะเป็นการคลายเส้นประสาทบริเวณใบหูที่เชื่อมสมอง
6. บริหารขา โดยการยืนตรงให้เท้าชิดกัน ถอยเท้าซ้ายไปข้างหลัง โดยยกส้นเท้าขึ้น งอเข่าขวาเล็กน้อยแล้วโน้มไปข้างหน้าเล็กน้อย ก้นของคุณจะอยู่ในแนวเดียวกับส้นเท้าขวา สูดลมหายใจเข้าและผ่อนออก ในขณะที่ปล่อยลมหายใจออกนี้ ค่อยๆ กดส้นเท้าซ้ายให้วางลงบนพื้นพร้อมกับงอเข่าขวาเพิ่มขึ้น หลังเหยียดตรง สูดลมหายใจเข้าแล้วกลับไปตั้งต้นใหม่อีกครั้ง เปลี่ยน จากขาข้างซ้ายเป็นข้างขวา โดยออกกำลังในท่านี้ทั้งหมด 3 ครั้งด้วยกัน การบริหารท่านี้เหมาะสำหรับการปรับปรุงสมาธิ รวมทั้งช่วยเพิ่มความเร็วในการอ่านหนังสือ และยังช่วยให้กล้ามเนื้อต้นขา และกล้ามเนื้อน่องผ่อนคลายอีกด้วย
7. กดจุดคลายเครียด ใช้นิ้ว 2 นิ้ว กดลงบนหน้าผากทั้ง 2 ด้าน ประมาณกึ่งกลางระหว่างขนคิ้ว และตีนผม กดค้างไว้ประมาณ 3 - 10 นาที วิธีนี้จะช่วยคลายความตึงเครียดและเพิ่มการหมุนเวียนโลหิตเข้าสู่สมอง
8. บริหารสมองด้วยการเขียน เขียน เส้นขยุกขยิกด้วยมือทั้ง 2 ข้าง พร้อมๆ กัน ลายเส้นที่เขียนอาจจะดูเพี้ยนๆ แต่ได้ผลดีต่อระบบสมองเป็นอย่างดีทีเดียว วิธีนี้จะช่วยให้เกิดการปรับปรุงการประสานงานของสมอง ด้วยการทำให้สมองทั้ง 2 ซีกทำงานพร้อมกัน และเพิ่มความชำนาญด้านการสะกดคำและคำนวณดีและรวดเร็วขึ้นอีก
นวดให้สวยแจ่ม
เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวมาตลอดทั้งสัปดาห์ ลองผ่อนคลายกล้ามเนื้อด้วยการ ‘นวด’ ดูบ้างเห็นจะดี แต่จะเลือกนวดแบบไหน แพทย์หญิงพักตร์พิไล ทวีสิน แนะนำไว้ในหนังสือเคล็ดลับดูแลผิว FOREVER YOUNG
นวดกดจุด นวดผ่อนคลาย เหมาะสำหรับคนที่เครียดมาก ๆ เพราะกล้ามเนื้อจะเกร็งไม่รู้ตัว การนวดแบบนี้จะช่วยคลายกล้ามเนื้อ ส่งผลให้ใบหน้าดูแจ่มใสขึ้น คิ้วก็ขมวดก็คลายลง
นวดดีท็อกซ์ เป็นการนวดไล่น้ำเหลืองที่ผิว ช่วยให้หน้าเรียวขึ้น เพราะการที่น้ำเหลืองคั่งอยู่ที่หน้า หน้าจะบวมเหมือนกับมีของเสียอยู่ในผิว น้ำเหลืองจะไม่ไหลเวียน แต่ถ้านวดถูกวิธีไล่น้ำเหลืองลงมาที่คอ ใบหน้าจะกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง โดยขับน้ำเหลืองเสียออกไปตามกลไกของร่างกาย ผิวจะดูสดใสขึ้น หน้าดูเรียวขึ้น ไม่บวมฉุ
นวดเฟิร์มมิ่ง เป็นการนวดสวนแรงโน้มถ่วง ซึ่งบางครั้งสามารถนวดทั้งสามแบบได้พร้อม ๆ กัน เริ่มต้นด้วยนวดคลายกล้ามเนื้อก่อน เพราะเวลาเกร็งกล้ามเนื้อมาก ๆ จะมีแลคติกแอซิดตกค้างอยู่มาก พอนวดแล้วของเสียตกค้างมาอยู่ในท่อน้ำเหลือง ร่างกายก็นวดขับน้ำเหลืองเสียออกไป เสร็จแล้วค่อยนวดเฟิร์มอัพ
