1
2

แค่เพียง "เสี้ยววินาที"

Cake - แปลว่า...ขอบคุณ


แค่เพียง "เสี้ยววินาที"
นิทานก่อนนอน เรื่อง "ไคลล์"



เรื่องเกิดขึ้นในวันหนึ่ง เมื่อครั้งผมยังเป็นน้องใหม่ในโรงเรียนมัธยม
ผมเห็นเด็กคนหนึ่งซึ่งเรียนอยู่ชั้นเดียวกัน
กำลังเดินกลับบ้านหลังเลิกเรียน
ผมจำได้ว่าเขาชื่อ "ไคลล์"



ผมเห็นเขากำลังขนหนังสือทุกเล่มของเขากลับบ้าน
ผมคิดว่าทำไมนะถึงยังมีคนหอบหนังสือทั้งหมดของตัว
กลับบ้านในวันศุกร์ด้วย หมอนี่มันจะต้องเป็นพวกคนประหลาดแน่ๆเลย

ผมเองนั้นมีแผนการสำหรับวันหยุดเอาไว้แล้วนั่นคือไปงาน party
และเล่นฟุตบอลกับพวกเพื่อนๆตอนบ่ายพรุ่งนี้
คิดไปแล้วผมก็ยักไหล่จะเดินจากไป
แต่ขณะนั้นผมก็เห็นเด็กกลุ่มหนึ่งวิ่งแข่งกันตรงมายังไคลล์ 
จนชนเขาล้มลงคลุกฝุ่นข้างทาง
หนังสือในอ้อมแขนของเขาก็ตกกระจัดกระจาย 
ผมเห็นแว่นตาของเขากระเด็นไปตกบนพื้นหญ้า
ห่างจากตัวเขาประมาณ 10 ฟุต 
เขาเงยหน้าขึ้นและผมก็ได้เห็นความโศกเศร้าในดวงตาของเขา

ผมตกใจมาก จึงรีบวิ่งไปหาเขา
ขณะที่เขากำลังคลำหาแว่นตาของตัวเองอยู่ 
ผมสังเกตเห็นว่าตาของไคลล์มีน้ำตาคลอ
ตอนที่ผมยื่นแว่นตาให้เขาผมก็พูดกับเขาว่า



"พวกนั้นนี่มันงี่เง่าจริงๆ นายเป็นอะไรมั้ย?"
ไคลล์มองผมและพูดว่า "เฮ้ ขอบคุณนะ" 
ด้วยใบหน้าที่สดใสขึ้นจากรอยยิ้ม
ที่แสดงถึงความสำนึกขอบคุณอย่างจริงๆ
ผมช่วยเขาเก็บหนังสือ และถามว่าเขาอาศัยอยู่ที่ไหน
มันน่าแปลกใจมากที่กลายเป็นว่าบ้านของเขาอยู่ใกล้ๆบ้านผม 
ผมถามเขาว่าทำไมผมถึงไม่เคยพบเขามาก่อนเลย
เขาบอกว่าก่อนหน้านี้เขาได้ไปเข้าเรียนอยู่ในโรงเรียนเอกชน
ซึ่งแน่นอนว่าผมก็ไม่เคยได้คบหากับเด็กโรงเรียนเอกชนด้วย

ผมช่วยเขาหอบหนังสือและเราสองคน
ก็พูดคุยกันไปตลอดทางที่กลับบ้าน 
ผมพบว่าไคลล์เป็นเด็กหนุ่มที่น่าสนใจทีเดียว
ผมถามเขาว่าต้องการจะมาเล่นฟุตบอลด้วยกัน
กับผมและเพื่อนในวันเสาร์รึเปล่า
เขาตอบตกลง

ดังนั้นเราสองคนก็ได้ใช้เวลาในวันหยุดด้วยกันกับพวกเพื่อนๆผม 
และยิ่งผมได้รู้จักไคลล์มากขึ้นเท่าไรผมก็รู้สึกว่าไคลล์นิสัยดีมาก
พวกเพื่อนๆของผมเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน 



ในเช้าวันจันทร์ถัดมาผมก็ได้เจอไคลล์อีกพร้อม 
หนังสือกองโตเต็มหอบแขน ผมหยุดเขาและพูดกับเขาว่า
"ให้ตายเถอะ นายคิดที่จะเพาะกล้ามด้วยกองหนังสือพวกนี้ทุกวันเลยงั้นเหรอ ?"
ไคลล์หัวเราะและแบ่งหนังสือครึ่งหนึ่งให้ผมช่วยถือ 
จากวันนั้นมาจนตลอด 4ปี ไคลล์และผมก็กลายเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก 
จนเมื่อพวกเราได้เป็นรุ่นพี่ปีสุดท้าย 
พวกเราก็ต่างเริ่มคิดถึงเรื่องการเรียนต่อในมหาวิทยาลัย
ไคลล์ตัดสินใจไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย Georgetown 
ส่วนผมก็จะไปเรียนที่ Duke
ผมรู้ดีว่าเราจะยังคงเป็นเพื่อนกันอยู่เสมอ
และระยะทางห่างไกลนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับความสัมพันธ์ของเราเลย
ไคลล์จะเรียนให้จบแพทย์
และผมก็จะเรียนทางด้านธุรกิจโดยใช้ทุนการศึกษาของทีมฟุตบอล

