the_IDOL_ตัน_ภาสกรนที
ตัน ภาสกรนที เป็นอย่างเขาไม่ยาก? จากวิถีชีวิตที่ธรรมดามาตั้งแต่เกิด วันนี้ ตัน ภาสกรนที ได้รับการคัดเลือกอย่างเป็นเอกฉันท์จากผู้อ่านนิตยสาร "ผู้จัดการ" ให้เป็น Role Model อันดับที่ 2 ในสังคมธุรกิจไทย มีคะแนนเป็นรองเพียงเล็กน้อยจากเจริญ สิริวัฒนภักดี ที่เพิ่งขึ้นเป็นอันดับ 1 ในปี 2548
ตัน ภาสกรนที ถือเป็น Role Model ที่มีบุคลิกเรียบง่าย เช่นเดียวกับแบรนด์สินค้า "โออิชิ" ที่พยายามเข้าถึงผู้คนด้วยวิธีง่ายๆ โดยเขาเลือกใช้ "สื่อ" แทนสายสัมพันธ์ที่ทรง อิทธิพล ซึ่งต่างจาก Role Model อีกหลายคน
วิเคราะห์สาเหตุที่คะแนนนิยมในตัวของตัน พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในปีนี้ (ปี 2547 เป็นปีแรกที่ชื่อ ตัน ภาสกรนที ถูกเสนอชื่อให้เป็น Role Model โดยอยู่อันดับที่ 14) มีตัวแปรสำคัญ 3 ประการ
ประการแรก ตัวแบรนด์ "โออิชิ" เอง ที่เป็นแบรนด์สินค้าที่เพิ่มสีสันขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่กระแสชาเขียวฟีเวอร์เมื่อ 2 ปี ก่อน จนมาสู่การเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หลังจากนั้นไม่นานก็ถูกวิกฤติเล่นงาน จากกระแสชาเขียวปนเปื้อนกรดเกลือ จนกระทั่งนำมาสู่แคมเปญพบโชค 1 ล้าน ใต้ฝาโออิชิ รวมทั้งการเข้าเป็น 1 ในสปอนเซอร์หลักของ reality show อย่างรายการ Big Brother ที่มีสโลแกนว่า "เกมชีวิตจริง ของคนธรรมดา"
ประการที่ 2 วิธีการที่ตันใช้จัดการกับ ปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงวิกฤติชาเขียว ปนเปื้อนกรดเกลือ ที่เขาใช้เวลาไม่นาน ในการฟื้นความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคกลับคืนมาสู่ตัวสินค้าได้อย่างรวดเร็ว
"ระยะหลังหัวข้อที่คนส่วนใหญ่เชิญให้ผมไปพูด คือ crisis management" เขาบอกกับ "ผู้จัดการ"
ประการสุดท้าย รูปแบบชีวิตของตัน ซึ่งเป็นที่เปิดเผยเป็นรูปแบบพื้นๆ ที่คนส่วนใหญ่จับต้องได้ง่าย แตกต่างจาก Role Model คนอื่น ที่มักมีรูปแบบในเชิงอุดมคติ ยากที่คน ส่วนใหญ่ของสังคมจะเข้าถึงได้ ในสภาพเศรษฐกิจเฉกเช่นปัจจุบัน
ตันตอบ "ผู้จัดการ" ที่ถามว่าหากคน ส่วนใหญ่ต้องการจะเป็นได้อย่างเขา จะต้องทำอย่างไร "ง่ายนิดเดียว ขอเพียงเมื่อเจอกับ ปัญหาแล้วต้องไม่ท้อ"
ตันเป็นลูกคนสุดท้องในจำนวน 6 คนของครอบครัวชาวจีนที่อพยพมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ และตั้งรกรากในจังหวัดชลบุรี ด้วยฐานะครอบครัวที่ไม่ดีนัก ทำให้เขาได้เรียนแค่ชั้นมัธยม ศึกษาปีที่ 3 เริ่มงานแรกเป็นคนแบกของเมื่ออายุ 17 ปี มีธุรกิจของตนเองเป็นครั้งแรกเมื่ออายุ 21 ปี โดยยืมเงินจากพ่อและพี่สาวรวมกัน 5 หมื่นบาท เปิดร้านขายหนังสือในตึกแถวใกล้ๆ ท่ารถทัวร์ จังหวัดชลบุรี ก่อนที่จะขยายไปเปิดร้านกิ๊ฟต์ชอป ร้านเบเกอรี่ ร้านสุกี้ ฯลฯ
พอมีเงินเก็บจำนวนหนึ่งก็คิดการใหญ่ ไปทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แต่ต้องเจอกับวิกฤติ เศรษฐกิจในช่วงลอยตัวค่าเงินบาท ปี 2540 จนเป็นหนี้นับ 100 ล้านบาท ต้องขายทรัพย์สินเกือบทุกอย่างเพื่อเคลียร์หนี้ก้อนนี้
ชีวิตเริ่มต้นใหม่ที่กรุงเทพฯ ด้วยธุรกิจสตูดิโอถ่ายภาพแต่งงาน ก่อนจะมาทำบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น และโออิชิกรีนที
จากหนี้สิน 100 ล้านบาท กลายเป็นทรัพย์สินในรูปมูลค่าหุ้นจำนวน 200 ล้านบาทใน เวลา 4-5 ปีต่อมา และเมื่อโออิชิได้เข้าตลาดหุ้นมูลค่าทรัพย์สินดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 2,000 ล้านบาท (ข้อมูลล่าสุด ณ วันปิดต้นฉบับ 19 กรกฎาคม ราคาหุ้นโออิชิปิดที่ 33.50 บาท ทำให้ มูลค่าทรัพย์สินของเขาและภรรยารวมกันเท่ากับ 2,090.4 ล้านบาท)