สำหรับ เคล็ดลับหน้าใสหลังการนวด เกิดจากระหว่างนอนนวด เราจะได้พัก ทั้งกาย ใจ และสมอง พอตื่นขึ้นมาก็แจ่มใส เท่านี้หน้าก็ใสปิ๊ง นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบอีกว่า การนวดหน้านวดตัวนอกจากจะลดฮอร์โมนคอร์ซิซอลที่เกิดจากความเครียดแล้ว ยังเพิ่มเอนเดอร์ฟิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุข คนที่ได้นวดหน้าตื่นขึ้นมาจึงผิวสวยทันตาเห็น
ผิวสวยสมบูรณ์แบบเพียงปลายนิ้วสัมผัส
ชู อุเอมูระ แบรนด์ดังจากญี่ปุ่นแนะเทคนิคหน้าใสด้วยวิธีการกดจุดที่พัฒนามาจากการฝังเข็มของจีน โดยคำว่า ชิอัตสึ มาจากคำว่า‘ชี'ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่านิ้ว ส่วน‘อัทสุ'แปล ว่าการกด เมื่อนำมารวมกันจึงหมายถึง การกดด้วยนิ้ว หลักคือการใช้นิ้วหัวแม่มือและฝ่ามือกดจุดที่มีในร่างกายทั้ง 657 แห่ง ประโยชน์เพื่อปรับสมดุลของร่างกาย ให้แข็งแรงกระปรี้กระเปร่า แต่ในที่นี้จะแนะนำการกดจุดบนในหน้าหลังทาครีมบำรุงประจำวัน เพื่อช่วยให้ขั้นตอนการบำรุงผิวมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
การกดจุดบนใบหน้าสามารถทำได้ทั้งหมด 10 จุด โดยแต่ละจุดมีวัตถุประสงค์ต่างกันออกไป เริ่มจากจุดที่ 1 วางนิ้วกลางทั้งสองข้างที่จุดกึ่งกลางปลายคาง แล้ววนขึ้นไปที่ซอกปีกจมูก จุดนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอยรอบปาก
จุดต่อมา ใช้นิ้วกลางทั้งสองข้างกดที่ซอกปีกจมูก และกางมือทั้งสองข้างให้แนบไปกับร่องแก้มขณะที่กดจุด จากนั้นวางมือทั้งสองข้างที่กึ่งกลางใบหน้า ให้นิ้วชี้ทั้งสองข้างกดเบาๆ ที่หัวตา เลื่อนลงมากดซ้ำที่มุมปาก และปีกจมูก ท่าละ 3 วินาทีอีกครั้ง ท่านี้ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดลมบนผิวหน้า ผิวได้ผ่อนคลายจากความเมื่อยล้า
ท่าต่อไป ลดริ้วรอย และความหมองคล้ำรอบดวงตา โดยวางมือทั้งสองข้างที่กึ่งกลางใบหน้า ใช้นิ้วชี้กดที่หัวตา จากนั้นลากมือทั้งสองข้างไปยังโคนผม ลงมาที่ขมับกดด้วยนิ้วกลาง 3 วินาที แล้วค่อยๆ ลากนิ้วกลางและนิ้วนางจากหางตาผ่านใต้ตาไปยังหัวตา จากนั้นกดที่หัวคิ้วทั้งสองข้างประมาณ 3 วินาที วนกลับที่ขมับตามเดิมโดยลากผ่านเปลือกตาบน
ท่าสุดท้าย ให้ลูบไล้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวผ่านแนวลำคอ จากใต้ติ่งหูใต้กระดูกไหปลาร้ากดเบาๆด้วยปลายนิ้วกลาง ช่วยลดการระคายเคืองผิวได้เป็นอย่างดี
เทคนิคการกดแบบชิอัทสุสามารถนำไปปรับใช้สำหรับผู้ที่บำรุงผิวโดยใช้เอสเซ้นส์ และอิมัลชั่นได้อีกด้วย.
ที่มา:woman sanook.com http://www.vcharkarn.com/varticle/39077 http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=447&contentId=76721
|