123Soul - MV เพลง "เหมือนกัน" [Official HD MV]
เพลง "เหมือนกัน" ศิลปิน 123soul เนื้อร้อง/ทำนอง/เรียบเรียง : ว่านไฉ เนื้อ Rap : แต๊บแต๊บ Guitar/Piano : ว่านไฉ ขอบคุณ : แป้งโกะและพี่ฟั่นแห่ง Believe Records ที่ช่วยเหลือและให้ยืมใช้ห้องอัดครับ
มิวสิควิดีโอ เพลง เหมือนกัน จาก 123Soul
: Animation ให้กำลังใจ ที่พยายามองมหาอุทกภัยในแง่ดี มอบแก่ ผู้ประสบภัย อาสาสมัคร ทหาร พลเรือน เจ้าของเพจและกระทู้บน Social Network พี่น้องนักข่าวสื่อมวลชน และตัวเอง .....123Soul ไม่ได้เห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องตลก แต่แค่อยากให้คนไทยทุกคน ผ่อนคลาย หายเครียด และมีรอยยิ้มในวิกฤตกาลนี้ และเราจะผ่านมันไปด้วยกัน^^
"คิดซะว่าวันนี้ เรามีสระว่ายน้ำที่ร่วมกันใช้ .... สระว่ายน้ำของคนไทย.... ที่ไม่มีใครในโลกมี"
สิ่งดีๆ ที่ผมได้จากน้ำท่วม เรื่องเล่าของ "นายหงส์แก่" เรื่องจริงที่ซึ้งกว่าหนังโฆษณาในยุคคนไทยเดินถนนต้องช่วยไทยกันเอง จากภัยน้ำท่วม ที่ เปลว สีเงิน เล่ามาให้ฟัง ในไทยโพสต์11พย2554
เรื่องเล่าของ "นายหงส์แก่"
ผมพักอยู่ประตูน้ำพระอินทร์ อยุธยา แต่ที่ทำงานอยู่ลาดพร้าว 80 ผมต้องเดินทางไป-กลับทุกวัน (บริษัทมีรถรับ-ส่งแค่สะพานใหม่) ตอนเช้าผมจะตื่นตีสี่ครึ่ง ทำธุระส่วนตัวแล้วออกมารอรถประมาณตีห้ากว่าๆ โดยผมจะนั่งรถเมล์มาลงที่รังสิต แล้วต่อรถตู้มาลาดพร้าว 80
โดยภาพที่ผมเห็นจนชินตาก็คือ ทุกคนที่รอรถตรงหน้าเมเจอร์รังสิต ต่างรีบวิ่งลงไปบนพื้นถนนโดยไม่นึกกลัวว่ารถจะชนหรือกีดขวางทางจราจร เมื่อเห็นรถตู้แล่นเข้ามาเทียบท่า ต่างแย่งชิงทั้งเบียดเสียด บางครั้งก็มีถ้อยคำด่าทอเสียๆ หายๆ ตามมาไม่ว่าหญิงหรือชาย คนขับบางคนก็พูดจาไม่สุภาพ ขับรถเหมือนแม่ป่วยต้องนำส่งโรงพยาบาลก็ไม่ปาน ปกติรถตู้สามารถนั่งได้ 14-15 คน แต่นี่มีการเสริมเบาะนั่งให้ได้ 20 คน แออัดยัดเยียด เบียดเสียดจนแทบจะเป็นผัวเมียกันทั้งคันรถ พอรถออกตัว หน่วยคอลเซ็นเตอร์ก็เริ่มทำงานทันที คือต่างควักมือถือออกมาแล้วก็คุยๆๆ คุยๆๆ อย่างออกรสออกชาติ ประหนึ่งว่ากรูนั่งมาในรถคนเดียว ไม่ต้องเกรงใจคนรอบข้าง คนขับก็ไม่ยอมน้อยหน้า โทร.ด่ากับเมียด้วยถ้อยคำที่ไม่รู้ไปขุดมาจากไหน บางครั้งยังแถม “แจกกล้วย” ให้รถคันที่วิ่งแซงไปด้วย นี่เป็นชีวิตประจำวันตลอด 3 ปีที่ผ่านมา
แต่...เมื่อวานนี้เอง ผมรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง แน่นอนครับ "น้ำท่วม" หลายคนบอกน้ำท่วมมันดีตรงไหน ใช่ครับ น้ำท่วมไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนปรารถนา แต่น้ำท่วมทำให้ผมได้เห็นชีวิตในอีกแง่มุมหนึ่งของผู้คนในเมืองฟ้าผ่องอำไพแห่งนี้
วันนั้นผมเลิกงาน 5 โมงเย็น จึงนั่งรถบริษัทมาลงสะพานใหม่ แล้วนั่งรถเมล์สาย 39 ต่อ เพราะน้ำท่วมรถตู้วิ่งไม่ได้ รถเมล์วิ่งลุยน้ำมาถึง กม.25 ก็ต้องหยุด เนื่องจากน้ำลึกไปต่อไม่ไหว กระเป๋าจึงแจ้งให้ผู้โดยสารลงจากรถเพื่อไปต่อรถทหาร (ซึ่งไม่รู้ว่าจะมาตอนไหน)
