1
2

ทำอย่างไรให้ลูกค้าหลงรัก




ให้ฉันดูแลเธอ


ทำอย่างไรให้ลูกค้าหลงรัก
โดย : พอใจ พุกกะคุปต์ ; กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
หลงรักปักใจแบบทำให้เพิ่มรายได้จากใกล้ 0 เป็นกว่า 30,000,000,000 บาทต่อปี ...ค่ะ กว่า 3 หมื่นล้าน !

ดิฉันเพิ่งได้มีโอกาสพบชายหนุ่มหน้ามน คนดังของวงการธุรกิจสหรัฐอเมริกา ซึ่งทำในสิ่งที่คนส่วนใหญ่เห็นว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ จนสำเร็จแบบเข็ดฟัน ใครๆ ฝันถึง โดยเฉพาะลูกทีมและลูกค้า ที่หลงใหลได้ปลื้มลืมตัว ขอเป็นลูกค้าชั้นดี จนแทบไม่มีที่ในใจให้คู่แข่งใดๆ

คุณโทนี เชย์ CEO อารมณ์ดีของบริษัทชื่อ Zappos.com ทำธุรกิจขายรองเท้าทางอินเทอร์เน็ตที่ใหญ่ที่สุดในโลก

คุณโทนี เกิดในอเมริกา มีคุณพ่อคุณแม่เป็นคนไต้หวัน ทั้งสองเป็นคนเก่ง จึงมีความคาดหวังสูงกับลูก ตอนเด็กๆ เขาจึงถูกบังคับให้อยู่ในกรอบและกติกามากมาย เช่น ให้ดูทีวีสัปดาห์ละ 1 ชั่วโมง ( ! ) ต้องเรียนเก่ง ต้องเรียนดนตรีและซ้อมทุกวัน ฯลฯ

คุณโทนี แสนซนจึงกลายเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ตั้งแต่เด็ก เช่น รีบตื่นแต่เช้าก่อนพ่อแม่ เพื่อเล่นดนตรีให้มีเสียงดังไพเราะตลอด 1 ชั่วโมงที่ต้องซ้อม คุณพ่อคุณแม่คงนอนฟังแบบเคลิ้มๆ ระคนปลื้มปีติว่าลูกเราแสนเก่ง และสุดขยัน

หารู้ไม่ว่าลูกชายคนเก่ง นอนกลิ้งอ่านการ์ตูนเล่มโปรด ระหว่างที่เปิดเทปตอนซ้อมดนตรีไว้แบบสบายใจ (คุณโทนีฝากกราบขอโทษบุพการีมา ณ ที่นี้ และไม่แนะนำให้ใครเป็นเด็กดื้อและขี้เกียจเช่นเขา)

ด้วยความเก่ง ดื้อ ขี้เกียจ และขี้เบื่อ คุณโทนีจึงไม่ถนัดทำงานเป็นลูกจ้างใคร แม้จะได้งานดี เงินเดือนสูงลิบในองค์กรดังเช่น Oracle หลังจากจบจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เขาทำได้เพียง 5 เดือน ก็กอดคอเพื่อนรัก ออกไปเริ่มธุรกิจเล็กๆ ทำเว็บโฆษณาในอินเทอร์เน็ต ในปี 1996

บริษัท Link Exchange ของเขา ประสบความสำเร็จจนเข้าตายักษ์ใหญ่ เช่น Microsoft และขอซื้อจากชายหนุ่มวัย 24 ขวบ ด้วยเงินกว่า 10,000 ล้านบาทในปี 1998

จากนั้น เขาได้ร่วมลงทุนและบริหารบริษัทแปลกประหลาด ชื่อ Zappos.com ที่แปลกคือบริษัทนี้ทำธุรกิจขายรองเท้าทางอินเทอร์เน็ต ที่แม้ในตลาดสหรัฐฯ ซึ่งคนคุ้นเคยกับการซื้อของผ่านโลกไซเบอร์ แต่รองเท้าก็ยังถือเป็นสินค้าที่ไม่น่าจะขายได้ดี เพราะคนมักอยากรองสวมรองเท้าก่อนซื้อ

Zappos.com จึงมีนโยบายไม่คิดค่าขนส่งสินค้าทั้งขาไปและขากลับ สั่งแล้วใส่ไม่พอดีส่งกลับฟรีภายใน 1 ปีครับผม !

