Word of Zhuge Liang : คำคมจากขงเบ้ง
คำคมจากขงเบ้ง
ถ้าคุณคิดจะเป็นใหญ่ คุณก็จะได้เป็นใหญ่ ถ้าคุณคิดอยากเป็นอะไร คุณก็จะได้เป็นสิ่งนั้น เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาส เพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วย ดังนี้แล้ว "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะ ตน"
นกทำรังให้ดูไม้ ข้าเลือกนายให้ดูน้ำใจ ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด ผู้ที่มีเกียรติ คือ ผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น
ถ้าสติไม่มา ปัญญาก็ไม่มี ไม้คดใช้ทำขอ เหล็กงอใช้ทำเคียว แต่คนคดเคี้ยว ใช้ทำอะไรไม่ได้เลย เล่นหมากรุก อย่าเอาแต่บุกอย่างเดียว เดินหมากรุกยังต้องคิด เดินหมากชีวิต จะไม่คิดได้อย่างไร เมื่อใครสักคนหนึ่งทำผิด ท่านอย่าเพิ่งตำหนิหรือต่อว่าเขา เพราะถ้าท่านเป็นเขา และตกอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นเดียวกับเขา ท่านอาจจะตัดสินใจทำเช่นเดียวกับเขาก็ได้
การบริหารคือการทำงานให้สำเร็จโดยอาศัยมือผู้อื่น ผู้ปกครองระดับธรรมดาใช้ความสารมารถของตนอย่างเต็มที่
ผู้ปกครองระดับกลาง ใช้กำลังของคนอื่นอย่างเต็มที่ ผู้ปกครองระดับสูง ใช้ปัญญาของคนอื่นอย่างเต็มที่ อ่านคนออก บอกคนได้ ใช้คนเป็น
เมื่อนักการฑูตพูดว่า "ใช่ หรือ อาจจะ" เขามีความหมายว่า "อาจจะ" เมื่อนักการฑูตพูดว่า "อาจจะ" เขามีความหมายว่า "ไม่" เมื่อนักการฑูตพูดว่า "ไม่" เขาไม่ใช่นักการฑูต (เพราะนักการฑูตที่ดีจะไม่ปฏิเสธใคร)
เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "ไม่" หล่อนมีความหมายว่า "อาจจะ" เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "อาจจะ" หล่อนมีความหมายว่า "ใช่ หรือ ได้" เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "ใช่ หรือ ได้" หล่อนไม่ใช่สุภาพสตรี (เพราะสุภาพสตรีจะไม่ตอบรับใครง่ายๆ)
คิดทำการใหญ่ อย่าสนใจเรื่องเล็กน้อย ตาสามารถมองเห็นสิ่งที่ไกลได้ แต่ไม่สามารถมองเห็นคิ้วของตน คนส่วนใหญ่ใส่ใจกับผลได้ระยะสั้นเท่านั้น แต่คนฉลาดอย่างแท้จริงจะมองไปยังอนาคต
เทคนิคการบริหารงานของ " ขงเบ้ง "
เกี่ยวกับผู้เขียน เป็นดอกเตอร์ทางด้านประวัติศาสตร์และภาษาเอเชียตะวันออกจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และเคยรับราชการที่กระทรวงการต่างประเทศ ตำแหน่งสุดท้ายคือรองปลัดกระทรวง ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหาร เครือเจริญโภค
เมื่อขงเบ้งสอนเล่าปี่เกี่ยวกับเทคนิคการบริหารเวลา ทุกวันทุกคนบนโลกใบนี้มีเวลาเท่าเทียมกัน คือ 24 ชม. อย่างไรก็ดี มองจากแง่มุมของเศรษฐศาสตร์เวลาของทุกคนมีคุณค่าไม่เท่ากัน การบริหารเวลาของแต่ละคนจึงหมายถึง ความแตกต่างระหว่างความสำเร็จกับความพ่ายแพ้ คำของเวลาเกี่ยวข้องกับสมรรถภาพ ซึ่งในแง่ธุรกิจ คือ ต้นทุน ฉะนั้นสถาบันศึกษาทุกแห่งที่สอนวิชาการบริหารธุรกิจจึงมีหลักสูตรเกี่ยวกับการบริหารเวลา
ครั้งหนึ่ง เล่าปี่ ขอขงเบ้งให้แนะนำวิธีสร้างตนเป็นอภิมหาเศรษฐีแห่งดินแดน ขงเบ้ง ว่างานใหญ่เช่นนี้ต้องวางแผนและรู้จักบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ เล่าปี่ กล่าวว่า ข้าเห็นด้วยในหลักการ แต่ทว่าข้าฯ มีงานมากมายที่ต้องทำทุกวัน จนเวียนเกล้าเวียนศีรษะ ไม่เคยมีเวลาพอที่จะจัดการกับทุกสิ่งทุกอย่างได้เลย ขงเบ้ง บอกให้ลุกน้องไปเตรียมก้อนหิน ก้อนกรวด ก้อนทรายและน้ำจำนวนหนึ่ง
พร้อมถังเหล็กใหญ่หนึ่งใบ เล่าปี่ถามด้วยความแปลกใจ ท่านเตรียมสิ่งเหล่านี้ไว้เพื่ออะไร?
