1
2

อัญมณีประจำราศี > กุมภาพันธ์ - แอเมทิสต์ (Amethyst)



JXR Amethyst


พลอยประจำเดือนเกิด กุมภาพันธ์ - แอเมทิสต์ (Amethyst)




แอเมทิสต์ (Amethyst) มาจากคำว่า "Amethystos" ในภาษากรีก แปลว่า การมีสติ ไม่มึนเมา จึงเชื่อกันว่าแอเมทิสต์มีคุณสมบัติทำให้ไม่เมา 



ชาวโรมันเชื่อว่าหากดื่มเหล้าจากจอกแอเมทิสต์ หรือแช่อัญมณีชนิดนี้ไว้ในเหล้าจะช่วยให้ไม่ให้เมา ในปัจจุบันถ้วยไวน์ในบางแห่งจึงยังคงแกะสลักจากแอเมทิสต์ แอเมทิสต์เป็นที่รู้จักกันมาตั้งแต่เมื่อ 5,000 ปีที่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะอัญมณีศักดิ์สิทธิ์สำหรับการสักการะ ชาวอียิปต์โบราณนับถือแอเมทิสต์มาก มีการฝังแอเมทิสต์ทรงหัวใจไว้ในสุสานของฟาโรห์จำนวนมากตามคำสอนในคัมภีร์แห่งความตาย (The Book of the Dead) ส่วนทางด้านศิลปะ ชาวอียิปต์ได้สลักรูปแมลงจากอัญมณีสีม่วงนี้

ในคัมภีร์ไบเบิ้ล ได้กล่าวถึงแอเมทิสต์ว่าเป็น 1 ในอัญมณี 12 ชนิดที่ประดับลงบนจีวรของพระชั้นผู้ใหญ่ ดังนั้น ต่อมา แอเมทิสต์จึงกลายเป็นอัญมณีที่ใช้แสดงฐานะพระชั้นผู้ใหญ่ของคริสตจักร สังเกตได้จากแหวนของพระสันตปาปาและแหวนของพระที่มีบรรดาศักดิ์สูง แหวนของพระเหล่านี้ประดับด้วยแอเมทิสต์ทั้งสิ้น ส่วนบนเสื้อพิธีของบาทหลวงก็ประดับแอเมทิสต์ลงไป จนปัจจุบันนี้ แอเมทิสต์กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของบาทหลวง นอกจากนี้ โบสถ์ในยุคกลางก็ประดับประดาไปด้วยแอเมทิสต์เช่นกัน (และเพราะเชื่อกันว่าสีม่วงเป็นสีแห่งความศรัทธาในศาสนา)




แอเมทิสต์เป็นอัญมณีสีม่วงคราม - ม่วงแดง สำหรับอะมีทิสต์สีอ่อน เรียกว่า Rose de France ส่วนสีเข้ม เรียกว่า ม่วงดอกตะแบก มีลักษณะเป็นผลึกเดี่ยว (Crystalline Varieties) อยู่ในประเภทควอตซ์ (Quartz Species) มีองค์ประกอบทางเคมี คือ SiO2 สีม่วงเกิดจากธาตุเหล็ก (Fe) ที่เป็นธาตุร่องรอย (Trace elements) ในโครงสร้างผลึก มีความแข็งเท่ากับ 7 ตามโมห์สเกล (Mohs' Scale of Hardness) แอเมทิสต์ที่มีความใสสะอาดนิยมนำมาเจียระไนแบบต่างๆ ส่วนแอเมทิสต์ที่มีลักษณะขุ่น มีความใสน้อยหรือค่อนข้างทึบแสงนิยมนำมาแกะสลัก นอกจากนี้เนื่องจากมีลักษณะผลึกที่สวยงามตามธรรมชาติจึงสามารถใช้วางเป็นของประดับตกแต่งได้โดยไม่จำเป็นต้องเจียระไน


สมบัติของแอเมทิสต์
สูตรเคมี (Chemical composition) SiO2
ระบบผลึก (Crystal system) Rhombohedral
ผลึกแฝด (Twinning) Dauphine law, Brazil law, Japan law
ค่าดัชนีหักเห (RI) nω = 1.543–1.553 nε = 1.552–1.554
ค่าไบรีฟรินเจนซ์ (Birefringence) +0.009
ลักษณะทางแสง (Optical nature) Uniaxial
ความวาว (Luster) วาวแบบแก้ว (Vitreous)
แนวแตก (Cleavage) ไม่มี
รอยแตก (Fracture) แบบก้นหอย (Conchoidal)
ความแข็ง (Hardness) 7
ความถ่วงจำเพาะ (SG) 2.65

แอเมทิสต์ สามารถนำมาเผาที่อุณหภูมิประมาณ 470 - 750 องศาเซลเซียส จะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลอมเหลืองหรือเหลือง หรือน้ำตาลอมแดง และเป็นการเปลี่ยนสีถาวร มีชื่อเรียกว่า ซิทริน (Citrine)

