1
2

Work hard, Work smart คุณเลือกแบบไหน


เป็นห่วงนะ



Work hard, Work smart คุณเลือกแบบไหน
โอ้ว! มายก้อด ใครบ้างที่คิดว่าตัวเองทำงานหนักเกินไป แถมยังจำแทบไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ไปเที่ยวกับแฟนน่ะนานแค่ไหนแล้ว สุดสัปดาห์ขอเสนอกลเม็ดเคล็ดลับ “วิธีสร้างสมดุลให้ชีวิตทำงาน” รับรองว่าพออ่านจบ คุณจะรู้ว่า การเป็นสาวออฟฟิศแบบ Work Hard, Play Hard น่ะง่ายนิดเดียว







“READ ALERT!” Work Too Hard : 
4 สัญญาณเตือนว่าคุณทำงานหนักเกินไปแล้ว

 ใช้ชีวิตตามตาราง ตารางกิจวัตรอันแสนจำเจที่คุณต้องทำตามอยู่ทุกวันมักคอยเตือนทุกอย่างว่า วันๆ หนึ่งต้องทำอะไรบ้างนั้นคือตัวดูดพลังชั้นดี เชื่อไหมว่า คนที่อยู่ในกรอบของตารางงานมากเกินไป หรือชอบคิดว่าเขาทำอะไรไปมากแค่ไหน มักจะอ่อนเพลียง่ายกว่าคนที่ทำในสิ่งที่ต้องทำไปเรื่อยๆ และเปลี่ยนแปลงงานที่ทำอยู่ตลอดเวลา

 กินอาหารไม่ตรงเวลา การปล่อยให้ตัวเองหิวข้าวจะเพิ่มปริมาณน้ำย่อย ทำให้อ่อนเพลียและหงุดหงิดง่าย ควรกินผักมากๆ เพื่อให้สมองสร้าง serotonin เพื่อช่วยลดความเครียด และควรจะได้รับวิตามินและเกลือแร่ เช่น นมและไข่ ในปริมาณที่เพียงพอ

 หอบงานกลับไปทำที่บ้านทุกวัน ไม่เว้นแม้วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และเดินทางไปกลับระหว่างบ้านกับออฟฟิศ (เท่านั้น) เป็นเวลาหลายเดือนติดต่อกันแล้ว

 มีเวลาให้คนรอบข้างน้อยลง คุณไม่มีเวลาให้กับคนใกล้ชิดเหมือนแต่ก่อน เช่น ปฏิเสธนัดดูหนังกับเพื่อนหลายครั้ง กลับบ้านไม่ทันกินข้าวเย็นกับพ่อแม่ แถมไม่ได้เดทกับแฟนมานานมากแล้ว





Solution : Work Smart
แก้ปัญหาชีวิตการทำงานไม่สมดุลง่ายนิดเดียว แค่คุณ...

 ตั้งสติให้มั่น มาถึงที่ทำงานตอนเช้าอย่าเพิ่งรนกับงานที่กองอยู่เต็มโต๊ะ ผ่อนคลายด้วยการเก็บโต๊ะให้เป็นระเบียบ แล้วเขียนรวบรวมงานที่ต้องทำวันนี้ว่ามีอะไรบ้างตามลำดับความสำคัญลงสมุดโน้ตคู่ใจ จากนั้นค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทำไปอย่างมีสมาธิ ไม่ใช่ทำไป 5 นาทีก็ลุกไปเดินเล่น แต่ถ้าเมื่อไรที่รู้สึกว่านั่งนานจนล้าหรือไอเดียเริ่มตีบ คิดงานไม่ออก ก็ลองเดินไปคุยกับเพื่อนร่วมงานโต๊ะข้างๆ เพราะนอกจากจะช่วยให้คุณผ่อนคลายหายเครียดแล้วอาจได้ไอเดียเก๋ๆ จากเขาด้วย แต่อย่ามัวคุยเพลินจนกลายเป็นเสียงานล่ะ และหากทำงานชิ้นไหนเสร็จแล้วก็ขีดฆ่าทิ้งไปซะ เพื่อป้องกันการสับสน