วิธีคิดที่ไม่เหมือนใคร และการเริ่มอะไรใหม่ๆ ตลอดเวลา ทำให้เรื่องราวในชีวิตของเขามีสีสัน จนหลายคนนำไปเป็นกรณีศึกษา เรื่องราวของตันถูกกล่าวถึงอย่างต่อเนื่องจากสื่อต่างๆ จนกลายเป็นนักธุรกิจที่มีแฟนคลับเป็นของตัวเอง
ที่ได้รับผลดีต่อเนื่องไปด้วยคือแบรนด์ สินค้า "โออิชิ" ที่มีชื่อติดตลาดไปพร้อมกับการได้รับความสนใจในตัวตนของตัน ภาสกร นที
"2-3 ปีมานี้ ผมใช้สื่อเยอะมากยอมรับว่าสื่อมีส่วนอย่างมากในการปั้นผมขึ้นมา" ตันยอมรับกับ "ผู้จัดการ" ในช่วงหนึ่ง ของการสนทนาบนชั้น 20 อาคารยูเอ็มทาวเวอร์ สำนักงานใหญ่ของโออิชิ กรุ๊ป บนถนนรามคำแหง
ห้องทำงานของเขาตกแต่งอย่างเรียบๆ หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่เป็นชั้นวางของกระจุกกระจิก นอกจากตัวอย่างสินค้าและเครื่องมือในการทำตลาดของโออิชิแล้ว ยังมีของที่ระลึกจากเพื่อนฝูงและคนรู้จักวางอยู่ด้วย
ตันบอกว่าประตูห้องทำงานของเขาไม่เคยปิด ลูกน้องสามารถเข้ามาหาเพื่อปรึกษา งานได้เลย ไม่ต้องนัดเวลาล่วงหน้าผ่านเลขา เช่นเดียวกับนักข่าวและผู้คนทั่วไป ที่ตันมักให้เบอร์โทรศัพท์มือถือไว้เพื่อติดต่อได้โดยตรง ดังนั้น ไม่ว่าน้ำมันจะขึ้นราคา ค่าไฟฟ้าจะแพง ขึ้น นักข่าวสามารถโทรมาขอความเห็นจากเขาได้หมด
ผนวกกับวางแผนการทำงานของฝ่ายประชาสัมพันธ์ ทำให้เรื่องและภาพของตันปรากฏอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์ นิตยสารธุรกิจ หรือแม้แต่นิตยสารผู้หญิงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็น การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตที่เป็นรูปธรรมที่สุดของเขา หลังตัดสินใจนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อประมาณต้นปี 2547
ตลอดระยะเวลา 20 ปีของการทำธุรกิจ ก่อนหน้านี้ตันไม่เคยให้สัมภาษณ์ เขาทำงาน เบื้องหลังมาตลอด ประโยคเด็ดที่เขามักกล่าวกับนักข่าวก่อนหน้านี้ก็คือ "ขอโทษครับ ผมไม่สะดวกที่จะพูด ผมไม่ถนัด"
วันเปิดร้านโออิชิ สาขาแรกที่ทองหล่อ มีเรื่องราวที่เขาชอบเล่าให้ใครฟังเสมอว่า ในช่วงเวลานั้นนักข่าวน้อยคนที่จะรู้จักเขา เพราะส่วนใหญ่จะมีฐิติมา ศรีอุทัยศิริวงศ์ และดารุณี กฤตบุญญาลัย สองหุ้นส่วนเป็นคนรับหน้านักข่าวและแขกแทน
"วันนั้นห้องน้ำแตก ผมต้องอยู่ในห้องน้ำซ่อมท่อน้ำ เนื้อตัวเลอะไปหมด นักข่าวและแขกไม่รู้หรอกว่าผมเป็นใคร"
ตันเปิดตัวต่อสาธารณะครั้งแรกในรายการเกมแก้จน ของปัญญา นิรันดร์กุล ซึ่งเป็นเกมที่ผู้แข่งจากทางบ้านต้องทายว่าคนไหนเป็นเจ้าของกิจการตัวจริง ตอนแรกเขาปฏิเสธให้เอาหุ้นส่วนไปออกรายการแทน ซึ่งทางรายการก็บอกว่า ถ้าเป็นคนอื่น ส่วนใหญ่จะเป็นที่รู้จักแล้ว
"ทุกวันนี้สื่อถึงตัวผมได้ง่าย เพราะเวลาสัมมนาหรือแถลงข่าว มีคำถามเยอะมาก เราก็ไม่สามารถตอบเขาได้หมด ผมก็ให้เบอร์ มือถือไป ลูกน้องว่าผมเป็นประจำเลย เขาบอกว่าไม่ควรให้ แต่ผมกลับมองว่าไม่เห็นเป็นไรเลย ตอบเขาเคลียร์ก็จะเป็นประโยชน์ต่อเราเอง อีกอย่างหนึ่ง ผมถือว่าที่มีวันนี้ก็เป็นเพราะว่าผมก็ไปถามคนอื่นมาเหมือนกัน" ตันอธิบายตัวตนของเขาเพิ่มเติม
การเปิดตัวมากขึ้นและ "เล่น" กับสื่อเป็น ทำให้ตันเป็นที่รู้จักในสังคมที่กว้างขึ้น ในขณะเดียวกันเขาได้ให้ความสำคัญอย่างมากในการเดินสายพบปะลูกค้าด้วยตัวเอง รวมทั้งรับงานบรรยายให้กับสถาบันต่างๆ (อ่านล้อมกรอบ "CRM แบบตัน ภาสกรนที" ประกอบ)
