1
2

อัญมณีประจำราศี > กันยายน - ไพลิน (แซฟไฟร์:Sapphire)





What is your Birthstone


Sapphire Video




อัญมณีประจำราศี : กันยายน - ไพลิน
"ไพลิน (Blue Sapphire)" เป็นพลอยประจำเดือนเกิดของผู้ที่เกิดเดือนกันยายน และไพลินยังถือเป็นสัญญลักษณ์ที่คู่รักนิยมมอบเป็นของขวัญให้แก่กันในโอกาสครบรอบการแต่งงานในปีที่ 5, 15, 23 และ ปีที่ 45 ไพลินได้รับความนิยมในหมู่คนทั่วไปทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

ไพลินจัดเป็นแร่ในประเภท (Species) คอรันดัม (Corundum)เช่นเดียวกับทับทิม (Ruby) ซึ่งพลอยคอรันดัมนี้เป็นพลอยที่มีความแข็งรองลงมาจากเพชร จึงทำให้ไพลิน เหมาะอย่างยิ่งที่จะนำไปทำเครื่องประดับ


ปัจจุบันหากพูดถึงแซฟไฟร์ "Sapphire" คำเดียวจะหมายถึง Blue Sapphire หรือ ไพลิน เพราะ Sapphire มาจากภาษาเปอร์เชีย "Saffir" หรือ จากภาษากรีก "Sappheiros"แปลว่า ผู้เป็นที่รักของ Saturn (เทพเจ้าแห่งกรีก) และหมายถึงสีน้ำเงิน "Blue" ซึ่งสมัยโบราณ จะเรียกพลอยคอรันดัมที่มีสีน้ำเงินว่าแซฟไฟร์แต่ในความเป็นจริงพลอยคอรันดัมประเภท Sapphire มีได้หลากสี เช่น สีเหลือง, ชมพู, ม่วง, เขียว เป็นต้น ดังนั้นหากเราต้องการจะเรียกพลอยคอรันดัมชนิดอื่นที่ไม่ใช่ไพลิน (Blue Sapphire) เราจะต้องระบุ สีด้วย เช่น Yellow Sapphire(บุษราคัม), Green Sapphire (เขียวส่อง), Pink Sapphire (พลอยแซปไฟร์สีชมพู) เป็นต้น ในปัจจุบันไพลินส่วนใหญ่มักผ่านการปรับปรุงคุณภาพด้วยความร้อนหรือที่เราเรียกกันว่าการเผา แต่ก็ได้รับการยอมรับกันโดยทั่วไปในตลาดพลอย เพราะการเผาจะทำให้สีดีของไพลินดีขึ้นและอยู่คงทนถาวร


สมบัติของไพลิน (Blue Sapphire)

สูตรเคมี (Chemical composition) อะลูมิเนียม ออกไซต์ (Al2O3)

ค่าดัชนีหักเห (RI) ประมาณ 1.76-1.77

ค่าไบรีฟรินเจนซ์ (Birefringence) ประมาณ 0.008-0.012

ลักษณะทางแสง (Optical nature) ดัชนีหักเหคู่ (DR) Uniaxial

ความวาว (Luster) วาวแบบแก้ว (Vitreous)

ระบบผลึก (Crystal system) ระบบสามแกนราบ (Trigonal)

ความแข็ง (Hardness) ประมาณ 9

ความถ่วงจำเพาะ (SG) ประมาณ 3.80-4.05

ชาวเปอร์เซียโบราณเชื่อกันว่าแซฟไฟร์ คือ "หินที่มาจากฟ้า" เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่าโลก ตั้งอยู่บน แซฟไฟร์ ขนาดมหึมา จึงทำให้สะท้อนแสงแดด ออกไปสู่ท้องฟ้ามีสีน้ำเงิน ตามตำนานกล่าวว่า แซฟไฟร์เป็นพลอยของกษัตริย์ที่ใช้สวมใส่เพื่อป้องกันภยันตราย ทำให้เชื่อกันว่าผู้ที่สวมใสไพลินจะมีชีวิตที่สดใส มีพลังในการดำรงชีวิต และไพลินนี้สามารถปกป้องอันตรายแก่ผู้ที่สวมใส่ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังถือเอาไพลินนี้เป็นสัญลักษณ์ของความจริงใจ และมั่นคงอีกด้วย

แหล่งข้อมูล:
Ruby;Sapphire by Richard W. HughesPratical Gem Handbook, GemA;Gem Reference Guide, GIA;แร่, กรมทรัพยากรธรณีศัพท์บัญญัติอัญมณี, มาตรฐานผลิตพันธ์อุตสาหกรรม

credits : http://www.git.or.th/



ไพลิน สตาร์ (Star Blue Sapphire)

ไพลิน อัญมณีแห่งคุณธรรม
ไพลิน (Blue Sapphire) เป็นอัญมณีในตระกูลคอรันดัม (Corandam) ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกันกับทับทิม จึงมีความแข็ง 9 โมส์ (Moh) และมีความวาวแบบเพชรเช่นเดียวกัน แต่ไพลินมีแร่ไททาเนียมและเหล็กปนอยู่ในผลึก จึงทำให้ไพลินมีสีน้ำเงิน ในขณะที่ทับทิมมีแร่โครเมียมปนอยู่จึงทำให้มีสีแดง

คำเรียกอัญมณีชนิดนี้ แต่เดิมนั้นคนไทยเรียกว่า นิลกาฬ ดังที่ปรากฏในคำกลอนนพรัตน์ที่ว่า “ สีหมอกเมฆนิลกาฬ ” แต่ต่อมาเปลี่ยนมาเรียกกันว่า “ ไพลิน ” เนื่องจาก เมื่อประมาณ 30 – 40 ปีก่อน นิลกาฬสีน้ำเงินเข้มสดที่มาจากจังหวัดไพลิน ประเทศเขมรเป็นที่ต้องการของตลาดมาก เมื่อผู้ขายนำมาขายจึงต้องระบุว่ามาจากจังหวัดไพลิน จนคำว่า “ ไพลิน ” กลายเป็นคำเรียกแทน “ นิลกาฬ ” ไปโดยปริยาย ส่วนคำว่า Sapphire นั้น มาจากคำว่า Sapphiros ในภาษากรีก แปลว่า สีน้ำเงิน


อัญมณีแห่งความจริงใจ
คนในสมัยโบราณมีความเชื่อเกี่ยวกับอัญมณีชนิดนี้หลากหลาย เช่น ชาวยิวเชื่อว่าไพลินเป็นเสมือนสารลับจากพระเจ้า ชาวเปอร์เซียคิดว่าโลกของเราวางอยู่เหนือไพลินขนาดใญ่ ส่วนท้องฟ้า คือ ภาพสะท้อนสีสันอันงดงามของไพลิน

พลินเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงและความซื่อสัตย์ ผู้หญิงจำนวนมากจึงเลือกใช้ไพลินมาทำเป็นแหวนหมั้น นอกจากนี้ไพลินยังเป็นอัญมณีแห่งคุณธรรมอีกด้วย ช่วยทำให้ผู้ที่สวมใส่มีจิตใจตั้งมั่นอยู่ในความดี ช่วยควบคุมอารมณ์ เพิ่มความเชื่อมั่นและความศรัทธาต่อตัวเอง ช่วยให้ประสบความสำเร็จในชีวิต และเช่นเดียวกับอัญมณีทรงคุณค่าชนิดอื่น ๆ ไพลินก็มีอำนาจช่วยปกป้องให้พ้นจากภยันตรายต่าง ๆ ด้วย ทางด้านการบำบัดรักษา ไพลินช่วยบรรเทาโรคหรืออาการทางสมอง โรคที่เกี่ยวกับประสาทและไขสันหลัง ผิวหนังอักเสบได้