ไคลล์ถูกเลือกให้เป็นผู้กล่าวคำอำลาในพิธีจบการศึกษาของชั้นเรา 
ผมยังคงล้อเลียนเขาอยู่ตลอดเวลาในเรื่องที่ว่าเขาเหมือนพวกคนประหลาด
ในขณะที่เขาต้องเตรียมสุนทรพจน์สำหรับงานการจบการศึกษา 
ผมก็รู้สึกดีใจมากที่ไม่ใช่เป็นผมที่จะต้องขึ้นไปพูดบนเวที
ในวันงานจบการศึกษา ผมมองดูไคลล์และคิดว่าเขาดูดีมากทีเดียว 
ไคลล์นับว่าเป็นหนึ่งในบรรดาคนหนุ่มที่ในที่สุด
ก็สามารถค้นพบตัวเองในช่วงชีวิตของนักเรียนมัธยม 
ไคลล์มีรูปร่างล่ำสันขึ้น และดูเหมาะมากกับแว่นตา 
เขามีนัดกับสาวๆมากกว่าผมอีกและพวกผู้หญิงก็รักเขาทุกคน

ให้ตายเถอะมันทำให้ผมอดนึกอิจฉาไม่ได้ในบางครั้ง
ผมสังเกตเห็นว่าไคลล์กำลังกังวลเกี่ยวกับการกล่าวสุนทรพจน์
ผมจึงเข้าไปตบหลังให้กำลังใจและพูดว่า 
"เฮ้ นายจะต้องทำได้เยี่ยมอย่างแน่นอน!"
ไคลล์มองผมด้วยสายตาเช่นทุกครั้ง 
สายตาที่แสดงความขอบคุณอย่างจริงๆ
เขายิ้มพร้อมพูดว่า "ขอบคุณ" ไคลล์กระแอมและได้เริ่มต้นสุนทรพจน์ของเขาว่า



"วันจบการศึกษาเป็นโอกาสที่เราจะได้ขอบคุณบรรดาผู้ซึ่งได้ช่วยเหลือพวกเรา
ให้ผ่านพ้นปีแห่งความยากลำบากพวกเขาเหล่านั้นก็คือ 
พ่อ แม่ คุณครู พี่น้องของคุณ หรือแม้แต่โค้ชกีฬาของคุณด้วย
แต่อันที่จริงแล้วผู้ที่คอยช่วยเหลือคุณมากที่สุดนั้นก็คือเพื่อนๆของคุณนั่นเอง 
ผมได้มายืนอยู่ ณ ที่นี้ก็เพื่อที่จะบอกคุณทุกคนว่า 
การได้รับความเป็นเพื่อนจากใครบางคนนั้น 
นับเป็นการได้รับของขวัญอันสุดวิเศษ 
และผมขอยืนยันสิ่งนี้ด้วยการเล่าเรื่องของผมให้พวกคุณ "

ผมมองไคลล์เพื่อนคนนี้ของผมอย่างไม่เชื่อสายตา 
ในขณะที่เขาเล่าถึงวันแรกที่เราสองคนได้พบกัน 
เขาเล่าว่า"เขาได้วางแผนที่จะฆ่าตัวตายในช่วงวันหยุด"
โดยเขาเตรียมการทำความสะอาดล๊อคเกอร์เก็บของที่โรงเรียน 
และขนของทุกอย่างในนั้นกลับบ้าน 
เพื่อที่แม่ของเขาจะได้ไม่ต้องลำบากมาทำให้เขาอีกในภายหลัง 
ไคลล์มองนิ่งมาที่ผมพร้อมยิ้มน้อยๆ
น่าขอบคุณจริงๆที่ผมได้ถูกช่วยชีวิตไว้ 
เพื่อนของผมช่วยผมไว้จากการตัดสินใจกระทำ
สิ่งซึ่งจะทำให้ผมไม่มีโอกาสได้มายืนพูดอยู่ ณ ที่นี้อีกเลย

ผมได้ยินเสียงเฮือกหายใจจากกลุ่มคนที่อยู่ในพิธี
ในขณะที่ได้ฟังเด็กหนุ่มรูปหล่อที่เป็นที่ชื่นชอบของพวกเขาเล่าให้ฟัง
ถึงช่วงเวลาแห่งความอ่อนแอในชีวิตผมได้เห็นแม่ และพ่อของไคลล์มองมาที่ผม พร้อมรอยยิ้มแสดงความขอบคุณอย่างเดียวกัน 
และในบัดนั้นเองที่ผมได้เข้าใจถึงความหมายอันลึกซึ้งของคำที่ว่า

คนเราไม่ควรประเมินค่าในการกระทำของตนเองน้อยไป 
เพราะเพียงแค่สิ่งเล็กน้อยที่คุณแสดงต่อใครบางคน 
ก็สามารถที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขาคนนั้นได้ทันที 
ไม่ว่าจะเป็นในทางดี หรือ ทางร้ายก็ตาม ในความเป็นเพื่อนนั้น
พวกเราได้ถูกกำหนดให้มาพบเจอกัน
เพื่อที่จะได้ช่วยเป็นแรงผลักดันในชีวิตของกันและกันในทางใดทางหนึ่ง



ไคลล์จบสุนทรพจน์ของเขาว่า "เพราะเพื่อนคือเทพหรือนางฟ้า 
ผู้ที่จะช่วยโอบอุ้มเราให้สามารถยืนหยัดบนขาได้อีกครั้ง 
เมื่อปีกของเราลืมวิธีการที่จะบินไปชั่วขณะหนึ่ง"


Fwd.



