Happinessss
1
2
วัฒนธรรมเภท โดย : ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
สองคนในร่างเดียว
วัฒนธรรมเภท
โดย : ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
จอร์จ โซรอส เคย
"โจมตี"
ค่าเงินบาท และมีส่วนทำให้ประเทศไทยตกเข้าสู่ภาวะวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในปี 2540 นอกจากเมืองไทยแล้ว
โซรอส ยังมีประวัติในการ
"โจมตี"
ค่าเงินปอนด์ของอังกฤษและประเทศอื่นๆ อีกหลายแห่งโดยเฉพาะประเทศที่ยังไม่ค่อยพัฒนา เป็นประเทศที่อ่อนแอและน่าจะได้รับความช่วยเหลือสนับสนุนจากคนที่แข็งแรงมากกว่า
ดังนั้น ในสายตาของคนจำนวนไม่น้อย โซรอส คือ
"ซาตาน"
แต่อีกด้านหนึ่ง โซรอสกลับทำตัวเป็น
"นักบุญ"
เขาบริจาคเงินจำนวนมาก ช่วยเหลือประเทศและคนที่ด้อยกว่าทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาเคยบริจาคเงินให้กับคนในประเทศที่มีสังคม
"ปิด"
ในยุโรปตะวันออกเพื่อช่วยให้คนเหล่านั้นต่อสู้เพื่อให้ประเทศของตนเป็นสังคม
"เปิด"
ซึ่งจะทำให้ประเทศก้าวหน้าและมีชีวิตที่ดีขึ้น บุคลิกที่ขัดแย้งกันในตัวของโซรอส ผมคิดว่า เราน่าจะอธิบายได้บ้างจากแนวความคิดที่นักวิชาการเรียกว่าเป็นเรื่องของ
"วัฒนธรรมเภท"
วัฒนธรรมเภท
นั้น ความหมายคร่าวๆ คือ เป็น
อาการของคนที่มีบุคลิกสองด้านที่ขัดแย้งกัน ด้านหนึ่งเป็นวิถีชีวิตที่ดำเนินไปโดยปกติวิสัยตามสามัญสำนึกของตนเอง แต่ อีกด้านหนึ่ง เป็นคุณค่าหรือเป็นแก่นสารที่อยู่ในจิตใต้สำนึกของตนที่อยากจะเป็น เขาคิดว่า ทั้งสองสิ่งนี้แยกออกจากกันไม่ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ตัวอย่างที่เห็นกันมากมาย คือ เรื่องวัฒนธรรมของคนไทยในปัจจุบันที่คนจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะที่เป็นดาราและบุคคลที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก
"โหยหา"
และพยายามแสดงออกถึงความเป็น
"ไทย"
แต่ในชีวิตปกติประจำวัน พวกเขาอยู่ในโลกของ
"โลกาภิวัตน์"
ความเป็นไทยสำหรับพวกเขานั้น ดูเหมือนจะเป็น
"สัญลักษณ์"
ที่ถูก
"แช่แข็ง"
ไม่เปลี่ยนแปลงและอยู่
"ในใจ"
เช่น ถ้าเป็นหญิงต้องสงบเสงี่ยมเรียบร้อยเป็นแม่บ้านแม่เรือน การแต่งกายต้องเป็นชุดไทยภาคกลางยุครัตนโกสินทร์ เป็นต้น
ลองมาดูตัวอย่างของวัฒนธรรมเภทของดารา ที่เรามักได้ยินบ่อยๆ เช่น ดาราหญิงดังและบางคนก็ออกแนว
"เซ็กซี่"
ด้วย ในภาพที่เห็นทุกวัน เธอมักมีข่าวคราวที่เป็นเรื่องของความ
"ฟู่ฟ่า"
เฉกเช่นเดียวกับดาราระดับ
"อินเตอร์"
ทั้งหลาย เช่น การใช้สินค้าแบรนด์เนมชื่อดัง เดินทางต่างประเทศบ่อยๆ ใช้บริการและซื้อสินค้าที่มีราคาสูงมาก บางครั้งก็มีข่าว
"คาวๆ"
ในอีกด้านหนึ่งก็บอกว่า ตนเองชอบศึกษาธรรมะและเข้าวัดบ่อย บางคนก็
"นุ่งขาวห่มขาว"
ทำสมาธิอยู่ที่วัดหรือสถานปฏิบัติธรรมเป็นครั้งคราว บางคนก็บอกว่าตัวเองรักและชอบวัฒนธรรมและศิลปะที่เป็น
"ไทย"
มาก (เวลาอยู่ที่บ้านหรือไม่ได้ทำงาน)
คนร่ำรวยและมีชื่อเสียง บางคนอาจจะเป็นผู้บริหารธุรกิจขนาดใหญ่ ก็มีวัฒนธรรมเภทเช่นเดียวกัน ในชีวิตประจำวันเขาอาจจะใช้ชีวิตที่
"หวือหวาวุ่นวายและมีระดับ"
เขาอาจจะขับรถสปอร์ตเฟอร์รารี่และขับเร็วอย่างร้ายกาจ เขาอาจจะใช้ชีวิตที่วุ่นวายกับงานธุรกิจมากมายในฐานะนักบริหารที่ทันสมัยและเป็น
"อินเตอร์"
มากๆ
แต่อีกด้านหนึ่งของชีวิต เขาอาจชอบสิ่งที่เป็นไทยๆ เป็นของยุคเก่า บ้างก็จะแต่งตัวเป็นไทย หรือเป็นแบบของสังคมเก่าของต่างประเทศ หรืออาจจะออกแนวนักพรต เขาอาจจะพูดถึงการใช้ชีวิตที่
"พอเพียง"
