Happinessss Fb : Beautiful World Part 1
สะพานชาร์ลส์ (Charles Bridge)
1. สะพานชาร์ลส์ (Charles Bridge)
สะพานชาร์ลส์ (Charles Bridge) เป็นสะพานเก่าแก่สไตล์โกธิกที่ทอดข้ามแม่น้ำวัลตาวาที่เชื่อมระหว่าง Old Town และ Little Town สะพานสร้างในปี 1357 ในสมัยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 4 มาเสร็จสมบูรณ์ในช่วงต้นศตวรรษที่ 15 มีความยาว 520 เมตร กว้าง 10 เมตร มีตอม่อค้ำยัน 16 ตอ จุดเด่นของสะพานนี้ก็คือรูปปั้นโลหะของเหล่านักบุญสไตล์บารอกที่ตั้งอยู่สองข้างสะพานราว 30 องค์ ซึ่งหนึ่งในจำนวนนี้มีรูปปั้นของเซนต์จอห์น เนโปมุก (St. John Nepomuk) เป็นรูปปั้นที่เก่าแก่ที่สุดบนสะพาน สร้างเมื่อปีค.ศ. 1683 สะพานแห่งนี้เปรียบเสมือนเป็นอีกสัญญลักษณ์หนึ่งของกรุงปราก
ปราก หรือ ปราฮา (เช็ก: Praha, อังกฤษ: Prague) ชื่อเล่น: เมืองทองคำ เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดในสาธารณรัฐเช็ก เมื่อ ค.ศ. 1992 องค์การยูเนสโก ได้ประกาศให้ปรากเป็นมรดกโลก
The Best Gardens In The World:Butchart Gardens
2. The Butchart Gardens
The Butchart Gardens is a group of floral display gardens in Brentwood Bay, British Columbia, Canada, located near Victoria on Vancouver Island.
The gardens receive more than a million visitors each year. The gardens have been designated a National Historic Site of Canada due to their international renown.
Cenote Ik Kil, near Chichen Itza on the Yucatan Peninsula in Mexico
3. Cenote Ik Kil
Ik Kil is a well known cenote outside Pisté in the Municipality of Tinúm, Yucatán, Mexico, It is located in the northern center of the Yucatán Peninsula and is part of the Ik Kil Archeological Park near Chichen Itza. It is open to the public for swimming and is often included in bus tours.
The cenote is open to the sky with the water level about 26 metres (85 ft) below ground level. There is a carved stairway down to a swimming platform. The cenote is about 60 metres (200 ft) in diameter and about 40 metres (130 ft) deep.[1] There are vines which reach from the opening all the way down to the water along with small waterfalls. There are black catfish which swim in the cenote.
The cenote is part of a larger complex of a restaurant, store, changing rooms, and cottages for rent. There is also a Mayan ruin on the site.
น้ำตกฮาวาสุ (Havasu Fall) มลรัฐอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา
4. น้ำตกฮาวาสุ (Havasu Fall)
Havasu Falls near Supai, Arizona. The water is blue/green due to high concentrations of dissolved lime picked up as the water runs through the sedimentary rock of Havasu Canyon and the Grand Canyon.