คำถามจากแม่


ไมเคิล สวัสดิ์เสวี - 04 Handy Man

  
  

คำถามจากแม่



แม่ของผมเคยถามผมว่า ... ส่วนไหนของร่างกายที่สำคัญที่สุด
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมได้ทายสิ่งที่ผมคิดว่ามันเป็นคำตอบที่ถูก
เมื่อตอนผมยังเป็นเด็กเล็กผมเคยคิดว่า
เสียง เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับเราในฐานะที่เป็นมนุษย์

 

ดังนั้น ผมจึงบอกแม่ว่า "มันคือ หู ผมไง"
แต่แม่บอกว่า "ไม่ใช่จ้ะ คนจำนวนมาก หูหนวก แต่ก็ยังอยู่ได้"
ลูกลองคิดดูไปก่อนนะ แล้วเร็วๆนี้แม่จะถามลูกใหม่



หลายปีผ่านไปก่อนที่ แม่จะถามผมเรื่องนี้อีกครั้ง
ตั้งแต่ที่ผมทายผิดครั้งแรก ผมก็พยายามครุ่นคิดหาคำตอบที่ถูกต้องตลอดมา
และในตอนนี้ผมบอกกับแม่ว่า "การมองเห็น สำคัญมากสำหรับทุกๆ
คนดังนั้นมันต้องเป็นตาของเราแน่เลย ที่สำคัญที่สุด"

แม่มองมาที่ผม และบอกกับผมว่า
"ลูกเรียนรู้ได้เร็วมากแต่ว่าคำตอบก็ยังไม่ถูกจ้ะ
เพราะว่า ยังมีคนอีกมากมายที่ตาบอดแต่ก็ยังอยู่ได้"
อึ้งไปอีกครั้ง แต่ผมก็ยังคงพยายามค้นคว้า หาความรู้ต่อมาอีกหลายปี
และแม่ก็ยังคงถามผมอีก หลายครั้ง และทุกครั้ง คำตอบของแม่ก็คือ
"ไม่ใช่จ้ะแต่ลูกก็ฉลาดขึ้นทุกๆครั้ง นะจ๊ะ ลูกรัก"


จนเมื่อปีที่แล้ว ปู่ของผมตายลง ทุกคนในบ้านเศร้าใจกันมาก ทุกคนร้องไห้
แม้แต่พ่อของผมก็ร้องด้วย ผมจำได้ดีเพราะว่ามันเป็นเพียงครั้งที่สอง

ที่ผมเห็นพ่อร้องไห้ แม่มองมาที่ผม
ตอนที่เรากล่าวคำอำลาครั้งสุดท้ายต่อคุณปู่
แล้วแม่ก็ถามผมว่า "ลูกรู้หรือยังส่วนไหนของร่างกายเราสำคัญที่สุดลูกรัก"

ผมรู้สึกงุนงง ที่แม่ถามผมตอนนี้ ผมคิดตลอดมาว่าคำถามนี้เป็นเกมส์
ระหว่าผมกับแม่ แม่มองเห็นสีหน้ามึนของผม 
และก็บอกว่าคำถามนี้สำคัญมากลูก
มันแสดงให้เห็นความจริง ในชีวิตของเรา
สำหรับอวัยวะต่างๆ ที่ลูกเคยบอกกับแม่ว่าสำคัญ ในอดีตที่ผ่านมา
และแม่ได้บอกกับลูกว่า มันผิดมาตลอด
พร้อมกันนั้นแม่ก็ได้ยกตัวอย่างให้ลูกฟังว่าทำไมมันถึงผิด
แต่ว่าวันนี้เป็นวันที่ลูกจะได้เรียนบทเรียนที่สำคัญที่สุด

แม่ ก้มลงมองมาที่ผม
ด้วยความรู้สึกลึกซึ้งอย่างที่แม่คนหนึ่งจะทำได้
ผมเห็นตาแม่เอ่อด้วยน้ำตา และแม่ก็พูดว่า

"ลูกรักส่วนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของลูกก็คือ บ่า จ้ะ"

ผมถามแม่ว่า "เป็นเพราะว่ามันคอยรองรับหัวของเราไว้ ใช่มั้ยครับ"



แม่ตอบว่า "ไม่ใช่จ้ะ แต่เป็นเพราะว่ามันสามารถรองรับ ศีรษะของเพื่อนของเรา หรือคนที่เรารัก เมื่อยามที่เค้าร้องไห้ คนเราทุกคนต้องการบ่าใครซักคนไว้คอยซบยามร้องให้ในบางช่วงเวลาของชีวิต”

ลูกรัก แม่เพียงแต่หวังว่า
ลูกจะมีเพื่อนและคนรักที่จะมีบ่าพร้อมที่จะให้ลูกซบตอนร้องไห้
ยามเมื่อลูกต้องการตรงนั้นเองที่ผมได้รู้ว่า

สิ่งสำคัญที่สุดของร่างกายเรา คือการไม่เห็นแก่ตัว
และมันคือความรู้สึกร่วมรับรู้กับความเจ็บปวดของคนอื่น

คนเราอาจจะลืม สิ่งที่คุณพูด.......
คนเราอาจจะลืมสิ่งทีคุณทำ.........
แต่ไม่มีใครลืม สิ่งที่ทำให้เค้า "รู้สึก" ได้......

