Official MV คิดมาก Palmyปาล์มมี่ ถ่ายมิวสิกวิดีโอเพลง คิดมาก ที่ "ไนติงเกล โอลิมปิค" โดยใช้ฉากในห้องเสริมสวยนี้ประกอบมิวสิก และยังไปคว้าหมวกกะลาสีใบเก่ากึ๊ก สีเปลี่ยนจากขาวเป็นเหลือง แต่เมื่อสวมเข้าไปแล้วดูโก้เก๋ไม่เบา
"ไนติงเกล โอลิมปิค" ห้างแรกของเมืองไทย สุชาฎา ประพันธ์วงศ์ : เรื่อง วรวีร์ บำรุงพงศ์ : ภาพ
ใครที่โตทันได้ชมโทรทัศน์ในยุคเมื่อ 50 ปีก่อน คงจำกันได้ว่า ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกมีโฆษกชาย ผิวขาว ร่างท้วม ยิ้มเสมอ พูดจานุ่มนวลน่ารัก เป็นกันเองกับผู้ชม โฆษณาแบบสั้นกระชับ บรรยายสินค้าที่มีมากมายก่ายกอง ทั้งเครื่องกีฬา เครื่องดนตรี และเครื่องสำอาง สามารถจำยี่ห้อ ราคา และสินค้าได้อย่างแม่นยำละเอียดยิบ
พอจะคุ้นกันบ้างหรือยัง ถ้ายังนึกไม่ออก ลองมาฟังคำขวัญที่ว่า คลังแห่งเครื่องกีฬา ราชาแห่งเครื่องดนตรี ราชินีเครื่องสำอาง
นี่คือสมญานามของ ห้างไนติงเกล โอลิมปิค หรือบริษัท ไนติงเกล โอลิมปิค จำกัด ย่านวังบูรพา เป็นห้างแรกของเมืองไทยที่เปิดขายสินค้านำเข้าจากเมืองนอก และเป็นห้างที่ทันสมัยที่สุดในสมัยนั้น
ปัจจุบันได้กลายเป็นห้างที่มีอายุยืนที่สุด รวมระยะเวลา 81 ปี ตั้งแต่ตึกแถว 2 คูหา ก่อนจะย้ายมาบนตึกสูง 7 ชั้นในปัจจุบัน ถือว่ารุ่งเรืองที่สุดในสมัยที่บริหารโดย นัติ นิยมวานิช นายห้างใหญ่ที่มีชื่อเสียงมากในขณะนั้น มีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการและโฆษกประจำสถานีโทรทัศน์กองทัพบก เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถในด้านการค้าขาย แม้จะเรียนจบกฎหมายมาก็ตาม น่าเสียดายที่นายห้างคนนี้อายุสั้น
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นายห้างนัติได้ก่อร่างสร้างไว้ในอดีต สืบเนื่องเป็นคุณูปการมาจนถึงปัจจุบัน แม้วันนี้ห้างไนติงเกลฯจะไม่ได้เป็นผู้นำด้านเครื่องกีฬา เครื่องดนตรี เครื่องสำอาง หรือแฟชั่นเสื้อผ้าอย่างในอดีตแล้วก็ตาม
แต่ในความทรงจำของคนรุ่นคุณปู่ยังหนุ่ม คุณย่ายังสาวจะรู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะสมัยนั้นห้างสรรพสินค้าไม่ได้มีให้เลือกเข้ามากมายอย่างสมัยนี้
เมื่อนายห้างใหญ่เสียชีวิต ผู้สืบทอดกิจการต่อคือน้องชาย "นัติ นิยมวานิช" ซึ่งก็ได้วางมือไปหลายปีแล้วเช่นกัน เนื่องจากเริ่มชราภาพ จึงมีน้องสาวคนโตคือ อรุณ นิยมวานิช เป็นผู้จัดการห้างคนปัจจุบัน น่าจะเติมตำแหน่งต่อท้าย อาวุโส เข้าไปด้วย