แหล่งที่พบแอเมทิสต์ที่มีคุณภาพ ได้แก่ ในประเทศบราซิล, มาร์ดากัสการ์, แซมเบีย, อุรุกวัย, พม่า, อินเดีย, แคนาดา, แมกซิโก, นามีเบีย, รัสเซีย, ศรีลังกา และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น

แอเมทิสต์สังเคราะห์ในปัจจุบันมีความคล้ายคลึงกับแอเมทิสต์ธรรมชาติมากทั้งส่วนประกอบทางเคมีและทางกายภาพ แต่ก็สามารถตรวจสอบได้โดยดูจาก Brazil law twinning ซึ่งเป็นลักษณะของผลึกแฝดที่พบในแร่ตระกูลควอตซ์ (Quartz)



แอเมทิสต์กับความเชื่อ
นอกจากจะเป็นอัญมณีประจำเดือนเกิดสำหรับเดือนกุมภาพันธ์แล้ว ปัจจุบันแอเมทิสต์ได้กลายมาเป็นอัญมณีที่คู่รักนิยมมอบให้กันในวันครบรอบการแต่งงานในปีที่ 4, 6 และปีที่ 17 อีกด้วย และมีความเชื่อกันว่าผู้ที่สวมใส่แอเมทิสต์จะสามารถควบคุมความคิดของศัตรูได้ และยังช่วยให้เจ้าของธุรกิจประสบความสำเร็จ บางตำราก็กล่าวว่าจะบ่งบอกว่าเป็นผู้ที่สุภาพ อัธยาศัยดี นอกจากนั้นอัญมณีชนิดนี้ยังช่วยในเรื่องของความรัก ความกล้าหาญ ป้องกันอันตราย และนำพาความสุขมาสู่ผู้สวมใส่อีกด้วย

ทางด้านการบำบัด 

อะมีทิสต์เป็นอัญมณีสีม่วงซึ่งเป็นสีแห่งจิตวิญญาณ จึงมีพลังช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัส ช่วยขจัดความคิดที่ชั่วร้ายและชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ ก่อให้เกิดสมาธิและการเรียนรู้ สำหรับผู้ที่เป็นโรคนอนไม่หลับ หากวางอัญมณีชนิดนี้ไว้ใต้หมอนจะช่วยให้หลับง่ายขึ้น หรือหากวางไว้บนหน้าผากจะช่วยรักษาอาการปวดศีรษะด้วย แอเมทิสต์ยังมีพลังช่วยในการฟอกเลือด หรือสร้างเม็ดเลือดได้ ดังนั้นจึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเลือด

ทางด้านความรัก 

คนโบราณเชื่อกันว่า ถ้านำอะมีทิสต์รูปหัวใจประดับบนเรือนทองคำหรือเงิน และบ่าวสาวมอบให้แก่กันและกัน ทั้งคู่จะมีชีวิตรักที่มีความสุขตลอดไป อะมีทิสต์ (Amethyst)ตำนานเกิดอะมีทิสต์


ตำนานของแอเมทิสต์
ตำนานการเกิดของอะมีทิสต์เกิดขึ้นเมื่อวันหนึ่ง เทพไดโอนิซุส (Dionysius) เทพเจ้าแห่งเมรัยทรงกริ้วที่มนุษย์ไม่สนใจพระองค์ จึงสาปแช่งให้มนุษย์คนต่อไปที่เดินผ่านมาถูกเสือฆ่า แต่ผู้ที่เดินผ่านมา คือ สาวน้อยชื่ออะมีทิสต์ (Amethyst) ซึ่งกำลังเดินทางไปสักการะเทพธิดาไดอานา (Diana) เมื่ออะมีทิสต์ เห็นเสือเข้ามาใกล้จึงร้องขอให้เทพธิดาไดอานาช่วย เทพธิดาไดอานาจึงเสกให้อะมีทิสต์กลายเป็นผลึกแก้วควอทซ์ เมื่อเทพไดโอนิซุสทรงทราบถึงเจตนาของอะมีทิสต์ก็รู้สึกละอายพระทัย จึงทรงเทเหล้าองุ่นลงบนร่างของอะมีทิสต์เพื่อเป็นการไถ่โทษ ทำให้ร่างของเธอกลายเป็นสีม่วง และกลายมาเป็นอัญมณีสีม่วงนี้ที่เรารู้จักกัน

ข้อมูล git.or.th, SGS, gemclub.blogspot.com
ภาพประกอบจาก Emily Gems



AMETHYSTFebruary's birthstone
OriginsBrazil, Kenya, Madagascar, Uruguay & Zambia
Colors FoundPinkish purple to purple
FamilyQuartz
Hardness7.00
Refractive Index1.54 - 1.55
Relative Density2.65

