1
2

การดื่มน้ำ



Guide Life - Healthy Guide - ดื่มน้ำน้อยได้โรค part 1


Guide Life - Healthy Guide - ดื่มน้ำน้อยได้โรค part 2




การดื่มน้ำ
 น้ำ... ความสำคัญที่ถูกมองข้าม
สมัยเป็นนักเรียนตัวเล็กๆ คุณครูให้ท่องสุขบัญญัติ 10 ประการ ซึ่ง 1ใน 10ข้อนั้นบอกว่า คนเราต้อง ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 6-8แก้ว เพื่อการมีสุขภาพที่ดี แต่ในทางปฏิบัติ คนส่วนใหญ่กลับไม่ชอบ ดื่มน้ำ ละเลย และไม่เห็นความสำคัญของน้ำ หรือบางคนอาจไม่เคยทราบเลยว่าน้ำมีความสำคัญอย่างไร ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วน้ำมีความสำคัญกับชีวิตของคนเรามาก รองจากอากาศที่หายใจทีเดียว


 น้ำ...สิ่งที่ชีวิตขาดไม่ได้
รู้ไหมว่าในร่างกายของคนเรานั้น มีน้ำเป็นส่วนประกอบถึง 2 ใน 3 ส่วน และอวัยวะสำคัญต่างๆ ก็ล้วน แต่มีน้ำ เป็นส่วนประกอบอยู่เป็นจำนวนมาก 


เช่น ปอดมีน้ำอยู่เกือบ 90% สมองมีน้ำอยู่ถึง 75% หรือ ผิวหนังที่มีน้ำเป็นองค์ประกอบอยู่ประมาณ 35% เพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างกายขาดน้ำ เซลล์ต่างๆ ก็จะเกิดอาการเหี่ยว ฝ่อลง การไหลเวียนของเลือดช้าลงเพราะเลือดเข้มข้นขึ้น หัวใจทำงานหนัก ไตอาจ หยุดทำงาน ผู้ที่ขาดน้ำอย่างรุนแรงจะมีอาการกระสับกระส่าย ซีดเซียว การทำงานของอวัยวะ ทุกส่วน เริ่มไม่เป็นไป ตามปกติและในที่สุดก็จะเสียชีวิต


 น้ำในร่างกาย
ร่างกายมนุษย์ เป็นน้ำ 55% ถึง 78% ขึ้นอยู่กับขนาดของร่างกาย 2 ใน 3 ของร่างกายจะประกอบด้วยน้ำและเป็นองค์ประกอบหลักของร่างกายมนุษย์

1) สมองประกอบด้วยน้ำ 75%
2) ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายของคุณ
3) เลือดประกอบด้วยน้ำ 83%
4) ล้างพิษ ของเสีย
5) กระดูกประกอบด้วยน้ำ 22%
6) เป็นน้ำรองข้อต่อของคุณ
7) ช่วยส่งสารอาหาร และออกซิเจนไปยังเซลล์ของคุณ
8) หล่อเลี้ยง ออกซิเจนสำหรับการหายใจ
9) ช่วยให้การแปลงอาหารให้เป็นพลังงาน
10) ป้องกันอวัยวะสำคัญของเรา
11) ช่วยให้อวัยวะของเราที่จะดูดซึมสารอาหารได้ดียิ่งขึ้น
12) กล้ามเนื้อประกอบด้วยน้ำ 75%
13) ชุ่มชื้นอากาศในปอด



 น้ำในร่างกายมาจากไหน
ร่างกายของเราได้รับน้ำจาก ๓ ทาง คือ
1. โดยการดื่มเข้าไปโดยตรง
2. ได้จากอาหารที่กินเข้าไป (เช่น น้ำแกง น้ำซุป น้ำที่แทรกซึมอยู่ในผักผลไม้ และอาหารต่างๆ )
3. ได้จากการเผาผลาญอาหารในร่างกาย