อรุณ นิยมวานิช เนื่องจากผู้จัดการท่านนี้อายุเลยวัยเกษียณมาเกือบ 30 ปี แต่ก็ไม่ยอมพัก ยังคงเดินตรวจตราดูความเรียบร้อยในห้าง ฉันทำแล้วมีความสุขดี ผูกพัน ตื่นเช้ามาได้มาเปิดประตูห้าง
นี่คือคำพูดของหญิงชรา วัย 89 ปี ผมสีขาว ร่างท้วม ผู้จัดการห้างที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองไทย บอกเล่าหน้าที่ประจำที่ต้องทำทุกวันในห้างที่เปิดโล่ง อาศัยอากาศจากธรรมชาติ ไม่ได้มีแอร์คอนดิชั่นเย็นฉ่ำแบบห้างปัจจุบัน
ที่ด้านหน้ามีหุ่นนางแบบ นายแบบ หน้าตาค่อนข้างโบราณ แต่คมเข้ม สวยเก๋ ดูเท่กว่าหุ่นสมัยนี้ ที่นิยมตัดหัว ตัดแขนออก แต่หุ่นที่นี่สมบูรณ์เหมือนคนไม่มีผิด แต่ละตัวสวมเสื้อผ้าสวยงาม พาย้อนยุคดูวิวัฒนาการการแต่งกาย แม้สีอาจจะซีดไปบ้าง เพราะถูกแสงแดด และมีคราบสีเหลืองเกาะอยู่ ปรากฏเป็นร่องรอยให้เห็นอย่างตั้งใจ
นั่นเพราะทางร้านต้องการอนุรักษ์ของสิ่งนี้ไว้ แม้ลูกค้าจะเสนอราคาสูงแค่ไหนก็ไม่ขาย อย่าตกใจไป ส่วนที่ขายก็มีเช่นกัน ไม่ได้เป็นพิพิธภัณฑ์เสียทีเดียว
นอกจากจะอนุรักษ์สินค้าที่เก่าแก่แล้ว ลูกจ้างก็ยังเก่าและแก่พอ ๆ กับร้านและสินค้า
บุญช่วย มีคล้าย อายุ 79 ปี(ขวา) ยกตัวอย่างพนักงานประจำบูทขายชุดชั้นใน บุญช่วย มีคล้าย อายุ 79 ปี ขายของในห้างมากว่า 50 ปี แต่อายุงานก็ยังน้อยกว่าหุ่นบางตัว หลังจากผู้จัดการ ร้านแนะนำให้รู้จักกับครอบครัวหุ่นสัญชาติญี่ปุ่น ที่ยังมีสภาพสมบูรณ์และใช้งานได้ดีมากว่า 60 ปี
หุ่นจากญี่ปุ่นอายุ 60 ปี พนักงานขายชุดชั้นใน ยิ่งเก่า ยิ่งดี นอกจากจะมีความเก๋า สามารถเล็งไซซ์ได้ไม่ผิดเพี้ยน ยังมีข้อแนะนำดี ๆ สำหรับสตรีที่มีปัญหาคับอก
ที่นี่มีไซซ์ใหญ่พิเศษ แบบที่ว่าหาตามห้างทั่วไปไม่ได้ โดยเฉพาะรุ่นพี่ คัพ D และยังมีชั้นในแบบรัดสะโพก เหมาะสำหรับเจ้าสาวที่ต้องการรัดเอวให้เล็ก ดันทรงให้ใหญ่ขึ้น รับรองปลอดภัยไร้กังวล ไม่มีคลิปฉาว เต้าหลุด แน่นอน
พนักงานสาวใหญ่มาแอบกระซิบว่า คุณหญิงคุณนายชอบนัก เพราะหาซื้อยาก ในห้างใหญ่ ๆ ก็ไม่ค่อยมี แต่ที่นี่ยังมี เป็นสินค้านำเข้าจากเมืองนอก มาทีไรก็ยกกันไปเป็นโหล ๆ ก่อนจะก้าวไปชมสินค้าอื่น ๆ ทางผู้จัดการก็แนะนำให้รู้จักกับบันได 3 ขั้น ปีนสู่ความงาม กับผลิตภัณฑ์ เมินนอร์แมน เป็นยี่ห้อเครื่องสำอางที่โด่งดังมากในอดีต โดยห้างไนติงเกลฯได้รับสิทธิ์เป็นรายเดียวในเมืองไทยที่ขายแบรนด์นี้ได้