ต้นฉบับของจม.ฉบับนี้มาจาก ไหนไม่ทราบ
แต่มันจะนำพรประเสริฐมาสู่คนที่เผยแพร่ข้อความนี้ออกไปต่อๆกัน



เพื่อนที่ดีก็เหมือนดวงดาวบนท้องฟ้า...คุณไม่ได้เห็นมันตลอดเวลาหรอก
แต่คุณรู้ว่า พวกเค้าอยู่ที่ตรงนั้นกับคุณ ตลอดเวลา



Fwd.



ไม่กล้าก็ไม่ก้าว... ไม่ก้าวก็ไม่เดิน...



เพลง ก้าวเดินตามฝัน


ไม่กล้าก็ไม่ก้าว... 
ไม่ก้าวก็ไม่เดิน...



“ผู้ที่มีลักษณะที่จะประสบความสำเร็จ และพบความสุข
คือผู้ที่กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ผู้ที่กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
คือผู้ที่กล้าหาญที่จะรับฟังคำติมากกว่าคำชม คือ กล้า...



ผู้ที่มีลักษณะที่จะล้มเหลว และมีแต่ความทุกข์ใจ
คือผู้ที่ยึดตัวเองเป็นหลัก ไม่ยอมรับฟังผู้อื่น
ผู้ที่ยึดตัวเองเป็นหลัก คือผู้ที่หมดโอกาสเรียนรู้โดยแท้จริง
แม้ใจอยากได้แต่สิ่งดีๆ แต่สิ่งดีๆ ก็เข้าไม่ถึงใจ
เพราะความกลัว ใจจึง ปิด ความคิด จึงไม่ก้าว”



1. เชื่อมั่น และศรัทธาในมือข้างขวาของคุณ

“ ธรรมชาติสร้างแขนมาให้มนุษย์สองข้าง พร้อมมือสวยๆ อีกหนึ่งคู่ 
คนส่วนมากถนัดขวา ใช้มือขวามากกว่ามือซ้าย 
มือซ้าย คือมือแห่ง โชคชะตา 
มือขวา คือมือที่ สร้างและทำ 
แต่คนหลายคนกลับปล่อยให้โชคชะตามากำหนดชีวิต”

…โชคชะตาเป็นสิ่งนามธรรมที่คนเราคิดขึ้นมาเอง 
มันจะไม่มีทางมีอิทธิพลเหนือกว่าจิตใจเราได้เลย

..เมื่อไหร่ที่หัวใจอ่อนแอ อย่าปล่อยให้ชีวิตเอนตาม



2. ปัญหามีไว้แก้ไข ..หลบได้ พักได้ แต่อย่าหนี

การนั่งดูปัญหาตีกันแม้มันจะไม่ถูกต้องนัก 
แต่อย่างน้อยเราจะเป็นคนคุมเกม 
ดีกว่าลงไปแก้ปัญหา ทั้งที่หัวใจยังอ่อนแอ.

เวลาที่เชือกพันกัน คนส่วนมาก มักจะใช้มีดตัดออก
จะมีใครสักกี่คนมานั่งแก้ด้วยมือ

ปัญหาของคนเรา จริงๆ แล้วคือ
การหนีปัญหานั่นแหละ เพราะถ้าเราตั้งใจแก้มัน 
มีหรือจะไม่มีทางออก แพ้บ้าง ชนะบ้าง เป็นเรื่องปกติ



3. อย่ากลัวผิดถ้าคิดจะพูด..อย่าคิดว่าสิ่งที่คนอื่นพูดนั้นผิด

บางทีความเงียบสงบก็สยบความเคลื่อนไหวไม่ได้เสมอไปหรอก
แม้ว่าเราจะนั่งในที่ตัวเองเราก็มีสิทธิ์ถูกชน
ถ้าเราไม่ส่งเสียงให้เขารู้ว่าเรานั่งอยู่.

คนที่พยายามทำทุกอย่างให้ถูกใจคนอื่น 
คนนั้นจะเป็นคนที่เหนื่อยที่สุดตลอดชีวิต 

การตอบคำถามเพื่อเอาใจคนถาม 
ก็เท่ากับว่าเรายอมให้เขาครอบงำ 

.. เมื่อสูญเสียความเป็นตัวเองไปแล้ว 
เธอจะเรียกมันกลับคืนมาได้ยาก อย่าลืมว่า 
คนแต่ละคน พูด ฟัง คิด ไม่เหมือนกัน 
ไม่มีใครทำอะไรถูกใจใครได้ทั้งหมด

องค์กรไม่ได้ต้องการคนที่ทำตามใจเขาทั้งหมด 
ถ้าเธอไม่แสดงให้เขาเห็นว่า 
มีความเชื่อมั่นและศรัทธาในคุณค่าของตัวเอง 
แล้วจะให้เขาเชื่อได้อย่างไรว่าเธอจะสามารถพาองค์กรของเขา
ก้าวไปข้างหน้าได้...