ทุกวันนี้เขาบอกว่าเหนื่อยน้อยลง ในขณะเดียวกันก็ได้เงินมาง่ายขึ้น แต่ตารางชีวิตการ ทำงานเต็มเหยียดเช่นเดิม วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ยังใช้เวลาส่วนหนึ่งออกไปปฏิบัติการ "ซื้อใจ" ลูกค้าทั้งยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ด้วยการไปสอบถามยอดขาย ตลอดจนปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับคนเหล่านี้ ด้วยตัวเอง ซึ่งในระยะหลังเมื่อเขาเริ่มเป็น "คนดัง" มักมีรายการจับมือขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับเขาด้วย
ครั้งหนึ่งลูกค้าจากจังหวัดยะลาคือผู้โชคดี เปิดใต้ฝาโออิชิพบโชค 1 ล้านบาท งานนั้น ทั้งภรรยาและทีมงานต่างพากันทักท้วงว่า ให้คนอื่นไปแจกรางวัลแทนดีกว่า มันอันตราย แต่เขากลับยืนยันที่จะลงไปเอง โดยให้เหตุผลว่าทุกคนต่างมีชีวิตเดียว ตายได้ครั้งเดียว ถ้างานที่เสี่ยงเจ้านายไม่ยอมทำ ต่อไปลูกน้องในระดับรองลงไปก็จะใช้วิธีการเดียวกัน
"ตอนไปก็ใส่หมวกใส่แว่นบ้าง ที่จริงไปเห็นแล้วไม่น่ากลัว แต่ก็คงน่ากลัว ถ้ามีข่าว ออกไปก่อนว่าผมจะไปแจกเงินล้านที่นั่น"
งานนี้ไม่เพียงแต่เขาได้ใจจากชาวจังหวัดยะลาเท่านั้น แต่เป็นเรื่องที่ลูกน้องต้องเล่าสู่กันฟังไปอีกนาน
ในทางกลับกันเป็นที่รู้กันว่า ตันไม่ค่อยชอบออกงานสังคมเลย นอกจากงานศพ และงานสังสรรค์ของเพื่อนฝูงที่ใกล้ชิดจริงๆ ตันยังยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองในเรื่องการแต่งตัว
"ผมรูปไม่หล่อ ไม่ชอบแต่งตัว เมื่อก่อนมีรองเท้าอยู่คู่เดียว งานศพ งานแต่ง งานบวช ใช้คู่นั้นตลอด ตอนหลังลูกน้องทนดูไม่ได้ ซื้อสูทมาให้ ซื้อรองเท้ามาให้ จนตอนนี้เสื้อผ้าที่มีอยู่ส่วนใหญ่เป็นของคนอื่นที่ซื้อมาฝากทั้งนั้น ทั้งมีแบรนด์ และไม่มีแบรนด์ แล้วยังคอยกำชับว่า พี่ตันต้องใส่นะ ภาพที่ออกมาจะได้ดูดี"
แม้จะถูกติวเข้มเรื่องการแต่งกาย แต่ทุกวันนี้เขาก็ยังไม่ชอบใส่สูท นอกจากออกรายการทีวีที่มีคอนเซ็ปต์ชัดเจน และยังชอบใส่ กางเกงยีนส์ มาทำงาน แต่บางวันอาจเปลี่ยน จากเสื้อยืด เป็นเสื้อเชิ้ตแขนยาว เพื่อให้ดูเรียบร้อยขึ้น สีโปรดคือสีดำ สีฟ้าอ่อน หรือสีฟ้าเข้ม
เขาเป็นคนค่อนข้างมัธยัสถ์สำหรับตนเอง แม้แต่ตัดผมก็ไม่ยอมเสียค่าตัดร้านแพงๆ ในกรุงเทพฯ ร้านตัดผมประจำอยู่ที่อำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี เป็นร้านแบบโบราณ ไม่ติดแอร์ ค่าตัดครั้งละ 50 บาท
"อย่างวันนี้พอให้สัมภาษณ์พวกคุณเสร็จ ผมต้องไปงานวันเกิดเพื่อนสนิท เลยไม่ใส่เสื้อดำ เมื่อเช้าหยิบเสื้อดำมาใส่ เมียเขาก็ทักขึ้นมา"
วันนั้นเขาอยู่ในชุดสบายๆ กางเกงยีนส์ฟอกสีน้ำเงินจาง เสื้อแขนยาว ลายริ้วสีแดงขาวสดใส รองเท้าคัทชูสีดำ ไม่แขวนพระ ไม่ใส่แหวน ทั้งเนื้อทั้งตัวมีนาฬิกาเพียง เรือนเดียว (วันรุ่งขึ้นในงานแถลงข่าวโออิชิ กรีนคอมแบต เขานุ่งยีนส์ ใส่เสื้อยืดสีขาวมีโลโกโออิชิ วันถัดไปในงานโครงการรักการอ่าน ที่จัดขึ้นโดยสภาอุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา ก็ใส่ยีนส์และเสื้อเชิ้ตแขนยาว ลายริ้วสีฟ้า เขียว ขาว)
จากบุคลิกที่เข้าถึงผู้คน และเห็นหน้ากันบ่อยๆ ตามสื่อ รวมทั้งเรื่องราวในชีวิตจากหนังสือ "ชีวิตนี้ไม่มี ทางตัน" ที่พิมพ์เป็นครั้งที่ 9 จำนวน 30,000 เล่ม ในเวลา 3 เดือน เป็นส่วนหนึ่งทำให้เขาเป็น CEO คนเดียว กระมังที่มีแฟนคลับเดินเข้ามาขอลายเซ็น และมีจำนวน มากที่เขียนจดหมายเข้ามาหา
ในแฟ้มเล่มใหญ่ ตันให้ เลขาเก็บจดหมายทุกฉบับเอาไว้ เฉลี่ยแล้วมีเข้ามาเกือบทุกวัน บางฉบับเขียนมาขอเงิน บางฉบับขายที่ดิน บางคนเล่าถึงปัญหา และถ่ายเอกสาร ใบแจ้งหนี้บัตรเครดิต เรียงมา เป็นตับส่งมาให้เขาดู แต่ก็มีหลายคนที่เขียนขอคำแนะนำในการทำธุรกิจ
เมื่อก่อนเขาอาจมีเวลา อ่านเอง แต่ตอนหลังต้องให้คนอื่นอ่านแล้วสรุปย่อไว้ให้ และยอมรับว่ามีบางฉบับเท่านั้นที่โดนใจเขา และช่วยเหลือกันไปบ้าง