คุณโทนี มีความมุ่งมั่น (เช่นเดียวกับหลายบริษัททั่วโลก) ที่จะให้บริการแบบสุดยอดจนลูกค้าอยากกอดเขาด้วยความหลงใหล ที่แตกต่างคือเขาทำได้ ในธุรกิจที่ไม่ได้แม้สัมผัสลูกค้าโดยตรงเพราะเป็นธุรกิจออนไลน์

ระดับความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ Zappos สูงสูสีกับองค์กรยักษ์ใหญ่ที่ทุ่มเทด้านการให้บริการ เช่น กลุ่ม Four Seasons ผู้บริหารโรงแรมหรูระยิบทั่วโลก...ขายรองเท้าทางไกล ดูแลลูกค้าได้ใจเทียบเท่ากับ โรงแรม 5 ดาว ?

คุณโทนี เผยสูตรสำเร็จว่า ถ้าพนักงานของเขามีความสุข และสนุกกับการทำงาน ทุกอย่างดีๆ ที่ทุกองค์กรต้องการ เช่น ลูกค้าชั้นดี ตลอดจนผลกำไร จะตามมาเองครับ

อีกแล้ว ท่านผู้อ่านคงได้ยินจนเบื่อว่า...เชื่อเถอะครับ องค์กรเราให้ความสำคัญกับพนักงานเป็นอันดับแรก พนักงานเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดขององค์กร พนักงานมาก่อนใคร ๆ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ

น้อยรายที่จะทำได้จริง นิ่ง และแน่วแน่กับคำสัญญาที่ให้

แต่คุณโทนีทำได้ และทำได้แบบจริงไม่อิงนิยาย พิสูจน์ได้จากรายได้สูงลิ่ว จนคู่แข่งนิ่วหน้า ตลอดจนความพึงพอใจของทั้งลูกค้า และลูกทีมที่สูงได้ใจ

ล่าสุด นิตยสาร Fortune ได้จัดอันดับให้ Zappos.com เป็นหนึ่งใน 100 องค์กรที่น่าทำงานด้วยที่สุด

คุณโทนี ย้ำว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้องค์กรเปี่ยมล้นด้วยพลังและความสุขจากข้างใน จนล้นกระฉอกใส่ลูกค้า คือการสร้างวัฒนธรรมองค์กรอย่างทุ่มเท จริงจัง และต่อเนื่อง โดยผู้นำเช่นเขา ต้องทำตนเป็นตัวอย่างที่ยิ่งกว่าดี

เขาและทีม ร่วมกันคิดค่านิยมหลัก กลั่นออกมาได้หลายข้อ เช่น ให้บริการที่ดีจนลูกค้าอึ้ง มุ่งมั่นและทุ่มเท อ่อนน้อมถ่อมตน สร้างทีมและความกลมเกลียวเหมือนญาติในที่ทำงาน

ตัวอย่าง แนวทางในการหล่อหลอมวัฒนธรรมองค์กร คือ ใส่ใจกับการคัดเลือกคน ให้ตรงกับวัฒนธรรมขององค์กร เช่น Zappos.com ต้องการคนเก่ง คนทุ่มเท แต่ขณะเดียวกัน ต้องอ่อนน้อมถ่อมตน หรือ Humble

วิธีวัดว่า คนที่มาสัมภาษณ์ Humble ไหม มีหลากหลายวิธี เช่น คนส่วนใหญ่ที่อยากมาทำงานที่ Zappos เดินทางมาจากทั่วสารทิศ เมื่อมาถึง Zappos ก็จะส่งรถบริษัทไปรับเพื่อไปยังสำนักงานของเขา

เมื่อสัมภาษณ์เสร็จแล้ว ฝ่ายบุคคลจะสอบถามความเห็นเกี่ยวกับคนที่มาสัมภาษณ์ จากผู้ที่คนส่วนใหญ่มักมองข้าม เพราะเห็นว่าเป็น “มนุษย์เล็กมนุษย์น้อย” เช่น พนักงานขับรถ ว่าคนที่มาสัมภาษณ์ มีพฤติกรรมอย่างไรกับมนุษย์ "เล็กน้อย" เช่นพวกเขา หากคำตอบจากปากคนเหล่านี้ออกมาไม่ดี เช่น ละเลย ไม่ให้เกียรติ ฯลฯ แม้เก่งแสนเก่ง...หากดีและสุภาพเป็นเฉพาะกับคนที่เห็นว่าใหญ่กว่า...ถือว่าไม่ใช่ของจริง คนเหล่านี้จะไม่ได้ทำงานที่ Zappos เพราะถือว่าเขาไม่อ่อนน้อมพอ