แต่ส่วนใหญ่แล้วเราจะได้รับน้ำจากการดื่มเข้าไปโดยตรงมากกว่า

 การขาดน้ำ
โดยทั่วไปคนเราสามารถอดอาหารได้นานเป็นเดือนๆ โดยไม่เสียชีวิต แต่ถ้าขาดน้ำเพียงแค่ 3-7 วัน รับรอง! ต้องลาจากโลกกลมๆ ใบนี้ไปอย่างแน่นอน เพราะเซลล์ทุกเซลล์ ระบบเลือด น้ำเหลือง ปัสสาวะ น้ำลาย เหงื่อ น้ำตา ฯลฯ ล้วนแต่ต้องการน้ำ อีกทั้งน้ำยังเป็นส่วนประกอบสำคัญในทุกระบบการทำงานของร่างกาย เช่น

- สร้างปฏิกิริยาเคมีในร่างกาย
- ช่วยหล่อลื่นอวัยวะต่างๆ เช่น ดวง-ตา ข้อต่อ ช่องท้อง เยื่อหุ้มปอด หัวใจ
- ช่วยลดแรงสั่นสะเทือน
- ช่วยในการลำเลียง (ร่างกายต้องใช้น้ำเป็นตัวนำอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยง ส่วนต่างๆ ของร่างกาย ผ่านทางน้ำเลือด)
- ช่วยเรื่องการย่อยและดูดซึมสารอาหาร
- ช่วยกำจัดของเสียออกจากร่างกาย (ทางปัสสาวะ อุจจาระ การหายใจ ทางเหงื่อ)
- ช่วยรักษาอุณหภูมิของร่างกาย (น้ำช่วยทำให้ความร้อนในร่างกายคงที่)
- ช่วยให้ผิวพรรณสดใส (น้ำที่พอเพียงทำให้คอลลาเจนพอง ผิวตึง มีน้ำมีนวล)
- รวมถึงการรักษาความสมดุลทุกระบบในร่างกาย และช่วยให้ชีวิตดำรงอยู่ได้อย่างปกติสุข

 การขาดน้ำทำให้เกิด
  • เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า
  • อาการไมเกรน 
  • ปวดกล้ามเนื้อ 
  • ผิวแห้ง 
  • ปัญหาที่เกิดขึ้นในไต
  • อาการท้องผูก
  • ความดันโลหิตที่ผิดปกติ
  • ความเสี่่ยงของการเสียชีวิตจากก่รขาด
 อาการขาดน้ำ

วันนี้คุณดื่มน้ำเพียงพอหรือเปล่า วิธีสังเกตง่ายๆ ว่าเราดื่มน้ำเพียงพอกับความต้องการของร่างกายหรือไม่ คือ
  • ปัสสาวะสีเข้ม -  สีเข้มหรือกลิ่นแรงบ่งบอกว่าคุณจะต้องดื่มน้ำมากขึ้น ดูที่สีของปัสสาวะ ถ้าเป็นสีชาอ่อนๆ หรือมีสีเหลืองอ่อน ก็แสดงว่าดื่มน้ำเพียงพอแล้ว แต่ถ้าปัสสาวะ เป็นสี เหลืองเข้ม นั่นแสดงว่าคุณดื่มน้ำน้อยไป หรือถ้าปัสสาวะใสเหมือนน้ำโดยไม่มีสีเหลืองเลย ก็แปลว่าคุณดื่มน้ำมากเกินความต้องการของร่างกายแล้ว อีกวิธีหนึ่งที่เราจะรู้ได้ว่าดื่มน้ำเพียงพอ หรือไม่ ก็โดยการสังเกตการปัสสาวะ ซึ่งคนปกติจะปัสสาวะ ประมาณ วันละ ๑ ลิตร หรืออย่างน้อยทุก ๔ ชั่วโมง ใครที่ไม่ค่อยปวดฉี่ หรือฉี่ออกมามีสีเหลืองเข้มมาก แสดงว่าดื่มน้ำไม่เพียงพอ
  • ผิวแห้ง
  • กระหายน้ำเป็นสัญญาณที่ชัดเจนที่สุด ดื่มน้ำได้โดยไม่ต้องรอจนกว่าคุณจะกระหายน้ำ
  • หิว
  • ความเหนื่อยล้า น้ำเป็นแหล่งพลังงาน และเพิ่มพลังงาน