สำหรับตัวเอง เขาบอกว่าทุกวันนี้เงินที่มีเยอะพอ ทั้งๆ ที่หากเทียบกับคนรวยจริงๆ ยังน้อยกว่ากันมาก ทรัพย์สินหลักๆ ของเขาที่ได้มาในช่วงไม่กี่ปีนี้คือ บ้าน 2 หลัง หลังแรกเป็นบ้านที่อยู่อาศัยประจำในโครงการบ้านอิสสระ ถนนพระราม 9 บ้านหลังที่ 2 อยู่ที่อำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี เป็นบ้านที่เอาไว้พักผ่อน และต่อไปตั้งใจว่าจะอยู่ที่นั่น
มีรถ 3 คัน คันแรก Lexus ปัจจุบันเขาใช้รถ Honda สีขาว นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ส่วนภรรยาใช้รถใหม่ป้ายแดง BMW ซีรีส์ 7
"ตอนแก่ๆ ผมต้องการกลับไปอยู่บ้านนอก อยู่ที่นั่นมีเงินแค่ 10 ล้าน ก็หรูสุดแล้ว ผม ตั้งใจไว้ว่าไม่ทำงานไปตลอดชีวิตหรอก อายุ 70 ปีก็คงไม่นั่งเป็นประธานบริษัทไหนแล้ว"
เงินที่ได้มาส่วนใหญ่นำมาใช้ในการลงทุนต่อยอดธุรกิจไปเรื่อยๆ ไม่เก็บเงินด้วยการฝากประจำ ไม่ซื้อขายหุ้น ไม่ซื้อที่ดินเก็บ ที่ดินเปล่าที่เหลืออยู่แปลงเดียวขณะนี้ ก็เป็นที่ดินซึ่งเคยสร้างโครงการในจังหวัดชลบุรีแล้วขายไม่ออก
เศรษฐีใหม่หลายคนอาจจะไล่ล่าเครื่องประดับ ภาพวาด หรืองานศิลปะมาประดับเป็นของสะสมเพิ่มบารมี แต่ตันไม่เคยมี เล่นกอล์ฟไม่เป็น กีฬาที่เพิ่งให้ความสำคัญเมื่อไม่นานมา นี้คือ การออกกำลังกายด้วยการวิ่งทุกวันบนลู่วิ่ง
เขาเคยตอบเล่นๆ กับผู้ตั้งคำถามนี้ว่า "ผมสะสมพนักงาน จาก 11 คนเมื่อตอนทำสตูดิโอแต่งงาน ตอนนี้รวมทั้งหมดของโออิชิ กรุ๊ป ก็เกือบ 4 พันคน" และจากจำนวนที่เพิ่ม ขึ้นอย่างรวดเร็วนี่เอง ทำให้ค่อนข้างกังวลว่าไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง แต่จะพยายามจำกัดการเติบโตของพนักงานภายใน 3 ปีนี้ไม่ให้เกิน 5 พันคน
แม้เขาจะบอกว่า ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ ทรัพย์สินที่เคยมีแค่ 100-200 ล้านบาท ก็มากเกินพอ แต่ก่อนหน้านี้ที่เขาตัดสินใจนำโออิชิเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยเหตุผลหนึ่งที่ว่า เขาเป็นคนมีการศึกษาน้อย หากทำงาน โดยใช้ความรู้สึกแบบเดิมๆ ไม่ถูกต้องแน่นอน การเข้าตลาดหุ้นทำให้การทำงานเป็นระบบมาก เพราะมีการตรวจสอบและติดตามผลตลอดเวลา ซึ่งจะทำให้บริษัทและลูกน้องมั่นคงขึ้น
ในขณะเดียวกัน ปัจจุบันโออิชิ กรุ๊ป จำเป็นต้องสร้างคนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทันกับงานที่กำลังขยายตัว โดยเฉพาะด้านไอที และพัฒนาบุคลากร
วัฒนธรรมองค์กรกำลังเปลี่ยนไป เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาต้องระวังในการคัดเลือกคนมาร่วมงาน ธนินท์ เจียรวนนท์ แห่ง ซี.พี. อาจให้ความสำคัญในการดูโหงวเฮ้งของคน แต่ที่โออิชิ อย่างแรกเลยหากใครทำตัวไฮโซมาสมัครงาน อาจจะเสียเปรียบ เพราะเขาหรือเธอกำลังจะมาทำงานกับบริษัทที่เจ้านายมีบุคลิกแบบติดดิน และพร้อมลุยงานได้ตลอดเวลา
http://www.gotomanager.com/news/details.aspx?id=36234
ตัน ภาสกรนที จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ตัน ภาสกรนที (4 เมษายน พ.ศ. 2502 - ) เป็นนักธุรกิจผู้ก่อตั้งบริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม เขาขายหุ้นส่วนใหญ่ให้กับบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)ในพ.ศ. 2551 และภายหลังประกาศลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการโออิชิ กรุ๊ปโดยจะมีผลในเดือนกันยายน 2553 วันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2553 เมื่อ ตัน อำลาจาก บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) อย่างเป็นทางการ ตัน ก็ได้สร้างบริษัทขึ้นใหม่ชื่อว่า บริษัท ตันไม่ตัน จำกัด โดย ตัน ภาสกรนที ให้คำมั่นสัญญาในการทำบริษัทนึ้ว่า "ในการเริ่มต้นธุรกิจของบริษัท ไม่ตัน จำกัดครั้งนี้ เงินปันผลของบริษัทในส่วนที่ผมและคุณอิง ภรรยาของผมถือหุ้นอยู่ ผมขอแบ่งเงินปันผลนี้ 50% ให้กับมูลนิธิตันปัน ตั้งแต่ปีแรกที่ดำเนินการเป็นต้นไป จนเมื่อผมอายุครบ 60 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 9 เดือน 9 พ.ศ. 2562 ผมจะเพิ่มเงินบริจาคไม่ต่ำกว่า 90% ให้กับมูลนิธิตันปันตลอดไปเพื่อใช้ในการพัฒนาการศึกษาและสิ่งแวดล้อม"