ตำนานกำเนิดไพลิน
ในคัมภีร์พระเวทบันทึกไว้ว่า ไพลิน คือ ดวงตาของอสูรวลาซึ่งถูกเหล่าเทวดาหลอกมาสังหารแล้วแยกชิ้นส่วนร่างกายของอสูรตนนี้ออกอันเนื่องมาจากอสูรวลามีอำนาจเหนือพระอินทร์ คอยกดขี่ข่มเหงเทวดาอื่น ๆ ชิ้นส่วนร่างของมารวลาที่ตกลงมาบนโลกมนุษย์ได้กลายเป็นอัญมณีชนิดต่าง ๆ ส่วนดวงตานั้นได้ตกลงมายังเกาะลังกา


แหล่งที่พบไพลิน

บริเวณที่ไพลินร่วงหล่นลงมาได้กลายมาเป็นแหล่งไพลินแหล่งใหญ่ในปัจจุบัน คือ ประเทศศรีลังกา และบริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย พม่า เขมร

ไพลินที่ดีที่สุดพบที่แคว้นแคชเมียร์ ประเทศอินเดีย ไพลินของแคว้นแคชเมียร์ถูกค้นพบครั้งแรกในปี ค . ศ . 1881 ไพลินของแคว้นนี้มีสีน้ำเงินเข้ม แลดูนุ่มนวล ไม่อมเขียวหรืออมดำ เรียกกันว่า สีน้ำเงินกำมะหยี่ (Velvety Blue) ไพลินที่ขึ้นชื่ออีกแหล่งหนึ่ง คือ ไพลินจากซีลอน หรือประเทศศรีลังกาซึ่งมีลักษณะเดียวกันกับไพลินจากแคว้นแคชเมียร์

สำหรับในประเทศไทย พบไพลินมากที่จังหวัดจันทบุรีและกาญจนบุรี ไพลินของไทยส่วนใหญ่มีสีน้ำเงินเข้ม น้ำเงินอมดำ อมเขียว หรืออมฟ้า นอกจากนี้ยังพบไพลินที่จังหวัดแพร่ สุโขทัย ศรีสะเกษ เพชรบูรณ์บ้างประปราย
www.sgs.ac.th

นิตยสาร พลอย ปี 2535 - 2538
พลอยไพลิน (Sapphire) สารคดีอัญมณี


แซฟไฟร์ (Sapphire)....หนึ่งมณีแห่งกันยามาส....จากขอบฟ้า...จรด...แนวฟ้า เส้นสีของมวลหมู่เมฆเป็นสีฟ้าใส...หม่นมัว...หรือสดเข้ม... บางคราวเกลื่อนกลายจากสีฟ้าเจือจาง...เป็นสีน้ำเงิน...ล้ำลึก...นี่คือสีแห่งท้องฟ้า ก็ควรแล้วที่จะเอ่ยอ้างถึงตำนานแห่งโบราณกาล อันน่าฉงนฉงาย ตามความเชือของชาวเปอร์เซียน..เชื่อว่าโลก...วางอยู่บน แซฟไฟร์ขนาดมหึมา และแซฟไฟร์นี้เอง... ที่ทำให้ดกิดการสะท้อนกลับของแสง ออกไปสู่ท้องฟ้า... ฉาบท้องฟ้าให้เป็นสีน้ำเงินเข้ม เฉกเช่น...แซฟไฟร์แหล่งจุดกำเนิดสี... หรืออีกนัยหนึ่ง ...หินที่มาจากฟ้า...นั้นเอง ก็คงจะไม่ละเลย..หรือผ่านตาไปเสียทีเดียว... ก่อนที่จะรู้ให้ลึกซึ้งถึง...ความทรงเสน่ห์ของแซฟไฟร์ เพราะคำว่า แซฟไฟร์ มาจากภาษาฮิบรูว์ว่า SAFFIR หรือภาษากรีก SAPPHEROS หรือ SAPPHIRUS บ้างก็ว่ามาจากภาษาสันสกฤตโบราณ ซึ่งแปลว่า BLUE หรือ สีน้ำเงิน และที่น่าปลื้มสำหรับบุรุษ หรือสตรีใดก็ตาม ท่านที่เกิดเดือนนี้หรือ แซฟไฟร์ (SAPPHIRE) คือ พลอยประจำเดือนเกิดของคุณ...กันยายน...ไงล่ะคะ และอีกมากนิยามที่เชื่อว่า แซฟไฟร์ คือ สัญลักษณ์ของความจริงและความมั่นคง อีกทั้งยังสามารถป้องกันการถูกทำร้าย ขจัดความอิจฉาริษยา และยังใช่รักษาโรคเกี่ยวกับเลือด และโรคหัวใจ ที่ไม่ควรลืม... แซฟไฟร์ คือความทรงเสน่ห์อันลึกล้ำของผู้สวมใส่... ใครเห็น..ใครรัก...ใคร่ชื่นชมชิดใกล้..ไม่จืดจาง
แซฟไฟร์ เป็นแร่ที่กำเนิดในตระกูลคอรันดัม (CORUNDUM) เช่นเดียยวกับทับทิม หากต่างสี เกิดจากหินปูนที่ถูกแปรสภาพในหินบะซอลท์ (BASALT) ภายใต้ผิวโลก หรือลาวาของภูเขาไฟที่ไหลมาสู่ชั้นผิวโลก หากเมื่อเอ่ยถึงแซฟไฟร์แล้ว คนมักจะนึกถึงบลูแซฟไฟร์ (BLUE SAPPHIRE) หรือไพลินแต่แท้จริงแล้วแซฟไฟร์ไม่ได้มีเพียงเฉพาะสีน้ำเงินเพียงสีเดียวในชื่ออื่นๆ ที่คนไทยเราคุ้นเคย อาทิ เขียวส่อง เขียวบุษย์ พลอยน้ำบุษย์ นิหล่า พลอยสาแหรก เจ้าสามสี

แหล่งกำเนิดของแซฟไฟร์ในต่างประเทศพบมากที่ ศรีลังกา มีมากในท้องตลาด และเป็นที่นิยมมากที่สุด ที่แคชเมียร์ของอินเดียมีแซฟไฟร์สวยที่สุดและคุณภาพดีแต่หายากในปัจจุบัน ที่เขมรหรือกัมพูชา พบแซฟไฟร์ที่สวยมาก จนตั้งชื่อว่า ไพลิน ตามสถานที่พบ คือ เมืองไพลิน ที่พม่าหายากมากแต่สีที่หาได้สวยที่สุด นอกจากนี้ยังพบอีกหลายแหล่ง เช่น อาฟริกาและสหรัฐอเมริกา ในปัจจุบันแซฟไฟร์จากออสเตรเลีย ก็พบมาก แต่เป็นสีน้ำเงินดำเข้มมาก ราคาถูก สำหรับในประเทศไทยเหมืองที่มีชื่ออยู่ที่อำเภอ วังชิ้น และเด่นชัย-แพร่ อำเภอ ศรีสัชนาลัย-สุโขทัย อำเภอ บ่อพลอย-กาณจนบุรี และเขาพลอยแหวน บางกะจะ-จันทบุรี อำเภอเขาสมิง-ตราด

