ร้อนก็บอกว่าร้อน Girly Berry
ร้อนเหนอะหนะ! ผุดผื่นแพ้อับชื้น ตามซอกหลืบ หาวิธีใดมาแก้คัน!? โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
หน้าร้อนปีนี้สาหัสจริงๆ ลำพังแดดแรงอากาศร้อนก็ทารุณร่างกายอยู่แล้ว ยิ่งบางวันฝนตกแดดออก บวกอุณหภูมิยังคงสูงเหยียบเลข 4 ช่างเป็นความร้อนที่แสนอบอ้าวเสียเหลือเกิน
สาวๆ หลายคนตัวเหนียวเหนอะหนะ หงุดหงิดรำคาญใจ เพราะตามซอกหลืบ ไม่ว่าจะเป็นคอ รักแร้ ใต้ราวนมเกิดอาการแสบร้อน ผุดผดผื่นเต็มไปหมด
ยิ่งเกายิ่งคัน ยิ่งคันก็ยิ่งลุกลามไปกันใหญ่ จะหาวิธีไหนมาดูแลกัน?!?
นายแพทย์รัสมิ์ภูมิ สุเมธีวิทย์ หมอผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เลเซอร์ และความงาม แห่งโรงพยาบาลนครธน มาให้ความรู้ถึงสาเหตุ ลักษณะอาการ วิธีการรักษา ตลอดจนเคล็ดลับการดูแลป้องกันด้วยตัวเองแต่เนิ่นๆ ด้วยค่ะ
"ผื่นคันผิวหนัง หรือที่เรียกว่า เอ็กซีม่า (Eczema) สามารถแยกได้เป็น 2 ประเภท ตามสาเหตุการเกิด นั่นคือ การเกิดจากสาเหตุภายใน และเกิดจากสาเหตุภายนอก สำหรับผื่นแพ้ที่เกิดจากภายใน หรือเกิดจากสุขภาพภายในตัวเราเอง เช่น การเกิดผื่นบริเวณผิวหนังในผู้ป่วยโรคภูมิแพ้
ขณะที่ผื่นแพ้ที่เกิดจากสาเหตุภายใน คือ อาการผื่นแพ้ หรือผื่นคันที่เกิดจากการสัมผัส ตัวอย่างเช่น เมื่อร่างกายเกิดความร้อนทำให้เกิดเหงื่อ พอเหงื่อออกมากขึ้น ก็จะทำให้ร่างกายหรือผิวบริเวณนั้นเกิดการอับชื้น และเมื่อเกิดการอับชื้นแล้วผิวก็จะเกิดการระคายเคือง จนเกิดเป็นผื่นคัน ซึ่งอาการเช่นนี้พบได้บ่อยในช่วงหน้าร้อน
สำหรับลักษณะอาการนั้น ระยะเริ่มต้นจะรู้สึกคัน ระคายเคือง เริ่มมีสีแดงที่ผิวหนัง เพราะจุดใดที่มีความชื้นผิวเราก็จะระคายเคืองตรงนั้น เช่นเดียวกับเด็กทารก ที่เป็นผื่นจากผ้าอ้อม ซึ่งเกิดการอับชื้นเขาก็จะเป็นผื่นตรงนั้น แต่ในผู้ใหญ่ เมื่อเป็นแล้วคัน ก็จะไปเกา พอเกายิ่งเห่อลาม
เมื่อเกิดผื่นแพ้แล้วไปเกาจนถลอก จะทำให้เชื้อจำพวกยีสต์ เข้าไปบริเวณนั้นได้ง่าย จนอาการผื่นลุกลามจากจุดเล็กๆ ก็จะขยายใหญ่ นอกจากนี้เชื้อแบคทีเรียก็อาจเข้าไปเติบโต จนติดเชื้อซ้ำซ้อนกลายเป็นหนองตามมาได้