       ประโยชน์ของการดื่มน้ำ
      • อารมณ์ดี สดชื่่น 
      • การออกกำลังกายที่ดีขึ้น น้ำช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกายของคุณ รู้สึกมีพลังมาก น้ำยังช่วยในการกระตุ้นกล้ามเนื้อของคุณ
      • ปวด และเคล็ดขัดยอกน้อยลง  ความชุ่มชื้นที่เหมาะสมจะช่วยให้ข้อต่อ และกล้ามเนื้อหล่อลื่นปวดและเคล็ดขัดยอกน้อยลง  
      • ลดน้ำหนัก น้ำดื่มจะช่วยให้คุณลดน้ำหนัก น้ำดื่มจะช่วยลดความหิวที่มีประสิทธิภาพ ทำคุณกินน้อยลง น้ำมีศูนย์แคลอรี่
      • ช่วยบรรเทาอาการปวดปวดหัว เนื่องจากการขาดน้ำ แม้ว่ามีหลายเหตุผลที่นำไปสู่​​อาการปวดหัว
      • ดูอ่อนกว่าวัยกับผิวสุขภาพดี น้ำจะช่วยเติมเต็มเนื้อเยื่อผิวหนังชุ่มชื่นผิวและเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว
      • ทำงานดีขึ้น สมองของคุณส่วนใหญ่คือน้ำ การดื่มน้ำจึงจะช่วยให้ สมองคุณทำงานดีขึ้น
      • ช่วยในการย่อย และลดอาการท้อง
      • โอกาสน้อยที่จะเจ็บป่วยและรู้สึกสุขภาพ ดื่มน้ำปริมาณจะช่วยต่อสู้กับโรคไข้หวัดและอื่น ๆ เช่นนิ่วในไตและหัวใจวาย โรคระบบทางเดินหายใจ ปัญหาเกี่ยวกับลำไส้, โรคไขข้ออักเสบและอื่น ๆ การดื่มน้ำสามารถช่วยปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกันของคุณ 
      • บรรเทาความเมื่อยล้า น้ำจะถูกใช้เพื่อช่วยล้างสารพิษออก และขับของเสียออกจากร่างกาย หากร่างกายของคุณขาดน้ำหัวใจของคุณ ต้องทำงานหนักเพื่อสูบน้ำออกเลือดออกซิเจนไปยังเซลล์ทั้งหมด
      • ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง ที่เกี่ยวข้องกับระบบย่อยอาหาร, การศึกษาบางส่วนแสดงให้เห็นว่าการดื่มน้ำอาจลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะและมะเร็งลำไส้ใหญ่ น้ำช่วยเจือจางความเข้มข้นของสารก่อให้เกิดมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ 




      ดื่มน้ำอย่างไรให้ถูกต้อง

      เพื่อนๆคิดว่าสุดยอดของการเป็นหมออยู่ที่ไหนครับรักษาโรคยากๆได้ ยื้อชีวิตของคนที่จะจากเราไปให้อยู่แม้เพียงเฮือกหนึ่ง ถวายตัวอยู่กับคนไข้ตลอด 24 ชม.

      คนไทยส่วนใหญ่ทำผิดมากที่สุดคือ เรื่องของการดื่มน้ำนี่แหละครับ
      ลองทำแบบทดสอบกันสักนิดก่อนอ่านต่อดีไหมครับ


      1. คุณมีความเชื่อที่ว่าน้ำยิ่งดื่มเยอะยิ่งดีหรือไม่
      2. คุณดื่มน้ำวันละกี่แก้ว
      3. น้ำที่ดื่มเป็นน้ำเย็น, น้ำธรรมดา หรือว่าน้ำอุ่น
      4. ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนเป็นพิเศษไหม เช่น ดื่มตอนเช้า ดื่มระหว่างทานข้าว ดื่มก่อนนอน เป็นต้น
      5. ปกติดื่มอะไร เช่น น้ำเปล่า น้ำอัดลม ชา กาแฟ เป็นต้น