บันได 3 ขั้นสู่ความงาม บันได 3 ขั้นของ เมินนอร์แมน ติดตลาดบน สาวไฮโซและคนร่ำรวยในยุคนั้นต้องใช้ดูแลใบหน้าให้สวยพริ้งเพราตลอดเวลา ที่ชั้น 2 ห้างไนติงเกลฯยังคงเหลือร่องรอยความยิ่งใหญ่ของสถานเสริมความงาม เมินนอร์แมน คอสเมติก ยังคงมีโต๊ะเครื่องแป้ง เก้าอี้ กระจก และอุปกรณ์เสริมความงามแบบครบครัน สุดแสนจะคลาสสิก เรโทรสุด ๆ หาดูที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
หมวกกะลาสี ขนาดนักร้องสาว ปาล์มมี่ ยังมาซุ่มถ่ายมิวสิกวิดีโอเพลง คิดมาก โดยใช้ฉากในห้องเสริมสวยนี้ประกอบมิวสิก และยังไปคว้าหมวกกะลาสีใบเก่ากึ๊ก สีเปลี่ยนจากขาวเป็นเหลือง แต่เมื่อสวมเข้าไปแล้วดูโก้เก๋ไม่เบา
จนทางร้านต้องรื้อโกดังเก่า งัดของเก่าเก็บออกมาขาย เพราะกลายเป็นสินค้ายอดนิยมเหลืออยู่ไม่กี่ใบ ที่สำคัญราคาไม่มีลด แต่ก็ไม่มีเพิ่ม ขายเท่ากับราคาเปิดในตอนแรก
ในห้องเดียวกันนั้นยังมีเตียง เครื่องอบตัว เครื่องนวด เครื่องออกกำลังกาย ลู่วิ่งไฟฟ้าแบบโบราณ ที่ยังใช้การได้ดี วางโชว์ให้เห็นความไฮเทคที่สุดของยุคนั้น แบบที่หาไม่ได้แล้วในยุคนี้
แม้จะผ่านไปนานแล้วก็ตาม สิ่งที่ปรากฏอยู่ในห้างนี้ ถ้าไม่ใช่คนที่เก็บรักษาของเป็นอย่างดี คงไม่สามารถรวบรวมให้อยู่ในสภาพเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ขนาดนี้ กลับไปที่ชั้น 1 จะเรียกว่าพิพิธภัณฑ์ก็ไม่แปลก
นักสะสมเครื่องดนตรีไม่ควรพลาด มีเครื่องดนตรีเก่าแก่หลายชิ้น เช่น กีตาร์แบนโจ ออร์แกนไฟฟ้า แอ็กคอร์เดียน ลำโพง วิทยุ ฯลฯ ของแต่ละอย่าง ล้วนโบราณแทบทั้งสิ้น
กีตาร์พร้อมลายเซ็นของวง The Beatles ที่สำคัญยังมีกีตาร์พร้อมลายเซ็นของวง The Beatles ครบทุกคน เป็นของนายห้างใหญ่ ที่ตั้งโชว์ไว้ให้คนชมน้ำลายหก
อย่าลืมว่านายห้างคนนี้ นอกจากจะเป็นพ่อค้าและนักกฎหมายแล้ว ยังเป็นศิลปินและนักกีฬา เปิดขายหีบเสียง
ไนติงเกลและขายเครื่องกีฬาตั้งแต่ปี
พ.ศ. 2476 ทำหน้าที่โฆษณาสินค้าด้วยตัวเอง จัดการประกวดดนตรีทางโทรทัศน์ช่อง 7 เป็นครั้งแรก สาธิตการเสริมสวยทางโทรทัศน์เป็นครั้งแรก
กลับลงไปที่ชั้น G ถือเป็นหน้าตาของห้าง ซึ่งเต็มไปด้วยสินค้านานาชนิด ถูกแบ่งออกเป็นโซน เช่น โซนกีฬา ก็ยังคงมีไม้ตีเทนนิส ไม้กอล์ฟ ลูกบอลต่าง ๆ และอื่น ๆ อีก โซนเครื่องประดับ กระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า ฯลฯ
แต่มีโซนหนึ่งที่ชวนให้สะดุดตาที่สุด คือโซนของเก่า หวีเก่า กระดาษบรรจุเริ่มเหลืองจนกรอบเป็นรอยแตก แต่สภาพหวีภายในก็ยังดูดีและใช้งานได้ดีด้วย เพียงแค่โยนกล่องทิ้งไปก็เหมือนได้ของใหม่
