1
2

ช่องว่างระหว่างวัยในการทำงาน



 
Synkornize Feat. Muzu - เข้าใจ
... แค่เข้าใจ..ทุกอย่างก็ลงตัว ...



ช่องว่างระหว่างวัยในการทำงาน

ตามหลักสากล จะมีการแบ่งกลุ่มคนทำงานออกเป็น 3 กลุ่ม (Generation) คือ Baby Boomer Generation X และ Generation Y ซึ่งแต่ละกลุ่มมีคุณลักษณะเด่นที่แตกต่างกัน


 Baby Boomer คือ กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2489-2507 อายุ 44 - 62 ปี 
จะเป็นคนที่มีชีวิตเพื่อการทำงาน เคารพกฎเกณฑ์ กติกา อดทน ให้ความสำคัญกับผลงานแม้ว่าจะต้องใช้เวลานานกว่าจะประสบความสำเร็จ อีกทั้งยังมีแนวคิดที่จะทำงานหนักเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว มีความทุ่มเทกับการ ทำงานและองค์กรมาก คนกลุ่มนี้จะไม่เปลี่ยนงานบ่อยเนื่องจากมีความ จงรักภักดีกับองค์กรอย่างมาก

 Generation X คือ กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2508-2522 อายุ 29-43 ปี 
มีลักษณะพฤติกรรมชอบอะไรง่ายๆ ไม่ต้องเป็นทางการให้ความสำคัญกับเรื่องความสมดุลระหว่างงานกับครอบครัว (Work-life Balance) มีแนวคิดและการทำงานในลักษณะรู้ทุกอย่างทำทุกอย่างได้เพียงลำพัง ไม่พึ่งพาใคร มีความคิดเปิดกว้าง พร้อมรับฟังข้อติติง เพื่อการปรับปรุงและ พัฒนาตนเอง

 Generation Y คือ กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2523-2543 อายุ 8-28 ปี 
เป็นกลุ่มคนที่โตมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี เป็นวัยที่เพิ่งเริ่ม เข้าสู่วัยทำงาน มีลักษณะนิสัยชอบแสดงออก มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ชอบอยู่ในกรอบ และไม่ชอบเงื่อนไข คนกลุ่มนี้ต้องการความชัดเจนในการ ทำงานว่า สิ่งที่ทำมีผลต่อตนเองและต่อหน่วยงานอย่างไร อีกทั้งยังมีความสามารถในการทำงานที่เกี่ยวกับการติดต่อสื่อสาร และยังสามารถทำงานหลายๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกัน


ในบางแหล่งข้อมูล แบ่งแยกออกเป็น 4 กลุ่ม 

โดยผสานแนวคิด วิธีการ ในการทำงานร่วมกัน "แค่เข้าใจ ... ทุกอย่างก็ลงตัว"

หนึ่งในสาเหตุของความเครียดในที่ทำงาน คือ การที่คนหลายรุ่นหลายวัยหลายความคิด ต้องมาทำงานร่วมกัน ความแตกต่างระหว่างเลขวัยที่สัมพันธ์กับเลขไมล์ของประสบการณ์ มักนำมาซึ่งความไม่เข้าใจกัน..จนก่อตัวเป็นความขัดแย้งในที่สุด บางทีความแตกต่าง คือ กุญแจแห่งความสำเร็จ เพียงขอให้เปิดใจทำความรู้จักคนแต่ละรุ่นให้ลึกซึ้งก็จะได้พบโลกใบใหม่ที่งดงาม หลากหลาย และหากเลือกที่จะสื่อสารได้อย่างถูกช่องถูกกลุ่ม ก็อาจจะได้อะไรใหม่ ๆ คาดไม่ถึง ใครเป็นใครในที่ทำงาน เราจะแบ่งรุ่นของคนทำงานในที่ทำงานให้ชัดๆ ก่อน โดยจำแนกจากช่วงปีเกิด ซึ่งจะสัมพันธ์กับประสบการณ์ในช่วงเติบโต ทำให้เห็นยุคสมัยที่หล่อหลอมความคิดของพวกเขาได้ชัดเจนขึ้น


 กลุ่มลายคราม : คนที่เกิดก่อนปี 2488
ลายคราม...ไม่ว่าจะดำรงตำแหน่งกรรมการที่ปรึกษา หรือเป็นพนักงานวัยใกล้เกษียณ คนกลุ่มนี้จะมีผู้คนนับหน้าถือตามากมาย อันเนื่องมาจากประสบการณ์การทำงานอันยาวนานของพวกเขานั่นเอง คนกลุ่มนี้จะเกิดก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จะยุติ จึงเติบโตมาท่ามกลางสภาพบ้านเมืองที่มีทรัพยากรที่จำกัด ทำให้รู้จักคุณค่าของเงิน มักมีคุณลักษณะที่มั่นคงเชื่อใจได้ สู้งานหนัก ใช้จ่ายอย่างรู้คิด และภักดีต่อองค์กรสูง