4. การเปลี่ยนแปลงเป็นหนทางที่ทำให้เกิดสิ่งที่ดีกว่า

โลกนี้คงหยุดหมุนไปนานแล้ว 
ถ้าคนทุกคน ไม่กล้าเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ

เพียงบางสิ่งบางอย่างในชีวิตเธอ 
เปลี่ยนแปลงไปเท่านั้นเอง 
ไม่เห็นมีอะไรเลวร้ายอย่างที่คิดเลย



5. ความรัก…กับพลังในการก้าวหน้า

ถ้าสังเกตดูดีๆ 
ผู้ชายจะยอมทิ้งผู้หญิงที่รัก ทิ้งหัวใจ เพื่อสร้างโลก 
แต่ผู้หญิงจะยอมทิ้งโลก เพื่อผู้ชายที่รัก

อยากให้คนที่รู้สึกแบบนี้ 
อย่ามองความรักเป็นความเคยชินที่ต้องได้ 

ลองมองความรักเป็นของขวัญที่วิเศษ 
เพราะทุกครั้งที่ได้ของขวัญจากใคร หัวใจเราจะเต้นแรง..
เช่นกันเมื่อได้รักใคร หัวใจเราก็จะเต้นแรง 

พอหัวใจเต้นแรง เลือดก็สูบฉีด สมองก็ปลอดโปร่ง 
แล้วแบบนี้ จะไม่มีแรงก้าวไปข้างหน้าเลยเชียวเหรอ...



6. โลกนี้พร้อมที่จะให้อภัย คนที่ยอมรับผิดอยู่เสมอ

ผิดครั้งแรกถือเป็นประสบการณ์นั้นจริง 
แต่ผิดครั้งที่สองไม่ได้หมายความว่าโง่เสมอไป 

เพราะเคยมีใครหลายคนในอดีตที่ผิดนับพันครั้ง 
จนสร้างสรรค์สิ่งดีงามให้กับโลกได้สำเร็จ.

ถ้าคนทุกคนยอมรับความผิดพลาด ของตัวเอง 
และของคนอื่น โลกนี้จะไม่มีใครทะเลาะกันเลย

ถ้ากล้ายอมรับว่าเราผิด เราจะเข้าใจ 
และให้อภัยคนอื่นที่เขาทำผิดบ้าง



7. ชีวิตต้องก้าวไปข้างหน้า…
เหนื่อยก็หยุดพัก แต่อย่าเดินกลับหลัง

ถ้าเมื่อไหร่เราได้ใช้เวลาในชีวิตอย่างคุ้มค่า 
เราจะรู้สึกว่าชีวิตที่เหลือนั้นเป็นกำไรล้วนๆ

เวลาก้าวไปข้างหน้า ทุกๆ สิบก้าวเราเหยียบหนาม 
ถ้าเมื่อไหร่ท้อแล้วเดินกลับหลัง 
ก็เท่ากับว่าที่ผ่านมาเรา เจ็บฟรี.



8. เวลาในชีวิตมีน้อย อย่าตกเป็นทาสของเวลา

ถ้าลองนั่งนับดูดีๆ แล้ว อายุคนเราสั้นนิดเดียว 
ที่ผ่านไปทุกๆ วินาที นั้นคือกำไรชีวิตเราทั้งนั้น

ศักยภาพของคนมีขอบเขต ทำอะไรได้ในเวลาที่จำกัด 
ถ้าเราไปฝืน มันก็จะเสียหายไปหมด  

...การทำงานที่ดี คือการทำงานในเวลางาน 
การเรียนที่ดีที่สุด คือการตั้งใจเรียนในห้องเรียน



9. สิ่งดีๆ ในชีวิต… มักไม่เกิดขึ้น เพราะความบังเอิญ

ชีวิตคนเราต้องเหงื่อออก 
ทำอะไรแค่ไหน ผลมันก็ย้อนกลับมาแค่นั้น 
ไม่มีความสำเร็จใดได้มาอย่างง่ายดาย

สำหรับคนช่างเลือก ไม่ว่าจะทำอะไร ก็ต้องทำให้ดีที่สุด
แม้จะเหนื่อย หนัก ต่อสู้มากสักหน่อย 
แต่ผลกลับมาก็คุ้มค่าเหนื่อย 
อย่างน้อยเราก็ได้เลือกสิ่งที่เราคิดว่าดีที่สุดให้ตัวเอง 

เช่นในการเลือกคนดีๆ มาเป็นคู่ครอง 
สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ หรือโชคชะตา 
ไม่ใช่ว่าเขาดวงดี แต่เพราะเขาเลือกเขาพิถีพิถันกับชีวิต





10. คนที่อยู่รอบข้างทุกคน มีอิทธิพลกับชีวิตเรา

หลายคน มักมีบุคคลต้นแบบของตัวเอง 
ไม่ใช่เพื่อเลียนแบบหรือทำตาม 
แต่เขาจะช่วยให้เราเดินอย่างมีทิศทางมากขึ้น

เวลาเราอยู่กับใคร กับอะไรก็ตาม 
สิ่งนั้นมักมีผลกับจิตใจโดยไม่รู้ตัว

ในช่วงชีวิตที่ยังมีโอกาสได้พบปะผู้คนมากมาย 
เป็นโอกาสดีที่เราจะได้เลือกเพื่อน 

อย่าลืมกลั่นกรองคนที่จะเป็นมิตรสักนิด 
เพราะคนเหล่านี้จะมีอิทธิพลกับชีวิตเราในอนาคตอีกนาน



11. คบคนทุกประเภท… แต่อย่าทำตัวเหมือนคนบางประเภท

ในสังคมมีทั้งคนดี และคนไม่ดี 
ความจำเป็นในชีวิต อาจทำให้เราไม่สามารถเลือกคบคนได้ 
สำคัญที่ตัวเราว่า จะหนักแน่นและดูแลตัวเองได้แค่ไหน.