น้ำพุเทรวี (Trevi Fountain)
5. น้ำพุเทรวี (Trevi Fountain)
น้ำพุเทรวี (อิตาลี: Fontana di Trevi, อังกฤษ: Trevi Fountain') เป็นน้ำพุที่ตั้งอยู่ที่เทรวี ริโอเนในกรุงโรมในประเทศอิตาลี เป็นน้ำพุที่มีความสูง 25.9 เมตร (85 ฟุต) และกว้าง 19.8 เมตร (65 ฟุต) และน้ำพุแบบบาโรกที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโรม
น้ำพุเทรวีตั้งอยู่ตรงทางสามแพร่ง (tre vie) ที่เป็นจุดจบ ของสะพานส่งน้ำแวร์จิเน (Acqua Vergine) “สมัยใหม่”, สะพานส่งน้ำเวอร์โก (Aqua Virgo) และสะพานส่งน้ำของโรมันโบราณ
ประเพณีโรมันคือการสร้างน้ำพุอันสง่างามตรงปลายสุดของสะพานส่งน้ำมารื้อฟื้นกันอีกครั้งในคริสต์ศตวรรษที่ 15 ในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา ในปี ค.ศ. 1453 สมเด็จพระสันตะปาปานิโคลัสที่ 5 ก็ทรงซ่อมสะพานส่งน้ำแวร์จิเนเสร็จและทรงสร้างอ่างน้ำพุง่ายๆ ที่ออกแบบโดยสถาปนิกมนุษย์นิยมลีออน บาตติสตา อัลเบอร์ติเพื่อเป็นการฉลองน้ำที่มาถึง
ปราสาทนอยน์ชวาสไตน์ (Neuschwanstein Castle in Winter, Bavaria, Germany)
6. ปราสาทนอยน์ชวาสไตน์ (Neuschwanstein Castle in Winter, Bavaria, Germany)
ปราสาทนอยน์ชวาสไตน์ (Neuschwanstein Castle) ปราสาทที่สวยที่สุดในเยอรมัน ปราสาทนอยน์ชวาสไตน์นั้นเป็นปราสาทตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลป์ แถบแคว้นบาวาเรีย สร้างในสมัยพระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย ในช่วง ค.ศ. 1845-1886 เป็นปราสาทที่งดงามมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลก เป็นต้นแบบของการสร้างปราสาทเทพนิยายเจ้าหญิงนิทราที่สวนสนุกดิสนีย์แลนด์และโตเกียวดิสนีย์แลนด์ รวมไปถึงที่แดนเนรมิต
พระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรียมีพระประสงค์ให้จัดสร้างเพื่อเป็นที่ประทับอย่างสันโดษ ห่างจากผู้คนและเพื่ออุทิศให้แก่กวี ริชาร์ด วากเนอร์ ผู้ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างให้เป็นไปตามบทประพันธ์เรื่อง อัศวินหงษ์ (Swan Knight Lohengrin) ดังนั้นปราสาทแห่งนี้จึงได้รับการตกแต่งตามเรื่องร่าวในบทประพันธ์ดังกล่าว ปราสาทแห่งนี้ได้รับการออกแบบโดย คริสเตียน แยงค์ (Christian Jank) ซึ่งเป็นนักออกแบบทางการละคร มากกว่าที่จะเป็นสถาปนิก ทุกวันนี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยี่ยมชมปราสาทแห่งนี้ถึงปีละ 1.3 ล้านคน โดยมากถึงวันละ 6,000 คนในช่วงฤดูร้อน
Ko Tapu (เกาะตะปู, pronounced [kɔ̀ʔ tapuː]) or Khao Tapu (เขาตะปู [kʰǎw tapuː]). The island is a part of the Ao Phang Nga National Park, THAILAND. Since 1974, when it was featured in the James Bond movie The Man with the Golden Gun, it is popularly called James Bond Island.
7. เกาะตะปู (Ko Tapu)
เกาะตะปู (Ko Tapu) ตั้งอยู่ในบริเวณทะเลด้านนอก ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา คิดเป็นระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร จากที่ทำการอุทยานฯตามลำคลองเกาะปันหยีจังหวัดพังงา อยู่ทางด้านเหนือในเวิ้งอ่าวของเกาะเขาพิงกัน เกาะตะปู มีลักษณะเป็นเกาะเดี่ยว รูปร่างคล้ายตะปู มีศัพท์เฉพาะทางธรณีวิทยาว่า เกาะหินโด่ง (Stack) การชมเกาะตะปูต้องชมในระยะไกลจากเรือ หรือจากสันดอนของเกาะเขาพิงกัน ไม่สามารถขึ้นไปบนเกาะได้
เกาะตะปูเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง จนมีภาพยนตร์ฮอลลีวูดมาถ่ายทำที่เกาะตะปูนี้ ในปี พ.ศ. 2517 ภาพยนตร์เรื่องเจมส์ บอนด์ ตอนเพชฌฆาตปืนทอง (The Man with the Golden Gun) และเกาะตะปู ยังได้รับการขนานนามอีกชื่อหนึ่งว่า "James Bond Island" อีกด้วย