ขงเบ้งยิ้มอย่างมีเลศนัย พร้อมกับตอบด้วยคำถามว่า " ท่านบริหารเวลาด้วยวิธีใด? " " ข้าฯเคยคิดว่า ข้าฯมีเทคนิคที่ดีอยู่แล้ว คือใช้วิธีมอบหมาย ข้าฯมีผู้ช่วยอยู่รอบด้าน ตั้งแต่ กวนอู เตียวหุย เจ้าหยุน ฯลฯ ซึ่งช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ด้านต่าง ๆ แต่งาน ทั้งหลายก็ยังพันกันอีรุงตุงนัง ไม่สามารถปรับให้ประสิทธิ์ภาพและประสิทธิ์ผลดีขึ้นได้ เดิมข้าฯ คิดว่า คือ แมลงวันไม่มีหัวอยู่ตัวเดียว แต่หลังการใช้ระบบมอบหมายงาน กลับ กลายเป็นว่าปัจจุบันบริษัทมีแมลงวันหัวขาดเป็นฝูง "
ขงเบ้งฟังแล้วจึงเริ่มอธิบายว่า " เทคนิคการบริหารเวลาสามารถแบ่งเป็นสามขั้น สูง กลาง และต่ำ ขั้นต่ำ เน้นการใช้เศษกระดาษบันทึก ขั้นกลาง ใช้ตารางและโปรแกรมประจำวันซึ่งสะท้อนความสำคัญของการวางแผน ส่วนขั้นสูง เน้นการจัดการโดยแบ่งแยกประเภทของหน้าที่การงาน ตามดีกรีควรเน้นการใช้แผนดำเนินงาน ตามสำคัญของงานเพื่อ พิจารณาลำดับความเร่งด่วนในการจัดการ งานดังกล่าว ทั้งสามขั้นอันดับ ต่างมีเรื่องการมอบหมายงานเกี่ยวข้องอยู่ด้วยตาม ความต้องการของปริมาณและลักษณะเฉพาะของงานแต่ละชิ้น " " หากพิจารณาตามการแบ่งขั้นของเทคนิคการบริหารเวลาแล้ว ข้าฯ ยอมรับว่าวิธีของข้าฯ อยู่ที่ขั้นต่ำ เพราะใช้แค่การส่งใบบันทึก "
ขงเบ้งชี้ไปที่ถังเหล็กกับกองวัสดุที่ผู้ช่วยได้เตรียมเสร็จ ไว้มุมห้องพร้อมกล่าวว่า " คำตอบของการบริหารขั้นสูงอยู่ในถังเหล็กใบใหญ่นี้แหละ!
