1
2

รู้จัก "โรคเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย" คนในบ้านคุณเป็นหรือเปล่า?



Katy Perry - Hot N Cold



รู้จัก "โรคเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย"
คนในบ้านคุณเป็นหรือเปล่า?


เมื่อพูดถึง "อารมณ์แปรปรวน" เป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดกับคนใกล้ตัว รวมไปถึงสมาชิกในบ้าน เพราะเป็นอารมณ์ 2 ขั้ว มีทั้งขึ้นและลงจนบางครั้งเดาใจไม่ถูกว่าช่วงไหนดี หรือช่วงไหนร้าย ยิ่งสมัยนี้แล้ว หลาย ๆ ครอบครัวต้องพบเจอกับภาวะกดดันรอบด้าน อาจนำไปสู่โรคทางอารมณ์ที่รุนแรงได้ง่าย

หนึ่งในนั้นคือ ไบโพลาร์ หรือโรคอารมณ์แปรปรวนสองขั้ว ที่วันนี้ทีมงาน Life & Family ขอพาท่านผู้อ่านไปทำความรู้จัก และรับมือกับโรคดังกล่าวนี้กัน

โดยโรคนี้ นพ.โกวิทย์ นพพร จิตแพทย์ โรงพยาบาลมนารมย์ ได้ให้ความรู้ว่า เป็นโรคทางจิตเวชที่ส่งผลให้อารมณ์ขึ้นลงผิดปกติ คือสุขมากเกินไปจนเข้าข่ายคึกคัก และทุกข์มากเกินไปจนเข้าข่ายซึมเศร้า ซึ่งไม่ได้หมายถึงอารมณ์โกรธ เสียใจ แต่หมายถึง การแสดงออก สีหน้าพฤติกรรมที่เกิดจากมุมมองต่อตนเอง ผู้อื่น สิ่งแวดล้อม และมุมมองต่ออนาคต

ด้านลักษณะการแปรปรวนของอารมณ์นั้น จิตแพทย์บอกว่า แบ่งได้เป็น 2 ขั้ว

ได้แก่ ขั้วสุข ส่วนใหญ่จะมีอาการครื้นเครง ก้าวร้าว หงุดหงิด เห็นคนอื่นแล้วไม่ถูกใจไปหมด ตัวเองถูกอยู่คนเดียว พูดมาก นั่งไม่นิ่ง มีพลังทางเพศสูง ความมั่นใจตัวเองสูง ความคิดบรรเจิด ตัดสินใจเร็ว ทำให้การยับยั้งชั่งใจไม่ค่อยดี ดังนั้นคนกลุ่มนี้จะมีความคิดเยอะมาก บางคนถึงขนาดกู้หนี้ยืมสิน ไม่มีสมาธิ เนื่องจากความคิดวิ่งเร็วมาก อาจเปลี่ยนจากสิ่งหนึ่งไปอีกสิ่งหนึ่งอย่างฉับพลัน

ส่วน ขั้วทุกข์ นั้น จะมีลักษณะซึมเศร้า หดหู่ ท้อแท้ เบื่อหน่ายกับชีวิต เฉยชา หงุดหงิด กังวล กินข้าวมื้อนี้ก็จะกังวลไปถึงมื้อหน้า มื้อหน้าจะมีกินไหม นอนไม่หลับ ไม่ค่อยเจริญอาหาร ไม่มีแรง รู้สึกไม่สบายต่าง ๆ นานา หรือชอบคิดว่าตัวเองเป็นโรคนั้น โรคนี้ รวมทั้งรู้สึกผิดกับตัวเองอยู่เสมอ

"บางคนอาจจะบอกว่า ความคิดมันวนเวียนได้ยินเสียงข้าง ๆ หูเรื่อย ๆ สมมติเอาสตางค์แม่ไปตอนเด็ก 50 บาทก็จะรู้สึกผิดมาก รู้สึกว่าจะต้องชดใช้กรรมตัวนี้ หนัก ๆ เข้า อาจเกิดความรู้สึกอยากตาย คนกลุ่มนี้ก็จะไม่มีสมาธิ สมองไม่ทำงาน หลายคนเรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง บางคนไม่รู้ว่าตัวด้วยซ้ำว่ากำลังซึมเศร้า แต่มาหาหมอเพราะว่าเขาทำงานไม่ได้ ไม่มีสมาธิ แล้วก็เฉื่อยชา เปรียบเหมือนไฟตก แบตเตอร์รี่ไม่มี ไฟก็จะอ่อนลง หรี่ลงเรื่อยๆ" จิตแพทย์เผยถึงอาการ

สำหรับใครที่มีโอกาสเสี่ยงบ้างนั้น จิตแพทย์รายนี้บอกว่า มีปัจจัยอยู่ด้วยกัน 4 ข้อหลัก ๆ คือ