เกาะตะปู เป็นเขาหินปูน (Limestone) มีอายุยุคเพอร์เมียน (Permian) หรือประมาณ 295-250 ล้านปี เนื่องจากหินปูนมีคุณสมบัติสึกกร่อนจากการละลายน้ำได้ง่าย ดังนั้นเกาะต่าง ๆ ในบริเวณอ่าวพังงาจึงมีรูปร่างแปลก ๆ และมีหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับการผุพังทำลายของเนื้อหิน
กำเนิดของเกาะตะปูมีความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำทะเลสมัยโบราณ เดิมเกาะตะปูและเกาะเขาพิงกันด้านตะวันออกมีสภาพเชื่อมต่อเป็นผืนเดียวกัน และอยู่บนผืนแผ่นดิน การเคลื่อนไหวของเปลือกโลกในเวลาต่อมา ทำให้เกิดมีรอยเลื่อนใหญ่เป็นแนวยาวพาดผ่านพื้นที่อ่าวพังงาด้านตะวันตก เรียกว่ารอยเลื่อนคลองมะรุ่ย รอยเลื่อนนี้ทำให้เกิดรอยเลื่อนย่อย ๆ ติดตามมาดังจะเห็นได้จากรอยเลื่อนที่เขาพิงกัน รอยเลื่อน รอยแตก และรอยแยกที่พบในหินปูนเกาะตะปู นอกจากนั้น รอยเลื่อนยังทำให้เกิดการหักพังของหินขึ้นในบริเวณรอยต่อระหว่างเขาตะปูและเขาพิงกันทางด้านตะวันออก ทำให้เขาตะปูแยกออกมาเป็นเขาลูกโดด
แผ่นดินเขาตะปูและเขาพิงกันได้รับอิทธิพลจากน้ำทะเลที่แผ่ขยายเข้ามาท่วมในช่วงหลังสุดเมื่อประมาณ 10,000 ปีที่ผ่านมา ทำให้พื้นที่เขาพิงกัน และเขาตะปูมีสภาพเป็นเกาะ โดยบริเวณเขาตะปูเป็นหัวแหลมยื่นออกไปในทะเล ต่อมาหัวแหลมถูกคลื่นกัดเซาะและขัดเกลา จนกระทั่งมีรูปทรงเรียวและขาดออกจากตัวเขาพิงกันตะวันออกอย่างเด่นชัด มีสภาพเป็นเกาะหินโด่ง
น้ำทะเลที่ขึ้นสูงสุดเมื่อประมาณ 6,000 ปีที่ผ่านมา มีระดับสูงกว่าระดับปัจจุบันประมาณ 4 เมตร การขึ้นลงของน้ำทะเล ได้กัดเซาะเกาะตะปูให้เกิดเป็นแนวรอยน้ำเซาะหิน เว้าเข้าไปที่ระดับดังกล่าว ต่อมาน้ำทะเลลดระดับลงมาอยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 2.5 เมตร จากระดับน้ำทะเลปัจจุบัน ระดับน้ำทะเลใหม่ได้กัดเซาะส่วนล่างของเกาะตะปูให้เกิดเป็นรอยน้ำเซาะหินแนวใหม่ คือ ระดับที่เป็นส่วนคอดกิ่วที่สุด และเป็นบริเวณที่มีสิ่งมีชีวิตเช่น หอย เพรียง เกาะอาศัยอยู่โดยรอบเมื่อได้นำซากหอยนางรมที่ติดอยู่ในแนวรอยกัดเซาะนี้ไปหาอายุโดยวิธีคาร์บอนรังสี (C14) ได้อายุประมาณ 2,620 + 50 ปี แสดงว่ารอยคอดกิ่วนี้เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเลเมื่อเวลาประมาณ 2,500 ปีที่ผ่านมา หลังจากนั้นน้ำทะเลจึงลดระดับลงมาอยู่ที่ระดับปัจจุบัน ส่วนที่คอดกิ่วที่เกิดขึ้นเมื่อ 2,500 ปีที่ผ่านมานี้เอง ทำให้เกาะตะปูมีลักษณะโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศ
เกาะตะปูมีปัญหาการพังทลาย อันเกิดจากการกัดเซาะกัดเซาะของน้ำทะเล การขุดเจาะเนื้อหินเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์จำพวกหอยนางรม เพรียง ปู ฯลฯ ความแรงของคลื่นลมในฤดูมรสุม การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของโลก เนื่องจากปฏิกิริยาเรือนกระจกอันอาจมีผลให้คลื่นลมเปลี่ยนความเร็ว และสุดท้ายคือการ ถูกรบกวนด้วยกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การจอดเรือโดยการทิ้งสมอการผูกเรือไว้รอบเกาะ รวมทั้งคลื่นจากเรือหางยาวที่วิ่งรอบเกาะ
:: จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ::
อีกไม่นานก็เช้า...^^
ภาพนี้ได้รวมพระจันทร์ ดาวศุกร์ และแสงอ่อนๆ ของดวงอาทิตย์
ถ่ายได้จาก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ By David Kaplan
8. Moon and Venus Over Switzerland
Credit & Copyright: David Kaplan