 กลุ่ม Baby Boom : คนที่เกิดช่วงปี 2489 – 2507
หลังสงครามยุติ ประเทศเข้าสู่ความสงบ การรณรงค์คุมกำเนิดยังไม่แพร่หลาย จึงเกิดพลเมืองตัวน้อย ๆ ขึ้นมากมาย Baby Boom เติบโตขึ้นมาท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงและแข่งขันกับคนวัยเดียวกันเพื่อให้ได้งาน ยิ่งเมื่อประเทศกำลังพัฒนาเพื่อก้าวไปสู่ยุคความเป็นอุตสาหกรรม Baby Boom ก็ยิ่งจำเป็นต้องทำงานหนักมากขึ้น เต็มเหยียดวันละ 8 ชั่วโมง 6 วันต่อสัปดาห์ ลูกจ้าง Baby Boom มักเคยชินต่อการพิสูจน์ตัวเอง เพื่อให้นายจ้างยอมรับในศักยภาพ การจะก้าวไปสู่ตำแหน่งใหญ่นั้น ต้องใช้เวลาและแรงผลักดันอย่างสูง

 กลุ่ม Generation–X : คนที่เกิดช่วงปี 2508 – 2523
Generation–X ลืมตาดูโลกในช่วงเวลาที่มนุษยชาติส่งยานอวกาศออกไปนอกโลกได้สำเร็จ ของเล่นสุดฮิตของเด็กรุ่นจึงไม่ใช่ม้าโยก หรือตุ๊กตาหมีอีกต่อไป แต่เป็นวิดีโอเกม เกมกด และ Walkman พวกเขาเติบโตมาในยุครอยต่อของ Analog กับ Digital อยู่ ท่ามกลางเทคโนโลยีที่สร้างความตื่นตาตื่นใจ ทว่าที่สังคมเปลี่ยนแปลงในทางวัตถุนี้ กลับทำให้สถาบันครอบครัวสั่นคลอน ความภักดีต่อองค์กรของคนรุ่นนี้จึงคลายลงมาก นำมาสู่การลาออก และเปลี่ยนงานเป็นว่าเล่น ไม่แปลกที่ชาว Baby Boom ผู้ไม่เคยเกี่ยงที่จะทำโอทีจนดึกดื่น จะอึ้งที่ชาว Generation–X ปฏิเสธการทำงานล่วงเวลา หรือลาออกไปหางานใหม่หน้าตาเฉยหากไม่พอใจ ทั้งนี้เพราะ Generation–X เชื่อว่างานไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต

 กลุ่ม Millennium : คนที่เกิดปี 2524 เป็นต้นมา
Millennium คือ กลุ่มคนทำงานหน้าใหม่ไฟแรง แต่ยังอ่อนต่อประสบการณ์ บางคนอาจยังเรียนไม่จบเสียด้วยซ้ำ หรือบางคนมีแผนที่จะเรียนต่อ ชาว Millennium โตมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ รวมถึงระบบการศึกษาที่เริ่มให้ความสำคัญกับการคิดมากกว่าการท่องจำ ชาว Millennium จะมีพ่อแม่ที่มีความรู้สูง จึงให้การสนับสนุนให้ Millennium ได้เสริมทักษะด้านต่าง ๆ ตั้งแต่เด็ก ฉะนั้น Millennium จึงชอบแสดงออก มีความเป็นตัวของตัวเองสูง และสนุกกับการทำงานเป็นทีม ไม่ชอบอยู่ในกรอบ และไม่ชอบเงื่อนไข ในขณะที่ ชาว Generation-X เปลี่ยนงานครั้งที่ 12 เพื่อเป็นผู้บริหารระดับสูงกินเงินเดือนเรือนแสน แต่ชาว Millennium จะลาออกไปเริ่มธุรกิจเล็ก ๆ ของตัวเอง


   สลายช่องว่างสร้างความเข้าใจ

เมื่อเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่า ใครมีค่านิยมในชีวิตอย่างไร ใคร ๆ ก็สามารถสร้างสะพานข้ามช่องว่าง เพื่อข้ามไปหากันได้ สูตรสร้างสะพานข้ามช่องว่างระหว่างวัยมีอยู่ 3 ขั้นตอน 

1. เข้าใจถึงความแตกต่าง ยอมรับว่าคนเราถูกหล่อหลอมมาไม่เหมือนกัน คนที่มีความเชื่อ หรือทัศนคติต่อชีวิตไม่เหมือนคุณ เขาไม่ใช่คนไม่ดีเสมอไป

2. ชื่นชมจุดดี แทนที่จะต่อต้าน ให้เราลองมองหาจุดเด่นของคนในแต่ละกลุ่มให้พบ

3. บริหารความแตกต่าง เปลี่ยนวิธีการสื่อสารให้เข้าถึงคนแต่ละกลุ่มที่เราต้องทำงานด้วย


 ทำงานกับกลุ่มลายคราม
จงให้เกียรติและให้ความเคารพอย่างสูงต่อพวกเขา เมื่อคุณให้เกียรติผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็จะให้เกียรติคุณ แล้วถ้าบังเอิญคุณมีตำแหน่งสูงกว่าพวกเขา จงแสดงความชื่นชมต่อเขาในด้านการเป็นเสาหลักขององค์กร และจงรับฟังเมื่อพวกเขาถ่ายทอดประสบการณ์ในอดีต การต่อสู้ ความพากเพียรในการทำงานจนผ่านพ้นความยากลำบากมาได้ เพราะสิ่งนั้นคือ สิ่งที่คนรุ่นหลังไม่มี และไม่รู้จัก อย่ามองว่า..กลุ่มลายครามคือ หมาล่าเนื้อไม่มีที่ไป แต่การที่พวกเขาทำงานอยู่จนถึงวัยเกษียณนั้น เป็นเพราะพวกเขา เชื่อในคุณค่าของความมั่นคง และถือความซื่อสัตย์เป็นที่สุด

