Todrick Hall sings Starbucks
เทคนิคเสริมพลังสมองประยุกต์ธุรกิจ
ความพยายามที่จะทำให้ข้อความที่เขียนมาในรูปแบบตัวหนังสือนั้น สามารถจดจำได้ง่าย ๆ ซึ่งหากจะประยุกต์ในแง่ ของธุรกิจ ก็คือ ทำอย่างไรให้การสื่อสารระหว่างกิจการ และลูกค้าเป้าหมายของเรามีประสิทธิผลมากที่สุด จดจำแบรนด์ของเรา ได้มากที่สุด และเข้าใจประทับใจในข้อมูลที่เราต้องการให้ลูกค้าทราบแบบไม่มีวันลืมเลือนกันเลย มาเริ่มจากเทคนิคแรก
1. การสอดแทรกรูปภาพ
การสอดแทรกรูปภาพเข้าไปในข้อความที่ต้องการจะสื่อสารนั้น ๆ ทำให้สมองมีแนวโน้มที่จะจดจำภาพมากกว่าตัวหนังสือ รวมถึงภาพ ที่เขาชอบจะทำให้เกิดความประทับใจมากยิ่งขึ้นด้วย เช่น ในยุคที่เทคโนโลยีด้านแอนิเมชั่นอยู่ในความสนใจของเด็กรุ่นใหม่ หากกิจการของเราต้องการจับกลุ่มเป้าหมายกลุ่มนี้
การสื่อสารข้อมูลผ่านทางรูปภาพเชิงแอนนิเมชั่น และการ์ตูนไฮเทคย่อมจะปลุกเร้า ความสนใจ และทำให้กลุ่มเป้าหมายของเราสามารถจดจำตราสินค้าของกิจการได้อย่างง่ายดาย
2. เทคนิคการใช้ “สี” ที่ชัดเจน สะดุดตา
ในการสื่อสารให้เกิดความสนใจต่อผู้รับข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะสีที่จะสร้างความตระหนักได้ดี จะเป็นสีที่ สดใส เช่น แดง เหลือง เขียว น้ำเงิน ฯลฯ และหากเรานำสีที่ผู้คนมักจะมีความเข้าใจในความหมายพื้นฐานอยู่แล้วเข้ามาใช้ ด้วย ก็จะทำให้ไม่มีปัญหาในการจดจำเลย
ยกตัวอย่างเช่น สีแดง มักจะถูกมาใช้กับเซนส์ที่บอกว่า “เป็นสิ่งที่ต้องระวัง” หรือเป็น เอกลักษณ์ที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ จึงเกิดเป็น การนำเอาสีแดงเข้ามาในการห้ามจราจรนั่นเอง หรือการเรียกร้องความสนใจในเชิงกระตุ้นเตือนต่าง ๆ ต่อผู้รับข้อมูล
3. การสร้างความจดจำ
การสอดแทรกหรือเสริมข้อมูลทางด้านประสาทสัมผัสด้านต่าง ๆ ไปกับข่าวสารของกิจการด้วย ทั้งในเรื่องของรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เรียกว่านำมาใช้ในเชิง
การตลาดประสาทสัมผัสทั้งห้า (Sensory Marketing) นั่นเอง
โดยกิจการที่เทคนิคนี้มาใช้อย่างประสบความสำเร็จ เป็นต้นแบบก็คือ สตาร์บัคส์
ที่นำ Sensory Marketing มาสร้างความตระหนัก และภักดีต่อแบรนด์ของตนได้อย่างสัมฤทธิผลที่เดียว
โดยไม่เพียงแต่สื่อสารเป็นข้อความเท่านั้น แต่เมื่อเข้ามาในร้าน สตาร์บัคส์ จะได้รับการสื่อสารตั้งแต่
* รูป คือ การตกแต่งบนแบบที่เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร
* รส ก็ มาจากรสชาติที่เป็นเลิศผ่านการคัดสรรและคั่วบด ชง อย่างดี
* กลิ่น ก็ มีเอกลักษณ์เฉพาะที่เมื่อลูกค้าเข้ามาในร้าน
* เสียง ก็ มีสตาร์บัคมิวสิคที่จะมาบรรเลงขับกล่อมลูกค้าในร้าน
* สัมผัส กับ ความอบอุ่นและเป็นมิตรจากการบริการของบาริสต้าที่ผ่านการฝึกฝนมา
ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจออกกลยุทธ์เพื่อการแข่งขันใด ลองนำเอาผลการศึกษาเกี่ยวกับสมอง และการรับรู้เข้าไปประยุกต์ร่วมด้วย เพื่อการันตีความสำเร็จที่สูงขึ้นของทุกท่านค่ะ
http://www.bangkokbizweek.com
'มาร์เก็ตติ้งผ่านกลิ่น' เทคนิคการตลาดที่น่าลอง บริษัทมาร์เก็ตติ้งในฟินแลนด์ติดตั้งเครื่องกระจายกลิ่นเครื่องดื่มในบาร์ หวังกระตุ้นยอดขายเครื่องดื่ม
เมื่อคุณเดินเข้าไปในบาร์และต้องการที่จะสั่งเครื่องดื่ม การตัดสินใจว่าจะสั่งเครื่องดื่มอะไรอาจจะได้รับอิทธิพลมาจากกลิ่นที่ล่องลอยอยู่ในอากาศซึ่งกระตุ้นให้คุณนึกถึงความทรงจำที่แสนดีก็เป็นได้ การตลาดแบบใช้กลิ่นแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร
ร้านเบเกอรี่และร้านกาแฟก็ใช้กลิ่นหอมกรุ่นของขนมปังที่อบใหม่ๆ หรือกลิ่นคั่วกาแฟ มาเป็นตัวดึงดูดลูกค้า แต่เทคโนโลยีแบบนี้จะทำให้กลิ่นที่ใช้มีความหลากหลายและได้ประสิทธิภาพมากขึ้น
บริษัท IDEAIR ซึ่งเป็นบริษัทมาร์เก็ตติ้งใช้กลิ่นของฟินแลนด์ เปิดตัวเครื่องกระจายกลิ่นที่ภายในประกอบด้วยแท่นบรรจุกลิ่นอโรมาของเครื่องดื่มหลากหลายชนิด อุปกรณ์ประเภทนี้จะถูกนำไปติดตั้งไว้ในบาร์และร้านอาหารต่างๆ เพื่อปล่อยกลิ่นที่จะกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกของลูกค้า เนื่องจากกลิ่นสามารถเดินทางจากจมูกไปยังสมองได้ภายในระยะเวลาอันสั้น และมนุษย์เราก็สามารถจดจำกลิ่นได้ดีด้วย
บริษัท IDEAIR ร่วมมือกับเครื่องดื่มแบรนด์ Baileys และร้านอาหารชื่อดังในฟินแลนด์ทำการศึกษาในร้านอาหาร 10 แห่งเมื่อปีที่แล้ว เพื่อที่จะประเมินว่าจะสามารถใช้กลิ่นในการกระตุ้นยอดขายได้แค่ไหน ด้วยการติดตั้ง โฆษณาที่เป็นภาพไว้ในร้านอาหาร 5 แห่ง และโฆษณาที่เป็นทั้งกลิ่นและภาพไว้ในร้านอาหารอีก 5 แห่ง โดยจะเปรียบเทียบยอดขายภายในระยะเวลาที่กำหนดระหว่างร้านอาหารทั้งสองกลุ่มโดยไม่ทำการตลาดแบบอื่นเลย และผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ ในร้านอาหารที่โฆษณาด้วยภาพสามารถกระตุ้นยอดขายได้ร้อยละ 10.7 ในขณะที่ร้านอาหารที่ใช้ทั้งภาพและกลิ่น สามารถกระตุ้นได้มากกว่าร้านอาหารกลุ่มแรกอีกร้อยละ 7.9
A21 ค็อกเทล เลาจน์ ใจกลางกรุงเฮลซิงกิ ได้รับรางวัลบาร์ยอดเยี่ยมในปี 2008 และ 2009 เริ่มใช้การตลาดผ่านกลิ่นเมื่อเร็วๆ นี้ พวกเขาใช้กลิ่นของเครื่องดื่มที่พวกเขาต้องการกระตุ้นยอดขาย โดยผู้จัดการร้านบอกว่าเขามั่นใจว่าการตลาดแบบกลิ่นจะช่วยเพิ่มยอดขายเครื่องดื่มในร้านได้แน่นอน เนื่องจากกลิ่นมักจะมีผลต่อการตัดสินใจซื้ออยู่แล้ว
บริษัท IDEAIR ทำงานร่วมกับนักออกแบบน้ำหอมเพื่อที่จะสร้างกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของบริษัทขึ้นมา เมื่อวันแม่ปีที่แล้วบริษัทก็ได้ผลิตหน้าหนังสือพิมพ์ที่มีกลิ่นเหมือนดอกกุหลาบ ขณะที่ในช่วงหลังๆ มานี้ บริษัทผลิตรถและรองเท้ากีฬาก็ได้ใส่กลิ่นเข้าไปในแผงหน้ารถหรือแผ่นรองเท้าเพื่อที่ลูกค้าจะสามารถดมกลิ่นแบรนด์ของบริษัทได้