ท่านผู้อ่านเริ่มทึ่งชายหนุ่มคนนี้เช่นเดียวกับดิฉันแล้วใช่ไหมคะ

เมื่อผู้ถูกสัมภาษณ์ได้รับการคัดเลือกเป็นพนักงาน ทุกคนต้องผ่านขั้นตอนการอบรมหลายสัปดาห์เหมือนกันหมด ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่ง หรือระดับใด เช่น ต้องผ่านการฝึกเป็นพนักงาน Call Center ซึ่งทำหน้าที่หัวใจในการทำให้ลูกค้าประทับใจ

ที่เก๋ขึ้นไปอีก คือเมื่อผ่านการอบรมแล้ว พนักงานใหม่มีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะขอรับโบนัส 2000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณกว่า 60,000 บาท เพื่อลาออกทันทีก่อนเริ่มงาน หากตระหนักว่าที่นี้ไม่เหมาะกับเขา ดีกว่าดันทุรังอยู่กันไป เอากับเขาซิคะ!

ทั้งหมดนี้ เพื่อเป็นการตั้งหลักว่า Zappos จะได้คนที่ทั้งเก่ง ทั้งมีใจ เข้ากับองค์กรได้ดี เป็นการเสริมความเหนียวแน่นของวัฒนธรรมองค์กรวิธีหนึ่ง

หากผู้อ่านอยากไปทำงานกับคุณโทนี อย่าลืมยิ้มหวานให้พนักงานขับรถ ไล่เรียงถึงแม่บ้าน คนงาน และคนสวนด้วยนะคะ

คุณโทนีฝากยิ้มใสมาถึงผู้อ่านคนไทยด้วยค่ะ เขาจะมาเที่ยวบ้านเราในไม่กี่เดือนนี้

พี่ไทยจะทำให้คนที่อยู่ในธุรกิจของการสร้างความประทับใจ ประทับใจเราหรือไม่ ...ได้เห็นกันในไม่นานเกินรอค่ะ

กว่าจะทำให้องค์กรนี้ดังคับฟ้าธุรกิจเช่นปัจจุบัน คุณโทนีต้องฝ่าฟัน ผ่านอุปสรรคขวากหนามมาด้วยความทรหด อดทน มุ่งมั่น ไม่ยอมแพ้ แบบคุณแน่ !

ในช่วงต้นของการสร้างธุรกิจ Zappos.com เกือบต้องปิดกิจการหลายครั้งเพราะหมุนเงินไม่ทัน เนื่องจากนายแบงก์และนักลงทุนทั้งหลายส่ายหน้าว่าไม่อยากร่วมหัวจมท้ายด้วย เพราะธุรกิจขายรองเท้าทางอินเทอร์เน็ตท่าทางจะรวยยาก เจ๊งง่าย

คุณโทนี สารภาพว่ามีท้อบ้าง แต่ไม่เคยถอย จนผ่านไปไม่ถึง 10 ปี Zappos.com กลายเป็นองค์กรเนื้อหอมจนอภิมหาองค์กรออนไลน์เช่น Amazon ขอซื้อกิจการไปเรียบร้อย ด้วยมูลค่า 36,000 ล้านบาท

แต่ด้วยความเก่งขั้นเทพของคุณโทนีและผลงานที่โดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ของ Zappos.com ทำให้แม้แต่ Amazon ยังยอมสยบและตกลงให้คุณโทนีและทีมงานบริหารงาน Zappos.com ในรูปแบบเดิมทุกประการ โดยไม่ยุ่ง ไม่วุ่นวายก้าวก่ายแต่ประการใด



**********************************************************************


Amazon ทุ่มซื้อ Zappos โตไม่ยั้ง

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] รายงานข่าวล่าสุด แอมะซอน (Amazon.com) ตกลงซื้อแซปโปส์ (Zappos.com)เว็บไซต์ขายรองเท้า และเสื้อผ้าแล้ว ด้วยมูลค่า (หุ้นและเงินสด) สูงถึง 850 ล้านเหรียญฯ (ประมาณสามหมื่นล้านบาท) โดยผลลัพธ์ที่ได้จะทำให้ Amazon กลายเป็นค้าปลีกออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกจนยากจะหาอีคอมเมิร์ซเจ้าใดเทียบได้

