5 สิ่งที่คนประสบความสำเร็จทำกันก่อน 8 โมง

ใจจะทน (cover) พายและชา 5 สิ่งที่คนประสบความสำเร็จทำกันก่อน 8 โมง 5 Things Super Successful People Do Before 8 AM บทความในเว็บไซต์ของฟอร์บ ชื่อ 5 Things Super Successful People Do Before 8 AM อ้างอิงถึงบุคคล 3 คน ที่ตื่นแต่เช้ามืดทุกวัน  1. แฟรงค์ ลอยด์ ไรต์ สถาปนิกชื่อดังชาวอังกฤษ ผู้ออกแบบพิพิธภัณฑ์โซโลมอน อาร์. กุเกนไฮม์ ในนครนิวยอร์ก ตื่นนอนตอน ตี 4  2. โรเบิร์ต อีเก้ ซีอีโอของวอลท์ ดิสนีย์ ตื่น ตี 4 ครึ่ง และ  3. มาร์กาเรต แทตเชอร์ อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงแห่งสหราชอาณาจักร ลุกขึ้นจากที่นอนตอน ตี 5 ทั้ง 3 คนนี้ ตื่นแต่เช้า เพื่อ สร้างพลังให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงาน แม้มีคนโต้แย้งว่า การใช้เวลาตอนกลางคืนทำงานก็น่าจะได้ผลไม่ต่างกับการทำงานตอนเช้า แต่แท้จริงแล้วการทำงานตอนเช้า ให้พลังในเชิงรุกมากกว่า จะมีผลผลิตของงานที่ดีกว่า ทั้งยังที่ผลดีต่อสุขภาพมากกว่าด้วย จากผลการสำรวจของฟอร์บ พบว่า ก่อน 8 โมงเช้าคนที่ประสบความสำเร็จ มักจะลงมือทำ 5 สิ่งนี้  1.ออกกำลังกาย (Exercise) การออกกำลังกายในตอนเช้า ไม่ว่าจะเป็นการทำโยคะหรือออกกำลังกายในฟิตเนส ล้วนแล้วแต่เป็นการกระตุ้นพลังงานให้ขับออกมาใช้ในตลอดทั้งวัน ทั้งยังช่วยให้อารมณ์แจ่มใสอีกด้วย ถึงแม้ว่าเราอาจดูไม่สวยปิ๊งในตอนเช้า แต่การออกกำลังกายสัก 15 นาทีในทุกเช้า จะช่วยให้การทำงานของเรามีประสิทธิภาพขึ้น และเป็นการเตรียมตัวของเราในการเข้าเผชิญวันใหม่ได้อย่างกระฉับกระเฉงอีกด้วย ไม่เช่นนั้น หากรอจนหลังเลิกงาน คุณอาจจะเหนื่อยเพลียอ่อนล้าจนไม่อยากไปออกกำลังกายแล้ว  2.วางแผนประจำวัน (Map Out Your Day) หลังออกกำลังกายเสร็จแล้ว เราควรใช้เวลาในการวางแผนงานในแต่ละวัน ว่าเราจะทำอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป้าหมายที่พลาดไม่ได้ในวันนั้น เป้าหมายที่ต้องการทำให้สำเร็จนั้น คือ อะไร ตอนเช้าตรู่ ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการวางแผน เพราะเป็นเวลาที่เงียบสงบ มีสมาธิ สมองโปร่ง จะทำให้ทำงานได้เต็มศักยภาพ เวลาเช้าเป็นเวลาที่แสนสงบที่สมองของเราจะทำงานเกี่ยวกับการตัดสินใจและการวางแผนงานต่างๆได้ดี คนที่ตื่นแต่เช้าและวางแผนในการทำงานส่วนใหญ่ จะแก้ปัญหาและตัดสินใจในการทำงานได้ดีกว่าคนที่ตื่นสาย นอกจากนี้ เราควรให้มีเวลาพักสัก 10 นาที หลังการทำงานในแต่ละช่วงเพื่อให้สมองกลับมาสดชื่นอีกครั้ง เช่น การพักหลังจากการประชุมเครียด หรือการพักหลังจากอ่านหรือทำเอกสารกองใหญ่  3.