แซฟไฟร์ พบได้ทุกสี เช่น สีชมพู ม่วง เขียว เหลือง ส้ม ใสไม่มีสี แต่ที่นิยมมากที่สุด คือ สีน้ำเงิน มีความโปร่งใสถึงโปร่งแสงจนถึงทึบแสง มีความแข็งเท่ากับ 9 ค่าหักเหของแสง 1.762-1.770 ความถ่วงจำเพาะ 4 และมีความแข็งรองจากเพชร สีน้ำเงินที่สวยและเป็นที่นิยม คือ สีน้ำเงินกำมะหยี่ ที่เรียกว่า DEEP ROYAL BLUE แซฟไฟร์ บางประเภทที่มีลักษณะพิเศษเรียกว่า OTTU SAPPHIRE คือสีในเนื้อจะไม่ทั่ว มีการเจียสีให้อยู่ก้นพลอยถ้ามองจากด้านหน้าพลอย จะเห็นสีฟ้าทั้งเม็ด ถ้ามองด้านข้างจะเห็นสีก้นพลอยข้างหน้าใส OTTU SAPPHIRE ส่วนมากมาจากซีลอน ราคาจะถูกกว่าแซฟไฟร์โดยทั่วไป

และเช่นเดียวกับ...อัญมณีชนิดอื่นๆ....4C คือความจำเป็น.. ที่จะละเลยไม่ได้ในการเลือกแซฟไฟร์ที่ ล้นด้วยคุณภาพและสมบูรณ์ในแง่ของความงามในเรื่องของสี (COLOUR) สีที่มีความเข้มสูง คือเข้มทั้งเม็ดเนื้อกำมะหยี่ มีความเข้มถึง 60-80% จะมีราคาแพงกว่าสีอ่อน ตามวิชาอัญมณีศาสตร์ ความหมายของความเข้มหมายถึงระดับความมืด หรือสีดำที่ผสมอยู่ในสีนั้นๆ โดยปกติความเข้ม 0% สีใสไม่มีสี แต่ความเข้ม 100% เท่ากับสีดำสนิท ความสะอาด (CLARITY) ควรเลือกเม็ดที่มีความสะอาดมาก ซึ่งอาจพบตำหนิบ้าง เพราะตำหนินั้น คือคุณค่าของพลอยแท้ สัดส่วนการเจียระไน รูปทรงที่นิยม ได้แก่ รูปไข่,รูปสี่เหลี่ยม,รูปกลม หรือรูปหลังเบี้ย (หลังเต่า) น้ำหนักเม็ดใหญ่ย่อมราคาแพงกว่าเม็ดเล็กที่มีคุณภาพเท่ากัน

แซฟไฟร์ จะมี (STAR) หรือสาแหรกซึ่งเป็นลักษณะธรรมชาติปรากฏอยู่ในเนื้อพลอย ใจกลางของพลอยเป็นประกายดาว สว่างแรงกล้าไวต่อการสะท้อนแสง และมีประกายเป็นแวววาวเหมือนกับมีชีวิต แซฟไฟร์ที่มีสตาร์ปรากฏอยู่อย่างสวยงามจะมีผลส่งให้แซฟไฟร์มีราคาที่สูงลิ่ว สตาร์ นั้นถ้ามองด้วยตาเปล่าจะเห็นเป็นประกายรูปดาว 6 แฉก หรืออาจจะมากถึง 12 แฉก ที่น่าสนใจ คือพลอยแซฟไฟร์ สตาร์สีดำ (BLACK STAR SAPPHIRE) ที่ขุดพบในไทยมักมี STAR หรือสาแหรกออกเป็นสีทอง เรียกว่า GOLDEN STAR เป็นที่นิยมมาก แต่ราคายังถูกถ้าเทียบกับพลอยสตาร์สีน้ำเงิน แซฟไฟร์ชนิดพิเศษ ที่น่าจะทำความรู้จัก คือ แซฟไฟร์เปลี่ยนสี หรือที่เรียกว่า เจ้าสามสี มีคุณสมบัติพิเศษ คือเปลี่ยนสีได้ตามชนิดของแสง เช่น ในแสงอาทิตย์เป็นสีน้ำเงินม่วง แต่พอเข้าแสงไฟ สีน้ำเงินจะกลายเป็นสีแดง แซฟไฟร์เปลี่ยนสีของแท้หายากมาก เจ้าสามสีที่เห็นเม็ดใหญ่ๆทั่วไปในท้องตลาดเป็นเจ้าสามสีสังเคราะห์ แซฟไฟร์สีส้มอมชมพู มีชื่อเรียกว่า “พัดพาราชา” พบมากแถวซีลอน หรือศรีลังกา สิ่งที่ควรระวังในการซื้อแซฟไฟร์ คือคุณอาจซื้อแซฟไฟร์สังเคราะห์หรือแซฟไฟร์ปะแทนแซฟไฟร์ของแท้ ดังนั้นจึงควรซื้อจากร้านที่เชื่อถือได้หรือมีใบรับประกันจะปลอดภัยที่สุด คุณหรือคนใกล้ชิด...หรือญาติมิตร...ที่เป็นเจ้าของเดือนเกิดที่คู่กับ แซฟไฟร์...อย่าเก็บความชื่นชมความปลาบปลื้มนี้...เพียงแค่อ่านและผ่านเลย... หากคุณอยากเป็นเจ้าของ แซฟไฟร์สักเม็ด หรืออัญมณีสักชิ้น ที่เป็นเครื่องประดับอันประกอบด้วยแซฟไฟร์แล้ว

ไพลิน
ไพลิน คอรันคัมทุกสี ยกเว้นสีแดง จะเรียกว่าแซปไฟร์ สีต่างๆ ของแซปไฟร์สามารถนำมาใช้เรียกเป็นชื่อชนิดอื่นได้ เช่น แซปไฟร์สีเหลือง (บุษราคัม) แซปไฟร์สีเขียว (เขียวส่อง เขียวมรกต) แซปไฟร์สีน้ำเงิน (ไพลิน) แซปไฟร์สีส้มอมชมพู (แพดพาแรดชา) เป็นต้น สีต่างๆ ของแซปไฟร์เกิดจากธาตุชนิดต่างๆ สีน้ำเงินของไพลินเกิดจากธาตุเหล็ก และไททาเนียม สีของไพลินที่ถือว่าสวยงามที่สุดคือ สีน้ำเงินเข้มสด และมีสีม่วงอมเล็กน้อย มีความมืดสว่างปานกลาง ไพลินจัดเป็นแซปไฟร์ที่ได้รับความนิยมมาก ทำให้ค่อนข้างมีราคาสูง รองลงมาเป็นบุษราคัม เขียวส่อง ส่วนชนิดแซปไฟร์สีอื่นๆ จัดเป็นรัตนชาติสำหรับการสะสมก็ว่าได้ แต่ก็หาไม่ได้ง่ายนัก และอาจมีราคาแพงได้เช่นกัน เช่น แพดพาแรดชา แซปไฟร์ สีม่วง สีชมพู เป็นต้น และก็เช่นเดียวกันกับรัตนชาติชนิดอื่นๆ ที่คุณภาพ คุณค่าราคาขึ้นอยู่กับสี ความสดใสไร้ตำหนิ การเจียระไน และน้ำหนัก แหล่งผลิตแซปไฟร์ที่สำคัญของโลกโดยเฉพาะไพลินในปัจจุบันนี้ได้แก่ ออสเตรเลีย ศรีลังกา ไทย พม่า กัมพูชา แทนซาเนีย