ตัน ภาสกรนที เกิดเมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2502 ในครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และเริ่มทำงานแรกเป็นพนักงานแบกของ เริ่มต้นค่าแรงในการทำงาน 700 บาท และหันมาทำอาชีพพ่อค้าแผงหนังสือที่ชลบุรี และได้เริ่มต้นซื้อห้องแถวขยายกิจการจนเป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตัน เริ่มต้นธุรกิจ “โออิชิ” ภัตตาคารบุปเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่น และมีธุรกิจอื่นๆ เช่น สตูดิโอถ่ายภาพแต่งงาน จนกระทั่ง มาทำธุรกิจเครื่องดื่ม คือ ชาเขียวโออิชิ และ อะมิโน โอเค ปัจจุบันสมรสกับ อิง สุนิสา ภาสกรนที (สกุลเดิม: สุขพันธุ์ถาวร) และมีลูก 3 คน : กิ๊ฟ วริษา (เกิดกับภรรยาคนแรก) , เก็ท และ ใกล้ใกล้
เสี่ยตัน เปิด “ไม่ตัน” สานต่อภารกิจ เสี่ยตัน เปิด “ไม่ตัน” สานต่อภารกิจ ให้โอกาส พร้อมจุดประกายทุนใหญ่ช่วยทุนเล็ก วรรคทองของวงการฯ เกิดขึ้นอีกครั้ง หลังปฏิบัติการ “ศอช.” ช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้าที่ถูกยึดราชประสงค์ จนได้ใจคนทั้งประเทศ มาคราวนี้เสี่ยพันล้าน ตัน ภาสกรนที ควงแขนศรีภรรยา “อิง-สุนิสา” เปิดตัว บริษัท ไม่ตัน จำกัด และ มูลนิธิตันปัน โดยเจ้าตัวประกาศชัดว่าคัมแบ๊คคราวนี้ จะลุยธุรกิจเพื่อ ภารกิจ อยากให้โอกาสคนรุ่นใหม่และสนับสนุนเกษตรกรไทย พร้อมนำรายได้จาก ผลกำไรส่วนตัวของตนเองและภรรยา 50% มอบเป็นการกุศล ท่ามกลางมิตรแท้ในวงการธุรกิจและแวดวงสังคม ชาญชัย ชัยรุ่งเรือง, สุชัญญา ธนาลงกรณ์, ฐิติมา ศรีอุทัยสิริวงศ์, พิชชา ประกายเลิศลักษณ์, ดิฐวัฒน์ อิสสระ ฯลฯ ให้กำลังใจคับคั่ง (9 ก.ย. ตึกชาญอิสสระ 2 ชั้น 28)
“เคยมีคนถามผมตอนเด็กๆ เคยฝันบ้างไหมว่าจะประสบความสำเร็จหรือมีฐานะเหมือนทุกวันนี้ ผมตอบว่า ทุกอย่างในวันนี้ เกินกว่าที่ผมเคยฝันไว้ และเมื่อเขาถามว่าอะไรคือที่มาของความสำเร็จในวันนี้ ผมตอบทันทีว่า โอกาส” คำสั้นๆ ที่เป็นแรงผลักดัน หลังเขาวางมือจากธุรกิจก็เริ่มต้นสานต่อภารกิจใหม่ทันที “ตั้งแต่ 31 ปีก่อน ตอนอายุ 17 ปี ผมได้รับโอกาสเข้าทำงาน แม้จะเริ่มต้นด้วยแบกของและเริ่มมาเป็นพนักงานส่งของ แต่ก็ได้รับโอกาสการฝึกงาน ทำงาน จนได้เลื่อนตำแหน่งเป็น เซลล์ ซูเปอร์ไวเซอร์ วันหนึ่งผมก็ตัดสินใจไปทำธุรกิจขายแผงหนังสือพิมพ์ที่ชลบุรี ก็ยังได้รับโอกาสและการสนับสนุนจากผู้ใหญ่และเพื่อนหลายคนจนธุรกิจเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเมื่อครั้งผมล้มลุกคลุกคลานมีหนี้สินมากกว่า 100 ล้านบาท ผมก็ยังได้รับน้ำใจจากคนรอบข้างจนทำให้ฟื้นวิกฤตและ มีวันนี้ เพราะผมเคยได้รับจึงได้รู้คุณค่าของการให้”
“ผมมีความสุขกับเลข ทั้งฐานะการเงินของบริษัทฯ และของส่วนตัว แต่ไม่นานมุมมองความสุขก็เปลี่ยนไป เมื่อมาเกินฝันแล้ว สิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขคือการได้ช่วยเหลือสังคม ไม่ว่าจะช่วยบรรยายให้ความรู้ จัดงานช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน รอยยิ้มของพวกเขาคือความสุขที่แท้จริง ณ วันนี้ผมจึงอยากเปลี่ยนฐานะจากผู้รับมาเป็นผู้ให้บ้าง ทั้งหมดเป็นที่มาของ บ.