Explanation: Sometimes a morning sky can be a combination of serene and surreal. Such a sky perhaps existed before sunrise this past Sunday as viewed from a snowy slope in eastern Switzerland. Quiet clouds blanket the above scene, lit from beneath by lights from the village of Trübbach. A snow covered mountain, Mittlerspitz, poses dramatically on the upper left, hovering over the small town of Balzers, Liechtenstein far below. Peaks from the Alps can be seen across the far right, just below the freshly rising Sun. Visible on the upper right are the crescent Moon and the bright planet Venus. Venus will remain in the morning sky all month, although it will likely not be found in such a photogenic setting.
:: apod.nasa.gov ::
อุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทไวซ์ (Plitvice Lakes National Park), ประเทศโครเอเชีย
9.อุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทไวซ์ (Plitvice Lakes National Park)
ชื่อสถานที่ อุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทไวซ์
: Plitvice Lakes National Park
สถานที่ตั้ง ประเทศโครเอเชีย
ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้
อุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทไวซ์ (Plitvice Lakes National Park) ตั้งอยู่ในดินแดนทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของยุโรป ในส่วนของประเทศโครเอเชีย(Croatia) แม่น้ำโครานา(Korana) ทำให้เกิดทะเลสาบ 20 แห่งไหลผ่านหินปูนและหินชอล์ก ระหว่างทะเลสาบมีน้ำตกหลายแห่งและชั้นหลากหลายทีชวนมหัศจรรย์ หนึ่งในป่าไม้ที่มีอายุมากรุ่นสุดท้ายในยุโรป ภูมิประเทศเป็นที่มหัศจรรย์บ่งบอกถึงสภาพความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ ทะเลสาบถูกแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ ชั้นบนและชั้นล่าง
ชั้นบนประกอบด้วย
- Prošćansko
- Ciginovac
- Okrugljak veliko
- Galovac
- Gradinsko
ชั้นล่างประกอบด้วย
- Kozjak
- Milanovac
แนวกั้นระหว่างทะเลสาบเหนือน้ำตกที่สวยงามและน้ำตกเล็กๆ ถูกสร้างขึ้นพิเศษโดยธรรมชาติภายใต้เงือนไขทางกายภาพ เคมี และชีววิทยา แคลเซียมคาร์บอเนต (calcium carbonate) ถูกเคี่ยวออกจากน้ำ และถูกพัดพา ไปสู่ก้นทะเลสาบจมทับถมกัน มันสร้างประตูและแนวกั้นใต้น้ำ ซึ่งมันจะยกสูงขึ้นเหนือน้ำเติบโตต่อไปทั้งความกว้างและความสูงอย่างคงที่ แนวกั้นสร้างเป็นหินชอล์กแข็งแรงโปร่งและหินปูนเปราะ ม๊อซและม๊อซน้ำที่เป็นหินเจริญเติบโตที่น้ำตกที่จะมองเห็นด้วยกล้องจุลทรรศน์
ธรรมชาติของอุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทไวซ์ เป็นสถานที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาอย่างมหัศจรรย์ให้สัมผัสที่แตกต่างจากที่อื่นทั่วโลก นักท่องเที่ยวจึงให้ความสนใจเป็นอย่างมาก การสร้างสรรค์รูปร่างหน้าตาของที่พักและ ทึ่งกับความงามของพื้นที่มาจากของธรรมชาติเองที่มีความแตกต่างและกลมกลืน ของรูปร่างและสีสันในแต่ละฤดูกาล หลากหลายเงื่อนไขพื้นฐานร่วมกันของลักษณะธรรมชาติ
การเปลี่ยนของสภาพอากาศตามฤดูกาลระหว่างชายฝั่ง และเขตภาคพื้นทวีปมวลอากาศขนาดเล็กจำนวนมากทำให้เกิดฤดูร้อนแสนสบายและแสงแดด ขณะที่ส่วนอื่นยังคงเป็นฤดูหนาวต่อเนื่องไประยะยาวทั้งอากาศเย็นที่รุนแรงและหิมะจำนวนมาก มีพื้นที่ป่าไม้ที่กว้างใหญ่ซ้ำซ้อนในเขตพื้นที่อุทยาน บางส่วนของอุทยานถูกคุ้มครองเป็นพิเศษเป็นป่าสงวน พฤกษชาติถูกกำหนดเป็นลักษณะของป่ายุคแรกของโลก สถานที่และเงือนไขการความเป็นอยู่ที่หลากหลาย ทำให้เป็นไปได้ว่าจำนวนของชนิดของพืชและสัตว์น้ำและสัตว์บกในเขตพื้นที่ของอุทยาน จะเจริญเติบโตต่อไปโดยไม่มีผลกระทบ