ไพลิน แบ่งออกเป็นระดับทางการค้าได้ 5 ระดับ
1. ไพลินแคชเมียร์ หมายถึงไพลินที่มีสีเหมือนไพลินที่มาจากแหล่งแคชเมียร์ ประเทศอินเดียซึ่งจัดเป็นแหล่งที่มีไพลินสีสวยงามเป็นหนึ่งในอดีต แต่ในปัจจุบันนี้ไม่มีการผลิตจากแหล่งนี้แล้ว แต่ยังคงใช้เป็นชื่อเรียกไพลินจากแหล่งต่างๆ ที่มีสีแบบนี้ว่า "แคชเมียร์แซปไฟร์" สีที่สวยงาม ของแคชเมียร์แซปไฟร์ คือ สีน้ำเงินอมม่วงเล็กน้อยคล้ายกับสีดอกอัญชัน (Cornflower blue) และมองดูมีเนื้อนุ่มนวลเหมือนผ้ากำมะหยี่ มีโทนสีมืดปานกลาง แต่พลอยชนิดนี้จะไม่โปร่งใสเลยทีเดียว จึงมีผลกระทบต่อความสุกใสประกายแวววาวของพลอยทำให้พลอยดูเหงาซึมเซา ที่จริงแล้วไพลินระดับนี้นานๆ ครั้งจะพบมีขายในท้องตลาด ไพลินจากแหล่งศรีลังกา ไทย พม่า เขมร ก็อาจมีสีนี้ได้เช่นกัน

2. ไพลินพม่า หมายถึงไพลินที่มีสีเหมือนไพลินจากแหล่งพม่า ซึ่งจัดว่าสวยงามมากเช่นกัน คุณภาพไพลินระดับพม่านี้ ใช้เป็นระดับคุณภาพในการซื้อขายในอเมริกาเป็นส่วนใหญ่ สีที่สวยงามของไพลินพม่าคือ สีน้ำเงินเข้มอมม่วงเล็กน้อย มีโทนสีมืดปานกลางเช่นเดียวกับไพลินระดับแคชเมียร์ แต่ไม่มีความนุ่มนวลเหมือนกำมะหยี่ มีสีน้ำเงินเข้มที่เรียกว่า สีรอแยลบลู (Royal blue) สีน้ำเงินของไพลินระดับพม่านี้จัดเป็นสีน้ำเงินที่สวยขรึม แต่จะขาดความสุกใส ประกายมีชีวิตชีวาไปเล็กน้อย ไพลินจากแหล่งไทย ศรีลังกา เขมร ก็มีสีแบบนี้ได้เช่นกัน ข้อแตกต่างของไพลินแคชเมียร์และไพลินพม่า คือ ไพลินพม่าไม่มีลักษณะเนื้อนุ่มนวลแบบกำมะหยี่เหมือนไพลินแคชเมียร์


3. ไพลินไทย จัดเป็นไพลินระดับค่อนข้างต่ำโดยเฉพาะในอเมริกาถือว่าไพลินที่มีสีเหมือนไพลินไทยจะมีราคาต่ำ สีที่ว่านี้คือ สีน้ำเงินน้ำดำมืดเหมือนน้ำหมึก สีค่อนข้างมืด ทำให้พลอยดูดำมืดทั้งเม็ด บ้างครั้งก็มีสีเขียวปน แต่บางครั้งอาจมีลักษณะเนื้อเหมือนกำมะหยี่ปนบ้าง สำหรับไพลินไทยจากแหล่งกาญจนบุรีส่วนใหญ่จะมีสีน้ำเงินเข้มและมีความขุ่นขาวเป็นตำหนิปนอยู่ตามโซนสี ทำให้พลอยดูมีประกายวาวมากขึ้น แต่ถ้าลักษณะความขุ่นขาวมีมากตลอดทั่วทั้งเม็ดพลอย จะทำให้พลอยนั้นดูไร้ประกายหรือด้านมัว ไพลินจากแหล่งกาญจนบุรี มีลักษณะโดยทั่วไปคล้ายไพลินศรีลังกา โดยเฉพาะมีโซนสีหรือแถบสีที่เด่นชัด


4. ไพลินซีลอน จัดเป็นสีน้ำเงินที่สวย มีประกายมีชีวิตชีวา เป็นสีน้ำเงินที่มีความเข้มน้อยกว่าไพลินพม่า ไพลินซีลอน มีโทนสีอ่อนกว่า ไพลินพม่าด้วย ทำให้ดูสุกใสมีประกายกว่า ที่พบสวยเหมือนไพลินแคชเมียร์ก็มี ไพลินซีลอนได้จากพลอยก้อนสีขาวขุ่นเหมือนน้ำนม มีจุดสีน้ำเงิน อยู่ในเนื้อ นำไปเผาจะให้พลอยสีน้ำเงินทั้งสวย และไม่สวย ที่สวยก็นำมาขายเป็นไพลินซีลอน ส่วนที่เผาแล้วไม่สวย ก็จะได้เป็นสีฟ้าอ่อนใส หรือขาวไปเลย ซึ่งไม่ค่อยมีราคานัก เรียกตามภาษาชาวบ้านว่า ไพลินซีลอนเผาไม่ออก * ซีลอน คือ ศรีลังกา *

5. ไพลินออสเตรเลีย มีสีน้ำเงินมืดสนิทกว่าไพลินไทย หรือคล้ายไพลินไทย แต่ไม่มีลักษณะเนื้อกำมะหยี่ปนอยู่เลย อาจมีสีเขียวปนบ้าง

จากที่กล่าวมาแล้วนั้น เป็นระดับทางการค้าของไพลิน ซึ่งก็ไม่มีสีอะไรที่แน่นอนประจำแหล่งเลย เพียงแต่ถ้าเคยพบพลอยสีงามน้ำหนึ่งใน แหล่งนั้นตามที่กล่าวข้างต้น ก็จัดให้ชื่อตามระดับคุณภาพทางการค้าตามชื่อแหล่งนั้น กล่าวคือใช้ชื่อแหล่งเป็นพื้นฐานแบบอย่างของคุณภาพสีนั่นเอง โดยสรุปแล้วระดับทางการค้านั้นใช้สีเป็นตัวประกอบที่สำคัญที่สุด มิได้หมายถึงแหล่งเลย นอกจากนี้ความนิยมชมชอบสีของคนในแต่ละเชื้อชาติ จะแตกต่างกัน แต่สีซึ่งเป็นสีที่คุณภาพดีที่สุดคือ สีน้ำเงินเข้มอมม่วงเล็กน้อย สีโทนสีปานกลาง ไม่มืดมาก และไม่สว่างมากเกินไปบวกกับความสุกใส มีประกายมีชีวิตชีวานั่นเอง

การพิจารณาเลือกซื้อไพลิน
1. สีเป็นสำคัญ ตามมาด้วย มลทิน การเจียระไนและขนาด ให้คำนึงเปรียบเทียบถึงความสัมพันธ์ของตัวประกอบเหล่านี้ว่า เหมาะสมต่อความสวยงามหรือไม่อย่างไร แต่ถ้าองค์ประกอบเหล่านี้ดีครบ ราคาก็จะแพง ไพลินที่มีสีสวยที่สุดคือ สีน้ำเงินอมม่วงเล็กน้อย โทนสีไม่มืดมาก ปานกลาง มีเนื้อกำมะหยี่ มีความสุกใส มีประกายแวววาวดี ควรดูความสม่ำเสมอของสีด้วย สีที่ไม่สม่ำเสมอในเนื้อพลอย จะทำให้ราคาตกลง ไพลินที่มีโทนสีมืด สีมีความเข้มมากเกินไปจนมองดูดำมืด และไพลินที่มีโทนสีสว่างอ่อนเกินไปจะสวยน้อย และมีราคาไม่แพง ดังนั้น ถ้ามีเงินไม่มากนัก ควรเลือกไพลินโทนสีค่อนข้างสว่าง ความเข้มของสีกำลังดีเพราะราคาจะถูกลง แถมยังทำให้มองดูสวย ภายใต้แสงไฟ เนื่องจากมีความสุกใสกว่าไพลินที่มีโทนสีมืดคล้ำ แต่อย่าเลือกไพลินโทนสีสว่างโล่งเกินไป หรือความเข้มของสีน้อยเกินไป เพราะจะมองดูไม่สวยสง่า เหมือนไพลินที่มีความเข้มของสีมากกว่า กล่าวคือให้มีความเข้มของสีน้ำเงินอยู่และมีโทนสีสว่างบ้างมิใช่เป็นสีน้ำเงินอ่อนจนเป็นสีฟ้า แถมมีโทนสีสว่างด้วย