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ (Eat a Healthy Breakfast) ทุกคนคงมีวันที่รีบเร่งในช่วงเช้า ถ้าเราดื่มแค่เพียงกาแฟถ้วยเดียวโดยที่ไม่มีอาหารอื่นๆ ตกถึงท้องเลย อาจทำให้โรคกระเพาะถามหาเป็นแน่ และที่สำคัญจะทำให้สมองไม่พร้อมต่อการทำงาน ทำให้การทำงานเชื่องช้าลง ดังนั้น เราจึงควรรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพในช่วงเช้าเพื่อเพิ่มพลังงานให้ร่างกายตลอดทั้งวัน อีกทั้งสารอาหารที่มีประโยชน์ก็จะช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของสมองได้ด้วย การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพช่วยให้สมอง มือ รวมทั้งกระเพาะอาหารทำงานอย่างสมดุลกัน ไม่เพียงแค่อาหารเช้าช่วยให้ร่างกายแข็งแรงกระปรี้กระเปร่าตลอดทั้งวันเท่านั้น ยังช่วยให้การเข้าสังคมของเราดีด้วยเช่นกัน โดยการใช้เวลาในระหว่างรับประทานอาหารเช้าเพียงแค่ 5-10 นาที พูดคุยกับลูกและภรรยา/สามี หรือเพื่อนร่วมงาน ก็ทำให้เกิดการเสริมสร้างกำลังใจและเสริมแรงให้กันและกันเพื่อที่จะไปเผชิญกับงานต่อไปได้    4.การมโนภาพ ความสำเร็จในสมอง (Visualization) เมื่อเริ่มต้นวันด้วยทัศนคติในแง่บวก คือ การมีความคิดทางบวกหรือใคร่ครวญจิตใจไปสู่ความคิดทางบวก ว่า วันนี้จะเป็นวันที่ดีของเรา มองเห็นภาพการทำงานที่ประสบความสำเร็จ ส่วนใหญ่คนมักจะมองข้ามเรื่องของจิตใจและเห็นความสำคัญของทางด้านร่างกายมากกว่า แต่หารู้ไม่ว่าบางครั้งจิตใจก็เป็นใหญ่กว่ากาย เพราะจิตใจเป็นสิ่งควบคุมร่างกายได้ การมีจิตที่เป็นสมาธิ คิดถึงสิ่งที่ดีงามจะทำให้วันใหม่ของเราสดใสมีกำลังใจมากขึ้น จะทำให้เกิดความกระตือรือร้น เสียเวลาแค่เล็กน้อยในการสร้างสมาธิจินตนาการภาพความสำเร็จ คุณจะเกิดแรงบันดาลใจอย่างไม่น่าเชื่อ  5.เริ่มต้นวันด้วย การทำสิ่งที่ยากที่สุด และสิ่งที่ไม่อยากทำที่สุดก่อน (Make Your Day Top Heavy) คงมีงานที่เราอยากผลักออกไปให้พ้น เพราะแสนน่าเบื่อและยาก แต่อย่างไรก็ตาม ควรจัดการทำงานแรกของแต่ละวันด้วยงานที่ยากก่อน เพราะถ้าปล่อยงานยากงานที่ไม่ถนัดเอาไว้ทำในช่วงบ่ายหรือเย็น คุณอาจจะเหนื่อยไม่มีเรี่ยวแรงและเบื่อหน่ายที่ทำมัน จะช่วยให้การทำงานในทั้งวันของเราง่ายขึ้นและปิดท้ายการทำงานด้วยความผ่อนคลาย ฉะนั้นจงทำงานประจำวันให้เสร็จ เมื่อไหร่ที่ผัดวันประกันพรุ่ง งานจะพอกสุมเป็นกองพะเนิน เชื่อว่าทุกคนเคยได้ยินเคล็ดลับเหล่านี้มาบ้างแล้ว แม้ไม่ครบทั้ง 5 สิ่ง แต่ก็คงได้รับรู้มาหลายข้อ ประเด็นอยู่ที่คุณเชื่อถือคำแนะนำเหล่านี้หรือไม่ และพร้อมหรือยังที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ขอย้ำว่ามันยากแค่ตอนเริ่มต้นเท่านั้น จริง ๆ แล้วคนที่ประสบความสำเร็จมากมาย ไม่ได้มีของวิเศษอะไรเลย เพียงแต่พวกเขาทำให้สิ่งง่าย ๆ ที่แตกต่างออกไปเท่านั้นเอง นั่นก็คือการตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อลุกขึ้นมาเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการทำงาน แทนที่จะลุกลี้ลุกลนตื่นขึ้นมาและออกไปทำงานในสภาพที่ไม่พร้อมทั้งร่างกายและจิตใจเหมือนกับที่หลาย ๆ คนกำลังทำอยู่ แต่ตอนนี้ก็ยังไม่สายนะคะถ้าจะเปลี่ยนนิสัย เพื่อประสบความสำเร็จเหมือนคนเหล่านั้นบ้าง เสียเวลาพิสูจน์ แค่เดือนเดียว ก็พอจะเห็นผล ลองปรับเวลาการใช้ชีวิตดีๆ แล้วแต่ละวันของคุณจะสดใสมากขึ้น เท่านั้นหล่ะ ความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกล forbes.com  oknation.net