 เป็นนักจัดสรรเวลาที่ดี คือ จัดลำดับความสำคัญก่อนหลังและบริหารเวลาให้เป็น เช่น ถ้าวันไหนต้องออกไปเจอลูกค้าหลายๆ คนข้างนอกก็ควรนัดลูกค้าทุกคนคุยงานในสถานที่ใกล้ๆ และระยะเวลาใกล้เคียงกัน เพื่อประหยัดเวลาในการเดินทาง เพราะยิ่งคุยงานเสร็จเร็วเท่าไรคุณจะได้มีเวลาไปลั้ลลาเปิดหูเปิดตาตามอัธยาศัยมากขึ้นเท่านั้น

 เลิกทำตัวเป็นคนบ้างาน เมื่อถึงเวลาพักก็ควรพัก เพราะเวลาเพียง 1 ชั่วโมง ที่คุณอยู่ห่างจอคอมพิวเตอร์ แล้วออกไปเจอแสงธรรมชาติ หรือได้พูดคุยกับเพื่อนร่วมงานระหว่างกินข้าวกลางวันจะทำให้คุณกลับมาทำงานอย่างกระปรี้กระเปร่าขึ้น

 หาเวลาพักผ่อนเสียบ้าง ถ้าคุณรู้สึกเหนื่อยมากพอแล้วสำหรับการทำงานติดต่อกัน 5 วันเต็ม และในวันหยุดคุณก็ไม่อยากเดินทางไปไหนอีก ลองหากิจกรรมฮิปๆ มาทำให้ผ่อนคลายหายเครียดที่บ้าน เช่น ตื่นแต่เช้าเข้าครัวคิดเมนูอาหารใหม่ๆ แนะนำว่าแม้เป็นวันหยุดก็ไม่ควรนอนตื่นสาย เพราะเวลาทุกนาทีมีค่า ถ้าคุณตื่นเช้ามากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งมีเวลาทำกิจกรรมผ่อนคลายสร้างความกระปรี้กระเปร่าให้ตัวเองมากขึ้นเท่านั้น



มุมพักผ่อนของคนทำงาน
เวลาอ่อนเพลีย สาวๆ มักโทษความเครียดและการนอนน้อย โดยหารู้ไม่ว่าสาเหตุหลักมาจากการทำงานอย่างบ้าคลั่งของคุณต่างหากที่สูบพลังจากคุณจนหมดตัว โชคดีที่สุดสัปดาห์มีวิธีเรียกพลังใจและกายกลับคืนง่ายๆ มาบอกต่อ

 ดูแลตัวเอง นอกจากเป็นสาวเก่งในที่ทำงานแล้ว ควรสนุกกับการดูแลตัวเองให้เป็นสาวสวยตลอดเวลาด้วย เริ่มจากการเข้าสปา ทำทรีทเม้นต์หน้า/ผม หรือหาเวลาช้อปปิ้งเสื้อผ้าเก๋ๆ ถ้าดูดีจากข้างนอกแล้วเราก็จะรู้สึกดีกับตัวเอง ซึ่งในทางจิตวิทยาจะส่งผลดีให้เกิดความเชื่อมั่นในการทำงานได้ด้วย

 สาวแกร่งเล่นกีฬา ถ้าที่บริษัทมีสโมสรกีฬาประเภทต่างๆ ให้ออกกำลังกายด้วยยิ่งดี ไม่ว่าจะเป็นแบดมินตัน ว่ายน้ำ หรือฟิตเนส ให้วิ่งเข้าไปสมัครเป็นสมาชิกด่วนจี๋ เพราะเป็นวิธีพักผ่อนที่ไม่ต้องเสียทั้งเงินและแถมประหยัดเวลาเดินทางอีกด้วย ว่ากันว่าตอนนี้กอล์ฟก็เป็นกีฬาอีกประเภทหนึ่งที่ฮิตมากในหมู่สาวทำงานหนัก เพราะช่วยฝึกสมาธิ แถมเล่นได้ตั้งแต่เช้ายันค่ำ (ถ้าไม่กลัวดำ)