      เราเฉลยกันไปทีละข้อๆพร้อมอธิบายละกันครับ พร้อมที่จะรู้ความผิดของตัวเองหรือยังครับ
      ข้อหนึ่ง คุณมีความเชื่อที่ว่าน้ำยิ่งดื่มเยอะยิ่งดีหรือไม่
      นั่น เป็นความเชื่อที่ผิดครับ ทุกอย่างต่างมีคุณและมีโทษ ต้องหาจุดสมดุลของมันครับ
      น้ำดื่มมากเกินไปกลับไม่ดีเสียอีกครับ เดี๋ยวผมจะมีสูตรให้คำนวณว่าวันหนึ่งเพื่อนๆ ควรดื่มน้ำแค่ไหน

      ข้อสอง คุณดื่มน้ำวันละกี่แก้ว
      คิดว่าทุกคนคงเคยเรียนกันมาอยู่แล้วว่าคนเราวันหนึ่งควรทานน้ำวันละ 8-10 แก้ว ว่าแต่ทำได้อย่างที่เรียนมาหรือเปล่าครับ


      ผมจะอธิบายให้ฟังว่า น้ำในร่างกายของเรามีที่มาที่ไปอย่างไรก่อน
      น้ำที่เข้าสู่ร่างกายเรามาจากน้ำและอาหารที่ทานเข้าไปเป็นหลัก
      ส่วนน้ำจะออกจากร่างกายทางปัสสาวะ อุจจาระ เหงื่อ และทางลมหายใจ
      แต่ปัสสาวะเป็นเส้นทางหลักครับ คนเราจำเป็นต้องปัสสาวะออกจากร่างกาย อย่างน้อย 500 มิลลิลิตรต่อวัน ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้หมด
      นอกจากนี้ อีกสามทางที่เหลือโดยเฉลี่ยก็จำเป็นต้องใช้น้ำอีกราว 1000 มิลลิลิตร หรือ 1 ลิตร ต่อวัน
      เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว คนเราจึงต้องดื่มน้ำเพื่อชดเชยส่วนที่ออกจากร่างกายทุกวันราว 1500 มล. หรือ 7-8 แก้ว แก้วละ 200 มล.
      แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวเลขนี้ก็ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคนครับ
      ผมเลยมีสูตรมาให้คิดกันคร่าวๆว่าวันหนึ่งเราต้องทานน้ำปริมาณเท่าไรจึงจะเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย


      สูตรคือ

      น้ำหนักตัว(กก.) x 2.2 x 30) / 2 หน่วยที่ได้ออกมาเป็นมิลลิลิตร ครับ
      เช่น หนัก 60 กก. เอาเข้าแทนค่าก็จะได้ควรดื่มน้ำ
      (60 x 2.2 x 30) หาร 2 = 1980 มล.
      หรือประมาณ 10 แก้วต่อวันครับ ถ้าเราดื่มน้ำน้อยกว่านี้ เลือดซึ่ง 90% ทำมาจากน้ำก็จะเดินไม่สะดวก
      ร่างกายก็จะทั้งขับของเสียยาก ขณะเดียวกันสารอาหารในเลือดก็ส่งไปถึงร่างกายช้า
      ทางแพทย์จีนถ้าเกิดเลือดลมเดินไม่สะดวกนี่เป็นบ่อเกิดสารพัดโรคเลย
      บางคนบอกว่าประจำเดือนมาน้อยหรือไม่มา มาเป็นลิ่มเลือด สีเข้ม หนืด ปวดประจำเดือน ก็แหงละครับ น้ำไม่กินจะเอาที่ไหนไปสร้างเลือดละครับ