สำหรับในรายละเอียดของการเข้าซื้อธุรกิจครั้งนี้ Amazon จะต้องจ่ายเป็นหุ้นของทางบริษัทมูลค่าสูงถึง 807 ล้านเหรียญฯ ให้กับ Zappos ที่มีฐานตั้งอยู่ในลาสเวกัส นอกจากนี้ยังต้องเพิ่มอีก 40 ล้านเหรียญฯ (ในรูปของเงินสด และหุ้น) ให้กับพนักงานของ Zappos อีกด้วย เรียกได้ว่า เป็นดีลที่มีมูลค่าการซื้อขายทีสูงที่สุด โดยอ้างอิงข้อมูลการเข้าซื้อกิจการในอดีตของ Amazon ที่รายงานโดย FactSet Research ระบุว่า ดีลที่แพงที่สุดในรอบสิบปีทีผ่านมาคือ การซื้อ Audible Inc. (เว็บไซต์ขายหนังสือ และหนังสือพิมพ์ทีเป็ฯออดิโอบุ๊ก) ที่ต้องใช้เงินสดสูงถึง 280.7 ล้านเหรีญญฯ (ประมาณหนึ่งหมื่นล้านบาท)

"การซื้อขายกิจการของดอตคอมสองเจ้านี้ เป็นเรื่องของผลประโยชน์ต่างตอบแทนโดยแท้ เนื่องจากมันช่วยให้ทั้งสองธุรกิจมีศักยภาพการเติบโตที่ดีขึ้น" Fred Moran นักวิเคราะห์ที่ Benchmark Capital กล่าว ซึ่งดีลทีเกิดขึ้นนี้ต้องนับเป็นความฉลาดมากทีเดียว อย่างไรก็ดี ทาง Zappos ปฎิเสธที่จะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเลขทางการเงิน คงแต่รายงานว่า ทางบริษัททำยอดขายเมื่อปีที่แล้วสูงถึง 1 พันล้านเหรียญฯ

Tony Hsieh ซีอีโอได้ให้คำมั่นสัญญากับพนักงานของบริษัทว่า "เรามีแผนที่จะรัน Zappos ต่อไปด้วยวิธีที่เราใช้ผลักดันธุรกิจเสมอมา" Hsieh ยังกล่าวด้วว่า Amazon ได้พยายามชักชวน Zappos มาตั้งแต่หลายเดือนก่อน แต่ปัจจัยหลักคือ ความตั้งใจของ Amazon ที่จะให้ Zappos ยังคงสร้างแบรนด์ Zappos ได้ต่อไป แทนที่จะถูกรวมเข้าไปอยู่ใน Amazon

การเข้าซื้อกิจการเป็นหนึ่งในแผนการลงทุนของ Amazon โดยเมื่อเดือนที่ผ่านมาก็เพิ่งซื้อบริษัท Snap Tell Inc. ที่ให้บริการค้นหาผลิตภัณฑ์ด้วยภาพ (visual-product-search) แต่ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขมูลค่า นอกจากนี้ยังมีความสนใจที่จะซื้อบริการเช่าแผ่น DVD ยักษ์ใหญ่บนอินเทอร์เน็ตอย่าง Netflix อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ทางตัวแทนบริษัทปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้

ทีมบริหาร Zappos จะยังคงเหมือนเดิม และบริษัทจะทำงานภายใต้แบรนด์ของตนในลักษณะที่เป็นบริษัทลูกของ Amazon โดยสมบูรณ์ สำหรับดีลนี้คาดว่าจะเรียบร้อยภายในช่วงไตรมาสที่สามของปีนี้
23 กรกฎาคม 2552


**********************************************************************

What is Zappos?



ในมุมมองของคุณโทนี ธุรกิจของ Zappos.com มีหลายส่วนที่ใครๆ อาจเลียนแบบได้ ไม่ยาก แต่มี 3 ปัจจัยที่ลอกเลียนแบบไม่ง่าย แต่หากใครทำได้ ความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง เป็นเรื่องทำได้ครับ !

ทั้ง 3 ปัจจัย คือ...