 ฟื้นจิตใจคืนสู่ธรรมชาติ ลองหาเวลาช่วงพักกลางวันหรือหลังเลิกงาน ชวนเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานไปเดินเล่นหรือกินข้าวแถวสวนสาธารณะกันเถอะ การอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติร่มรื่นและเขียวขจี จะช่วยให้คุณสดชื่นขึ้นกว่าการอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมทุกวัน เอ...หรือว่างๆ ลองเสนอเจ้านายไปประชุมงานในสวนดูก็น่าจะเวิร์กนะ

 ทำบุญ ถ้าใครชอบงานบุญงานกุศล ขอเสนอกิจกรรมเพื่อสังคมให้ลองพิจารณากันคือ อ่านหนังสือใส่เทปให้คนตาบอด สละเวลาเพื่อช่วยให้คนพิการทางสายตาได้รับความรู้จากหนังสือเหมือนคนปกติ หรือจะช่วยเป็นพี่เลี้ยงเด็กและอาสาสมัครสอนหนังสือ ดนตรี ภาษาอังกฤษ ให้กับเด็กช่วงเย็นหลังเลิกงานก็ดีไม่หยอกนะ

หาวันหยุดยาว รีบเคลียร์งานให้เสร็จ วางแผนลาพักร้อนแต่เนิ่นๆ จากนั้นก็แพ็คกระเป๋าเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดได้เลย



Zoom In : 4 วิธีง่าย ๆ ออกกำลังกายในที่ทำงาน

วิธีนี้จะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น โดยเฉพาะหลังออกจากห้องประชุม ไม่ง่วง ไม่ห่อเหี่ยว พร้อมจะมานั่งทำงานกันต่อไปจนถึงเย็นเลยละ



 บริหารคอ โดยเอียงไปทางซ้าย-ขวา หน้า-หลัง หยุดนิ่งในแต่ละจังหวะประมาณ 10 วินาที



 บริหารแขนและข้อมือ ยื่นแขนหนึ่งข้างออกไป โดยใช้มืออีกข้างช่วยจับ และเหยียดไปจนสุด ทำค้างประมาณ 10 วินาที ทำสลับกันไปทั้งสองข้าง



 บริหารนิ้วมือ ตั้งฝ่ามือขึ้น กำมือ จากนั้นเหยียดนิ้วโป้งออกแล้วเหยียดอีก 4 นิ้วตาม ทำซ้ำประมาณ 5 ครั้ง สลับกันไปทั้งสองข้าง



 บริหารช่วงอกและแขน หามุมเหมาะในออฟฟิศทำงานของคุณ ยืนหันหน้าเข้าหากำแพง ห่างประมาณ 1 ฟุต ยกแขนขึ้นให้ข้อศอกอยู่ระดับเดียวกับหัวไหล่ จากนั้นทิ้งน้ำหนักไปที่กำแพงค้างไว้ประมาณ 10 วินาที



Did You Know : เมื่อความเครียดบังเกิด
อาการเครียดสามารถแสดงออกทางร่างกายได้ คือ อ่อนแรงไม่อยากจะทำอะไร มีอาการปวดตามตัว ปวดศีรษะ วิตกกังวล มีปัญหาเรื่องการนอน ไม่มีความสุขกับชีวิต และซึมเศร้า ช้าก่อน! อย่าเพิ่งตกใจ เรามีทางแก้มาเสนอ

 นอนเป็นเวลาและตื่นเป็นเวลา เวลาที่เหมาะสมสำหรับการนอนคือเวลา 22.00น. เมื่อไรที่เกิดภาวะเครียดมากจะทำให้สมดุลของนาฬิกาชีวิต (Body Clock) เสียไป ทำให้เกิดปัญหานอนไม่หลับหรือตื่นง่าย การกำหนดเวลาหลับและเวลาตื่นจะทำให้นาฬิกาชีวิตเริ่มทำงาน และเมื่อความเครียดลดลง คุณก็จะสามารถหลับได้ตามปกติ

 หากคุณเป็นคนชอบทำงานหรือชอบเรียน ให้ลดเวลาลงเหลือไม่เกิน 40 ชม.สัปดาห์

 ให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ยิ่งมีการเต้นรำด้วยยิ่งดี

:: women.sanook.com ::
ออกกำลังกายในที่ทำงาน

ความประทับใจเมื่อแรกพบสร้างได้


ใช่เลย - ไท ธนาวุฒิ



ความประทับใจเมื่อแรกพบสร้างได้

ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีสร้างความประทับใจแรกที่ดี แล้วจะรู้ว่าคุ้มค่าแค่ไหน!