1. มีญาติพี่น้องที่ป่วย หรือเคยเป็นโรคไบโพลาร์
2. คนที่มีความเครียดสูง
3. คนที่ติดยา หรือมีการใช้สารเสพติด และ
4. บุคคลที่เกิดวิกฤตขึ้นในชีวิต

นอกจากนั้น ยังเป็นโรคที่ถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรมได้ด้วย เช่น หากมีลูกฝาแฝด ถ้าพ่อแม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีภาวะนี้ ลูกมีโอกาสเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ หากแฝดไข่ใบเดียว คนหนึ่งเป็น อีกคนมีโอกาสเป็นได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าแฝดไข่ 2 ใบ คนหนึ่งเป็น อีกคนมีโอกาสเป็นถึง 10-25 เปอร์เซ็นต์ และนอกจากนี้ ยีนยังเป็นตัวสร้างรหัสที่ควบคุมปฏิกิริยาการตอบสนอง เพราะฉะนั้นคนที่มียีนผิดปกติ ก็จะทำให้มีความไวต่อสิ่งที่มากระตุ้นให้เกิดอาการซึมเศร้าได้เร็วขึ้น

ด้านลักษณะการดำเนินของโรค

จิตแพทย์เผยว่า อารมณ์จะขึ้นลงกลับไปกลับมา บางคนมีขึ้นอย่างเดียว แล้วก็ลงมาปกติ แล้วก็ขึ้นใหม่ บางคนโชคร้ายหน่อย คือมีทั้ง 2 อย่างเลย โดยระยะเวลาที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมนั้น บางคนโชคดีอาจจะถึง 5 ปี 10 ปี ขณะที่บางคน เพียง 1-2 อาทิตย์ หรือไม่ถึงหนี่งเดือนก็กลับมาเป็นอีก พูดง่าย ๆ ว่า เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายนั่นเอง

ดังนั้น จิตแพทย์รายนี้ได้ให้แนวทางว่า ควรให้ความเคร่งครัดเรื่องการใช้ยาทุกชนิดรวมไปถึงอาหารเสริม และหมั่นสังเกตอาการต่าง ๆ ที่เข้าข่ายของโรค นอกจากนั้นการรับประทานยารักษาโรคอื่น ๆ ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ เพราะยาบางตัวอาจมีผลต่อระดับสารเคมีในสมองได้

สำหรับคุณ หรือคนในบ้านมีความเสี่ยงต่อการภาวะดังกล่าว หรือเริ่มมีอาการแล้ว จิตแพทย์แนะแนวทางในการรับมือดังนี้

หมั่นศึกษาหาความรู้อยู่ตลอดเวลา และสร้างเป้าหมายในชีวิต
หมั่นรับกำลังใจจากคนใกล้ชิด และใช้เวลาทำกิจกรรมนันทนาการอยู่บ่อย ๆ
ฝึกผ่อนคลายลดความเครียด เพราะเป็นวิธีที่ทำให้จัดการกับความเครียดได้ดีขึ้น โดยหลักการจะคล้าย ๆ การนั่งสมาธิ แต่ไม่ได้เน้นว่าต้องนั่งสมาธิ เพราะสมาธิเราเน้นความสงบ แต่ฝึกผ่อนคลาย จะเน้นเรื่องสบายเนื้อสบายตัวเพราะเวลามีภาวะตรึงเครียดร่างกายจะตอบสนองไปที่กล้ามเนื้อ ทำให้มีการเกร็งตัว การฝึกผ่อนคลายก็จะทำให้ลดอาการนั้นลงไปได้

นอกจากนั้นแล้ว ยังมีวิธีการรักษาด้วยการบำบัด เช่น จิตบำบัด พฤติกรรมบำบัด กลุ่มบำบัด และครอบครัวบำบัด โดยแพทย์จะให้ความมั่นใจกับผู้ป่วยว่าถ้าหากมีวินัยในการรักษา และทานยาอย่างสม่ำเสมอก็จะสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ในบางท่านที่มีอาการหนักก็อาจจะต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์เป็นพิเศษ

http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=954000003





1
2

Wish You Happinessss

Success is not the key to happiness. Happiness is the key to success. 
If you love what you are doing, you will be successful. 

~ Albert Schweitzer ~

 คัมภีร์ 5 ห่วง  วิถีแห่ง "ซามูไร" วิถีแห่งนักรบ "บูชิโด"   แนวคิดของตัวเม่น   GOOD LUCK สร้างแรงบันดาลใจเพื่อความสำเร็จ ในชีวิตและธุรกิจด้วยตัวคุณเอง    Why complicate life ?   3 x 8 = เท่าไหร่ ?????   "ฉันชื่อ..โอกาส"

Wish You Happinessss