Dionysus, known for his love of grape juice, was the Greek god of wine; however after a few goblets he became a little confrontational. One day in the forest with goblet in hand, the tipsy Dionysus took insult from a passing mortal that refused to show him respect. The incident provoked his wrath and Dionysus swore revenge on the next mortal that he saw…
Along came Amethyst, a beautiful young maiden on her way to pay tribute to the goddess Diana. Dionysus targeted Amethyst as the object of his revenge, and with the snap of his fingers, he summoned two ferocious tigers to devour the girl. As Dionysus sat back to enjoy the spectacle, Amethyst cried out to her goddess Diana. Seeing what was about to happen, Diana transformed Amethyst into a glimmering pure white Quartz statue thus protecting her from the ferocious tigers. Moved with guilt, Dionysus realized the ruthlessness of his actions and began to weep with sorrow. As the tears dripped into his goblet, Dionysus collapsed, spilling the tear-tainted wine onto the statue of Amethyst. The white Quartz absorbed the wine's color creating the colored gem that we refer to today as Amethyst, the gemstone of the gods.
Legends and lore
With the mythology surrounding the origin of Amethyst, it is perhaps fitting that it was once considered a talisman to prevent drunkenness, which explains why wine goblets were once made from this gem. As the ancient Greeks often playfully manipulated words from other languages, it is possible that they jokingly converted the Hebrew word for a purple gem, "achlamath," to the Greek word "amethustos," meaning "not drunk," from which the modern name for Amethyst is derived. In legend, it is usually taken literally, as if the Greeks really thought Amethyst would prevent drunkenness.
Amethyst's shades of purple have served as a symbol of royalty throughout history. Pharaohs, kings and queens, as well as leading lights in religious sects have long treasured it because of its rich, royal color.
Interestingly, this fascination with the color purple dates back to Roman times when generals celebrating triumphs (and later emperors who never fought a battle) got to wear a "toga picta" (a bright purple toga with gold embroidery).
Because Amethyst was thought to encourage celibacy (it was believed to have a sobering effect not only on drunkards, but also upon those overexcited by passion), Amethyst was very important in the decoration of Catholic churches in the Middle Ages. Considered to be the "papal stone," even today bishops still wear Amethyst rings.
Many other qualities were attributed to Amethyst in the 15th century. Leonardo Da Vinci wrote that Amethyst was able to dissipate evil thoughts and quicken the intelligence. It was also believed to render people shrewd in business matters, preserve soldiers from harm and assist hunters in capturing wild animals.
The history of adornment can be traced back to the Minoan period in Greece (circa 2500 BC), where Amethyst has been found as polished cabochons set into gold rings. Popular in the 19th century, Amethyst was a favorite gem in art nouveau jewelry.
Just the facts
Colored by iron, Amethyst is a variety of macrocrystalline Quartz that occurs in transparent pastel roses to deep purples.
Like many other gemstones, the quality of Amethyst varies according to its source. Amethyst from the Americas can be found in large sizes as opposed to African Amethyst (typically mined in Madagascar and Zambia), which is sometimes small but carries a higher saturation in color. Dark, highly saturated Amethyst is also found in Australia. The now historic Siberian variety is deep purple with occasional red and blue flashes and commands the highest price. However, the most prolific origin is Brazil, and if we were to believe Dionysus' wine was indeed the source of its color, Brazilian Amethyst would have been born from the finest vintages.
First appearing in Europe in 1727, Brazilian Amethyst soon became highly fashionable and expensive. Amethyst was very popular in France and England during the 18th century and many affluent families invested large amounts of money in this gemstone. For example, a necklace of Amethysts was purchased at a very high price for Queen Charlotte (1744-1818), wife of George III of England.
The chief mining areas for Brazilian Amethyst are Minas Gerais, Bahia and Maraba. Neighboring Uruguay offers spectacularly beautiful varieties of Amethyst that were only discovered a few years ago.
Rose de France Amethyst (also known as Lavender Amethyst) is the name for Brazilian Amethyst of a pastel lilac pinkish hue. Rose de France Amethyst was a very popular Victorian gem and while Rose de France Amethyst frequently appears in antique jewelry, it is currently experiencing a revival in popularity as part of a general awakening to the beauty of pastel gems.
Multi Color Amethyst beautifully melds the regal purple lavenders of Amethyst with the ice whites of White Quartz in one gem. Multi Color Amethyst occurs because of environmental changes during formation. At different times, the color-causing element (iron) was incorporated into the crystal, causing different color layers. Purposely cut to showcase this feature, Multi Color Amethyst is generally judged by the balanced contrast between its colors. Cutting the gem so both colors show is sometimes challenging for cutters. While notoriously difficult to cut consistently, a well cut multicolored gem is a real delight.
gemstv.com





1
2

Wish You Happinessss

Success is not the key to happiness. Happiness is the key to success. 
If you love what you are doing, you will be successful. 

~ Albert Schweitzer ~

 คัมภีร์ 5 ห่วง  วิถีแห่ง "ซามูไร" วิถีแห่งนักรบ "บูชิโด"   แนวคิดของตัวเม่น   GOOD LUCK สร้างแรงบันดาลใจเพื่อความสำเร็จ ในชีวิตและธุรกิจด้วยตัวคุณเอง    Why complicate life ?   3 x 8 = เท่าไหร่ ?????   "ฉันชื่อ..โอกาส"

Wish You Happinessss