อุทยานแห่งนี้ได้จัดเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก(UNESCO) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1979
Plitvice Lakes National Park (Croatian: Nacionalni park Plitvička jezera, pronounced [plîtʋitsɛ], colloquial Plitvice) is the oldest national park in Southeast Europe and the largest national park in Croatia. The national park was founded in 1949 and is situated in the mountainous karst area of central Croatia, at the border to Bosnia and Herzegovina. The important north-south road connection, which passes through the national park area, connects the Croatian inland with the Mediterranean coastal region.
The protected area extends over 296.85 square kilometres (73,350 acres). About 90 percent of this area are part of Lika-Senj County, while the remaining 10 percent are part of Karlovac County. In 1979, Plitvice Lakes National Park was added to the UNESCO World Heritage register among the first natural sites worldwide. Each year, more than 900,000 visitors are recorded. Entrance is subject to charges. Strict regulations apply.
:: en.wikipedia.org :: wonder7th.com ::
มหาวิหารเซนต์บาซิล (St. Basil Cathedral Moscow, Russia)
10. มหาวิหารเซนต์บาซิล (St. Basil Cathedral Moscow, Russia)
มหาวิหารเซนต์บาซิล (อังกฤษ: Saint Basil's Cathedral; รัสเซีย: Собор Василия Блаженного) เป็นวัดคริสต์ศาสนาของนิกายรัสเซียออร์โธด็อกซ์ที่มีฐานะเป็นมหาวิหาร ตั้งอยู่ที่จัตุรัสแดง กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย สร้างโดยพระเจ้าอีวานที่ 4 หรือกษัตริย์อีวานผู้โหดร้าย เพื่อฉลองชัยชนะเหนือพวกมองโกลที่กรีธาทัพมาเมืองคาซาน เมื่อปี ค.ศ. 1552 ผลจากชัยชนะครั้งนี้ทำให้รัสเซียสามารถรวมชาติได้เป็นปึกแผ่น จึงสร้างมหาวิหารแห่งนี้ขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1555
มหาวิหารเซนต์บาซิลมีรูปทรงที่ไม่เหมือนโบสถ์อื่น คือมีโดม 8 โดมล้อมรอบโดมที่ 9 ที่อยู่ตรงกลาง ทำให้อาคารมีรูปทรงแปดเหลี่ยม ด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบรัสเซียโบราณอันได้รับอิทธิพลมาจากไบแซนไทน์ที่เป็นโดมทรงหัวหอมกับสถาปัตยกรรมที่เรียกกันว่ารัสเซียนกอธิก หอคอยสูงรูปกระโจมเป็นอิทธิพลจากยุโรปตะวันตก ผลลัพธ์ที่ออกมาจึงกลายเป็นหอคอยสูงรูปแท่งเทียนกำลังลุกไหม้บนปลายลำเทียน ส่งความโชติช่วงชัชวาลย์เป็นเครื่องบูชาเทพเจ้าบนสวรรค์
มหาวิหารนี้ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชื่อปอสต์นิค ยาคอฟเลฟ (Postnik Yakovlev) และด้วยความงดงามของสถาปัตยกรรมจึงทำให้มีเรื่องเล่าสืบต่อกันว่า พระเจ้าอีวานที่ 4 ทรงพอพระทัยในความงดงามของมหาวิหารแห่งนี้มาก จึงมีคำสั่งให้ปูนบำเหน็จแก่สถาปนิกผู้ออกแบบด้วยการควักดวงตาทั้งสอง เพื่อไม่ให้สถาปนิกผู้นั้นสามารถสร้างสิ่งที่สวยงามกว่านี้ได้อีก การกระทำในครั้งนั้นของพระเจ้าอีวานที่ 4 จึงเป็นที่มาของสมญานามอีวานผู้โหดร้าย (Ivan The Terrible) บริเวณใกล้กันกับมหาวิหารเซนต์เบซิลขนาบข้างด้วยกำแพงเครมลิน เป็นที่ตั้งของอนุสรณ์สถานเลนินหรือสุสานเลนิน ซึ่งเก็บรักษาร่างของวลาดีมีร์ เลนิน ผู้นำคนสำคัญของคอมมิวนิสต์ และเปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปเคารพศพได้
:: จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ::
Trolltunga (meaning: troll's tongue) is a piece of rock that juts out horizontally from a mountain above Skjeggedal Valley, Odda, Norway.
11. The Trolltunga
The Trolltunga is situated about 1100 meters above sea level, hovering 700 metres above lake Ringedalsvatnet with a breathtaking view.
From Odda you can drive to Tyssedal on route 13. From Tyssedal follow signs to Skjeggedal. Parking in Skjeggedal after 7 km. The hike starts at the beginning of the funicular Mågelibanen (not in commercial operation) in Skjeggedal. Follow the path that starts on the right side of the funicular. The hike takes 8-10 hours in total (to Trolltunga and return). The path is marked with painted red T’s in the terrain. There are some signs along the route. The ascent is around 1000 metres.
The cabin Reinaskorsbu is owned by the Norwegian Trekking Association (DNT) and is located near Trolltunga. You need a key to stay overnight. Keys are available at Odda Tourist office. The cabin is very small with only 6 beds. If you want to stay overnight in the mountain area around the Trolltunga we highly recommend bringing your own tent.
The hike is usually possible to do from mid June, depending on when the snow melts in the mountains. Normally one can hike to Trolltunga until the beginning of October. Sturdy hiking boots are recommended. Bring extra clothing and be prepared for bad weather. Bring map and compass, food and drink. Respect the nature and mountain. All nature based activities are at your own risk. Consider carefully whether you are in good enough shape and have the right equipment before setting out. There is no mobilephone coverage along the route.
Contact Odda Tourist office for more detailed information about the hike, accommodation and maps.
:: visitnorway.com ::
The Cinque Terre, Liguria, Italy
12. The Cinque Terre, Liguria, Italy
The Cinque Terre is a rugged portion of coast on the Italian Riviera. It is in the Liguria region of Italy, to the west of the city of La Spezia. "The Five Lands" is composed of five villages: Monterosso al Mare, Vernazza, Corniglia, Manarola, and Riomaggiore. The coastline, the five villages, and the surrounding hillsides are all part of the Cinque Terre National Park and is a UNESCO World Heritage Site.
Over centuries, people have carefully built terraces on the rugged, steep landscape right up to the cliffs that overlook the sea. Part of its charm is the lack of visible corporate development. Paths, trains and boats connect the villages, and cars cannot reach them from the outside. The Cinque Terre is a very popular tourist destination.
:: Wikipedia, plentyofcolour.com ::
Pamukkale, meaning "cotton castle" in Turkish, is a natural site in Denizli Province in southwestern Turkey.
13. ปามุคคาเล หรือ พามุคคาเล (Pamukkale, ออกเสียง ) หรือแปลว่า ปราสาทปุยฝ้าย (Cotton Castle) อยู่ในเมืองชื่อเดียวกัน จังหวัดเดนิซลิ (Denizli) ประเทศตุรกี (Turkey.)