ความจุของถังนี้เปรียบเสมือนขีดความสามารถของคนๆ หนึ่งในช่วงเวลาหนึ่ง ก ก้อนกรวด เปรียบได้กับงานที่สำคัญและเร่งด่วน(วิกฤตการณ์ ปัญหาประชิดตัว งานที่มีกำหนดแน่นอน)
ข ก้อนหิน คือ ภาระที่สำคัญแต่ไม่เร่งด่วน( โครงการใหม่ๆๆ การริเริ่มใหม่ๆๆ กฏระเบียบ การปฎิรูปประสิทธิภาพ มาตราการป้องกัน)
ค เม็ดทรายเปรียบได้กับภาระที่เร่งด่วนแต่ไม่สำคัญ (การต้อนรับเขิญที่ไม่ได้เชิญ การจัดการเอกสาร โทรศัพท์ เข้าประชุมทั่วไป ) ง น้ำ คือหน้าที่ที่ไม่สำคัญและไม่เร่งด่วน งานจุกจิก งานเลี้ยงสรรสันที่ไม่จำเป็น "
ขงเบ้งอธิบายพรางวาดผังประกอบคำอธิบาย ดังในตารางประกอบ
" ปกติท่านเน้นงานประเภทใด ? " ขงเบ้งถาม
" ก็ต้องเป็นประเภท ก." เล่าปี่ตอบอย่างไม่ลังเล
" แล้วงานประเภท ข. ล่ะ ? " ขงเบ้งถามต่อไป เล่าปี่ตอบว่า
" ข้าฯตระหนักถึงความสำคัญของงานประเภท ข. แต่ก็ไม่มีเวลาพอที่สนใจมัน เป็นอย่างนี้ใช่ไหม "
ขงเบ้งถาม พรางใส่กรวดลงไปในถังเหล็กจนเต็ม
แล้วพยายามใส่ก้อนหินเข้าไปซึ่งใส่ไม่ได้ เล่าปี่ตอบว่า " ใช่ ! และหากเปลี่ยนวิธีบรรจุใหม่ล่ะ? "
ขงเบ้งถามต่อ พลางใส่ก้อนหินทีละก้อนเข้าไปในถังก่อนจนใส่ไม่ได้แล้ว จึงถามเล่าปี่อีกว่า " ตอนนี้ถังเหล็กเต็มแล้วจะใส่อะไรลงไปอีกไม่ได้ใช่ไหม? "
ซึ่งเล่าปี่ตอบว่า " ใช่ ‘ จริงหรือ? "
ขงเบ้งถามแล้วหยิบก้อนกรวดใส่เข้าไปข้างบนถังแล้วเขย่า ให้ก้อนกรวดตกลงไปในถังจนหมด
" บัดนี้ถังเหล็กใบนี้ใส่อะไรลงไปอีกได้หรือไม่? "
ขงเบ้งพูดพรางเทเม็ดทรายลงไปอีก จนหมด " แล้วทีนี้ละ? ใส่อะไรลงไปอีกได้ไหม? "
ขงเบ้งถามต่อไป แต่ก่อนที่เล่าปี่มีโอกาสตอบ ขงเบ้งก็ตักน้ำที่เตรียมไว้ใส่ลงไปในถังเหล็กอีกจนหมด
" ตอนนี้ท่านเข้าใจความหมายของการทดลองนี้แล้วหรือยัง? "
เล่าปี่ตอบว่า " เข้าใจแล้ว "
พร้อมกับถามต่อว่า " นี่คือสิ่งที่ท่านกล่าวถึงเมื่อสักครู่เกี่ยวกับการจัดการแบบแยกประเภท และเลือกการจัดการก่อนหลังใช่ไหม? "
ขงเบ้งตอบว่า " ใช่แล้ว การทดลองชี้ให้เห็นว่าหากถังเหล็กตั้งแต่แรกก็เติมเต็มไปด้วยก้อนกรวด ทราย และน้ำ ก็คงไม่มีโอกาสใส่ก้อนหินลงไปได้ แต่ถ้าใส่ก้อนหินลงไปก่อนในถังยังมีเนื้อที่ที่จะใส่สิ่งอื่นๆ เข้าไปได้อีก ดังนั้น การบริหารเวลาที่ได้ผลต้องดูว่า อะไรคือก้อนหิน อะไรคือก้อนกรวด เม็ดทราย และน้ำฯลฯ และไม่ว่าจะเป็นประการใดก็ต้องใส่ก้อนหินลงไปในถังเป็นอันดับแรก "
เล่าปี่ยังถามว่า " แล้วการวิเคราะห์แยกแยะเรื่องต่างๆ ออกเป็นสี่หมวดนี้มีผลอย่างไรล่ะ? " ขงเบ้งตอบว่า " บุคคลจำพวกที่ว้าวุ่นอยู่กับเรื่องราวประเภทก้อนกรวด ย่อมมีความรู้สึกถูกเวลากดดัน และวนเวียนอยู่ในแดนวิกฤตจนอ่อนล้า พวกที่เน้นเรื่องประเภทเม็ดทรายจะขาดพลังสร้างสรรค์ ชอบฟังคำพูดเพราะหู คบคนแบบผิวเผิน พวกที่นิยมเรื่องราวประเภทน้ำมักบกพร่องเรื่องสำนึกรับผิดชอบ แม้กระทั่งเรื่องสารทุกข์สุกดิบของตนเอง "