1.การดูแลลูกค้าให้ดีใจจนอึ้ง

เขาเลือกที่จะไม่ทุ่มใช้งบประมาณในการโฆษณาและทำการตลาดเหมือนบริษัททั่วไป เพราะเชื่อว่าการใช้เงินส่วนนั้นมาทำให้ลูกค้าปลื้มปีติประทับใจในการให้บริการจะเก๋กว่ากันมาก หากลูกค้าประทับใจ นอกจากจะเป็นลูกค้าที่ดีต่อไป จะยังทำตัวเป็นมนุษย์โฆษณาและทำการตลาดให้โดยบอกปากต่อปาก ซึ่งมีค่าและหายากกว่าหน้าโฆษณาหลายเท่าตัวนัก

หนึ่งในสิ่งที่ Zappos.com ทุ่มทุนสร้างคือทีมงานที่ดูแลลูกค้าทางโทรศัพท์ หรือ Call Center

แนวทางของคุณโทนีที่แตกต่างจากบริษัทอื่นๆ คือ เขาเลือกที่จะไว้ใจทีมให้ประคับประคองลูกค้าโดยไม่มีข้อบังคับและกฎกติกาเช่น Call Center อื่นๆ

ในบริษัททั่วไป Call Center ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องมี จึงต้องประหยัดและใช้เวลาให้คุ้ม พนักงานจึงถูกฝึกให้พูดตามบทให้เหมือนกัน ให้ผลักดันการขาย โดยวัดประสิทธิภาพจากเวลาที่ใช้กับลูกค้าแต่ละคน

คุณโทนีบอกว่าการที่ลูกค้าโทรเข้ามาถือเป็นโอกาส มิใช่เป็นภาระ และอาจเป็นโอกาสครั้งเดียวที่จะทำให้เขาประทำใจได้

แค่มุมมองนี้ ก็ชนะขาดแล้วค่ะ

ดังนั้น เขาจึงเลือกพนักงานที่มีทัศนคติดี และได้รับการฝึกฝนจนช่ำชองเป็นพนักงาน Call Center ทั้งยังมอบอำนาจในการตัดสินใจ สามารถแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้มากกว่าพนักงาน Call Center ทั่วไป

พนักงานของเขาไม่ถูกวัดด้วยเวลาที่ใช้ในการคุยกับลูกค้าแต่ละคน จะได้ไม่อยู่ในอาการรีบตอบให้เสร็จๆ จนลูกค้าเกรงใจว่าพี่จะรีบไปไหนจ๊ะ (คุณโทนีเล่าว่าล่าสุดมีพนักงานคนหนึ่งทำลายสถิติคุยกับลูกค้านานได้กว่า 8 ชั่วโมง!)

คุณโทนี ย้ำว่า หากองค์กรแสดงให้เห็นว่าเชื่อมือเชื่อใจพนักงาน พนักงานส่วนใหญ่จะทำทุกอย่างที่ดีเต็มความสามารถให้เห็น มากกว่าบีบบังคับเขาด้วยกฎกติกาเสียอีก

2.วัฒนธรรมองค์กร

คุณโทนีบอกว่า ผลงานโดดเด่นเรื่องการดูแลลูกค้าแบบมหัศจรรย์ที่ Zappos.com ทำได้ ถือเป็นผลของการมีวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็งเป็นหนึ่งเดียว

หัวใจหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กรของ Zappos.com คือการทำงานอย่างมีความสุข

บริษัทให้พนักงานสามารถเป็นตัวตนของตัวเองได้เต็มที่ ไม่มีกฎกติกาบังคับคอยจับผิด ใครจะลุกขึ้นมาร้องเพลงเต้นระบำในห้องทำงาน ก็ไม่มีใครว่า

นอกจากนั้น องค์กรเน้นความเป็นทีมที่ใกล้ชิดสนิทสนม ทุกวันตอนเปิดคอมพิวเตอร์ของบริษัทเพื่อเริ่มทำงาน พนักงานจะได้เห็นรูปของเพื่อนร่วมงานหนึ่งคนในจอ ต่างต้องพิมพ์ชื่อเพื่อนคนนี้ลงไป และจะมีเฉลยว่าที่พิมพ์ถูกหรือไม่ จากนั้นจะมีประวัติเก๋ๆ ของเพื่อนคนนั้นให้อ่าน ถือเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ทำให้ต่างรู้จักกันมากขึ้น

พนักงานต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าที่นี่น่าทำงานจริงๆ จนตอนนี้ Zappos.com ไต่เป็นอันดับที่ 15 ขององค์กรที่น่าทำงานด้วยที่สุดในโลก จากการสำรวจของนิตยสาร Fortune

HERO
Every company has fabulous employees, but does every company have a HERO? This program is a whiz bang way for us to recognize special, above and beyond, efforts demonstrated by our fantastic Zappos Family members.

