ดู ดม ดื่ม หลัก 3 ด. ขอชิม

HowTo: Taste Red Wine l Wine Spectator ดู ดม ดื่ม หลัก 3 ด. ขอชิม ในการชิมไวน์ ว่ากันว่ามีหลักการง้าย-ง่ายนี้ดส์เดียว แค่ 3 ด. เท่านั้นเอง อ๊ะ-อ๊ะ... ไม่ต้องหวาดเสียวว่ามี ด. ไหน-อะไรมั่ง จะเฉลย ณ บัดนาว... โดย...เปอติ๊ต ริสลิ่ง “การสร้างสรรค์ไวน์ที่ดีต้องอาศัยความชำนาญ แต่หากจะสร้างสรรค์ไวน์ชั้นเลิศนั้นต้องมีศิลปะเพิ่มเข้าไปด้วย” โรเบิร์ต มอนดาวี เจ้าของธุรกิจไวน์ยักษ์ใหญ่ที่เนปา แวลลีย์ แคลิฟอร์เนีย ครั้นจะไปทำความรู้จักกับองุ่นที่เป็นอรหันต์พันธุ์เด่นทั้งหลายในการทำไวน์ เราก็ต้องรู้จักการชิมไวน์ให้รู้กลิ่นรู้รสกันก่อนสิเนอะ ชื่ออย่างเป็นทางการเรียกว่า Wine Tasting เหตุที่ต้องทำการชิมไวน์ ก็เพราะไวน์ไม่ใช่เบียร์ จินโทนิก หรือบรั่นดี ที่กินแต่ละทีก็จะเจอรสชาติเดิมๆ ที่คาดเดาได้ไม่ยาก หากไวน์พะยี่ห้อเดิม องุ่นส่วนผสมเดิม แต่ว่าแค่ปีวินเทจแตกต่างไป ทำมั้ย-ทำไม รสชาติมันถึงได้ต่างกันไกลลิบขนาดนั้น (อันนี้ก็อธิบายถึงหลัก “แตร์กครัวร์” อีกแล้วนะครับท่าน) ในการชิมไวน์ ว่ากันว่ามีหลักการง้าย-ง่ายนี้ดส์เดียว แค่ 3 ด. เท่านั้นเอง อ๊ะ-อ๊ะ... ไม่ต้องหวาดเสียวว่ามี ด. ไหน-อะไรมั่ง จะเฉลย ณ บัดนาว... 1.ด. ดู 2.ด. ดม 3.ด. ดื่ม ดู – อันดับแรกเลยคือ “สี” ของไวน์ เข้ม-จาง เปรียบเทียบได้กับสีของอะไรที่เราเคยเห็น เช่น ไวน์ขาวสีเหลืองอ่อน หรือเหลืองเข้มเหมือนน้ำผึ้ง ไวน์แดงสีแดงรูบี หรืออมม่วงเหมือนน้ำลูกพรุน ฯลฯ หลังจากนั้นลองแกว่งแก้วช้าๆ ให้ไวน์ได้สัมผัสกับแก้วเพื่อที่จะดู “ขา” ไวน์ หรือส่วนของไวน์ที่ค่อยๆ ไหลลงมาที่ก้นแก้ว อันนี้สามารถบอกได้ว่าไวน์ตัวไหนดีกรีแอลกอฮอล์ต่ำหรือสูง (ดีกรีต่ำขาจะเล็กและไหลเร็วกว่าดีกรีสูง) ดม – ก่อนจะเขย่าแก้วแรงๆ แบบคุ้นๆ ตาที่นักชิมไวน์ชอบทำกัน ดมในขั้นแรกก่อนว่าได้กลิ่นอะไรในนั้นบ้าง จากนั้นลองแกว่งแก้วดูแล้วดมอีกที มีกลิ่นอะไรที่หายไป หรือกลิ่นอะไรที่เพิ่มขึ้นมา – กลิ่นที่อาจจะพบได้ในไวน์มีตั้งแต่กลิ่นผลไม้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลเบอร์รีต่างๆ รวมทั้งตระกูลซีตรัส นอกจากนี้ก็ยังมีกลุ่มกลิ่นช็อกโกแลต วานิลลา กาแฟ กลิ่นไม้ซีดาร์ กลิ่นคาวทะเล แม้แต่กลิ่นหนังสัตว์หรือดินสอที่ถูกเหลา – นั่นแน่... เริ่มเห็นเสน่ห์ในการเทสต์ไวน์ที่เพิ่มขึ้นแล้วละสิ ดื่ม – ขั้นตอนที่นักเรียนเรื่องไวน์กระเหี้ยนกระหือรือเป็นพิเศษ สำหรับนักชิมไวน์มือใหม่ อย่าเพิ่งจินตนาการภาพคนหน้าตาตลกๆ ที่จะจิบไวน์เข้าไปแล้วกลั้วๆ เสร็จแล้วก็ต้องบ้วนทิ้ง หรือทำหน้าตาประหลาดๆ หรอกนะ ของอย่างนี้อยู่ที่จริตใครจริตมันฮ่ะ ด. ที่ 3 ถือว่าสำคัญที่ซู้ด... (เป็นขั้นตอนที่คนชิมไวน์รอคอยและชอบมากๆ) คนเพิ่งหัดหรือริ (จะ) วิจารณ์ไวน์ ให้หมั่นฝึกฝนจนจะต้องบอกให้ครบสิ่งต่างๆ ที่เจอหลังจากที่ลองดื่มเข้าไป คือ ความหวาน (Sweetness) ความเป็นกรด (Acidity) ความเฝื่อนฝาด (Tannin) ความหนักเบา (Body) ช่วงความยาวนานที่รสชาติไวน์ตกค้างบนลิ้น (Length) และคาแรกเตอร์ของผลไม้ในนั้น องุ่นแต่ละพันธุ์จะมีคาแรกเตอร์ที่แตกต่าง เจ้ารสชาติทั้ง 6 ที่ว่ามา รวมทั้ง Appearance จาก ด. ดู กับ Nose ที่เราได้จาก ด. ดม นี่แหละที่จะบอกเราได้คร่าวๆ (สำหรับไวน์เลิฟเวอร์มือใหม่) เวลาทำ “ไบลนด์เทสติง” (Blind Tasting) หรือชิมไวน์แบบไม่ให้ดูฉลาก ส่วนพวกไวน์เลิฟเวอร์มือเก่า เขาฉมังกันอยู่แล้วหละ ดูนิด ดมหน่อย ดื่มน้อยๆ ก็รู้ทันที นี่ไวน์อะไร ปีไหน ของวินยาร์ดใด (โห...เมพขิงๆ) แต่กับบรรดาไวน์ชันนิสตา (ไวน์ + แฟชั่นนิสตา) อย่างเรา เอาเป็นว่าค่อยๆ สะสมแต้มไปเรื่อยๆ ก่อนนะจ๊ะ วันหน้าก็เก่ง http://www.posttoday.com/