 ทำงานกับกลุ่ม Baby Boom
จงแสดงความนับถือ รับฟัง และเรียนรู้จากประสบการณ์ของ Baby Boom แล้วพยายามปรับใช้ให้เป็นประโยชน์ ไม่ว่าคุณจะเก่งกาจแค่ไหน หรือคุณจะประสบความสำเร็จเพียงใด คุณก็ยังต้องเรียนรู้อยู่เสมอ อย่าแสดงออกว่าการทำงานหนัก คือ การถูกเอาเปรียบ เพราะ Baby Boom ให้ความสำคัญต่อหลักการทำงาน ยึดถือวัฒนธรรมองค์กร และเห็นคุณค่าต่อการทำงานอย่างทุ่มเท หากต้องทำงานในองค์กรใหญ่ ๆ ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ซึ่งบริหารงานโดย Baby Boom ควรพยายามเรียนรู้วัฒนธรรมองค์กรเสียก่อนว่ามีการเจริญเติบโตมาอย่างไร ก่อนที่จะเสนอความคิดริเริ่มเพื่อการเปลี่ยนแปลงใด ๆ แก่ Baby Boom

 ทำงานกับกลุ่ม Generation–X
ต้องพูดให้กระชับ ชัดเจนและไม่อ้อมค้อม เพราะ Generation–X ชอบความตรงไปตรงมา คุณสามารถใช้ Email กลับคนกลุ่มนี้ได้ หากคุณสามารถสื่อสารได้ใจความและตรงเป้าหมาย หากเป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ ควรพูดต่อหน้า เพราะ Generation–X ไม่ชอบถูกบงการ ผู้ใหญ่แค่ให้นโยบายกว้าง ๆ เปิดโอกาสให้เขาได้แก้ปัญหาเองจะดีที่สุด ส่วน Baby Boom ควรลดความคาดหวังต่อ Generation–X ในการทำงานหนักอย่างหนักโดยไม่มีวันหยุด หรือก้าวไปอย่างช้า ๆ อย่างรุ่นตน เพราะ Generation–X ต้องการชีวิตที่สมดุล ไม่ชอบการอยู่ติดที่

 ทำงานกับกลุ่ม Millennium
ลองท้าทายพวกเขาด้วยภารกิจใหม่ ๆ Millennium จะชอบความเป็นคนสำคัญ การเพิ่มความรับผิดชอบ เสมือนการให้คำชม จงเปิดโอกาสให้ Millennium ได้แสดงความคิดเห็นของเขา เห็นพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งในทีม ผู้ใหญ่ที่ยอมรับความคิดเขา ก็จะได้รับการยอมรับจากพวกเขาเช่นกัน Millennium ชอบให้คุณแสดงออกต่อสิ่งที่พวกเขาทำทุกขณะจิต เพราะความรู้สึกและความคิดเห็นของเพื่อนร่วมงาน มีผลต่อพวกเขามาก
แค่เข้าใจ..ทุกอย่างก็ลงตัว
adecco.co.th



หงส์ (Swan), ฟีนิกซ์ (Phoenix)




Final Fantasy VII Crisis Core: Phoenix 




หงส์ (Swan)


หงส์ เป็นนกน้ำขนาดใหญ่อยู่ในตระกูล Anatidae

การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร : Animalia
ไฟลัม : Chordata
ชั้น : Aves
อันดับ : Anseriformes
วงศ์ : Anatidae
วงศ์ย่อย : Anserinae
สกุล : Cygnus, Bechstein, 1803
Species : 6-7 living, see text.
Synonyms :Cygnanser Kretzoi, 1957


หงส์ขาว : Mute Swan


ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Cygnus olor

ลักษณะทั่วไป
ขนาดใกล้เคียงกับหงส์ดำ แต่มีขนสีขาวทั้งตัว จะงอยปากสีเหลืองส้มและมีปุ่มสีดำที่ฐานของปาก ขณะว่ายน้ำลำคอจะตั้งเป็นรูปตัวเอส มีความสวยสง่างาม จึงถูกนำมาเลี้ยงไว้ตามสวนสาธารณะและสวนสัตว์ทั่วโลก

ถิ่นอาศัย, อาหาร
พบแพร่กระจายอยู่แถบเอเชีย ยุโรปเหนือและอเมริกา หงษ์ขาวอยู่รวมกันเป็นฝูงหากินพืชน้ำและสัตว์น้ำขนาดเล็กตามแหล่งน้ำขนาดใหญ่