      แต่ถ้าทานน้ำมากกว่านี้ก็เป็นผลเสียต่อร่างกายอีกเหมือนกัน ทำอะไรก็ต้องพอดีๆครับ

      ข้อสาม น้ำที่ดื่มเป็นน้ำเย็น, น้ำธรรมดา หรือว่าน้ำอุ่น
      อย่างที่เคยบอกไปตั้งแต่อาการขี้หนาวนะครับว่าน้ำเย็นเป็นของต้องห้ามสำหรับร่างกาย
      กระเพาะ เมื่อเจอของเย็นเข้าไปการทำงานจะด้อยลงทันที เกิดเป็นอาหารไม่ย่อย อาหารบูดเน่า หมักหมมอยู่ในกระเพาะและลำไส้


      ลำไส้ก็ดูดซึมของเสียจากกากอาหารพวกนี้กลับเข้าสู่เส้นเลือดต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะถ่ายอุจจาระออกจากร่างกายของเรา 
      เพราะฉะนั้นเราไม่ควรจะทานของเย็นๆครับ ทานน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่นก็ได้


      แต่ก่อนผมไม่รู้จุดนี้ก็ทานกันไป โดยเฉพาะไทยเป็นเมืองร้อน ทุกที่ต้องเสิร์ฟน้ำเย็น เสิร์ฟน้ำแข็งกันเป็นกระติก ๆ กินกันจนเป็นเรื่องธรรมชาติ ก่อนหน้านี้ไม่รู้ก็เฉย ๆ
      แต่พอตอนนี้ เห็นแล้วกลัวไปเลยครับ บ้านผมตอนนี้ไม่ทานน้ำแข็งกันแล้ว

      ข้อสี่ ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนเป็นพิเศษไหม เช่น ดื่มตอนเช้า ดื่มระหว่างทานข้าว ดื่มก่อนนอน เป็นต้น
      ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนกัน ที่บอกให้ดื่มวันละ 8-10 แก้วเนี่ย จะแบ่งกินช่วงไหนระหว่างวันบ้างละ ไหนใครที่ชอบทานข้าวไปจิบน้ำไปบ้างประมาณว่ากินข้าวเสร็จ หมดน้ำไปสองแก้ว ยกมือขึ้น


      ข้อนี้ผมจัดเป็นหายนะอย่างใหญ่หลวงที่สุดเลยครับ เป็นการกินน้ำที่ผิดที่สุดครับ
      คนเรามักทำอะไรเพลินเสียจนลืมทานน้ำ พอถึงเวลาว่างซึ่งมักจะเป็นเวลาทานข้าว เขาบอกว่าให้ทานน้ำเยอะก็ทานรวดเดียวไปเลย ผิด ผิด ผิด


      ผิดแบบไม่น่าให้อภัยเลยครับ เพราะช่วงเวลาที่ทานข้าวนั้น ร่างกายจำเป็นต้องอาศัยน้ำย่อยในการย่อยอาหาร เมื่อคุณกินน้ำเข้าไปเยอะๆแล้ว น้ำย่อยก็จะเจือจาง ก็เข้าสู่ระบบเดียวกับการกินของเย็น คืออาหารไม่ย่อยหมักหมม พิษถูกดูดเข้าเส้นเลือด
       


      เพราะฉะนั้นที่คุณควรทำคือ ตอนเช้าตื่นมาดื่มน้ำก่อนเลยครับ
      2-5 แก้ว เพื่อเป็นการขับพิษออกจากร่างกายทางอุจจาระ ปัสสาวะที่ให้ดื่มทันทีเพื่อให้มีระยะเวลาห่างจากอาหารเช้าพอสมควร


      ก่อนอาหาร 15 นาที ระหว่างทานอาหารและหลังอาหาร 40 นาที ทานน้ำได้ไม่เกินครึ่งแก้วครับ ในที่นี้หมายรวมถึงซุป น้ำแกง และของเหลวทุกประเภทนะครับ 


      และอย่าดื่มน้ำครั้งละมากๆ ให้จิบครั้งละ 2-3 อึก แต่จิบถี่ๆ หาขวดน้ำ แก้วน้ำมาวางไว้ข้างตัว จิบไปทั้งวันครับ 