2. มลทิน ตำหนิ มื่อสังเกตดูสีจนเป็นที่พอใจแล้วให้ดูว่า ไพลินนั้นสะอาด เมื่อมองด้วยตาเปล่าแล้วมองเห็นมลทินตำหนิภายในหรือไม่ ถ้ามองไม่เห็นมลทินด้วยตาเปล่า ก็ถือว่าใช้ได้ ไพลินที่มีมลทินอยู่ภายในเนื้อเป็นข้อบ่งชี้ว่าเป็นของธรรมชาติ แต่ต้องดูแยกให้ออก ว่าเป็นมลทินธรรมชาติหรือมลทินสังเคราะห์ (ทำขึ้น) การดูมลทิน มักจะต้องใช้แว่นขยาย 10 เท่าขึ้นไปหรือกล้องจุลทรรศน์ ซึ่งผู้ชำนาญเท่านั้น จึงจะสามารถแยกออกจากกันได้ว่าเป็นมลทินธรรมชาติ หรือมลทินสังเคราะห์ ไพลินธรรมชาติที่ใส สะอาดไร้มลทิน จะหาได้ยากมาก ดังนั้น ถ้าพบไพลินเช่นนี้อย่าได้วางใจ มีอยู่ 2 กรณีคือ อาจจะเป็นมลทินขนาดเล็กๆ ซึ่งเป็นมลทินของแท้ ซ่อนตัวอยู่ภายในเนื้อพลอย จนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า อาจจะต้องใช้แว่นขยาย บวกกับระบบแสงที่ถูกต้องในการตรวจหา หรืออาจจะใสไร้มลทินไปเลย และมองเห็นแต่เส้นโค้งเป็นชั้นบางๆ ซึ่งเป็นไพลินสังเคราะห์ก็ได้ ดังนั้น จึงไม่แนะนำให้ซื้อไพลินที่ใสสะอาดไร้มลทินเพราะหายากมากนั่นเอง ถึงแม้จะมีก็ราคาแพงมาก แถมอาจจะเจอเอาพลอยสังเคราะห์ด้วย ดังนั้น แทนที่จะจ่ายเงินเพื่อความสวยงาม กลับจ่ายเงินด้วยความไม่รู้ เพื่อความหายากซึ่งไม่ควร ตำหนิมลทินที่ไม่ถึงกับบดบังความสวยงาม หรือทำให้พลอยแตกร้าวก็ถือเป็นใช้ได้ นอกจากนี้ ควรเลือกไพลินที่ มีความโปร่งใสหน่อย เพราะจะทำให้พลอยดูมีประกายมีชีวิตชีวาขึ้น

3. การเจียระไน ไพลินที่มีการเจียระไนได้สัดส่วนถูกต้องสวยงาม พร้อมกับมีการเจียระไน โดยให้การวางตัวของโต๊ะหน้าพลอย ที่จะให้ได้ไพลินสีสวยที่สุดคือ เจียระไนโดยให้โต๊ะหน้าพลอยวางตัวในทิศทางที่จะให้สีน้ำเงินอมม่วงหรือน้ำเงิน ไม่ใช่น้ำเงินอมเขียว รูปร่างของหน้าพลอย ถ้าเป็นกลมก็กลมสวย ไม่เบี้ยว ถ้าเป็นทรงไข่ก็ไข่สวย ไม่บิดเบี้ยว มีความสมมาตร มีขอบพลอยขนาดพอดี และมีขนาดก้นพลอยไม่ยาวหรือสั้นจนเกินไป และฝีมือประณีตในการเจียระไน จะดูได้จากลักษณะเหลี่ยมคมของแต่ละหน้านั้น มีความคมชัดเรียบสวยงาม ไม่แตกขรุขระ แต่ละหน้าเหลี่ยมพลอยมีรูปร่างดี ไม่บิดเบี้ยวแตกต่างกัน ความสวยงามของไพลินจะลดน้อยลงมาก ถ้าขาดการเจียระไนที่ดี ดังนั้น ควรจะพิจารณาดูอย่างง่ายๆ ว่า ไพลินที่ซื้อนั้นมีก้นพลอยที่ได้ระยะพอดี ไม่ยาวหรือสั้นเกินไปจนดูแปลกตา ลักษณะก้นพลอยและหน้าเหลี่ยมต่างๆ ไม่บิดเบี้ยว มีความสมมาตรดี มีเหลี่ยมเจียระไนคมชัดเจนดี เป็นอันว่าใช้ได้

ข้อควรระวังในการเลือกซื้อไพลิน
1. ให้ระวังพลอยสีน้ำเงิน สีฟ้า โดยที่คนส่วนใหญ่อาจเข้าใจผิดว่าเป็นไพลิน ทำให้ซื้อมาผิดๆ หรือไม่ก็ซื้อมาในนามของไพลิน ราคาไพลิน แต่เป็นพลอยชนิดอื่น เช่น อาจไปซื้อเอาเพทายสีฟ้า อะความารีน คาลชิโดนีสีฟ้า ทัวร์มาลีนสีน้ำเงิน เป็นต้น

2. ให้ระวังไพลินสังเคราะห์ เนื่องจากมีคุณสมบัติทางกายภาพ และทางแสงเหมือนกับของแท้หมด แถมถ้าเป็นชนิดที่มีมลทินแล้ว มลทินนั้นยังดูคล้ายของแท้เสียอีก สร้างความปวดหัวให้กับนักตรวจเพชรพลอยไปตามๆ กัน ดังนั้น ถ้าสงสัย ไม่แน่ใจ ส่งมาเข้าห้องตรวจสอบเพชรพลอยเสียก่อน

3. ให้ระวังไพลินเผาเคลือบสีที่ผิว ซึ่งมักเป็นไพลินสีอ่อน ใสไม่สวย นำมาเคลือบเผาย้อมสีที่ผิวไพลินเหล่านี้จะมองเห็นความผิดปกติ ของสีกระจายเป็นหย่อมๆ อยู่ในเนื้อพลอยหรือผิวพลอย

4. ให้ระวังไพลินประกบ อาจจะประกบระหว่างของแท้ กับของแท้ เพื่อให้ได้ขนาดใหญ่ หรือประกบระหว่างไพลินธรรมชาติ กับไพลินสังเคราะห์ โปรดสังเกตว่า มีแนวระนาบแบ่งชั้นพลอยอยู่หรือไม่ ที่ขอบพลอยมีลักษณะของรอยต่อหรือไม่ มองพลอยจากด้านบนแล้ว ไม่ทะลุผ่านถึงก้นพลอยหรือไม่
5. ไพลินที่ผ่านกระบวนการเพิ่มคุณภาพโดยให้ความร้อนที่เรียกว่าพลอยเผานั้น ถือว่าเป็นเรื่องปกติเหมือนกับการนำพลอยมาเจียระไนนั่นเอง
6. สำหรับพลอยสาแหรกนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นสีดำหรือสีน้ำเงินเทา ให้เลือกดูว่าดาวมีขาครบ ลักษณะดาวอยู่ตรงกลางพลอย และมีการเจียระไนได้สัดส่วนดี คือมีส่วนก้นไม่หนาเกินไป (พลอยสาแหรกจะต้องเจียระไนเป็นหลังเบี้ย หรือหลังเต่าเท่านั้น เพื่อให้เกิดดาว)


ควรซื้อไพลินแบบไหน ?