สถานที่ชม
สวนสัตว์เปิดเขาเขียว สวนสัตว์เชียงใหม่


หงส์ดำ : Black Swan


ชื่อทางวิทยาศาสตร์: Cygnus atratus

ลักษณะทั่วไป
ตัวผู้มีสีขนทั่วตัวดำอมเทา ยกเว้นขนปีกสำหรับบินเส้นยาวเท่านั้นที่เป็นสีขาวซึ่งตัดกับลำตัวเห็นเด่นชัดสะดุดตา นัยน์ตาสีแดงเข้ม จะงอยปากสีแดงแต่มีแถบขาว ปลายปาก ขาและเท้าสีดำ หงส์ดำตัวเมียเหมือนตัวผู้ทุกอย่าง แต่มีขนาดเล็กกว่าและลำคอสั้นกว่าเล็กน้อย

ถิ่นอาศัย, อาหาร
มีถิ่นอาศัยอยู่ในเกาะทัสมาเนีย ออสเตรเลีย หงษ์ดำพืชน้ำ ลูกกุ้ง ลูกปลา

พฤติกรรม, การสืบพันธุ์
ชอบอยู่ตามแหล่งน้ำอันกว้างใหญ่ทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม ทะเลสาบ แม่น้ำ หนองน้ำ ชอบอยู่เป็นกลุ่มเล็ก ๆ เสียงร้องเหมือนเสียงทรัมเป็ตมักร้องในตอนเย็นหรือกลางแสงจันทร์ในคืนเดือนหงายขณะกำลังบิน หงษ์ดำวางไข่ครั้งละ 5-6 ฟอง ไข่มีสีขาวแกมเขียว ระยะเวลาฟักไข่นาน 34-37 วัน

สถานที่ชม
สวนสัตว์เปิดเขาเขียว สวนสัตว์เชียงใหม่ สวนสัตว์นครราชสีมา สวนสัตว์สงขลา

หงส์



หงส์ 鳳凰 เป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งของจีนที่คู่กับมังกร คำว่า หงส์
ภาษาจีนเรียกว่า เฝิงหวง ( Feng huang ) จากตำนานประวัติพระเจ้าหวงตี้
กล่าวว่า พระองค์ทรงปกครองไพร่บ้านพลเมืองด้วยความเป็นธรรม บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุข ขนาดว่า หงส์ซึ่งอาศัยอยู่ในป่าใหญ่ ยังได้บินมาทำรังบนหลังคาพระตำหนักของพระองค์ เมื่อถึงสมัยพระเจ้าจิ้นเทียนซื่อ โอรสองค์ใหญ่ของพระเจ้าหวงตี้ กล่าวว่ามีหงส์บินมาเกาะหลังคาพระตำหนักของพระองค์ ทรงเห็นว่าเป็นมงคล จึงทรงแต่งตั้งตำแหน่งขุนนางให้มีคำว่าหงส์อยู่ด้วย และโปรดฯให้ปักรูปหงส์บนเสื้อคลุมประจำตำแหน่งยศตั้งแต่นั้นมา

ในสมัยราชวงศ์ฮั่น ( ก่อน พ.ศ. ๗๔๕ ) ได้ใช้สัญลักษณ์ของหงส์เป็นส่วนภาคใต้ของจีนคือแถบฝูเจี้ยน กว่างตง กว่างซี ฯลฯ เป็นรูปหงส์ตัวผู้และตัวเมียหันหน้าเข้าหากัน หงส์เป็นสัตว์ของราชวงศ์ที่แสดงถึงความซื่อสัตย์ ความมีคุณธรรม ความยิ่งใหญ่ ที่ทรงพลัง ความมีน้ำใจ ความร่ำรวย แสดงพลังของหยินและหยาง ความไม่เบียดเบียนใคร เป็นต้น

สัญลักษณ์รูปหงส์ มักหมายถึง ผู้หญิง และเป็นสัญลักษณ์ของสมเด็จพระจักรพรรดินี หรือ สตรี และใช้คู่กับ มังกร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ สมเด็จพระจักรพรรดิ หรือ บุรุษ เชื่อกันว่า หงส์ เป็นเทพสัตว์ที่ส่งมาจากสวรรค์ประทานแด่ สมเด็จพระจักรพรรดินี

ข้อสังเกตจากภาพภาชนะทองบรอนซ์ราชวงศ์ซัง จะเห็นว่า มีรูปนกประกอบคู่กับมังกร แต่อยู่คนละแถว บางชิ้นจะมีนกอื่นๆเช่น นกฮูก นกตัวคล้ายไก่มีหงอนแต่หางสั้น ส่วนนกที่เข้าใจว่าน่าจะเป็น หงส์ เป็นรูปนกที่มีปากงุ้มคล้ายนกแก้ว มีขนพู่คล้ายหงอนจากหัวลงมายังลำคอ หงอนจะใหญ่ มีสร้อยใต้หูใต้ตาคล้ายไก่ป่า มีปีกใหญ่ มีขนหางสั้นและขนแผงยาวมากคล้ายสามแผงใหญ่ และโค้งลง ตีนนกมีเดือยแหลม