และไม่ติดยึดวัตถุสิ่งของ เขาไม่อยากให้คนมองว่าเขาเป็นคนโลภที่เห็นแก่เงิน เขาอยากให้คนเห็นว่า เขาเป็นคนที่สมถะและมองคุณค่าด้านจิตวิญญาณมากกว่าสิ่งอื่นใด
ในแวดวงนักลงทุนเอง แน่นอน ต้องมีเรื่องของวัฒนธรรมเภทเช่นเดียวกัน การเป็นนักลงทุน ถ้าพูดกันไปแล้ว เป็นอาชีพที่คนในสังคมจำนวนไม่น้อยมองว่าเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ
"ความโลภ"
เป็นอันดับต้นๆ เพราะภาพโดยทั่วไป ก็คือ เป็นธุรกิจหรือกิจกรรมที่ได้เงินมาง่าย เร็ว และมากจนบางครั้ง
"ไม่น่าเชื่อ"
คนที่เข้ามาในยุทธจักรของการลงทุน ต้องพร้อมที่จะ
"กิน"
คนอื่นเสมอ ไม่มีภาพของการ
"ทำงานหนัก"
อย่างคนกินเงินเดือน หรือนักธุรกิจที่ต้องทุ่มเทชีวิตและจิตใจให้กับสิ่งที่ทำ และได้ผลตอบแทนมาอย่างเหมาะสม ชีวิตของนักลงทุนจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะที่เป็นนักเก็งกำไร ก็เป็นอย่างนั้น พวกเขาอยู่กับความโลภ ชีวิตประจำวันก็เกี่ยวข้องอยู่กับกิเลส ความอยากได้และความร่ำรวย
นักลงทุนที่ร่ำรวยและมีชื่อเสียงบางคนก็เช่นเดียวกับคนที่ประสบความสำเร็จในวงการอื่น เขาไม่อยากถูกมองว่าเป็นคนโลภ อยู่ในโลกที่ฟุ้งเฟ้อ เขาอยากจะมีอีกโลกหนึ่ง ที่ไม่มีความโลภอยากได้ใคร่ดี โลกของคนที่อยู่ในศีลธรรมมีธรรมะประจำใจ มีชีวิตที่พอเพียง เขาอาจจะพูดถึงเรื่องการทำสมาธิเพื่อให้ใจสงบ แต่ในชีวิตจริงนั้น เขายังเล่นหุ้นที่ร้อนแรง และซื้อขายที่รวดเร็ว เขาอาจจะพูดถึงความสมถะไม่โลภ แต่ในชีวิตจริง เขายังเล่นหุ้นแบบ
"ทุ่มตัวเดียว"
และใช้มาร์จินเต็มวงเงิน เขาอาจจะใช้เงินทองซื้อหาสิ่งของเท่าๆ กับคนรวยที่มีฐานะเท่าเทียมกัน แต่อาจมีบางด้านที่ทำตัว
"แบกะดิน"
ในความรู้สึกของผม
วัฒนธรรมเภท
นั้น คงเกิดขึ้นจากความต้องการของคนที่จะมีเอกลักษณ์ และต้องการตัวตนที่แตกต่างจากคนอื่น ความต้องการที่จะได้รับการยกย่องหรือเป็นที่
"น่าทึ่ง"
สำหรับคนทั่วไป ดังนั้น เราพยายามสร้างสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงแต่เป็นสิ่งที่อาจจะอยู่ใน
"จินตนาการ"
และเป็นสิ่งที่คนยอมรับมากกว่าชีวิตที่เป็นจริงของเรา
ในฐานะของ
Value Investor
การรู้เรื่องของวัฒนธรรมเภทนั้น น่าจะ มีประโยชน์ อย่างน้อยในแง่ที่ว่ามัน
ช่วยให้เราได้รู้จักโลก หรือคนมากขึ้นว่า คนเรา บางทีก็มีสองบุคลิก สิ่งที่เราได้เห็นได้ยินได้ฟังจากปากของคน อาจจะไม่ใช่ของจริง เขาอาจจะบอกในสิ่งที่ทำให้เขาดูดี แต่ไม่ใช่สิ่งที่เขาทำจริง กลยุทธ์และเทคนิคที่เขาใช้ลงทุน ที่ออกมาจากปากของเขาอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เขาปฏิบัติจริงๆ
เช่นเดียวกัน ชีวิตและความคิดของเขา อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราเห็น แต่คำถามที่ตามมา ก็คือ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าคนคนหนึ่ง มีตัวตนที่แท้จริงอย่างไร เราควรจะเชื่ออะไ
ร
คำตอบของผม ก็คือ
ถ้าจะดูบุคลิกที่เป็นจริงของใคร การดูในช่วงวัยเด็ก หรือดูพื้นฐานทางสังคมที่เขาผ่านมาในวัยเด็ก น่าจะเป็นตัวบอกที่ดีที่สุด จริงอยู่ คนเราเปลี่ยนแปลงได้ แต่นั่นเป็นข้อยกเว้น เราจะต้องมีหลักฐานที่ชัดเจนจริงๆ
แต่ ถ้าเราไม่รู้จักเขาในวัยเด็ก และไม่รู้จักพื้นเพของเขาเลย การที่จะรู้จักเขาได้ถูกต้องจริงๆ น่าจะดูจากการกระทำมากกว่าที่มาจากคำพูด ถ้าสองสิ่งนั้นไม่ตรงกัน
:
: bangkokbiznews.com ::
บทความใหม่กว่า
บทความที่เก่ากว่า
หน้าแรก
1
2
Wish You Happinessss
Success is not the key to happiness.
Happiness is the key to success.
If you love what you are doing,
you will be successful.
~ Albert Schweitzer ~
Wish You Happinessss