เมืองปามุคคาเล ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศตุรกี ห่างจากเดนิซลีไปทางตอนเหนือราว 19 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของลานแคลเซียม กว้าง 300 เมตร ยาว 2,600 เมตร เป็นที่ตั้งของนครโบราณ เฮียราโปลิส และบ่อน้ำแร่ในอดีตเคยเป็นสระน้ำร้อน ปัจจุบันเป็นโรงแรมน้ำแร่ที่มีอุณหภูมิ 35 องศาเซลเซียส ประกอบด้วยกินปูนและเกลือแร่ ไหลเป็นน้ำตกจากที่สูง100 เมตรลงสู่พื้น สายน้ำที่ถูกอากาศเย็นตัวลงทำให้แคลเซียมตกตะกอน เกิดเป็นอ่างแคลเซียมธรรมชาติ ขนาดมหึมา เรียกว่า ปามุกคาเล ในยุคโรมันสถานที่แห่งนี้เป็นเมืองตากอากาศที่สวยงาม
สถานที่ท่องเที่ยวสิ่งที่น่าสนใจ
ปามุคคาเล่ (Pamukkale) คำว่า “ปามุกคาเล่” ในภาษาตุรกี หมายถึง “ปราสาทปุยฝ้าย” pamuk หมายถึง cotton และ kale หมายถึง castle เป็นน้ำตกหินปูนสีขาวที่เกิดขึ้นจากธารน้ำใต้ดินที่มีอุณหภูมิประมาณ 35 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นที่มีแร่หินปูน (แคลเซียมออกไซด์) ผสมอยู่ในปริมาณที่สูงมากไหล ไหลรินลงมาจากภูเขา “คาลดากึ” ที่ตั้งอยู่ห่างออกไปทางทิศเหนือ รินเอ่อท้นขึ้นมาเหนือผิวดิน และทำปฏิกิริยาจับตัวแข็งเกาะกันเป็นริ้ว เป็นแอ่ง เป็นชั้น ลดหลั่นกันไปตามภูมิประเทศ เกิดเป็นประติมากรรมธรรมชาติ อันสวยงามแปลกตาที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ยากจะหาที่ใดเหมือน จนทำให้ปามุกคาเล่และเมืองเฮียราโพสิลได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในปี ค.ศ. 1988
สิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างมากคือ หน้าผาที่ขาวที่กว้างใหญ่ด้านข้างของอ่างน้ำ เป็นรูปร่างคล้ายหอยแครง และน้ำตกแช่แข็ง ถ้ามองดูจะดูเหมือนสร้างจากหิมะ เมฆ หรือ ปุยฝ้าย น้ำแร่ที่ไหลลงมาแต่ละชั้นจะแข็งเป็นหินปูน ห้อยย้อยเป็นรูปร่างต่างๆอย่างมหัศจรรย์ภายใน 2-3 วัน น้ำแร่นี้มีอุณหภูมิประมาณ 33-35.5 องศาเซลเซียส ประชาชนจึงนิยมไปอาบหรือนำมาดื่ม เพราะเชื่อว่ามีคุณสมบัติในการรักษาโรคหัวใจ โรคไขข้ออักเสบ ความดันโลหิตสูง โรคทางเดินปัสสาวะ และโรคไต
ยิ่งน้ำแร่ร้อนที่นี่โด่งดังเรื่องการรักษาโรคต่างๆตามที่ กล่าวไว้ข้างต้น ก็ยิ่งทำให้มีคนเดินทางมาลงอ่างธรรมชาติ แช่ตัว เล่นน้ำ กันเป็นจำนวนมาก จนทำให้ปามุคคาเล่บอบช้ำถึงขนาดทางการต้องห้ามมิให้นักท่องเที่ยวลงไปแช่น้ำ เล่นน้ำในแอ่งน้ำธรรมชาติ เนื่องจากไม่ต้องการให้ปามุคคาเล่ถูกทำลายไปมากกว่านี้