รูปสัตว์ที่แกะสลักบนภาชนะทองบรอนซ์สมัยราชวงศ์ซัง ล้วนเป็นสัตว์ที่มีอยู่ในโลก ถึงแม้จะไม่มีในพื้นที่ภาคกลางภาคเหนือของจีน เช่น ช้าง ก็ยังเป็นรูปสัตว์จริงๆ ดังนั้นรูปหงส์ที่เป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์ซังและราชวงศ์ต่อมา คงใช้รูปนกที่มีอยู่ในจีนนั่นเอง เมื่อพิจารณารูปร่างและสภาพพื้นที่แล้ว น่าจะเป็น ไก่ฟ้าสีทอง ( Golden Pheasant ) ซึ่งอาศัยอยู่บริเวณพื้นที่ภาคกลางและภาคกลางตอนใต้ ภาคตะวันตกแถบมณฑลเสฉวน ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของยูนนาน ไก่ฟ้าสีทองชอบอาศัยอยู่ตามป่าไผ่ ตามภูเขา ทุ่งหญ้าทั่วไปในปัจจุบัน จากหัวถึงปลายหางตัวผู้ยาวกว่าหนึ่งเมตร ตัวเมียยาวกว่าห้าสิบเซ็นติเมตร น้ำหนักประมาณ ๖๕๐ กรัม จีนเรียกว่า ป่าวจี ( Baoji ) และใช้เป็นชื่อเมืองป่าวจี มณฑลซานซี

ในสมัยราชวงศ์ฮั่นซึ่งมีนักปราชญ์ราชบัณฑิตมากมาย คงจะได้พัฒนารูปหงส์ไปสู่สีสันที่สวยงามมากขึ้น ด้วยการนำจุดเด่นของสัตว์แต่ละชนิดมารวมอยู่ในรูปหงส์ คือ หัว เอามาจากไก่ฟ้าสีทอง ปากเอามาจากนกยูงหรือนกแก้ว ลำตัวเอามาจากเป็ดแมนดาริน ปีกเอามาจากพญาอินทรีย์ ขนหางเอามาจากขนหางนกยูง ขาเอามาจากนกกระเรียน สีขนมีสีดำ ขาว แดง เขียวและ เหลือง

คำว่า หงส์ ภาษาอังกฤษใช้ว่า Chinese Phoenix - ไชนิซ ฟีนิกซ์ ซึ่งแตกต่างจากนกฟีนิกซ์ของอียิปต์และยุโรป ญี่ปุ่น เรียกว่า โฮ- โอะ ตัวผู้เรียกว่า โฮ ตัวเมียเรียกว่า อู ส่วนหงส์ของไทย เป็นนกตระกูลชั้นสูง ร้องเสียงไพเราะ เป็นพาหนะของพระพรหม สีขนเป็นสีแดงปนเหลืองหรือสีแดงแสด หงส์เป็นสัตว์ในป่าหิมพานต์ นอกจากนี้ประเทศพม่ามอญใช้หงส์เป็นสัญลักษณ์เช่นกัน



หงส์ นกผู้หยั่งรู้โลกอนาคต


ชาวจีนเรียกหงส์ว่า “เฟิ่งหวง” และยกย่องให้หงส์เป็นดั่งเทพเจ้าสามารถหยั่งรู้ความสุข-ทุกข์ ความวุ่นวายในโลกมนุษย์และโลกในอนาคตได้ แต่จะไม่ให้ใครเห็นได้โดยง่าย จนกระทั่งเมื่อยามใดบ้านเมืองมีสันติสุขอย่างแท้จริง หงส์จึงจะออกมาปรากฏตัวให้เห็น

ตามปกติหงส์จะหากินอยู่บนภูเขาในป่าไกลโพ้น เรียกกันว่า “เขาแดง” คล้ายในป่าหิมพานต์ไม่มีใครไปถึง เป็นนกที่ไม่กินแมลงที่มีชีวิต ไม่จิกกินต้นไม้อ่อนที่ยังเขียวสดอยู่ จะกินอาหารเพียงแต่เมล็ดดอกต้นไผ่ และกินน้ำหวานที่เกิดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น

หงส์มีเสียงร้องคล้ายกับเสียงสวรรค์ บ้างว่าคล้ายเสียงขลุ่ย ไม่บินเร่ร่อนไปในที่ต่างๆ อาศัยอยู่แต่เพียงบนต้นไม้ที่มีชื่อว่า ต้นหวู-ถุง ซึ่งจะออกผลแพร่พันธุ์ในช่วงทำขนมไหว้พระจันทร์ หรือเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วงเดือน 8

ส่วนคุณลักษณะพิเศษของหงส์ตามเทพนิยายของจีนนั้นมีลักษณะแปลกประหลาดมาก เพราะแม้จะมีรูปร่างเป็นนก แต่เป็นนกที่พิเศษสุด เนื่องจากเอาลักษณะบางอย่างมาจากนกเหยี่ยว นกอินทรี ไก่ฟ้า นกยูง นกตะกรุม นกกระสา นกกระยางขาวใหญ่ และนกอื่นๆ อันล้วนเป็นนกวิเศษเหนือนกทั้งปวง ทำให้หงส์เปรียบดั่งราชาแห่งนกที่มีสีสันสวยงามกว่านกทั้งปวง


