R&D ฉบับไม่ตัน โดย ตัน ภาสกรนที (วิถีตัน)

เสียงของหัวใจ - ป็อป + จิ๋ว [Official MV] R&D ฉบับไม่ตัน (R&D คือ การวิจัยและพัฒนา ย่อมาจากคำว่า Research and Development) โดย ตัน ภาสกรนที (วิถีตัน) เสียงของลูกค้า คือ เสียงสวรรค์สำหรับผมครับ ยิ่งเสียงสะท้อนความคิดเห็นที่ไม่ใช่รีเสิร์ชอย่างเป็นทางการ..ยิ่งเป็นเสียงที่ผมอยากได้ยินมากที่สุด เวลาว่างๆ ผมมักจะหาโอกาสไปเซอร์เวย์ตลาด ไปสัมผัสลูกค้าที่ร้านเซเว่นและโชห่วย สังเกตพฤติกรรมการซื้อ พูดคุยแลกเปลี่ยน ตั้งคำถามที่อยากได้ยินความคิดเห็น เทคนิคการทำรีเสิร์ชอย่างหนึ่งที่ผมชอบมาก คือ การทำ Toilet research คอยแอบเงี่ยหูฟังเสียงลูกค้าคุยกันระหว่างเข้าห้องน้ำ รู้สึกอย่างไร กินแล้วชอบไม่ชอบ บริการดีไหม ราคาเป็นอย่างไร คุ้มหรือไม่คุ้ม..เวลาอยู่ในห้องน้ำคุณจะได้ยินทุกอย่าง ทั้งคำติชม คำวิจารณ์แบบตรงไปตรงมา เป็นคำตอบที่มาจากใจจริงของลูกค้าที่สุด ไม่ใช่คำตอบครึ่งๆ กลางๆ เพราะความเกรงใจ การขยันฟังเสียงลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ เป็นหลักของการทำธุรกิจแบบเอาใจเขามาใส่ใจเรา ผมเชื่อเสมอว่าจะทำธุรกิจอะไรก็ตาม เราอย่าคิดเอง เออเอง เพราะสิ่งที่เราอยากทำอาจไม่ใช่สิ่งที่ลูกค้าอยากได้ อย่าคิดจากบนลงล่าง แต่ต้องคิดจากล่างขึ้นบน ต้องมองย้อนกลับไปในมุมผู้บริโภคเสมอ ถ้าเป็นลูกค้าแล้วเราต้องการอะไร เมื่อนั้นเราจะมองเห็นเคล็ดลับที่ไม่ลับของการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ทางธุรกิจ คำว่านวัตกรรมในมุมมองของผม ไม่ใช่การคิดค้นอะไรที่ใหญ่โต สลับซับซ้อน แต่ต้องสร้างประสบการณ์ความแปลกใหม่ที่เห็นแล้วต้องร้อง "ว๊าว !!!" บางครั้งแค่พลิกมุมคิดก็สามารถทำเรื่องธรรมดาที่ไม่ธรรมดา เชื่อมโยงต่อยอดจากสิ่งเดิมที่มีอยู่แล้ว กลายมาเป็นสินค้าและบริการใหม่ๆ ที่ “โดนใจ” ยกตัวอย่าง เครื่องดื่มดับเบิลดริ๊งค์ ที่จับน้ำสมุนไพรไทยมาผสมกับผลไม้ หรือชาบูชิ ที่นำร้านชาบูมาบวกกับซูชิ สร้างปรากฏการณ์ที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อนในตลาด ยึดหลักคิดแบบเบสิก คิดง่ายๆ แต่ต้องโดน.. สมัยก่อนผมเคยไปเดินงานนวัตกรรมแห่งชาติ เห็นนวัตกรรมใหม่ๆ ไอเดียแปลกๆ น่าสนใจมากมาย แต่กลับไม่เห็นสินค้าเหล่านั้นวางขายในท้องตลาด เหมือนกับเสื้อผ้าบางชุดที่นางแบบเดินแฟชั่นโชว์ที่ไม่สามารถใส่เดินบนถนน บางครั้งการคิดยุ่งยาก ซับซ้อนจนเกินไป ดีเกินไป แทนที่จะขายได้ กลับกลายเป็นไม่สอดคล้องกับความต้องการในชีวิตจริง ตัวอย่างสินค้าหนึ่งที่ใกล้ตัวที่สุดคือโทรศัพท์มือถือ โทรศัพท์ที่ใช้วัสดุอย่างดี แข็งแรงทนทานใช้งานได้นานนับสิบๆ ปี อาจจะเป็นคุณภาพที่มาพร้อมราคาเกินความจำเป็น เพราะคนสมัยนี้เปลี่ยนโทรศัพท์กันว่าเล่น โทรศัพท์บางรุ่นที่คิดค้นฟังก์ชันการใช้งานอัจฉริยะสุดไฮเทค แต่ดีเกินไป ใช้งานยากเกินไป ซับซ้อนเกินไป ก็อาจจะขายดีไม่เท่าสมาร์ทโฟนยอดนิยมบางยี่ห้อที่ใช้งานง่าย ครองใจคนทั่วโลก สินค้าบางอย่างถึงต่อให้แตกต่าง แปลกใหม่น่าสนใจแค่ไหน แต่สุดท้ายถ้าตั้งราคาผิด ดีเกินไป แพงเกินไป ก็อาจจะตกม้าตาย ขายไม่ได้เช่นเดียวกัน สินค้าและบริการที่ "ขายดีที่สุด" จึงอาจไม่ใช่นวัตกรรม “ดีที่สุด” แต่ต้อง "โดนที่สุด" ยิ่งยุคที่การแข่งขันสูงขึ้น ตอบโจทย์โดนใจแค่ “ว๊าว!” เดียวอาจจะยังไม่พอ แต่ต้องครบทั้ง 3 ว๊าว! ว๊าว!แรก...แพ็คเกจจิ้งสวย ดูดีกว่า โดดเด่นกว่า ว๊าว!สอง..คุณภาพดีกว่า หรือ อร่อยกว่า ว๊าว!สาม..ยากที่สุด คือ ราคาต้องถูกกว่า อะไรก็ตามที่ยากที่สุด อะไรที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ คุณสามารถเอาชนะ ทำสิ่งที่ใครๆ คาดไม่ถึงให้สามารถ “เป็นไปได้” เชื่อผมเถอะครับอะไรๆ ก็ขายได้ เมื่อธุรกิจก้าวเข้าไปอยู่ในใจลูกค้า ด้วย คาถา 3 ว๊าว! ที่ว่านี้ ดีไม่ดีดึกดื่นเที่ยงคืนอาจจะมีลูกค้ากดกริ่งคอยอุดหนุนถึงหน้าร้าน ขอเพียงเข้าใจในหลักการ บางครั้งไม่จำเป็นต้องคิดซับซ้อนจนวุ่นวาย..คิดง่ายๆ ก็ประสบความสำเร็จได้ครับ http://bit.ly/lbI3ZZ