เล่าปี่ถามว่า " เป็นไปได้ไหมที่ว่าถ้าเน้นก้อนหินมากเกินไปจะมองข้ามก้อนกรวด เพราะก้อนกรวดมากับความเร่งด่วน? "
ขงเบ้งตอบ
" ท่านทราบไหมว่าก้อนกรวดมาจากไหน? ก็มาจากก้อนหินที่แตกสลายไง! " และเสริมว่า
" คนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องประเภทก้อนหินจะมีก้อนกรวดน้อย คนที่เน้นก้อนกรวดก็จะมีก้อนกรวดเยอะตลอด"
ขงเบ้งสอนต่อไปว่า
" คนที่อิงเรื่องประเภทก้อนหินเป็นคนมีประสิทธิภาพ เพราะเขาจะเก่งในการวิเคราะห์สถานการณ์ เวลา และสิ่งแวดล้อม สามารถจับประเด็นหลักของปัญหา สามารถจัดการกับเรื่องเร่งด่วน และควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกินกว่าเหตุ กล้าฟันธงและใช้มาตรการป้องปราม บุคคลจำพวกนี้จะมีวิสัยทัศน์ มีอุดมการณ์ เคารพระเบียบ สามารถควบคุมตัวเอง ดำเนินชีวิตอย่างมีวินัย และสามารถทำงานชิ้นใหญ่ได้ "
เล่าปี่ชื่นชอบทฤษฎี " วัตถุในถัง " ของขงเบ้งเป็นอย่างมาก พร้อมกับสารภาพว่า " มาวันนี้ข้าฯถึงเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่า การต่อสู้ของข้าฯทำไมจึงยังลุ่มๆ ดอนๆ เพราะแม้ว่าข้าฯมีขุนพลเก่งๆ เช่น กวนอูและเตียวหุย แต่พวกเขาจะก้าวหน้าได้อย่างไรตราบใดที่คนที่มีประสิทธิภาพสูงอย่างพวกเขาจมปลักอยู่กับเรื่องจิ๊บจ๊อย กับทำงานลักษณะ ‘ เก็บเม็ดงาแต่ทิ้งแตงโม ‘ (เจี่ยนเลอจือหมาติวเลอซีกวา) ขืนดำเนินตามวิธีนี้ต่อไป ความพยายามของข้าฯที่จะเป็นอภิมหาเศรษฐีนัมเบอร์วันในแผ่นดินก็คงเป็นได้แค่ ความฝัน ! "
เคล็ดลับการทำงานของชาวจีน
คนจีนมีชื่อเสียงในเรื่องการค้าขายและทำธุรกิจ และเคล็ดวิธีรวมทั้งความคิดในการทำงานบางอย่างของคนจีน ก็เป็นสิ่งที่คุณสามารถนำเอามาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างความสำเร็จให้ตัวเองได้ เช่นกัน
แต่ละชนชาติมักมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง แต่หลายสิ่งหลายอย่างเหล่านี้ก็อาจมีประโยชน์ต่อคนเชื้อชาติอื่นได้เช่นกัน อย่างเช่นวิธีคิดและการทำงานของคนจีน ซึ่งมีชื่อเสียงมาช้านานในเรื่องการทำธุรกิจและการค้า และไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจของตัวเอง หรือเป็นหนักงานในบริษัท เคล็ดวิธีอย่างชาวจีนหลายอย่างก็สามารถนำมาใช้ เพื่อสร้างความสำเร็จให้ตัวเองได้
ผูกมิตรก่อน ทำธุรกิจทีหลัง คนจีนชอบการพูดคุยเล็กๆ น้อยๆ และสร้างความคุ้นเคยก่อนที่จะตั้งต้นทำธุรกิจการค้ากับใคร พวกเขาอาจใช้เวลานานในการสังเกตคนอื่นก่อนที่จะทำธุรกิจใหญ่ด้วย แต่การกระทำเช่นนี้ก็สร้างสัมพันธภาพที่ดี และมักจะยืนนานกว่าการตั้งหน้าตั้งตาทำธุรกิจอย่างเดียว ในสไตล์ตะวันตก ฉะนั้น พยายามให้คนอื่นรู้สึกถึงความเป็นมิตรของคุณ และความสัมพันธ์ทางธุรกิจของคุณจะราบรื่นขึ้น