ภาพ : Reuters Content by Voice TV
ซื้อง่าย ขายคล่อง...ด้วยกลิ่นหอม คอลัมน์ คิด สร้างเศรษฐกิจไทยด้วยความคิดสร้างสรรค์ โดย ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ บรรดาขาช็อปทั้งหลายเคยสงสัยบ้างไหมว่า อะไรคือสาเหตุของอาการเสพติดการช็อปปิ้ง ? (shopaholic) นอกจากอุปนิสัย รสนิยม และวงเงินส่วนตัวแล้ว กลยุทธ์ทางการตลาดนับเป็นหนึ่งในตัวการสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดอาการ อยากช็อปปิ้งไม่แพ้กัน ยิ่งทีมมาร์เก็ตติ้ง หัวใสของบรรดาบริษัทน้อยใหญ่ต้องการเพิ่มยอดขายมากเท่าไร ก็ยิ่งคิดค้นวิธีการแปลกใหม่มาใช้กับผู้บริโภคมากขึ้นเท่านั้น จึงไม่แปลกที่เรามักจับจ่ายกันเกินจำเป็นมากกว่าสมัยก่อน เพราะแม้แต่ "กลิ่นหอม" ก็ยังถูกหยิบมาใช้เป็นตัวกระตุ้นชั้นดี
นักการตลาดเหล่านี้คิดว่า เมื่อกลิ่นหอมสามารถช่วยให้คนเราผ่อนคลายและอารมณ์ดีขึ้นได้ ก็น่าจะช่วยสร้างบรรยากาศที่ชวนกระตุ้นต่อม "ความอยากช็อป" ได้ไม่แพ้กัน ดร.อลัน อาร์. เฮิรสช์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกลิ่นและรสชาติแห่ง Smell & Taste Treatment & Research Foundation, เมืองชิคาโก (ผู้เขียนหนังสือ Life's a Smelling Success) มองว่า เราสามารถใช้ประโยชน์จากกลิ่นในการทำธุรกิจได้ทั้งทางตรง เช่น การแต่งกลิ่นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพด้วยกลิ่นแอปเปิลเขียวที่มีผลต่อการลดอาการไมเกรน และทางอ้อมอย่างการใช้กลิ่นเพื่อกระตุ้นพฤติกรรมของผู้บริโภค ซึ่งกลายมาเป็นหนึ่งในงานหลักของ ดร.เฮิรสช์มาจนถึงทุกวันนี้
ดร.เฮิรสช์เน้นการใช้กลิ่นที่ปลอดภัยช่วยสร้างเสริมสุขภาพและความรู้สึกดี ๆ ให้กับผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นแป้งเด็ก
* กลิ่นลาเวนเดอร์ (ทำให้สดชื่นและนึกถึงความทรงจำดี ๆ)
* กลิ่นวัลเลย์ลิลลี่ (ช่วยให้ผ่อนคลายและนึกถึงความทรงจำวัยเด็ก)
* และกลิ่นกานพลู (เร้าอารมณ์ทางเพศ สำหรับการขายสินค้าผู้ชายโดยเฉพาะ)
นอกจากนี้ควรเลือกกลิ่นให้เข้ากับประเภทของสินค้าเพื่อตอบสนองคนซื้อได้อย่างตรงใจ เช่น
* กลิ่นจำพวกดอกไม้ เหมาะสำหรับการซื้อชุดเดรสงานกลางคืน,
* กลิ่นผลไม้ตระกูลส้ม เหมาะสำหรับการซื้อกระเป๋า เป็นต้น
แม้ว่ากลิ่นหอมจะเป็นยาขนานดีที่ช่วยทำให้นักช็อปอย่างเรารู้สึกผ่อนคลายจนอยากจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น แต่สิ่งที่ผู้ประกอบการทุกคนไม่ควรลืม ก็คือ
การสร้าง "ความรู้สึกที่ดี" ให้กับลูกค้า ซึ่งถือเป็น "หัวใจ" ของธุรกิจที่ จะมัด "หัวใจ" ของผู้ซื้อได้นานยิ่งกว่าเทคนิคใด ๆ
เรียบเรียงจากบทความ "Retail Strategy สำหรับตลาดผู้บริโภคยุคใหม่ : เมื่อกลิ่นหอมเร้าพฤติกรรมนักช็อปได้" โดยอาศิรา พนาราม
www.tcdcconnect.com
|