เมื่อเลือกได้สีที่ถูกใจแล้ว เช่น บางคนอาจชอบสีน้ำเงินเข้มขรึม บางคนอาจชอบสีน้ำเงินอ่อนออกฟ้า บางคนชอบน้ำเงินอมม่วง บางคนชอบน้ำเงินดำ บางคนชอบน้ำเงินอมเขียว จะเลือกสีไหนก็แล้วแต่ เพราะก็ทราบกันแล้วว่าสีคุณภาพที่ดีที่สุดคือสีอะไร แต่ให้พยายามเลือก ไพลินที่มีโทนสีค่อนข้างสว่าง แต่ก็มิใช่สว่างโล่งเกินไป เพราะราคาจะถูกลง แถมยังทำให้มองดูสวยภายใต้แสงไฟ เพราะมีความสุกใส มีประกายแวววาวดีกว่าไพลินที่มีโทนสีมืด แต่อย่าเลือกไพลินที่มีความเข้มของสีน้อยเกินไป คือ ไพลินสีอ่อน เพราะจะมองดูไม่สวย ไม่ขรึมสง่าเหมือนไพลินที่มีความเข้มของสีสูง และขนาดก็ควรจะเลือกขนาดต่ำกว่า 2 กะรัตลงมา เพราะขนาดใหญ่เพิ่มกว่า 1 กะรัตขึ้นไป ราคาจะแพงขึ้นเป็นเท่าตัวในคุณภาพเดียวกัน ไพลินขนาด 1 กะรัต สีสวยที่ขายอยู่ในตลาด ใส ไร้มลทิน ราคาต่อกะรัตประมาณ 20,000 - 60,000 บาท ก็น่าจะเป็นคุณภาพที่เหมาะสมต่อการเลือกซื้อหามาใช้ ไพลินคุณภาพต่ำแต่มีการซื้อขายกันโดยเจียระไนเป็นขนาดเล็กๆ ทำแหวนราคาไม่แพง ราคาต่อกะรัตประมาณ 400 - 500 บาทเท่านั้น ไพลินคุณภาพต่ำมากราคาต่อกะรัตเพียง 50 - 100 บาทเท่านั้น ยกเว้นไพลินสีสวยล้ำเลิศที่หนึ่ง ราคาต่อกะรัตประมาณ 100,000 - 150,000 บาท
http://www.geocities.com/huahengtung/bss.htm






SAPPHIRE September's birthstone

Origins Australia, Cambodia, China, Kenya, Madagascar, Nigeria, Sri Lanka, Tanzania, Thailand & Vietnam
Colors Found Various
Family Corundum
Hardness 9.00
Refractive Index 1.76 - 1.78
Relative Density 3.95 - 4.03
Sapphires derive their name from the Latin word "sapphirus," meaning blue, and are often referred to as the "gem of the heavens" or the "celestial gem," as their colors mirror the sky at different times of the day.
The word Sapphire, stated without a prefix, implies Blue Sapphires only. Sapphires of all other colors are assigned a color prefix or are collectively termed "Fancy Sapphires."
Legends and lore
Blue is one of the favorite colors of both men and women and is a color psychologically linked to the emotions of sympathy, calmness and loyalty.
Legend has it that the first person to wear a Sapphire was Prometheus, the rival of Zeus, who took the gemstone from Cacaus, where he also stole fire from heaven for man.
The ancient Persians believed Sapphires were a chip from the pedestal that supported the earth and that its reflections gave the sky its colors.
Sapphire is mentioned in the Bible as being one of the twelve "stones of fire" (Ezekiel 28:13-16) that were given to Moses and set in the breastplate of Aaron (Exodus 28:15-30). Sapphire is also one of the twelve gemstones set in the foundations of the city walls of Jerusalem (Revelations 21:19) and associated with the Apostle St. Paul.
The guardians of innocence, Sapphires symbolize truth, sincerity and faithfulness, and are thought to bring peace, joy and wisdom to their owners. The ancient Sinhalese believed that the powers of wisdom were contained within Sapphires and that when the wearer of a Sapphire faced challenging obstacles the gem's power enabled them to find the correct solution.
In India it was believed that a Sapphire immersed in water formed an elixir that could cure the bite of scorpions and snakes. Alternatively, if it were worn as a talisman pendant, it would protect the wearer against evil spirits.
The following legend is Burmese in origin and highlights Sapphires' connection with faithfulness: "Eons ago Tsun-Kyan-Kse, a golden haired goddess with Sapphire blue eyes, presided lovingly over the temple of Lao-Tsun. Everyday, the temple's chief monk Mun-Ha, meditated before the golden goddess accompanied by his devoted companion, a green-eyed cat named Sinh. One day the temple was besieged by a group of terrible outlaws. When they threw Mun-Ha to the floor, Sinh leapt fiercely at the bandits, jumping up on his master's chest to protect him. The wrong doers fled screaming in fear, never to return and in gratitude for his courage, the golden goddess awarded Sinh with her Sapphire blue eyes. To this day, Sinh's ancestors guard over the temple." The temple still stands and is populated by Siamese cats with striking blue eyes (typically this breed has green eyes).
For hundreds of years Blue Sapphires were the popular choice for engagement and wedding rings.
Just the facts
The modern popularity of Padparadscha and Pink Sapphires aside, Blue Sapphires are traditionally the most coveted members of the Sapphire family. Coming in a wide variety of hues, Sapphires range in color from pastel blues all the way through to the depths of midnight blue. Sapphires are identical to Ruby (the red variety of Corundum), except for one key component, their color. Sapphires are "allochromatic" (other colored) gems and obtain their colors due to the presence of trace elements including iron and titanium. The crystalline form of aluminum oxide, the name Corundum is believed to be derived from three ancient Tamil, Hindi and Sanskrit words for Rubies and Sapphires, "kurundam", "kurund" or "kuruvinda" respectively.
While personal preference should always be your primary concern when purchasing colored gemstones, Sapphires that sit in the middle of the blue color range are historically the most coveted.
Sapphires are one of the toughest gemstones, second in hardness only to Diamonds. Corundum is primarily mined from alluvial deposits formed by weathered Corundum bearing rocks, and only occasionally from host rock deposits just beneath the earth's surface.
Asterism or the "star effect" is a reflection effect that appears as two or more intersecting bands of light across the surface of a gem. This rare phenomenon is found in both Sapphires and Rubies. Asterism in Corundum is due to reflections from multitudes of exsolved needle inclusions (silk), which in most varieties consist of rutile.
As Sapphires from different locations can vary slightly in appearance, some of the main sources and varieties are detailed below.

Australian Sapphire
Some of the finest Sapphires in the world herald from this sun-burnt country. Top quality Australian Sapphires exhibit brilliant cornflower blues usually associated with those from Ceylon (Sri Lanka). Sapphires have been mined in Australia for over 100 years. The majority of Australian Sapphires come from three fields: the Anakie fields in central Queensland, the Lava Plains in northern Queensland and the New England fields around Inverell in the northeast of New South Wales.
During the 1980's Australia produced approximately 70% of the world's Sapphires and although production has decreased, international demand for Australian Sapphires remains high. Sapphires found in Australia originate from similar geological conditions to those of Thailand, Cambodia and parts of Madagascar, and thus possess similar characteristics.