      ถ้ากินน้ำครั้งละมาก ๆ ผลก็คือ ร่างกายยังไม่ทันได้ดูดซึม ก็ไหลรวดเดียวปัสสาวะออกไปหมดแล้ว

      อย่างนี้ดื่มน้ำมากแค่ไหนก็ยังหิวน้ำครับ เหมือนน้ำป่ามาครั้งเดียว ทะลักล้นเขื่อนออกไปหมดแล้วจะเอาอะไรกักเก็บไว้ในเขื่อนละครับ


      เหมือนทำยาก แต่จริง ๆ แล้วพอเริ่มทำมันก็ไม่ยากอะไรครับ ผมแต่ก่อนทานน้ำ 2-3 แก้วพร้อมทานข้าว ด้วยเหตุผลสารพัดที่เข้าใจผิด เช่น ควรกินข้าวพออิ่มและทานน้ำเพื่อให้อิ่มจริง หรือกินล้างปากสักหน่อย (กินกันเป็นแก้ว ล้างปากเนี่ยนะ) หรือต้องสั่งช็อคโกแลตปั่นใส่วิปครีมมากิน กินแล้วหวานมันเย็นอร่อยแต่ส่งผลเสียต่อกระเพาะโดยไม่รู้ตัว เบียร์ก็อีกตัวครับ สังสรรค์กันทีกินเข้าไปสิกี่ขวดว่ากันไป ทุกวันนี้เลิกครับได้ข้อดีอีกอย่างคือไม่รู้จะเอาเวลาที่ไหนไปดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะมันควรกินแกล้มอาหารเลยได้เลิกเหล้าเลิกเบียร์กันไป


      แต่ก่อนหลังทานข้าวเสร็จผมจะเรอตลอด ท้องอืดมาก ก็งง หรือว่าเรากินเยอะไป แต่บางทีกินไม่เยอะก็เรอตลอด เสียบุคลิกมาก พอมารู้ตรงนี้ถึงได้ถึงบางอ้อ กินน้ำเยอะอย่างนี้แล้วอาหารจะย่อยยังไงมันก็เลยเกิดลมเกิดแก๊สซิ


      พอเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มน้ำใหม่ อาการเหล่านี้ก็ดีขึ้นเรื่อยๆครับ

      นอกจากนี้หลังอาหารยังไม่ควรทานผลไม้ล้างปากทันทีอีกด้วยครับ โดยเฉพาะผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็นทั้งหลายเช่น ส้ม แก้วมังกร สาลี่ แตงโม เป็นต้น มีสองเหตุผลครับ
      หนึ่ง
      เพราะว่าผลไม้จะย่อยเร็วกว่าอาหาร อาหารยังย่อยไม่เสร็จ ผลไม้ก็ค้างเติ่งอยู่ในกระเพาะ ร่างกายก็ดูดซึมสารอาหารจากผลไม้เหล่านี้ไม่ได้ พอไปถึงลำไส้ถึงคิวที่มันจะได้ดูดซึมมันก็เน่าเสียไปหมดแล้วครับ
      เพราะฉะนั้นถ้าจะทานผลไม้ควรทานก่อนหรือหลังอาหารสัก 1-2 ชม. ขณะท้องว่างเพื่อให้ร่างกายได้ดูดซึมวิตามิน สารอาหารและไม่รบกวนระบบการย่อยอาหารด้วย


      เหตุผลที่สอง
      คือ น้ำย่อยในกระเพาะถือว่าเป็นธาตุไฟครับ ถ้าทานผลไม้ฤทธิ์เย็นเข้าไป ก็จะส่งผลให้อาหารย่อยไม่ดี เกิดวงจรอุบาทว์ดังเช่นข้างบนอีกเหมือนกัน

      มาถึงข้อสุดท้ายแล้ว ปกติดื่มอะไร เช่น น้ำเปล่า น้ำอัดลม ชา กาแฟ เป็นต้น
      เป็นไงบ้างครับ คอตกรับผิดกันเป็นแถวเชียว ยังครับมารับรู้ความผิดของตัวเองกันในข้อนี้ต่อทานน้ำอะไรกันครับ บางคนชอบทานน้ำอัดลมมาก ดื่มทุกวัน ไตก็ต้องทำงานกรองน้ำให้สะอาดหนักกว่าเดิม