ยิ้ม รอยยิ้มเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแสดงความเป็นมิตรท่ามกลางคน แปลกหน้า การทำหน้าตาจริงจังหรือขมวดมุ่น จะทำให้สัมพันธภาพของคุณเดินไปในทางที่ผิดพลาด คนจีนใช้รอยยิ้มเพื่อเป็นกลไกการป้องกันตัว พวกเขายิ้มเวลาที่รู้สึกอึดอัดหรือตื่นกลัว ในขณะที่ชาวตะวันตกบางแห่ง อาจมองการหัวเราะคิกคักเป็นเรื่องไม่เหมาะสม ในเมืองจีนมันเป็นเครื่องมือในการออกสังคมของคนทุกระดับชั้น แต่คุณจะดูเป็นมิตรมากกว่า และมีอิทธิพลในทางที่ดีต่อผู้คนมากกว่า ด้วยรอยยิ้มของคุณ ฉะนั้น อย่าลืมรอยยิ้มของคุณเสียล่ะ
พูดช้าๆ คนอเมริกันชอบพูดเร็วๆ ผลก็คือพวกเขาทำให้คนฟังเบื่อ มันไม่สำคัญหรอกว่าไอเดียของคุณจะวิเศษเพียงใด ถ้าคุณไม่สื่อสารออกมาในแบบที่คนอื่นจะเข้าใจได้ คนจีนมักเห็นเป็นเรื่องไม่สุภาพที่จะขอให้คนอื่นพูดซ้ำ ถ้าพวกเขาไม่เข้าใจคุณ พวกเขาก็จะนั่งเฉยๆ และดูเหมือนเข้าใจ และปล่อยให้ความคิดของคุณผ่านเลยไป การพูดช้าๆ และชัดเจนจึงจำเป็นในกรณีที่คุณต้องการสื่อสารความคิดของคุณ และให้แน่ใจว่าคนอื่นฟังมันอย่างเข้าใจ
อย่าเป็นกันเองเกินไป ในประเทศตะวันตกมักจะเน้นที่ความเท่าเทียมกัน แต่คนจีนจะเน้นหลักอาวุโสเป็นหลัก นี่เป็นการให้เกียรติคนอื่น และสร้างความรู้สึกในแง่ดี ที่จะทำให้สัมพันธะภาพทางธุรกิจดำเนินไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น
สินน้ำใจหรือของขวัญ คนจีนนิยมการการมอบของขวัญในโอกาสต่างๆ ซึ่งนอกจากจะทำให้ผู้รับรู้สึกยินดีแล้ว ยังสร้างความน่าเชื่อถือความรักนับถือแก่ผู้ให้อีกด้วย ซึ่งเมื่อการยอมรับเกิดขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะทำอะไรก็ย่อมจะหาการสนับสนันจากผู้อื่นได้ไม่ยาก จึงไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะประสบความสำเร็จ ฉะนั้น อย่าลืมการให้ของขวัญเพียงเล็กน้อยแก่ทุกคนรอบตัว ไม่ว่าจะอยู่ในระดับต่ำกว่าหรือสูงกว่าก็ตาม
ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย เป็นเรื่องธรรมดาของผู้ที่มั่งมีเงินทอง ที่ย่อมอยากทำตัวให้สุขสบายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกินดีๆ หรือการซื้อของหรูหราราคาแพงมาใช้ แต่สำหรับคนจีนแล้ว การทำตัวหรูหราฟุ่มเฟือยเป็นความทุกข์มากกว่าความสุข เพราะต้องคอยระวังไม่ให้ข้าวของเหล่านั้นถูกขโมย หรืออาจมีคนไม่ชอบในความอวดโอ้ของตนก็เป็นได้ ทางที่ดีจึงควรทำตัวให้ต่ำกว่าฐานะของตนเอง หรือใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย แค่อยู่ให้สบายกายสบายใจ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ของแพง แต่เก็บออมเอาไว้เพื่อประโยชน์ในอนาคตจะดีกว่า ที่สำคัญก็คือ การวางตัวเช่นนี้ จะทำให้เป็นที่รักและไม่สร้างความบาดหมางต่อคนรอบข้างอีกด้วย
|