ไม่ตัน ธุรกิจเพื่อภารกิจ มุ่งให้โอกาสคนรุ่นใหม่ได้ทำงาน รวมถึงช่วยทำการตลาดให้กับสินค้าเกษตรกรไทย” บริษัท ไม่ตัน ยังมีอีกหลายโปรเจคต์ เพียงแต่ตอนนี้มีพนักงานคนเดียว เสี่ยตันจึงประกาศโครงการ The 9 Challengers ค้นหา หุ้นส่วนความสำเร็จ รับสมัครคนรุ่นใหม่ อายุระหว่าง 20-35 ปี ส่งคลิปความยาวไม่เกิน 2 นาที นำเสนอไอเดียดีๆ และเหตุผลว่าทำไมคุณตันต้องเลือกเข้ามาร่วมงานด้วย ผ่านทาง www.facebook.com/tanmaitan ตั้งแต่วันนี้ - 9 ตุลาคม 2553 ประกาศผลวันที่ 4 พฤศจิกายน ผู้ชนะเลิศ 9 คน รับตำแหน่งพนักงานและหุ้นส่วน พร้อมหุ้นมูลค่า 300,000 บาท ... อนาคตเศรษฐี เศรษฐินี รออยู่ ตรงหน้ากันแล้ว!!!
http://www.posttoday.com/
คำมั่นสัญญา ภารกิจของบริษัท ไม่ตัน จำกัด และมูลนิธิตันปัน
เคยมีคนถามผมว่าตอนเด็กๆเคยฝันบ้างไหมว่าจะประสบความสำเร็จหรือมีฐานะเหมือนทุกวันนี้ ผมตอบว่าทุกอย่างในวันนี้เกินกว่าที่ผมเคยฝันไว้ และเมื่อเขาถามว่าอะไรคือที่มาของความสำเร็จในวันนี้ ผมตอบทันทีว่าโอกาส ตั้งแต่ 31 ปีก่อน ตอนอายุ 17 ปี ผมได้รับ”โอกาส”เข้าทำงาน แม้จะเริ่มต้นด้วยแบกของและเริ่มมาเป็นพนักงานส่งของ แต่ก็ได้รับโอกาสการฝึกงาน ทำงาน จนได้เลื่อนตำแหน่งเป็น Sale Supervisor และวันหนึ่ง ผมก็ตัดสินใจไปทำธุรกิจขายแผงหนังสือพิมพ์ที่ชลบุรี ก็ยังได้รับ”โอกาส”และการสนับสนุนจากผู้ใหญ่และเพื่อนหลายคน จนทำให้ธุรกิจเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเมื่อครั้งผมล้มลุกคลุกคลานมีหนี้สินมากกว่า 100 ล้านบาท ผมก็ยังได้รับน้ำใจจากคนรอบข้างที่ได้ให้ความช่วยเหลือหลายครั้งหลายหน จนทำให้ผ่านพ้นวิกฤตไปทุกครั้งจนทำให้ผมมีวันนี้ เพราะผมเคย”ได้รับ”มาก่อน ผมจึงรู้คุณค่าของ”การให้” ในวันนี้ ผมมีความมั่นคงในทางครอบครัวพอสมควร คงไม่กล้าจะบอกว่า ตัวเองรวยแล้ว เพียงแต่รู้สึกว่า “เพียงพอ” และผมมีครอบครัวสมบูรณ์และมีความสุขที่สุดแล้ว อีกทั้งยังโชคดีที่ภรรยาก็ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด ช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ผมมี”ความสุข”จาก”ความสำเร็จ”ของการทำงาน มี”ความสุข”จากตัวเลขฐานะการเงินของบริษัทและส่วนตัว แต่วันนี้มุมมองเรื่อง”ความสุข”ของผมเปลี่ยนไป เพราะความสำเร็จและฐานะในวันนี้เกินกว่าที่ผมเคยฝันไว้แล้ว “ตัวเลข”ไม่ได้ทำให้ผมมีความสุขเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ทำให้ผมมี”ความสุข”ในช่วงหลังคือการได้ช่วยเหลือสังคมไม่ว่าจะเป็นการบรรยายให้ความรู้หรือการจัดงานช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน“รอยยิ้ม”ของคนที่เดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือ คือ “ความสุข”ของผมในวันนี้ ผมจึงอยากเปลี่ยนฐานะ จากที่เคยเป็น “ผู้รับ” มาเป็น “ผู้ให้” บ้าง ดังนั้น ในการเริ่มต้นธุรกิจของบริษัท ไม่ตัน จำกัดครั้งนี้ เงินปันผลของบริษัทในส่วนที่ผมและคุณอิง ภรรยาของผมถือหุ้นอยู่ ผมขอแบ่งเงินปันผลนี้ 50% ให้กับมูลนิธิตันปัน ตั้งแต่ปีแรกที่ดำเนินการเป็นต้นไป จนเมื่อผมอายุครบ 60 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 9 เดือน 9 พ.ศ.2562 ผมจะเพิ่มเงินบริจาคไม่ต่ำกว่า 90% ให้กับมูลนิธิตันปันตลอดไปเพื่อใช้ในการพัฒนาการศึกษาและสิ่งแวดล้อม ผมจำได้ว่าตอนที่เกิดเหตุการณ์สึนามีที่ภาคใต้ ผมได้มีส่วนร่วมเล็กน้อยในการช่วยเหลือ ทั้งเรื่องเงิน และการอำนวยความสะดวกในเรื่องต่างๆ จนวันหนึ่งผมมีโอกาสไปดูเหตุการณ์จริงที่เขาหลัก ได้พบผู้คนมากมาย ทั้งหมอ เยาวชน ชาวบ้าน ที่เสียสละแรงกาย ลางาน ขาดงาน ขาดรายได้ เพื่อที่จะไปช่วยค้นหาศพผู้เสียชีวิต บางคนมานอนกินอยู่ที่นั่นตั้งแต่วันแรก จนถึงวันสุดท้ายตลอดระยะเวลาหลายเดือนด้วยกัน