ผมเดินลุยน้ำมารอบริเวณเกาะกลางถนน ซึ่งมีผู้คนยืนรออยู่ประมาณ 30 คน ผู้คนเหล่านั้นต่างมีสีหน้ากังวล บ้างก็หันมาพูดคุยสอบถามกันว่าจะไปไหน จะมีรถหรือเปล่า ไอ้หนุ่มนักศึกษาถามป้าจะไปไหน มา...ผมช่วยถือของให้ พี่ผู้ชายไว้หนวดช่วยอุ้มเด็ก 3 ขวบที่มากับแม่ที่หิ้วของพะรุงพะรัง แฟนสาวของไอ้หนุ่มนักศึกษาช่วยแม่เด็กหิ้วกระเป๋า อีกมือใช้กระดาษพัดไล่ยุงให้เด็กน้อย ลุงแก่ๆ สองคนที่นั่งบนราวเกาะกลางถนนเขยิบที่ พร้อมเอ่ยปากเชิญชวนชายแก่อีกคน ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ มานั่งด้วยกัน
มีรถผ่านมาเรื่อยๆ และสิ่งที่ผมเห็นคือ รถเกือบทุกคันจะลดกระจกลง แล้วโผล่หน้าออกมาถามว่า...จะไปไหน ถ้ารถเขาผ่านรายนั้นๆ ก็จะได้ติดรถไปด้วย คนที่อยู่ไม่ไกลไปกันเกือบหมดแล้ว จะเหลือก็พวกที่อยู่แถวประทานพร บางชัน นวนคร และก็ตัวผม ประตูน้ำพระอินทร์ รวมแล้วน่าจะประมาณ 17 คน
เรารออยู่ประมาณสองชั่วโมง จึงมีรถโฟร์วีลคันหนึ่งผ่านมา คนขับหน้าตายังวัยรุ่น เปิดกระจกออกมาถามพวกเราว่า “มีใครไปนวนครมั้ย?” เท่านั้นแหละทุกคนต่างยิ้มแก้มแทบปริ พวกเรารีบทยอยขึ้นรถ บ้างก็ช่วยดึงกันขึ้น บ้างก็ช่วยถือของโดยไม่ต้องเอ่ยปากขอ แต่สิ่งที่พวกเราลืมคิดกันตอนนั้นคือ จำนวนคนกับรถมันไม่เหมาะสมกัน เนื่องจากโฟร์วีลกระบะมันเล็ก จุได้แค่ 12 คน ที่เหลืออีก 5 คนคือ ไอ้หนุ่มนักศึกษากับแฟน ลุงแก่ทั้งสอง และผม
พวกเรามองหน้ากัน พี่ผู้ชายมีหนวดเอ่ยปากขึ้นว่า พวกคุณไปกันก่อน เดี๋ยวผมรอคันหลัง ว่าแล้วก็โดดผลุงลงมา เพื่อให้แฟนสาวของไอ้หนุ่มนักศึกษาขึ้นไปแทน แฟนไอ้หนุ่มนักศึกษาบอกไม่เป็นไร ให้ลุงไปก่อนดีกว่าเดี๋ยวหนูกับแฟนรอไปคันหลัง และอีกหลายคนก็แสดงเจตจำนงที่จะเสียสละ
แต่แล้วสิ่งที่ทำให้ผมแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ก็คือ ป้าที่นั่งอยู่ลุกขึ้นแล้วพูดว่า "ถ้าไปก็ต้องไปด้วยกันหมด" ให้พวกเราทุกคนยืนขึ้น ก็จะมีที่พอสำหรับทุกคน จริงอย่างที่แกพูด พวกเราที่เหลือขึ้นมาบนรถได้ จากนั้นพวกเราก็ยืนกอดเอวกันไว้เป็นรูปวงกลมแน่นกระชับ จะได้ไม่ล้มเวลารถวิ่ง จากนั้นรถก็เริ่มวิ่งลุยน้ำไปเรื่อยๆ ช้าๆ ในขณะนั้นสิ่งที่ผมสังเกตเห็นก็คือ รอยยิ้มจากมุมปากของทุกคน บางคนก็มีมุกให้พวกเราได้หัวเราะกันสนุกสนาน ดูแล้วแทบไม่น่าเชื่อว่ากลุ่มคนเหล่านี้ไม่เคยรู้จักมักจี่กันมาก่อนเลย และเมื่อถึงจุดที่มีคนลงรถ พวกเราก็จะร่ำลา และอวยพรให้กันและกันเหมือนประหนึ่งกับญาติตัวเองไม่มีผิด
จนในที่สุดรถก็วิ่งมาถึงนวนคร ซึ่งเป็นจุดสุดท้าย พวกเราที่เหลือลงจากรถ แล้วก็เดินไปไหว้ขอบคุณเจ้าของรถ แล้วผมก็โบกมือลาไอ้หนุ่มนักศึกษากับแฟนเพื่อเดินต่อจากนวนครไปประตูน้ำพระอินทร์ ผมเดินไปยิ้มไป ฮัมเพลงบ้าง ผิวปากบ้างอย่างอารมณ์ดี แบบที่ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อนเลย
เหตุการณ์ในวันนี้ ทำให้ผมรู้ว่า "แสงสว่างนั้นซ่อนอยู่หลังความมืดมิดเสมอ"
- นายหงส์แก่ สิ่งดีๆ ที่ผมได้จากน้ำท่วม โดย: ต่อตระกูล ยมนาค
|