ถ้าเราคบคนทุกประเภท 
เราจะมีข้อมูลหลากหลาย และรู้วิธีจัดการกับคนแต่ละแบบ 
รู้วิธีที่จะทำให้เขาเป็นคนดีของเราได้ 
หรืออย่างน้อยก็รู้จักวิธีดูแลตัวเองให้ปลอดภัยจาก คนแย่ๆ


 
 

12. ลองทำอะไรให้เป็นหลายๆ อย่าง..แต่เก่งอย่างเดียว

การทำอะไรได้หลายๆ อย่างเป็นสิ่งดี 
แต่ควรทำให้มันดีสักอย่างสิน่า

คนที่มีความสามารถรอบตัว 
นอกจากไม่เป็นภาระของคนอื่นแล้ว

เราจะรู้สึกดีทุกครั้ง 
ที่ความสามารถของเราช่วยคนอื่นได้ด้วย



13. ความรักไม่มีคำว่าสาย…แต่ร่างกายเรามีชิ้นเดียวในโลก

สิ่งที่ผู้หญิงมักมองข้าม ยามมีรักทุ่มเทให้เขาทุกอย่าง 
ให้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรู้ใจเขา ก็ได้รู้ใจเขาทั้งหมดจริงๆ 
แต่ไม่รู้ใจตัวเอง 

นานๆ ทีได้มีเวลาส่องกระจกดู ... 
อ้าว จำตัวเองไม่ได้เสียแล้ว หรือ รักเขาจนลืมดูตัวเอง

ส่องกระจกทักทายตัวเองเสียหน่อยว่าเราละเลยตัวเองไปหรือเปล่า 
แล้วดูแลตัวเองเสียบ้าง



14. ถ้าแคร์คำพูดแย่ๆ … ก็เท่ากับแพ้ใจตัวเอง

ถ้าคนหนึ่งตีกลอง แล้วอีกคนยิ่งเต้น คนตีเขาก็ยิ่งตี 
แต่ถ้าตีแล้วไม่เกิดอะไรขึ้น เขาก็จะหยุดไปเอง เพราะตีไปก็เหนื่อยเปล่า

บ่อยครั้งที่เรามักเจอคำพูดแย่ๆ จากคนรอบข้าง 
ถ้าไม่รู้จักดูแลจิตใจ ความรู้สึกของตัวเอง 
เราจะถูกบั่นทอนลงทีละนิด

ดูแลหัวใจของเราให้ดี เรียนรู้ที่จะคิดปฏิเสธคำพูดแย่ๆ จากคนอื่น 
รู้แหล่งที่มาอย่างมีเหตุผล แล้วจะไม่มีอะไรมาบั่นทอนหัวใจเราได้เลย



15. อย่าพูดว่า “ทำไม่ได้” เพราะจิตเธอจะจำและนำไปใช้

ปาฏิหาริย์ จะเกิดขึ้นได้กับหัวใจที่เชื่อมั่น 
ความเชื่อมั่น จะทำให้คนเราได้ยิน แต่เสียงในหัวใจตัวเอง

คำวิจารณ์ในแง่ลบของคนอื่นมักบั่นทอนกำลังใจ 
แต่นั่นมันความคิดเขา ไม่ได้มาจากสมองเราสักหน่อย 

ฟังเสียงหัวใจตัวเองอย่าไขว้เขวไปกับเสียงหัวใจคนอื่น
บอกตัวเองว่าเธอต้องทำได้ เมื่อนั้นปาฏิหารย์จะเกิดขึ้น



16. เล่นเกมกับเพื่อนใหม่... แล้วจะได้อะไรกลับมามากกว่าที่คิด

ไม่มีใครบอกตรงๆ หรอกว่าตัวเองเป็นคนแบบไหน 
ดีร้ายยังไง คบได้แค่ไหน แต่บางสถานการณ์ในเกม 

จะเปิดเผยทาสแท้ และตัวตนของคนเราอย่างง่ายดาย 
เราจะตัดสินได้ทันทีว่าคนคนนี้ควรเป็นเพื่อนเรามั๊ย

เราจะได้เรียนรู้จากเกม ซึ่งบ่งบอกอะไรได้มากกว่าที่คิด 
เกมจะมีคุณค่าในตัวเอง 

ถ้าเรามุ่งแค่ชัยชนะ เราจะไม่ได้อะไรเลย 
ลองวัดใจกันด้วยเกม แล้วเธอจะได้เพื่อนคุณภาพเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง



17. คนฉลาด…มักเลือกเค้กชิ้นเล็กเสมอ

ความประทับใจแรกเริ่ม เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ดี 
เวลาที่เริ่มรู้สึกเกลียดกัน เราจะคิดถึงความประทับใจนั้น 
แล้วจะเกลียดกันไม่ได้เลย

บางครั้งการเสียสละเล็กๆ น้อยๆ
จะช่วยสร้างความรู้สึกที่ประทับใจให้ผู้อื่นตลอดไป

คนที่ใจแคบ มักกลัวการเสียเปรียบ 
คนแบบนี้ แม้แต่สิ่งเล็กๆน้อยๆ 
ขอให้ได้รู้สึกว่าได้เปรียบเสียหน่อย ก็มีความสุขแล้ว