วินาทีนั้นผมรู้สึกเลยว่าเงินที่ผมบริจาคไปเทียบไม่ได้เลยกับความเสียสละของคนที่อยู่ตรงนั้น ไม่ว่าเราจะช่วยเหลือเงินเท่าไหร่ ก็เทียบไม่ได้กับการเสียสละเวลาและความสุขส่วนตัวเพื่ออยู่ ณ จุดนั้น ซึ่งถือเป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่มากกว่าเงินหลายร้อยเท่า ผมตั้งใจว่า 9 ปีนับจากนี้ ผมจะมุ่งมั่นที่จะสร้างบริษัท ไม่ตัน ให้เป็นธุรกิจเพื่อภารกิจของ มูลนิธิตันปัน และ “เป้าหมาย”ของผมนับจากนี้ ไม่ใช่”การได้รับ” แต่เป็น”การให้”“ความสุข”ของผมจะไม่ได้อยู่ที่”ตัวเลข” แต่เป็น”รอยยิ้ม”ของคนที่”ได้รับ” ผมเชื่อเสมอว่าคนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เราเลือกที่จะ”เป็น”ได้ และวันนี้ ผมเลือกแล้ว
ตัน ภาสกรนที 9 กันยายน 2553 http://www.facebook.com/tanmaitan
ตัน ภาสกรนที http://www.facebook.com/tanmaitan บริษัท ไม่ตัน จำกัด เปิดรับผู้ร่วมงานรุ่นใหม่ไฟแรง มีความมุ่งมั่น ตั้งใจเกินร้อย ที่สนใจจะมาร่วมเป็นหุ้นส่วน และร่วมสร้างประวัติศาสตร์แห่งความสำเร็จกับ ตัน ภาสกรนที เพียงส่งคลิป วีดีโอ ให้เราได้เห็นตัวคุณเป็นๆ และเหตุผลว่าทำไม “คุณตัน” ถึงต้องเลือกคุณเข้ามาทำงาน ผ่านทาง Facebook ของ tanmaitan รายละเอียดและวิธีการส่งวีดีโอตามข้อกำหนดด้านล่างเท่านั้น แล้วรอลุ้นว่าคุณจะเป็น 1 ใน 99 คน ที่ผ่านเข้ารอบสัมภาษณ์ และเหลือ 19 คนมาร่วมทำ workshop กับคุณตัน และกูรู เพื่อรับการคัดเลือกเข้าเป็น The 9 Challengers หุ้นส่วนของความสำเร็จจำนวน 9 คน กับ “คุณตัน” และ “บริษัทไม่ตัน” พร้อมรับ หุ้นมูลค่า 300,000 บาท งานนี้วัดกันทั้งฝีมือ ทัศนคติที่ดีเกินร้อย และความพร้อมที่จะก้าวไปกับ ตัน ภาสกรนที
คุณสมบัติ •ชาย – หญิง อายุ 20-35 ปีบริบูรณ์ •สัญชาติไทย •สำเร็จการศึกษาขั้นต่ำ ปริญญาตรี ไม่จำกัดสาขาวิชา •ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ •มีความตั้งใจจริงที่จะร่วมทำงาน ในวิถีของบริษัทไม่ตัน ในแผนก การตลาด, การบริหารจัดการ / การขาย, วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ /การโฆษณาประชาสัมพันธ์ / ครีเอทีฟ และทรัพยากรบุคคล •มีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์และสุขภาพจิตดี •สมัครผ่านช่องทาง Online เท่านั้น •ส่งคลิปเพื่อสมัครได้ ตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย. – 9 ต.ค. 53 •โดยส่งคลิปวีดีโอ ความยาวไม่เกิน 2 นาที โดยในคลิปจะต้องให้คณะกรรมการเห็นตัวจริงของคุณ พร้อมอธิบายเหตุผลชักจูงให้คุณตันและคณะกรรมการ รับคุณเข้าทำงาน สามารถตัดต่อ ดัดแปลง หรือทำอะไรก็ได้ ให้เราสนใจและรู้จักตัวคุณได้มากที่สุด •การส่งคลิปวิดีโอ จะต้อง Upload ผ่าน http://www.facebook.com/video/?oid=142765199078274 ในแถบ menu อัพโหลดวีดีโอด้านบนเท่านั้น •ห้ามส่ง link จากการ upload วีดีโอจากเว็บไซต์อื่นๆเข้ามาใช้ในการสมัคร The 9 Challengers •ในคลิปให้ระบุชื่อ – นามสกุล โดยไม่ต้องระบุเบอร์โทรศัพท์ เพราะเราใส่ใจในความเป็นส่วนตัวของคุณ
คำแนะนำ และ ข้อกำหนด 1. ผู้สมัครควรให้ข้อมูลที่เป็นความจริง เพื่อประโยชน์สูงสุดในการแข่งขัน และการทำงานในอนาคต 2. ผู้ใดแอบอ้าง หรือกระทำการใดๆ อันเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล โดยใช้ข้อมูลของผู้อื่นมาแอบอ้าง เพื่อสมัครคัดเลือก ถือเป็นความผิด ต้องรับโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้ 3. การพิจารณาและการตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด 4.เจ้าหน้าที่สามารถลบคลิปวีดีโอ ที่เข้าข่าย หมิ่นประมาท ไม่เหมาะสม สร้างความเสื่อมเสียให้กับผู้อื่น ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล พาดพิง ดูหมิ่นและกล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ และคลิปอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับ The 9 Challengers โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า 5. บริษัท ไม่ตัน จำกัด ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงกำหนดการและรายละเอียดของโครงการตามความเหมาะสม โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