ชาวจีนยังกล่าวถึงหงส์ในตำนานไว้อีกว่ามีอายุยืนยาวประมาณ 500 ปี จากนั้นก็จะบินตรงไปยังดวงอาทิตย์เพื่อให้ความร้อนแผดเผาร่างกายเป็นเถ้าถ่าน เป็นการบูชายันต์ตนเอง และหงส์หนุ่มสาวเมื่อเกิดมาได้ 3 วัน มันก็จะบินจากไปอาศัยอยู่ที่อื่นเป็นอิสระโดดเดี่ยวจนกว่าจะมีอายุได้ 500 ปี จึงสิ้นอายุขัย ด้วยเหตุนี้นกหงส์จึงถือว่าเป็นผลิตผลจากดวงอาทิตย์และไฟ เฉกเช่นเดียวกับนกฟีนิกซ์ ชาวตะวันตกจึงมีความคิดว่า หงส์ของจีนน่าจะเป็นนกชนิดเดียวกันกับนกฟีนิกซ์

หงส์ยังเปรียบเป็นสัญลักษณ์แห่งดวงอาทิตย์และความอบอุ่นสำหรับฤดูร้อนและฤดูเก็บเกี่ยวพืชไร่ และเป็นเครื่องหมายคุณงามความดีของชาวจีน มีนิทานเรื่องหนึ่งเล่าว่า หงส์มาปรากฏตัวในครั้งที่นักปราชญ์ขงจื๊อเกิดพอดี หงส์จึงได้กลายเป็นส่วนร่วมของการทำพิธีเคารพบูชาระหว่างสมัยราชวงศ์ฮั่น หลังจากนั้นจึงมีการกล่าวอ้างการมาเยือนของหงส์เกิดขึ้นบ่อยๆ เพื่อที่จะป่าวประกาศว่าการปกครองแผ่นดินในแต่ละรัชกาลนั้นประสบผลสำเร็จด้วยดี

นอกจากนี้ หงส์ยังเป็นสัญลักษณ์ของลัทธิเต๋า คือสัญลักษณ์หงส์ 9 ตัว สำหรับทำลายล้างความสกปรก สัญลักษณ์งานมงคลสมรสคือหงส์คู่มังกร ที่สำคัญหงส์ยังเป็นตราสัญลักษณ์ของราชินีจีนอีกด้วย



นกฟีนิกซ์
★ⓅⒽⓄⒺⓃⒾⓍ★




นกฟีนิกซ์
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี



ฟีนิกซ์ (อังกฤษ: Phoenix) เป็นสิ่งมีชีวิตที่คล้ายนก ปรากฏในตำนานของหลาย ๆ ชาติ ในลักษณะที่คล้ายกันแต่แตกต่างกันในบางรายละเอียด

ฟีนิกซ์ของอียิปต์โบราณ
ฟีนิกซ์ปรากฏตำนานของพวกอียิปต์โบราณ ในฐานะของสัตว์เทพในตำนานซึ่งคู่ควรแก่การบูชา ยกย่อง เคารพ ฟีนิกซ์เกี่ยวข้องกับเทพแห่งไฟ ดังนั้นจะสังเกตได้ว่า ขนนกของฟีนิกซ์นั้นจะออกเป็นประกายเหลืองทองคล้ายเปลวไฟ บ้างก็ว่าปกคลุมด้วยเปลวไฟทั้งตัวทีเดียว

ขนาดของนกฟีนิกซ์นี้จะมีขนาดเท่านกอินทรีตัวโต จงอยปากและส่วนขาเป็นสีทอง ประกายขนสีแดงถึงเหลืองทอง มีเสียงร้องที่ไพเราะดังเสียงดนตรี รูปร่างสวยสง่างาม บางครั้งหยิ่งผยอง บางครั้งเปี่ยมด้วยความเป็นมิตร บางตำนานเล่าว่านกนี้สามารถฟื้นชีวิตให้กับผู้ตายได้ และสามารถฟื้นพลังทั้งหมดให้กลับสู่ปกติได้ เนื่องจากเป็นสัตว์เวทตัวหนึ่งภายใต้เทพแห่งไฟ บางครั้งจะพบว่าสามารถใช้มนตร์ไฟได้ ฟีนิกซ์เป็นสัตว์ที่นิสัยอ่อนโยน เพลงของฟีนิกซ์มีเวทมนตร์สามารถกระตุ้นความกล้าหาญ แห่งจิตใจบริสุทธิ์ และทำให้เกิดความกลัวในจิตใจที่คิดร้าย น้ำตาของนกฟีนิกซ์มีพลังในการรักษาบาดแผลได้

นกฟีนิกซ์นี้เป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นอมตะ มีชีวิตยั่งยืนนิรันดร์ เพราะมันสามารถฟื้นคืนชีพได้ เมื่อร่างกายสิ้นอายุขัย (500 ปีหรือ 1461 ปี) ตัวจะลุกเป็นไฟ จากนั้นฟีนิกซ์ก็จะฟื้นจากกองขี้เถ้ามาเป็นลูกนกใหม่