Ceylon Sapphire (Sri Lanka)
A renowned source for gemstones, the island of Ceylon (renamed Sri Lanka in 1972) holds the earliest records for the mining of Sapphires (known in Sri Lanka as "nilkata"). A classic source of quality Sapphires since antiquity, King Solomon reportedly wooed the Queen of Sheba with Sri Lankan Sapphires. Sapphires from Sri Lanka first appeared in western jewelry among the Etruscans (600 - 275 BC) and were used by the Greeks and Romans from approximately 480 BC onward.
In Sri Lanka Sapphire mining occurs in the gem rich alluvial gravels found beneath the tea-covered slopes of Elahera and Ratnapura (which literally means "gem city"). Dating to 2,500 years ago, Ratnapura holds one of the earliest records for the mining of Sapphires. Located approximately 62 miles southeast of Sri Lanka's capital city Colombo, Ratnapura is the main alluvial gem bed found in Sri Lanka. Here Sapphires are found embedded in layers of gravel and sand, in river beds, marshes, and fields or accumulated at the foot of hills. The alluvial deposits are commonly reached by 66 - 98 foot shafts where the gem rich gravel layer is laboriously extracted by hand.
Noted for their royal and cornflower blues, Ceylon Sapphires are synonymous with top quality and are highly coveted. At GemsTV, we correctly use the prefix "Ceylon" to denote a quality as well as an origin (not all Sri Lankan Sapphires can be called "Ceylon"). Ceylon Sapphires received a boost in their popularity in 1981 when Prince Charles gave Lady Diana an engagement ring set with a stunning 18 carat Ceylon Sapphire.

Kanchanaburi Sapphire (Thailand)
The sleepy province of Kanchanaburi, renowned for the bridge over the River Kwai, rests among the jungle valleys of western Thailand. Kanchanaburi's Bo Ploi Sapphire mines were discovered in 1918 and today remain one of world's premier sources of Blue Sapphires. The Sapphires of Bo Ploi are mined from alluvial deposits spread over 1.2 square miles. The miners of Bo Ploi must unearth over 50 tons of alluvial soil to extract just 1 carat of Sapphire crystals. Sapphires have been heavily mined from the Bo Ploi mines in the last ten years and are approaching depletion. This increasing rarity makes these Sapphires a must for any jewelry collection.

Madagascan Sapphire
Today, Madagascar also provides some of the highest quality Sapphires. Sapphires were first unearthed on this island in the early 1990's. The Madagascan gem fields now reportedly account for approximately 20% of the world's Sapphires. The majority of Madagascar's Sapphires come from the prolific gem fields of Ilakaka, Antiermene and Diego Suarez.

Midnight Blue Sapphire
Midnight Blue Sapphires combine deep rich colors and a spellbinding luster all in one gemstone. Deep blues intermingle in Midnight Blue Sapphires as if to reveal the secret of the sky at night. This accentuates their luster and is one reason for their enduring popularity. Mined in a wide variety of countries including Madagascar, Australia, Nigeria, Thailand, Vietnam and China, Midnight Blue Sapphires are a gemstone whose colors are beyond vivid. But there is nothing black about Midnight Blue Sapphire. To visualize this, think of the color of a desert sky shortly after the sun has set, with stars rising in the distance. This is the color of Midnight Blue Sapphire, an intense azure hue unmatched in the gem kingdom.
Nigerian Sapphire
Nigeria plays a key role in supplying the world with some of the most popular gemstones. Nigerian Sapphires are mined at Nisama Jama'a in Nigeria's Kaduna State.

Pailin Sapphire (Cambodia)
The Cambodian city of Pailin (the ancient Khmer word for "Blue Sapphire") is steeped in local folklore regarding its precious treasures: "Long ago, people hunting in the forests around Pailin encountered a magical old lady called Yiey Yat ("yiey" means grandmother in Khmer) living as a hermit in the mountains. Fearing for the local wildlife, she told the villagers that if they stopped hunting, the gods would reward them with something of far greater value in the streams and rivers of Mount Yat. The people went there and saw an otter ("pey" in Khmer) playing ("leng" in Khmer) in a stream. Swimming up to them, when the otter opened its mouth, it was full of gems!" As a result, the area and its Sapphires are known as "pey leng," which when translated to Thai became Pailin. Even today, many people visit the shrine of Yiey Yat to ask her for riches.

Shangdong Sapphire (China)
While China has never been considered an historical source of Corundum (domestic finds were not reported until the late 1970's), the Chinese were aware of and coveted Ruby and Sapphire from other locales as early as 319 AD. Chinese Sapphire deposits are widely distributed over 20 of the country's provinces, although they are mainly found along the eastern coastline. In all of these places, Sapphires occur in basalts, similar to those mined in Australia. Among these localities, the deposit in Shangdong province has the best quality. Shangdong Sapphire was discovered near Wutu, Changle County, Shangdong province in the late 1980's, initially in alluvial deposits and later in the host basalt. Gem mining occurs in the secondary alluvial deposits while the primary deposits are worked for mineral specimens. Generally, Chinese Blue Sapphires have a deep blue color, but similar to Sapphires from Ban Kha Ja, Chanthaburi and Australia, greenish blues and yellows are also found. Chinese Sapphires are a lot more than dark inky gems that appear more black than blue. While Shangdong Sapphire has royal blues that are beyond vivid, it also has a transparency far greater than most Midnight Blue Sapphire. In the Shangdong province there are reportedly at least 20 small Sapphire mines operated by 200 - 300 miners.

Umba River Sapphire (Tanzania)
On the Great North Road in Tanzania, between the plains of the Serengeti and the foothills of Mount Kilimanjaro lies Arusha, the gateway to the beating heart of Africa and home to the fabled gemstone mines of the Umba Valley. Collecting in rich alluvial deposits that run the course of the valley, Umba River Sapphires are sourced using age-old mining techniques by Waarusha and Wameru miners whose knowledge of gemstones has been handed down for generations.




SAPPHIRE September's birthstone
Origins Australia, Cambodia, China, Kenya, Madagascar, Nigeria, Sri Lanka, Tanzania, Thailand & Vietnam
Colors Found Various
Family Corundum
Hardness 9.00
Refractive Index 1.76 - 1.78
Relative Density 3.95 - 4.03
Since the dawn of time, Sapphires have captivated and mesmerized jewelry connoisseurs the world over. From hot pink to forest green, Sapphire's spectrum of colors is truly kaleidoscopic.
Fancy Sapphires get their unique colors from the iron, chromium, titanium and other trace metals present within the Corundum.

Chanthaburi Sapphire (Thailand)
Black Star Sapphires have only ever been found at one place on Earth - Ban Kha Ja, Chanthaburi (located approximately 152 miles east of Bangkok, close to the border of Cambodia). From these mines, no more than 4 miles from the GemsTV workshops, stunning blue, green and yellow Sapphires are also unearthed. Displaying gorgeous golden tangerine hues, a stunning Sapphire variety we aptly called "Chanthaburi Sapphire" from a new alluvial pocket at Ban Kha Ja proved hugely popular in 2005.
Black Star Sapphires differ from other Corundum in that their color is not due to trace elements or color centers. Instead, it is caused by the color of exsolved hematite-ilmenite silk inclusions. This silk imparts a deep brown black color to an otherwise blue, green or yellow Sapphire. This is called "mechanical coloration" or "color by inclusions." Not only are they responsible for color, but they also produce a six-rayed star effect. When it occurs in an otherwise blue or green Sapphire, the rays of the star appear white. Sometimes the hematite unmixes in a yellow Sapphire, giving the star a golden yellow color.
Today, mining in Chanthaburi is very limited making top quality Sapphires from this town exceedingly rare. In fact, we think what is being traded in the local market is predominately older stock, with very few new gems being unearthed.