แต่กระนั้นทางการตุรกีก็ไม่ต้องการให้บรรยากาศทางการท่องเที่ยวเสียไป จึงได้ทำการสร้างแอ่งน้ำขึ้นมาแล้วปล่อยน้ำแร่จริงใส่ เกิดเป็นแอ่งน้ำเทียมเสมือนจริง เพื่อให้นักท่องเที่ยวลงไปแหวกว่าย เล่นน้ำและแช่น้ำแร่ได้อย่างเพลิดเพลิน ซึ่งหากไม่สังเกตจะดูไม่ออกว่าเป็นของเทียม เพราะทางการตุรกีเขาสร้างได้กลมกลืนและแนบเนียน ส่วนแอ่งน้ำแร่ธรรมชาติก็ปล่อยไว้ให้เป็นธรรมชาติ และยังมีบริเวรที่กั้นไว้เป็นจุดถ่ายรูปอันเป็นอนุสรณ์ของดาบ 2 คมทางการท่องเที่ยวแห่งปามุคคาเล่
:: oceansmile.com ::
มหาวิหารกลอสเตอร์(Gloucester Cathedral),Gloucester, England
14. มหาวิหารกลอสเตอร์ (Gloucester Cathedral)
* มหาวิหารกลอสเตอร์ใช้เป็นฉากถ่ายภาพยนตร์เรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ตอนที่หนึ่ง สอง และหก เมื่อปี ค.ศ. 2000
มหาวิหารกลอสเตอร์ (ภาษาอังกฤษ:Gloucester Cathedral) เป็นมหาวิหารที่ตั้งอยู่ตอนเหนือของเมืองกลอสเตอร์ ประเทศอังกฤษ แต่เดิมเป็นสำนักสงฆ์ที่อุทิศให้ นักบุญปีเตอร์ เมื่อราวปี ค.ศ. 678 หรือ 679 มาจนกระทั่งเปลี่ยนเป็นมหาวิหาร (cathedral) เมื่อปีค.ศ. 1541
เมื่อปีค.ศ. 1072 พระเจ้าวิลเลียมที่ 1 แห่งประเทศอังกฤษ แต่งตั้งให้เซอร์โล (Serlo) พระจากมงแซง-มีแชล (ประเทศฝรั่งเศส) มาปกครองมหาวิหารนี้ ตอนนั้นอารามอยู่ในสภาพที่เสื่อมโทรมมาก เซอร์โลทุ่มตัวสร้างวัดขึ้นมาใหม่จนเป็นที่เห็นกันทุกวันนี้ ต่อมาท่านก็ได้รับแต่งตั้งขึ้นเป็นอธิการ (Dean) ของ มหาวิหารเอ็กซีเตอร์ วอลเตอร์ กลอสเตอร์ (Walter Gloucester) นักประวัติศาสตร์ของวัดได้เป็นเจ้าอาวาสเมื่อปี ค.ศ. 1381 มหาวิหารกลอสเตอร์เดิมขึ้นอยู่กับสังฆมณฑลวูสเตอร์ (Worcester) จนถึงปี ค.ศ. 1541 จากนั้นก็ย้ายไปขึ้นกับสังฆมณฑลทูคสบรี (Tewkesbury) โดยมีจอห์น เวคแมน (John Wakeman) เป็นสังฆราช สังฆมณฑลทูคสบรีครอบคลุมไปถึงบางพื้นของแขวงมณฑลแฮรฟอร์ดเชอร์ และ มณฑลวิลท์เชอร์
มหาวิหารนี้เป็นมหาวิหารที่เดิมสร้างแบบโรมาเนสก์แต่ต่อมาต่อเติมเป็นแบบกอธิคที่สวยงามมาก ภายในมีบานหน้าต่างประดับกระจกสี ในช่องเล็กๆของบานหนึ่งซึ่งทำเมื่อปี ค.ศ. 1350 มีรูปคล้ายคนเล่นกอล์ฟ เชื่อกันว่าเป็นหลักฐานชิ้นแรกที่กล่าวถึงกีฬาเล่นกอล์ฟ รูปนี้ทำขี้นก่อนรูปที่พบสกอตแลนด์ ประมาณ 300 ปี นอกจากนั้นก็ยังมีรูปคนเล่นฟุตบอลซึ่งเชื่อกันว่าเป็นรูปการเล่นฟุตบอลที่เป็นหลักฐานเก่าที่สุดจากยุคกลาง
:: จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ::
|