18. อย่าลืมดูแลหัวใจคนอื่น…ด้วยการถ่อมตน

คนเราทุกคนมีค่า 
การถ่อมตนอย่างถูกกาละเทศะ 
จะสร้างความรู้สึกดีให้กับคนอื่น

คนเรายิ่งอยู่สูง ยิ่งต้องมองต่ำ 
ส่วนคนที่อยู่ต่ำกว่า ต้องมองสูง 
และทั้งคู่จะมองเห็นความสวยงาม 
คุณค่า ของกันและกันอย่างไม่ยากเลย

ถ้ามัวแต่ดูถูกคนอื่น เพื่อให้ตัวเองดูดี 
แล้วเมื่อไหร่จะเห็นความสวยงามของผู้อื่น



19. เวลาที่หลงทาง…ลองหยุดอยู่กับที่แล้วนั่งนิ่งๆ สักพัก

ในบางอารมณ์ความเงียบจะสร้างความเหงา 
แต่บางสถานการณ์ความเงียบ จะทำให้เกิดสมาธิและความคิดที่ดีได้

การคิดมากเกินไป ไม่ได้ก่อให้เกิดความคิดดีๆ 
เพราะมันจะยิ่งคิดวกวน จะหาทางออกไม่เจอ

ความสงบในใจทำให้เกิดสติ 
สติที่ดีจะแก้ไขสถานการณ์ที่เลวร้ายทุกอย่างได้

บางที... เรื่องที่เราคิดว่าใหญ่ 
จะเริ่มเห็นทางออกรำไร อยู่ตรงหน้านี่เอง



20. หัดไว้ใจผู้อื่น…ไม่มีอะไรสำเร็จลงได้ด้วยคนคนเดียว

ถ้าเมื่อไหร่ที่เรานั่งรถ แล้วเราไว้ใจคนขับ 
เราจะมองโลกได้กว้าง และดูความสวยงามข้างทางได้อย่างสุขใจ 

ทีมงานที่แข็งแรงและการเชื่อมั่นกันและกัน 
จะทำให้ทุกอย่างประสบความสำเร็จ

ถ้าไม่ให้โอกาสคนอื่น ไม่ปล่อยวาง ..มัวแต่นำทางให้คนอื่นเดินตาม 
เธอจะไม่มีเพื่อนร่วมเดินทาง 

ยามที่เธอเจออุปสรรคก็ต้องแก้คนเดียว ซ้ำซากอยู่ทุกวัน... 
ถ้าเธอไว้ใจเขา 
ยามเธอเหนื่อยล้า 
เธอจะนอนหลับได้เต็มตา 
โดยมีคนเหล่านั้นดูแลเธออย่างดี.



21. ความสำเร็จ…จะแลกเปลี่ยนกับความสนุกอยู่เสมอ

คนส่วนมากจะเริ่มต้นพร้อมๆกัน 
แต่ความสำเร็จที่ได้มาล้วนไม่เท่ากัน 
มีเพียงคนไม่กี่คนเท่านั้น 
ที่เดินไปได้ไกลกว่าคนอื่น

ยิ่งเริ่มต้นอายุน้อย 
เราก็จะมีแรงเหนื่อย มีแรงเจ็บ มีแรงเริ่มต้นใหม่ 
ความสมบูรณ์ในชีวิตก็จะมาถึงเร็วขึ้น

คนที่ประสบความสำเร็จส่วนมาก 
ตลอดชีวิตของเขาไม่เคยสนุก 
ทุกนาทีคือการเรียนรู้ และ การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นเรื่อยๆ

ยอมแลกเปลี่ยน "ความสนุก" กับ "ความสำเร็จ" เถอะ
คุณค่าทั้งสองอย่างต่างกันเยอะเลย



22. ถามตัวเองบ่อยๆ ว่าเดินมาไกลแค่ไหน... และจะไปไหนต่อ

คนเราทุกคนต้องมีเป้าหมาย 
การกำหนดจุดมุ่งหมายจะช่วยให้เราเดินอย่างมีทิศทางมากขึ้น 
และทุกก้าวที่เดิน ชีวิตเราจะปลอดภัย และเดินอย่างมั่นใจ

ไม่ว่าชีวิตจะยุ่งเหยิงแค่ไหน อย่าละเลยที่จะใส่ใจตัวเอง 
คอยถามไถ่ตัวเองสักนิดว่า ชีวิตเราตอนนี้แค่ไหนแล้ว 

..แล้วเราจะเดินไปทางไหนต่อ 
แพลนชีวิต แพลนอนาคต 
เราก็ไม่ต้องมานั่นกลัวอนาคต
เหมือนที่คนส่วนมากกำลังเป็นอยู่...