ฟีนิกซ์ของกรีกโบราณ
ว่ากันว่าเรื่องราวเริ่มแรกของนกฟีนิกซ์มาจากวรรณกรรมกรีกโบราณที่ชื่อว่า Account of Egypt ของกวีเฮโรโดตัส ประมาณ 430 ปี ก่อนคริสตกาล ตามตำนานกล่าวว่า นกฟีนิกซ์มีอายุ 500 ปี เมื่อถึงเวลาที่ใกล้จะหมดอายุขัย นกฟีนิกซ์จะล่วงรู้ถึงชะตากรรม มันจะสร้างรังจากไม้เครื่องเทศที่มีกลิ่นหอม แล้วนั่งคอยที่กองฟืนไม้หอมและร้องเพลงอย่างสำราญใจ เมื่อแสงอาทิตย์แรกสาดส่อง นกฟีนิกซ์จะแผดเผาตนเองกลายเป็นเถ้าถ่าน จากเถ้าถ่านนั้นนกฟีนิกซ์หนุ่มตัวใหม่จะกำเนิดขึ้น

ภารกิจแรกที่ฟีนิกซ์หนุ่มต้องกระทำก็คือ การรวบรวมเถ้าถ่านของพ่อแม่แล้วนำไปฝังที่วิหารเฮลิโอโปลิส หรือนครแห่งตะวันในอียิปต์ จากนั้นก็จะบินกลับมาที่อาระเบียและใช้ชีวิตอยู่จนกว่าจะเปลี่ยนร่างอีกครั้ง

จุดกำเนิดตำนานเกี่ยวกับนกฟีนิกซ์นี้ อาจมาจากหนังสือแห่งเวทมนตร์เล่มหนึ่งที่ชื่อว่า Book of Dead ซึ่งกล่าวถึงนกยักษ์ลักษณะคล้ายนกฟีนิกซ์ นกยักษ์ตัวนี้เป็นต้นแบบของวิญญาณอิสระที่ลุกขึ้นมาจากกองเพลิง และบินไปยังเฮลิโอโปลิสเพื่อประกาศยุคใหม่ เพราะว่าดวงอาทิตย์ได้สาดแสงไล่หลังนกที่บินจากตะวันออกไปยังตะวันตก นกจึงปรากฏตัวพร้อมกับเช้าวันใหม่จนกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งไฟและดวงอาทิตย์ ไปในที่สุด

การที่นกฟีนิกซ์สามารถเกิดใหม่ได้จากเถ้าถ่านของตัวเอง จึงกลายเป็นตัวแทนของการฟื้นคืนจากความตาย ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้แก่กวีและนักเขียนหลายต่อหลายท่าน จนเรื่องราวแห่งนกฟีนิกซ์แทรกซึมเข้าไปอยู่ในวรรณกรรมยุโรปหลายต่อหลาย เรื่อง

ยังมีเรื่องเล่าของฟีนิกซ์ที่ค่อนข้างจะสอดคล้องกันที่ว่า ในอดีตกาล เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ หรือที่รู้จักกันคือ เทพอพอลโล ได้เห็นความงดงามของฟีนิกซ์ จึงได้ขอให้มาเป็นนกข้างกายพระองค์ พร้อมกับให้พรวิเศษคือ “ชีวิตอมตะ” แก่นกฟีนิกซ์เป็นการตอบแทน

พอได้พรวิเศษ เจ้านกฟีนิกซ์ก็สุดแสนจะดีใจ มันค้อมศีรษะเพื่อแสดงความคารวะ ในขณะที่เริ่มเปล่งเสียงร้องขับขานบทเพลงสรรเสริญ “สุริยเทพผู้รุ่งโรจน์ สุริยเทพผู้สง่างาม ข้าจะเป็นประหนึ่งผู้ขับขานบทเพลงเพียงเพื่อท่านและเป็นนกฟีนิกซ์แห่ง สุริยเทพแต่เพียงผู้เดียว ชั่วนิรันดร์” และทุกวันจะบินไปยังทางตะวันออกเพื่อคอยร้องเพลงขับกล่อมเทพเจ้าแห่งดวง อาทิตย์ในช่วงเช้าตรู่

ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป 500 ปี เจ้านกฟีนิกซ์ก็เริ่มแก่ตัวลง ไม่มีแรงที่จะร้องเพลงขับกล่อมเทพเจ้าได้เช่นเดิม นกฟีนิกซ์จึงได้ร้องขอเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ ช่วยทำให้ตัวเองกลับมาเป็นหนุ่มและแข็งแรงอีกครั้ง แต่เหมือนคำขอดังกล่าวจะไม่ได้รับการตอบรับใดๆ ดังนั้น เจ้านกฟีนิกซ์จึงตัดสินใจบินกลับรังของตัวเอง และระหว่างทางได้พบบรรดาไม้หอมนานาชนิดจึงเก็บไปด้วย เพื่อนำมาสร้างรังบนยอดต้นปาล์ม หลังจากนั้นก็ร้องขอให้เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ประทานความหนุ่มและความแข็ง แรงให้อีกครั้ง

ไม่นานท้องฟ้าก็ปั่นป่วนและเกิดฟ้าผ่าลงบนรังของเจ้าฟีนิกซ์ ส่งผลให้รังและเจ้านกฟีนิกซ์ถูกเผาจนเหลือแต่เถ้าถ่าน และกลายมาเป็นนกฟีนิกซ์หนุ่มตัวใหม่ พร้อมกับเริ่มทำหน้าที่ขับกล่อมเสียงเพลงให้แก่เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ได้ อีกครั้ง และทุกๆ 500 ปีล่วงผ่านไป นกใหญ่แห่งสุริยะตัวนี้ก็จะบินกลับมายังที่เดิม เพื่อให้สุริยเทพเผาตัวเองเพื่อการกลับมาสู่นกตัวใหม่ที่แข็งแกร่งอีกครั้ง

