ชัยชนะ ป๊อด & บอย โกสิยพงษ์
กฎของการอยู่รอด โดย ตัน ภาสกรนที (วิถีตัน)
หลายคนถามผมเสมอถึงการเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส สำหรับผมแล้วมันคือ กฎของการอยู่รอดครับ
ธุรกิจหลายอย่างมักเลือกที่จะชะลอตัวเวลาสถานการณ์ต่างๆ ไม่เอื้ออำนวย หลายบริษัทโดยเฉพาะองค์กรใหญ่ๆ เลือกที่จะลดจำนวนพนักงาน หยุดโฆษณา หยุดทำโปรโมชั่น ปิดไฟ ปิดร้าน รัดเข็มขัดต้นทุนการผลิตให้มากที่สุดเพื่อพยายามรักษากำไรในกระเป๋าเอาไว้
แต่สำหรับผมแล้วช่วงเวลาเหล่านั้นคือเวลาทองครับ เพราะในเวลาที่ร้านอื่นเลือกที่จะปิดให้บริการเร็วกว่ากำหนด ร้านของผมจะขยายระยะเวลาการเปิดให้ยาวนานขึ้น เพื่อคอยให้บริการลูกค้าที่ต้องการเข้ามาใช้บริการในเวลาที่ร้านอื่นปิดไปแล้ว เปิดไฟสว่างขึ้นท่ามกลางความมืดของร้านข้างเคียง
แม้ว่าภาพรวมตลาดจะเท่าเดิมหรือชะลอตัวลงในช่วงเวลานั้น แต่ผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าในวิกฤติมักจะมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ
เช่นเดียวกับโอกาสของการขยายส่วนแบ่งทางการตลาดที่เพิ่มขึ้น เมื่อไหร่ก็ตามในภาวะที่ทุกอย่างนิ่งสนิทแต่เสียงธุรกิจของเรากลับดังขึ้น
จริงๆ แล้วบางทีเสียงของเราก็ดังเท่าเดิมนั่นล่ะครับ แต่ในจังหวะที่คนอื่นเงียบ ก็ดูเหมือนว่าเสียงของเราจะดังสะท้อนไปได้ไกลกว่าปกติเสียอีก
ในวันที่ปัจจัยธุรกิจต่างๆ รุมเร้า น้ำมันแพง ค่าแรงขึ้น เศรษฐกิจโลกชะงักงัน สิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นปัญหาที่กระทบต่อการค้าขายก็จริง แต่ถ้าสิ่งเหล่านั้นไม่ได้เกิดกับเราคนเดียวแต่เกิดกับคนทั่วโลก แทนที่จะจิตตก มัววิตกเอาสมองไปคิดกังวล
ถ้านำปัญหานั้นมาขบคิด คิดออก และคิดเป็น แม้ว่าต้นทุนจะเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ต้นทุนของเราก็มีโอกาสลดลงได้ จากความกดดันที่ปลุกสัญชาตญาณการเอาตัวรอดให้เกิดการพัฒนา และเพิ่มประสิทธิภาพให้เอาชนะเหนืออุปสรรคขึ้นไปอีกขั้น
เชื่อไหมครับว่า...หลายปีก่อนสมัยวิกฤติน้ำมันแพง ปัญหาค่าขนส่งสินค้าที่แพงขึ้นกลับกลายเป็นโอกาสช่วยให้ธุรกิจของเราสามารถลดต้นทุนได้มากกว่าเดิม เพียงแค่เปลี่ยนวิธีการเรียงสินค้าแบบใหม่ สมัยนั้นเราเคยใช้รถคอนเทนเนอร์ 50 คัน คันหนึ่งขนส่งได้ 20 เพลเลต เพลเลตหนึ่งซ้อน 8 ชั้น ชั้นหนึ่งเรียงได้ 8 ลัง
ผมถามว่าทำไมต้องเรียงแบบนี้ วันนี้น้ำมันแพง หาวิธีเรียงใหม่ได้ไหม ลองคิดใหม่ทำไมต้อง 8 ชั้น ลองดู 9 ชั้นได้มั้ย ถ้าสินค้าเราไม่หนัก น้ำหนักไม่เกินก็เรียงได้แล้ว แค่เรื่องเล็กๆ เปลี่ยนวิธีเรียงใหม่เพิ่มขึ้นอีก 1 ชั้น ตอนนั้นน้ำมันขึ้น 3 เท่า แต่ค่าขนส่งรวมทั้งหมดแล้ววิธีใหม่ต้นทุนกลับลดลงกว่าเดิม
ถ้าลองเปิดช่องดิสคัฟเวอรี่ดูเรื่องชีวิตสัตว์โลก สิงโตกับกวาง ก็จะเห็นกฎแห่งการอยู่รอดของธรรมชาติข้อนี้เหมือนกัน
กวางอ่อนแอกว่าสิงโต ทุกวันที่ตื่นขึ้นมามันจะคิดเสมอว่าทำยังไงมันจะมีชีวิตอยู่รอดต่อไป มันคิดเสมอว่ามันเป็นเหยื่อที่ถูกล่า ถ้าจะเอาชีวิตให้รอดมันต้องไม่คิดอะไรเลย นอกจากคิดเพียงว่าจะต้องวิ่งให้เร็วที่สุด ให้เร็วมากกว่าเมื่อวาน
กลับกันสิงโตที่แข็งแรงกว่าตื่นเช้าขึ้นมามันก็กดดันพอๆ กับกวาง เพราะถ้ามันวิ่งช้ากว่ากวางมันก็อดกิน อดเข้าหลายๆ วันสุดท้ายก็ตายเหมือนกันครับ
สังคมของเราก็เป็นแบบเดียวกันมีทั้งคนอ่อนแอ คนแข็งแรง คนเก่ง คนไม่เก่ง แต่ความเป็นจริงคือไม่มีใครมั่นคงกว่าใครเลย ทุกคนมีสิทธิ์แพ้ถ้าคุณวิ่งสู้เขาไม่ได้
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักธุรกิจหรือพนักงานธรรมดา คุณจะเก่งกาจขนาดไหน ขอให้รู้ว่ามีคนพร้อมจะแทนที่คุณได้เสมอ
ว่างๆ ลองแวะไปที่ฝ่ายบุคคลของบริษัทคุณสิครับจะเห็นว่ามีคนนั่งรอสมัครงานอยู่เพียบ พร้อมจะเสียบแทนที่ตลอดเวลาถ้าคุณหยุดวิ่งหรือแม้เพียงแค่คุณวิ่งช้าลง
ทางเดียวที่จะอยู่รอดได้คือ ต้องวิ่งต่อไป และอย่ากลัวปัญหาครับ |