สินค้าที่ประทับใจที่สุดน่าจะเป็นน้ำหอม นอกจากสภาพขวดจะเก่ามากแล้ว บางยี่ห้อเกิดมาก็ไม่เคยรู้จักมาก่อน แถมสีน้ำหอมยังดูผิดเพี้ยนไปจากน้ำหอมในปัจจุบันมาก แต่ผู้จัดการยืนยันเสียงแข็งว่าลองดมดูได้ พร้อมกับเปิดฝาให้ดอมดม แทบจะเรียกว่าหัวน้ำหอมก็ว่าได้ เพราะสีที่ข้นคลั่กแทบจะกลายเป็นตะกอนนอนก้น น้ำหอมได้ระเหยไปเกือบหมดแล้ว แต่ความหอมและกลิ่นของมันยังทรงอานุภาพ ในตู้นี้เอง ทำให้เราได้รู้จักกับน้ำหอมที่ *จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ โปรดปรานเป็นที่สุด
น้ำหอมที่ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ โปรดปรานเป็นที่สุด จึงลองสัมผัสกลิ่นน้ำหอมที่ชายชาตินักรบผู้นำประเทศใช้เป็นประจำ คือยี่ห้อ Schiaparelli จากฝรั่งเศส แต่กลิ่นเหมือนน้ำอบไทยมากกว่าเป็นน้ำหอมจากนอก ซึ่งกลิ่นมันอาจจะเพี้ยนไปจากเดิมบ้าง แต่ก็ยังหอมติดทนนาน ดูจากลูกค้าประจำห้างไนติงเกลฯแล้วไม่ธรรมดาจริง ๆ สมกับเป็นห้างเก่าแก่ที่สุดของเมืองไทย
ห้องเสริมสวย
ไม้ตีปิงปองแบบโบราณ
กีตาร์แบนโจ
เครื่องนวดสะโพก
*เกร็ดความรู้
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
จอมพล จอมพลเรือ จอมพลอากาศ พลตำรวจเอก สฤษดิ์ ธนะรัชต์
(16 มิถุนายน พ.ศ. 2451 — 8 ธันวาคม พ.ศ. 2506) เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งจนถึงแก่อสัญกรรม, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, ผู้บัญชาการทหารบกและอธิบดีกรมตำรวจ เป็นผู้ริเริ่มการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และเป็นผู้ก่อตั้งสำนักงบประมาณ
เจ้าของคำพูดที่ว่า "พบกันใหม่เมื่อชาติต้องการ" และ "ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว"
จอมพลสฤษดิ์มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักจากการแปลวรรณกรรมกัมพูชามาเป็นภาษาไทย ระหว่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จอมพลสฤษฎ์ได้ให้การสนับสนุนผู้มีอำนาจลาว นายพลพูมี หน่อสะหวัน ในการต่อสู้กับกองโจรคอมมิวนิสต์ปะเทดลาว ในราชอาณาจักรลาว
จอมพลสฤษดิ์มีอนุภรรยาจำนวนมาก และมีบุตรหลายคน สมรสครั้งสุดท้ายกับ นางสาววิจิตรา ชลทรัพย์ ปัจจุบันคือ ท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ อ่านข้อมูลเพิ่มเติม จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1313640997&grpid=&catid=12&subcatid=
|