ในตำนานกรีกยังเล่าขานอีกว่า นกฟีนิกซ์จะอาศัยอยู่ในแถบอาระเบีย โดยจะอาศัยอยู่ในบริเวณแหล่งน้ำที่มีอากาศเย็น ทุกๆ เช้าที่ตะวันเริ่มสาดแสง เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์จะต้องหยุดรถม้าเพื่อฟังเสียงร้องอันแสนไพเราะของนก ฟีนิกซ์ยามที่มันเล่นน้ำทุกวัน

อาหารโปรดของเจ้านกชนิดนี้ก็สุดแสนจะศิวิไลซ์ นกฟีนิกซ์ชอบกินสายลมอ่อนๆ น้ำอมฤต น้ำค้าง หรือหมอกบริสุทธิ์ที่ลอยขึ้นมาจากแม่น้ำและทะเล

ยังมีการพูดถึงคุณลักษณะพิเศษของเจ้าฟีนิกซ์เอาไว้อีกว่า ฟีนิกซ์เป็นสัตว์ที่มีนิสัยอ่อนโยน สามารถหายตัวและปรากฏตัวใหม่ตามใจนึกเช่นเดียวกับตัวดิริคอว์ล เพลงของนกฟีนิกซ์มีเวทมนตร์ สามารถกระตุ้นความกล้าหาญแห่งจิตใจที่บริสุทธิ์ และทำให้เกิดความกลัวในจิตใจที่คิดร้าย และน้ำตาของนกฟีนิกซ์ก็เป็นดังโอสถทิพย์แห่งสวรรค์ที่มีพลังในการรักษาบาด แผลและชุบชีวิตได้ แต่ถึงกระนั้นเจ้านกฟีนิกซ์ก็ยากจะหลั่งน้ำตาให้ใคร ยกเว้นเสียแต่ว่าคนผู้นั้นจะมีคุณงามความดีมากพอที่จะกลับมามีชีวิตใหม่อีก ครั้ง

จากวงจรชีวิตทั้งหมดทั้งมวลของเจ้านกฟีนิกซ์นี้เอง ที่ทำให้ในตำนานของกรีกและโรมันเชื่อว่า นกฟีนิกซ์เป็นสัญลักษณ์ของการมีชีวิตเป็นอมตะ การฟื้นคืนชีพ และเกี่ยวข้องกับเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ หรือแม้กระทั่งในช่วงต้นของคริสต์ศาสนาก็ได้มีการนำเอารูปนกฟีนิกซ์มาสลัก เป็นลวดลายบนหินปิดหลุมฝังศพ ซึ่งหมายถึงผู้ที่จากไปจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งนั่นเอง

คล้ายคลึงกับนกสามขา ของเกาหลี
มีการปรากฏเป็นตำนานของนกสามขาใน ซีรีส์ เรื่อง "จูมง มหาบุรุษกู้บัลลังก์" ของเกาหลี เป็นนกเทพที่เกาหลีมีการเคารพ ในเรื่องมีการใช้นกสามขาเป็นสัญลักษณ์ในทัพของจูมง

ความคล้ายคลึงกับตำนานจีน
จะไปคล้ายกับนกหงส์ของตำนานจีน ที่เชื่อว่าคู่กับมังกร อีกอย่างคือนกหงส์ของจีนมีลักษณะคล้ายนกฟีนิกซ์มากจนคิดว่าน่าจะเป็นตัวเดียวกัน แต่แยกออกไปตามความเชื่อของแต่ละท้องถิ่น

ในวัฒนธรรมอื่น
นกฟีนิกซ์ เป็นตัวละครสำคัญตัวหนึ่งในเรื่องแฮรี่ พอตเตอร์ ในภาคที่ 2 (ห้องแห่งความลับ) และภาคที่ 5 (ภาคีนกฟีนิกซ์) และเป็นชุดคลอธของอิคคิ ในการ์ตูนเรื่องเซนต์เซย่า และยังเป็นสัญลักษณ์ของตัวละครใน x-men ที่ชื่อ จีน เกรย์ ผู้มีพลังมากที่สุดในปฐพี

http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/
http://th.wikipedia.org/wiki/
http://writer.dek-d.com/
http://www.somboon.info/













Rebirth of Elene
A day, There's a big battle in Aru-island for a desperate defence against Devil,
Elene rises from the sea, and recalls phoenix, with strong shiny,
blond hair look like a phoenix's feather and with immortality.



1
2

Wish You Happinessss

Success is not the key to happiness. Happiness is the key to success. 
If you love what you are doing, you will be successful. 

~ Albert Schweitzer ~

 คัมภีร์ 5 ห่วง  วิถีแห่ง "ซามูไร" วิถีแห่งนักรบ "บูชิโด"   แนวคิดของตัวเม่น   GOOD LUCK สร้างแรงบันดาลใจเพื่อความสำเร็จ ในชีวิตและธุรกิจด้วยตัวคุณเอง    Why complicate life ?   3 x 8 = เท่าไหร่ ?????   "ฉันชื่อ..โอกาส"

Wish You Happinessss