      เครื่องกรองน้ำยี่ห้อแอมเวย์สามารถกรองโค้กให้กลายเป็นน้ำเปล่าได้ แต่อายุการใช้งานไม่ถึงปีก็ต้องเปลี่ยนไส้กรอง


      ทว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนไตได้ครับ ถ้ายังอยากให้ไตอยู่คู่กับเรานานๆแล้ว คุณคงรู้ว่าต้องทำอย่างไร


      อีกอย่างน้ำอัดลมน้ำเป็นน้ำที่ผ่านกรรมวิธีทางเคมี ใส่น้ำตาลจำนวนมาก กินเข้าไปมีแต่ผลเสียครับ ยิ่งอัดแก๊สอีก กินเข้าไปท้องก็อืด การย่อยอาหารก็ไม่ดี เสียเงินไปทำร้ายร่างกายตัวเองเปล่าๆ

      พวกชาพร้อมดื่มบรรจุขวดก็เหมือนกันไม่มีอะไรนอกจากน้ำตาลและคาเฟอีนปริมาณมากผสมน้ำนำมาขายแต่ถ้าเป็นชาจีนร้อนๆชงจากกาก็ควรจะเว้น ระยะหลังอาหารสักครึ่ง ชม.ครับ เพราะชามีฤทธิ์เย็น ทำให้อาหารไม่ย่อย รวมทั้งยังส่งผลต่อร่างกายในการดูดซึมธาตุเหล็กและโปรตีนอีกด้วย

      กาแฟก็ไม่ควรทานอย่างที่เคยพูดไว้ บางคนเถียงข้างๆคูๆ
      "กาแฟหอมนะหมอ"
      หอมครับผมไม่เถียง แต่มันไม่ดีครับ เดี๋ยวไอเดียบรรเจิดไม่เป็นหมอแล้ว ผลิตยาดมรสกาแฟดีกว่า ท่าจะรุ่ง

      ครบห้าข้อแล้ว โอย เหนื่อย เอนทรี่นี้ยาวเป็นบ้า แต่ก็จำเป็นต้องเขียน เพื่อประโยชน์สุขของมวลชน 555 ว่าไปนั่น ที่เขียนมาให้อ่านนี้เพราะหวังดีจริงๆครับ อยากให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างถูกต้องเพื่อจะได้ห่างจากโรคภัยไข้เจ็บ


      อย่างที่บอกครับ หมอไม่อยากรักษาคนไข้หรอกครับ และหมอที่ดีที่สุดคือตัวคนไข้เอง

      เพราะพวกผมไม่มีทางอยู่กับคุณได้ตลอด ความสำเร็จไม่ใช่ได้มาเพียงชั่วข้ามคืน
      แต่ต้องผ่านการฝึกฝนมาอย่างยาวนานสุขภาพที่ดีไม่ใช่ว่าป่วยแล้วไปหาหมอ
      ได้ยามาทานแล้วหาย แต่เป็นหน้าที่ของตัวคุณเองที่ต้องดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง
      ขอให้พวกเราชนะโดยไม่จำเป็นต้องออกกระบวนท่าครับ

      ที่มา : Forward mail



      1
      2

      Wish You Happinessss

      Success is not the key to happiness. Happiness is the key to success. 
      If you love what you are doing, you will be successful. 

      ~ Albert Schweitzer ~

       คัมภีร์ 5 ห่วง  วิถีแห่ง "ซามูไร" วิถีแห่งนักรบ "บูชิโด"   แนวคิดของตัวเม่น   GOOD LUCK สร้างแรงบันดาลใจเพื่อความสำเร็จ ในชีวิตและธุรกิจด้วยตัวคุณเอง    Why complicate life ?   3 x 8 = เท่าไหร่ ?????   "ฉันชื่อ..โอกาส"

      Wish You Happinessss