รอบที่ 1 ประกาศผลผู้ผ่านการคัดเลือกรอบแรก 99 คน 99 คลิปวิดีโอ และรายชื่อผู้ที่เข้ารอบในวันจันทร์ที่ 18 ตุลาคม 2553 ผ่านทาง http://www.facebook.com/tanmaitan •ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกแต่ละท่าน จะได้รับแจ้งทาง email ใน inbox ของ facebook คุณเท่านั้น
รอบที่ 2 •ผู้ผ่านการคัดเลือก 99 คนจะได้ เข้ารับการสัมภาษณ์ จากคณะกรรมการ ในวันที่ 23 - 25 ตุลาคม 2553 ตั้งแต่เวลา 09.00 – 17.00 น. ที่ บริษัท ไม่ตัน จำกัด •คณะกรรมการจะเฟ้นหา 19 ยอดฝีมือและประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านเข้ารอบ 3 ทั้ง 19 คน ในวันอังคารที่ 26 ตุลาคม 2553 ผ่านทาง http://www.facebook.com/tanmaitan ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกแต่ละท่าน จะได้รับแจ้งทาง email ใน facebook inbox ของคุณ
รอบที่ 3 •ผู้ที่เข้ารอบ 19 คน จะได้เข้าร่วม workshop สุดพิเศษกับคุณตันและเหล่า กูรู ทางธุรกิจ วันที่ 10-11-12 พฤศจิกายน 2553 ที่รีสอร์ท สุดเก๋สไตล์โมรอคคัน วิลล่า มาร็อก ปราณบุรี
รอบสุดท้าย •ประกาศรายชื่อ The 9 Challengers หุ้นส่วนธุรกิจตัวจริง วันที่ 15 พฤศจิกายน 2553 ทาง http://www.facebook.com/tanmaitan ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกแต่ละท่าน จะได้รับแจ้งทาง email ใน facebook inbox ของคุณ
รอบเปิดตัว •The 9 Challengers ร่วมทำพิธีลงนามสัญญากับบริษัท ไม่ตัน และร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัว ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2553 ที่ บริษัท ไม่ตัน จำกัด
Benefit & Policy
•The 9 Challengers ทั้ง 9 คน ทำสัญญาการทำงานกับ บริษัท ไม่ตัน จำกัด ขั้นต่ำ 1 ปี • ผู้ที่ได้รับคัดเลือกเป็น The 9 Challengers ที่ทำงานผ่านโปรตามระเบียบของบริษัท ในกรณีที่มีการลาออกหลังจากอยู่ครบ 1 ปี จะได้รับเงินมูลค่า ท่านละ100,000 บาท • ผู้ที่ได้รับคัดเลือกเป็น The 9 Challengers ที่ทำงานผ่านโปรตามระเบียบของบริษัท ในกรณีที่มีการลาออกหลังจากอยู่ครบ 2 ปี จะได้รับเงินมูลค่าท่านละ 200,000 บาท • ผู้ที่ได้รับคัดเลือกเป็น The 9 Challengers ที่ผ่านโปรตามระเบียบของบริษัท ในกรณีที่มีอายุการทำงานครบ 3 ปี จะได้รับหุ้นของบริษัทฯ มูลค่าท่านละ 300,000 บาท รวมมูลค่า 2,700,000 บาท ในกรณีที่มีการลาออกหลังจากอยู่ครบ 3 ปี สามารถเก็บหุ้นจำนวน 300,000 บาทไว้ได้ •เงินเดือน และผลตอบแทนอื่นๆของแต่ละท่าน ขึ้นอยู่กับ ความสามารถและประสบการณ์ของผู้ที่ได้รับการคัดเลือก •ผู้ผ่านการคัดเลือก ร่วมทำงานกับตันที่ บริษัท ไม่ตัน จำกัด จะรับตำแหน่ง หน้าที่ ผลตอบแทน ตามความเหมาะสมและได้สิทธิ์รับหุ้นของบริษัท ตามเงื่อนไขระยะเวลาตามที่บริษัทกำหนด •ผู้ชนะทั้ง 9 คน จะต้องยึดถือ กฏ ระเบียบ และมาตรฐานการประเมินผล เช่นเดียวกับพนักงานทั่วไปของบริษัทฯ กรณีไม่ปฏิบัติตามกฏ และนโยบายของบริษัท หรือไม่ผ่านการประเมินผลงาน บริษัทฯ สามารถยกเลิกสัญญาจ้างได้ทุกกรณีโดยไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทน หรือรางวัลใดๆ
ตัน ภาสกรนที
|