Color Change Sapphire
While Color Change Sapphires come from a variety of locations, the gem gravels of Tanzania are the main source. Color Change Sapphires present gem lovers with an opportunity to own the rare and stunning color change effect in a gem other than Alexandrite or Garnet. While the colors tend to vary depending on locale, in general they change from khaki green to reddish purple. The picture of a notable exception from Sri Lanka, changing from purple to red, is included below.

Green Sapphire
Green Sapphires display a range of green hues, from tropical limes to wine bottle greens.

Padparadscha : Padparadscha Color Sapphire
While Sapphires have mesmerized jewelry connoisseurs since the dawn of time, there is one Sapphire variety that mesmerizes above all others, the mysterious and coveted Padparadscha Sapphire.
Padparadscha Sapphire derives its name from its resemblance to the beautiful and famed pinkish orange lotus flower known to the Sri Lankan people as "Padparadscha" or in botanical terms Nelumbo Nucifera Speciosa.
Padparadscha Sapphires must combine elements of pink and orange in one gem to rightly claim their Padparadscha title. One way to picture the color of Padparadscha Sapphires is to imagine sitting in front of a lazy fire on an isolated beach painted by the soothing hues of a tropical sunset. You then hold a fragrant lotus bloom to your nose and at that instant, the colors meld creating an aurora of orange and pink. This is Padparadscha!
Wonderfully romantic and delightfully seductive, Padparadscha Sapphires are so rare and beautiful that they are highly prized by collectors. But what are the origins of the word Padparadscha?
Often misunderstood, the modern word "Padparadscha" was in fact adopted from a German gemological text early in the 20th century. The word Padparadscha is actually a corruption of two Sanskrit and Singhalese words "padma raga." While "padma" means lotus, the word "raga" is more complex, meaning color, attraction, desire and musical rhythm all rolled into one. Interestingly, the original term had much broader applications and was even used in ancient times to describe a variety of Ruby. A medieval Prakit text on gemology called the "Thakkura Pheru's Rayanaparikkha," describes Padparadscha Sapphires as "that which spreads its rays like the sun, is glossy, soft to the touch, resembling the fire, like molten gold and not worn off is Padma Raga." Identical in appearance to Padparadscha Sapphires, Padparadscha Color Sapphires are created through recent innovations in heat treatment developed in Chanthaburi, Thailand, the location of the GemsTV jewelry workshops.
Although the exact description is often debated, the beauty of these rare gemstones is not. While some continue to narrowly define Padparadscha as a Sri Lankan Sapphire, today Padparadscha and Padparadscha Color Sapphires are recognized as also hailing from Madagascar, Vietnam and Tanzania. Regardless of the locale, Padparadscha Sapphires and Padparadscha Color Sapphires, especially in larger sizes, are incredibly scarce.

Pink Sapphire
Immensely popular, Pink Sapphires range from pastel to vivacious pinks and share a color border with Ruby. Some Pink Sapphires are so close to this boundary they are called "Hot Pink." Sharing exactly the same position on the color wheel, red and pink are technically the same color. It is the saturation or strength of this red hue that differentiates red from pink. The problem is that the border region where pink stops and red starts is open to interpretation. To put the issue to rest, the International Colored Gemstone Association (ICA) stated the following: "Pink is really just light red. The International Colored Gemstone Association has passed a resolution that the light shades of the red hue should be included in the Ruby category since it was too difficult to legislate where red ended and pink began. In practice, pink shades are now known either as Pink Ruby or Pink Sapphire."

Purple Sapphire
Highly prized by collectors, Purple Sapphires (also once known as "oriental amethyst") can display rich purple-pink colors reminiscent of orchids.

Yellow Sapphire
Ranging from pleasing pastel daisies to intensely beautiful canary yellows, Yellow Sapphires are renowned for their amazing luster and brilliance. Yellow Sapphires are not just beautiful, but are also one of the most coveted of all yellow gemstones.

Star Sapphire
With their very bright and lustrous star formations, Star Sapphires have traditionally been the most popular of all star gemstones. Glance at a Star Sapphire and you will see six or even twelve rayed stars silently gliding across the gemstone's surface. This wonderful gem has long been coveted for its beautiful and mysterious optical effect known as "asterism." "Asterism" or the "asteric effect" is caused by sets of parallel needle-like inclusions within the gemstone. While the gem gravels of Ratnapura in Sri Lanka are one of the world's main sources of Star Sapphires, Black Star Sapphires are only found in the Ban Kha Ja district of the Chanthaburi province of Thailand.
In many cultures Star Sapphires were considered love charms; Helen of Troy was said to have owned a Star Sapphire and to have owed her conquests to it! In 17th century Germany, Star Sapphires were the "siegstein," meaning "victory stone." To others, Star Sapphires were the "stone of destiny," as their crossing bands of light were believed to represent faith, hope and destiny. Star Sapphires were commonly used as talismans to protect against the evil eye and the Sinhalese used them to guard against witchcraft. Star Sapphires were particularly prized in ancient times as a guiding star for travelers. The famous English traveler, Sir Richard Francis Burton, possessed a large specimen which he referred to as his talisman, claiming it brought him good horses and prompt attention wherever he went. In fact, it was only in those places where he received proper attention that he would show it, a favor greatly appreciated because the sight of the gem was believed to bring good luck. One of the most unique of all talismanic gems, Star Sapphires are said to be so potent that they continue to exercise their good influence over the first wearer even if it has passed into other hands.

Sunset Sapphire
While it might not have the pinks to be Padparadscha, there is nothing about the beauty of Sunset Sapphires that is lacking. Displaying a bright blend of crimson tangerines reminiscent of an African sunset, Sunset Sapphire (also called Songea Sapphire) was only discovered in 1992. The world's only Sunset Sapphire deposit is located 37 miles west of Songea, with the Masuguru district being the main mining area. Discoveries like Sunset Sapphire have helped Songea become the second most important Tanzanian mining area after Merelani (the home of Tanzanite).

White Sapphire
The ancient Egyptians associated White Sapphire with the all-seeing eye of Horus, while the Greeks linked it to their god Apollo, using it in the prophesizing of the oracles at Delphi.
The ancient Greeks unearthed White Sapphires from the island of Naxos in the Aegean Sea.
With none of the iron, chromium, titanium and other trace elements that give Sapphires their unique colors, White Sapphire is arguably Sapphire in its purest form. Displaying an exceptional luster and brilliance, it has become a popular alternative to Diamonds.
GemsTV





1
2

Wish You Happinessss

Success is not the key to happiness. Happiness is the key to success. 
If you love what you are doing, you will be successful. 

~ Albert Schweitzer ~

 คัมภีร์ 5 ห่วง  วิถีแห่ง "ซามูไร" วิถีแห่งนักรบ "บูชิโด"   แนวคิดของตัวเม่น   GOOD LUCK สร้างแรงบันดาลใจเพื่อความสำเร็จ ในชีวิตและธุรกิจด้วยตัวคุณเอง    Why complicate life ?   3 x 8 = เท่าไหร่ ?????   "ฉันชื่อ..โอกาส"

Wish You Happinessss