3.การสร้างตัวตายตัวแทน

คุณโทนีเน้นมากในการพัฒนาบุคลากรโดยพิถีพิถันตั้งแต่กระบวนการคัดสรรพนักงานดังที่เราคุยกันในตอนที่แล้ว

ที่สำคัญ Zappos.com มีระบบสร้างกลุ่มตัวตายตัวแทนสำหรับทุกตำแหน่งในองค์กรไว้เพียบพร้อม โดยให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นทีม โดยไม่ต้องมีใครโดดเด่นเล่นเป็นอยู่คนเดียว

เมื่อมีตัวตายตัวแทน การเลื่อนตำแหน่งจึงแทบจะมาจากคนภายในทั้งสิ้น จึงเป็นอีกเรื่องที่คนในได้เฮ

นอกจากนั้น คุณโทนีมองเรื่องพัฒนาบุคลากรไกลยิ่งกว่าขอบรั้วขององค์กรตัวเอง เพราะเขากำลังเล็งจับมือกับมหาวิทยาลัยใกล้เคียง เพื่อฝึกนักศึกษาที่สนใจทำงานให้ Zappos.com ให้เตรียมพร้อมถึง 4 ปีก่อนเข้าทำงานจริง

คุณโทนีบอกว่าทั้ง 3 ปัจจัย มิใช่อะไรมหัศจรรย์ เชื่อว่าท่านผู้อ่านและคู่แข่งรู้ดี
แต่รู้จริง กับทำจริง เป็นคนละสิ่งกัน...คุณโทนีว่าเช่นนั้นค่ะ


Tony Hsieh’s Secret To Happiness
In case you don’t know Tony Hsieh, the entrepreneur and mastermind behind Zappos, he is definitely someone you need to get familiar with. Not only did Hsieh (pronounced “Shay”) have the business acumen to grow Zappos into a $1.2 billion business, but he also introduced a revolutionary way of running a business. His winning strategy revolves around making his customers happy… a recipe that has made him one of the most respected and admired CEO’s of our time.

While Hsieh definitely knows how to churn out profits, we should also mention that Zappos was listed as one of Fortune magazine’s top 25 companies to work for. So, he clearly knows how to keep his employees happy as well.

Tony Hsieh was an entrepreneur for most of his life. Before he was the CEO of Zappos, he co-founded LinkExchange, a company he sold to Microsoft for $265 million. Even before that, he owned everything from a lemonade stand to a pizza business. It is no question that this Harvard grad knows how to turn businesses into profit machines. When asked about his success strategies, one might expect him to explain the complexities of managing systems… but instead Hsieh just emphasizes the importance of making people happy.

In his new book, Delivering Happiness, Tony Hsieh explains how his decision to focus on happiness produced profits, passion and purpose in business and in life.

Here Are Five Ways To Deliver Happiness the Tony Hsieh Way:

1. Invest In The Culture Of Your Business- “Businesses often forget about the culture, and ultimately, they suffer for it because you can’t deliver good service from unhappy employees.”

2. Embrace Your Employees’ Creativity- “I view my role more as trying to set up an environment where the personalities, creativity and individuality of all the different employees come out and can shine.”

3. Make Your Company Stand For Something- “We asked ourselves what we wanted this company to stand for. We didn’t want to just sell shoes. I wasn’t even into shoes – but I was passionate about customer service.”

4. Give Your Customers A Reason To Come Back- “The #1 driver of our growth has been through repeat customers and word of mouth. We still have financial goals to make, we just choose to invest more in customer service than in paid advertising.”

5. Don’t Focus On The Money- “Have fun. The game is a lot more enjoyable when you’re trying to do more than just make money.”

http://www.zappos.com/
http://www.arip.co.th/news.php?id=409553
http://bit.ly/hab81i
http://bit.ly/eeKyIn
http://brandmakernews.com/features/brands-we-love/3952/tony-hsiehs-secret-to-happiness.html




1
2

Wish You Happinessss

Success is not the key to happiness. Happiness is the key to success. 
If you love what you are doing, you will be successful. 

~ Albert Schweitzer ~

 คัมภีร์ 5 ห่วง  วิถีแห่ง "ซามูไร" วิถีแห่งนักรบ "บูชิโด"   แนวคิดของตัวเม่น   GOOD LUCK สร้างแรงบันดาลใจเพื่อความสำเร็จ ในชีวิตและธุรกิจด้วยตัวคุณเอง    Why complicate life ?   3 x 8 = เท่าไหร่ ?????   "ฉันชื่อ..โอกาส"

Wish You Happinessss