23. ลองแชร์ชีวิตกับคนอื่นบ่อยๆ… 
เราจะเป็นมิตรกับโลกนี้มากขึ้น… 

ถ้าอยากมีความสุขให้มองโลกในแง่ดี
แล้วเราจะเอาแง่ดีที่ไหนมามอง 
ถ้าเรายังทำตัวเป็นอริกับโลกอยู่…

วันนี้เราตามใจเขา 
พรุ่งนี้เพื่อนเราก็ตามใจเรา 
เป็นการแชร์ความรู้สึก

การแชร์กับคนอื่นทางด้านความรู้สึก 
จะทำให้เรามองโลกเรียบง่าย 

มองเห็นความสุขได้ง่ายและรู้สึกอารมณ์ดี 
ปรับตัวเข้ากับใครๆ ได้ง่าย 
เธอจะเรียนรู้ว่า
คนเราไม่จำเป็นต้องทำแต่สิ่งที่ชอบเท่านั้นถึงจะมีความสุขได้



24. ยอมถอยสักหนึ่งก้าว…เพื่อก้าวไปข้างหน้าได้สองก้าว

การยอมรับว่าตัวเองอ่อนแอ 
บางครั้งก็ทำให้เราเข้มแข็งขึ้น 
เพราะสิงทีตามมาหลังจากอ่อนแออย่างถึงที่สุด 
จะเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ดีเสมอ

ยอมถอยสักก้าว เพื่อมองหาทิศทางใหม่ที่ดีกว่า 
อย่าดันทุรังเดินไปทั้งที่ทางมันตัน

ขอเวลาอ่อนแอสักครู่ แล้วฉันจะกลับมา 

มองหาที่สงบที่สุดสำหรับตัวเอง 
และเป็นที่ที่ไม่มีใครจะหาเราได้ 
เป็นที่ของเรา แล้วหลบไปอยู่ตรงนั้นสักพัก 

ให้เวลาตัวเองให้เต็มที่..
เพราะเมื่อเธอรู้สึกแย่ๆ
ที่ตรงนั้น...กลับดีที่สุด



25. ที่ปรึกษา…คือคนที่เขี่ยผงในตาคนอื่น

คำแนะนำจากคนอื่น 
เป็นทางออกหนึ่งที่เขาเสนอให้พิจารณา 
คนที่จะรู้ว่ามันใช่ทางออกหรือเปล่า 
คือคนเดินไปต่างหาก…

มองคำแนะนำให้เป็นแค่แนวทาง 
หรือทางเลือกที่เรามีส่วนตัดสินใจเอง
คัดเลือกคนที่แนะนำปัญหาดูสักนิด 
แล้วชีวิตเราจะไม่ผิดพลาด เพราะเชื่อคนอื่น


26. โอกาสเป็นของขวัญของผู้แสวงหา...
แต่จงมองหาโอกาสในมือของเราเอง...


ความสามารถหรือพรสวรรค์จะไร้ค่า ถ้าไม่มีเวทีแสดง 

พรแสวงย่อมจะสำคัญกว่า พรสวรรค์ที่ถูกซ่อนในที่มืด

บางคนมัวแต่ไปอิจฉาคนอื่น 
แล้วมองข้ามสิ่งดีๆ ของตัวเองอย่างน่าเสียดาย ..
เพราะโอกาสมักจะมาพร้อมความเสี่ยง 
คนเราเลยกลัวสูญเสีย

ถ้าโอกาสนั้นสร้างความล้มเหลว 
อย่างน้อยเราจะได้รู้ว่า 
จะหาโอกาสดีๆ นั้นใหม่ได้อย่างไร



27. รู้จักตัวตนของเพื่อน… 
แล้วอย่าลืมเปิดใจให้เพื่อนได้รู้จักเราด้วย...

ความลึกลับทำให้น่าค้นหา ตื่นเต้นท้าทายก็จริง 
แต่ถ้าต้องค้นหาอยู่ตลอดเวลา
บางครั้งก็กลายเป็นความเหนื่อย และเบื่อหน่าย

การเข้าใจคนอื่น รู้จักคนอื่นเพียงฝ่ายเดียว จะทำให้เรารู้สึกโดดเดี่ยว 
ลองเติมเต็มความรู้สึกให้สมบูรณ์ 
ด้วยการเข้าใจคนอื่น ให้ใจคนอื่นและก็หาคนอื่นที่เข้าใจเรา ให้ใจเราด้วย

เปิดใจต่อกันให้เห็นตัวตน เขาจะได้รู้จักนิสัยเรา 
และตัวเราก็ต้องรู้จักนิสัยเขาด้วย



“ เพียงมีความเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวเอง
เราจะกล้าเดินอย่างมั่นใจ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง
ทั้งที่ได้ดั่งใจ และไม่ได้ดั่งใจ

ยอมรับทั้งด้านบวกและลบของโลก
พร้อมหมุนตัวเองไปพร้อมกับโลกอย่างมีความสุข ”

เมื่อมีความกล้า สิ่งที่ตามมาคือได้ก้าว ... 
เมื่อหัวใจเปิดรับ ความคิดจะเปิดกว้าง

เปิดโอกาสให้เรียนรู้อย่างแท้จริง สิ่งดีๆ ก็จะเข้าถึงใจ

เมื่อความกลัวหายไป…หัวใจจะเป็นสุข
เราจะกล้าและได้ก้าว พร้อมเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ

:: novabizz.com ::






1
2

Wish You Happinessss

Success is not the key to happiness. Happiness is the key to success. 
If you love what you are doing, you will be successful. 

~ Albert Schweitzer ~

 คัมภีร์ 5 ห่วง  วิถีแห่ง "ซามูไร" วิถีแห่งนักรบ "บูชิโด"   แนวคิดของตัวเม่น   GOOD LUCK สร้างแรงบันดาลใจเพื่อความสำเร็จ ในชีวิตและธุรกิจด้วยตัวคุณเอง    Why complicate life ?   3 x 8 = เท่าไหร่ ?????   "ฉันชื่อ..โอกาส"

Wish You Happinessss