ผื่นที่เกิดในผิวหนังสามารถแบ่งกว้างๆ ได้ 2 ประเภท คือ ผื่นที่เกิดจากเชื้อรา หรือที่เรียกว่า โรคกลาก หรือ ขี้กลาก ส่วนใหญ่มักเกิดบริเวณขาหนีบ โดยอาจเกิดจากการติดจากคนที่ใช้ของร่วมกับผู้เป็นโรคกลาก ติดจากสัตว์เลี้ยง หรือเชื้อราที่มีอยู่ในดิน ส่วนผื่นอีกประเภทคือ ผื่นแพ้ที่เกิดจากการอับชื้น หรือ คานิด้า (candida) นั่นคือ อาการผื่นที่เกิดจากผิวหนังติดเชื้อจากยีสต์ ซึ่งมักพบในคนอ้วนบริเวณที่ผิวหนังเกิดการพับ และผู้ป่วยโรคเบาหวาน รวมถึงคนทั่วไปที่เกิดการอับชื้นจากเหงื่อในหน้าร้อน
บริเวณที่มักเป็นผื่นที่เกิดจากการอับชื้น ส่วนใหญ่จะพบมากตามซอกคอ รักแร้ ขาหนีบ รวมถึงใต้ราวนมในผู้หญิงส่วนหนึ่ง เพราะมีการใส่เสื้อชั้นใน จึงทำให้เกิดการอับชื้นได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ จะมีโอกาสเป็นผื่นแพ้ได้มากกว่าคนปกติ เพราะผิวจะแพ้ง่ายอยู่แล้ว พอเจอความอบชื้นเพิ่มเข้าไป ก็จะเกิดผื่นคันได้ง่ายมาก รวมถึงการทาครีมหรือโลชั่นใต้คอด้วย เพราะผิวส่วนนั้นก็มีโอกาสระคายเคืองได้ อย่างไรก็ตาม หากเป็นผิวในสภาวะปกติ ก็แนะนำว่าต้องทาเพราะอย่างไรเสียแสงแดดก็ส่งผลเสียต่อผิวหลายอย่าง ก็ต้องทาครีมกันแดดป้องกันเอาไว้ด้วย
ด้านการรักษานั้น ก่อนอื่นแพทย์จะต้องวินิจฉัยก่อนว่า อาการแพ้นั้นลุกลามถึงขั้นไหน มีการติดเชื้อยีสต์ หรือเชื้อแบคทีเรียหรือยัง เมื่อวินิจฉัยแล้วจึงให้ยา ซึ่งมีทั้งยาทาแก้ผื่นแพ้ หรือยาทาฆ่าเชื้อ รวมถึงให้ยารับประทานบรรเทาอาการแพ้ หรือทานยาฆ่าเชื้อราด้วยในกรณีที่เป็นมาก”
:: หมอให้ทิป วิธีการดูแลผิวใส ให้ไกลผื่นแพ้
- พยายามอยู่ในที่อากาศเย็น โปร่งสบาย ถ้าเป็นไปได้ หากมีเหงื่อออกควรอาบน้ำ แล้วซับตัวให้แห้ง
- หากเริ่มมีอาการคันพยายามอย่าเกา เพราะหากยิ่งเกาก็ยิ่งเพิ่มความระคายเคือง
- ผู้ที่ชอบปะแป้งเย็น กรณีผิวปกติ ส่วนผสม เมลทอล (Mental) ในแป้งเย็นจะทำให้เย็นสบายตัว แต่หากเป็นผื่นแล้วไปทา ผื่นนั้นจะยิ่งเกิดการระคายเคืองทำให้ผื่นยิ่งลุกลามมากขึ้น
- สำหรับแป้งเด็กทั่วไปก็เช่นกัน คือ ถ้ายังไม่เป็นผื่นอาจจะมีอาการระคายเคืองนิดๆ ก็สามารถทาเพื่อช่วยดูดซับความชื้นได้ แต่ถ้าเป็นผื่นแล้วก็ไม่ควรทา
- เลือกใส่เสื้อผ้าที่โปร่งสบาย เช่น ผ้าฝ้าย และเลี่ยงการสวมผ้าใยสังเคราะห์ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง หรือหากเป็นไปได้เวลาอยู่ที่บ้าน ก็อาจถอดเสื้อผ้าที่รัด หรือระคายเคืองออก จะทำให้เกิดการระบาย เลี่ยงการอับชื้นได้
http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9530000063771
|