 First Impression เป็นคำคุ้นหูเมื่อต้องตกอยู่ในสถานการณ์พบคนแปลกหน้า และยิ่งต้องสร้างสัมพันธไมตรี 

 ภาพลักษณ์เมื่อแรกเห็นยิ่งสำคัญ เพราะธรรมชาติของคนเรามักตัดสินคนจากภายนอกในครั้งแรกที่เจอ ฉะนั้นการทำให้คู่สนทนาส่งความรู้สึกดีๆให้ ทำได้ไม่ยาก เพียง...


 รักษาเวลา เพราะเวลาเป็นตัวสะท้อนความสนใจ ใส่ใจ และความรับผิดชอบของคุณ


 เตรียมความพร้อมก่อนเจอกัน เริ่มจากแต่งกายให้เหมาะสมถูกกาลเทศะ คำนึงถึงความสะอาดสะอ้านของเสื้อผ้า การให้เกียรติกับกิจกรรมที่เข้าร่วม ให้เกียรติเจ้าของงาน และให้เกียรติสถานที่ อีกทั้งควรศึกษาวัฒนธรรมองค์กรที่จะไปนำเสนองาน เพราะการรู้เขารู้เราจะทำให้มีชัยไปกว่าครึ่ง


 รอยยิ้มแห่งชัยชนะ ขอให้นึกไว้เสมอว่าคุณยิ้มโลกยิ้ม เพราะรอยยิ้มเป็นใบเบิกทางเชื่อมไมตรีที่ดีที่สุด รอยยิ้มที่อบอุ่นแฝงไปด้วยความเชื่อมั่นจะทำให้คุณเป็นคนที่น่าสนใจอย่างคาดไม่ถึง


 เป็นตัวของตัวเอง อย่าเรื่องมาก จะช่วยให้คุณดูผ่อนคลายและมิตร แต่อย่าเป็นตัวของตัวเองจนเกินขอบเขต เพราะอาจทำให้คู่สนทนาอึดอัดและเข้าถึงยาก


 การพูดคุยให้ประทับใจ หลังรู้จักและทักทายกันแล้ว หัวข้อสนทนาต่อไปควรเป็นคำถามปลายเปิดซึ่งคิดว่าคู่สนทนาสามารถตอบได้โดยไม่อึดอัดใจ และระหว่างรับฟังคุณควรแสดงความกระตือรือร้น ซักถามด้วยความจริงใจ เพราะจะทำให้คู่สนทนาภูมิใจที่ได้เล่า ส่งผลให้การสนทนาออกรส


 สุภาพและใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อย การเป็นคนมีมารยาทดีและใช้ภาษาสุภาพจะทำให้คู่สนทนาประทับใจ ส่วนการใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อยจะทำให้คู่สนทนารู้สึกได้ถึงความรอบคอบของคุณ เช่น การปิดโทรศัพท์มือถือขณะร่วมประชุม


ทีมเดลินิวส์ออนไลน์



1
2

Wish You Happinessss

Success is not the key to happiness. Happiness is the key to success. 
If you love what you are doing, you will be successful. 

~ Albert Schweitzer ~

 คัมภีร์ 5 ห่วง  วิถีแห่ง "ซามูไร" วิถีแห่งนักรบ "บูชิโด"   แนวคิดของตัวเม่น   GOOD LUCK สร้างแรงบันดาลใจเพื่อความสำเร็จ ในชีวิตและธุรกิจด้วยตัวคุณเอง    Why complicate life ?   3 x 8 = เท่าไหร่ ?????   "ฉันชื่อ..โอกาส"

Wish You Happinessss