ทำไม . . . เราถึงรักคนๆ นี้นัก
แล้วเหตุผลที่ได้ มีแค่เพียง . . . รักเพราะรัก
ฟังดูอาจเลื่อนลอย ไร้จุดหมายเกินไป
แต่สำหรับคนที่รักกัน . . . เหตุผลเพียงแค่นี้
ก็เพียงพอ ที่จะสานต่อความรัก . . . ให้อยู่ต่อไป
แต่กับคนที่เรารักเขา . . . แล้วเขาไม่รักเรา
ไม่เคยจะมองเห็น แม้แต่คุณค่า ในตัวเรา
ต่อให้เรา หยิบยื่นสิ่งดีๆ ให้เขาเพียงไหน
หรือให้เหตุผลมากมาย. . . ในคำว่า รักที่เรามีให้
เขาก็คง มองไม่เห็นมันเหมือนกัน
และกับคนประเภทนี้ . . .
ยิ่งเราเรียกร้องมาก แค่ไหน . . .
ก็จะยิ่งสร้างความเหนื่อยใจ . . . ให้กับเราเท่านั้น
ถ้าคุณ มีความสุขกับมัน . . . ก็ดีไป
แต่สุข . . . แล้วเหนื่อยใจ ก็น่าคิดเหมือนกัน
คนเรา . . . เหนื่อยแล้วก็ต้องพัก
ต้องหาทางออก ที่ทำให้เราดีขึ้น
กับเรื่องของความรัก ก็เช่นกัน
เมื่อเราต้องเหนื่อยล้าเพราะมัน คงต้องพักซะบ้าง
ลองหยุดวิ่งตามเขาซักครั้ง . . . แล้วมาเดิน(แค่เดิน) ตามตัวเองดูสักหน
คุณอาจรู้สึกดีกว่า . . . การต้องวิ่งตามใครคนนั้น
อย่างน้อยๆ คุณจะพบว่า . . .
การเรียนรู้ที่จะรักตัวเองนั้น . . . ไม่ทำให้เราเหนื่อยใจเลย
ความจริงแล้ว . . . การรักตัวเอง ไม่ยากเลย
ถ้ายังไขว่คว้าหารัก แต่ยังไม่พบเจอคนที่รักเราจริง
ก็อย่าฝืนที่จะรัก . . . เดี๋ยวจะเสียใจทีหลัง
ถ้าเสียใจ ก็ขอให้คิดถึงตัวเองให้มากๆ
แล้วบางทีสิ่งดีๆ . . . ก็อาจรอเราอยู่ในวันข้างหน้า
บางครั้งเราก็ต้องยอมหยุดชั่วขณะ
เพื่อรอที่จะเดินต่อไป
ไม่ใช่ดันทุรัง…
เพื่อที่จะต้องหยุดตลอดไป
บ่อยไป..ที่เราเจอความยุ่งยาก และวุ่นวาย
จนไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรก่อนหลัง
ไม่รู้ว่าจะต้องจัดการอย่างไรก่อนหลัง
บางครั้งอุปสรรคก็เป็นเรื่องของอุบัติเหตุ
ซึ่งมาอย่างไม่มีเหตุผล ไม่นึกไม่ฝัน มาอย่างไม่มีคำอธิบาย
และบางครั้งมันค่อยๆ มา แต่บางครั้งมันก็ถาโถมมาพร้อมๆ กัน
ถ้าเจออย่างนั้นก็คงเป็นยากที่จะรับมือ
เมื่ออะไรร้อยอย่างพันอย่างดาหน้าเข้ามา
ก็คงไม่ต่างอะไรกับการที่มีใครสักคนโยนเชือกวงใหญ่มาครอบตัวเราไว้
แล้วหมุนเชือกให้เกลียวพันกันยุ่งเหยิง
ความตกใจจะทำให้สติของเรากระจัดกระจาย
และตื่นตระหนกกับความอึดอัด และคับแคบ
เหมือนไม่มีทางออก เหมือนไม่มีอากาศหายใจ
จนต้องวิ่งวนหาทางออกอยู่อย่างนั้นด้วยความตื่นกลัว และไม่รู้ตัว
เหมือนคนที่ตกใจเวลาเจอเหตุการณ์ที่รุนแรง ที่ไม่รู้จะทำอะไรก่อนหลัง
รู้เพียงแต่ว่าต้องวิ่งๆๆ ต้องหนี ต้องร้อนรน
โดยไม่มีทางรู้เลยว่าขณะที่วิ่งไม่รู้ทิศอยู่นั้น
เชือกยิ่งจะพันตัวเรามากขึ้น และจะมัดเราไว้อย่างแน่นหนาในที่สุด
เพื่อรอที่จะเดินต่อไป
ไม่ใช่ดันทุรัง…
เพื่อที่จะต้องหยุดตลอดไป
บ่อยไป..ที่เราเจอความยุ่งยาก และวุ่นวาย
จนไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรก่อนหลัง
ไม่รู้ว่าจะต้องจัดการอย่างไรก่อนหลัง
บางครั้งอุปสรรคก็เป็นเรื่องของอุบัติเหตุ
ซึ่งมาอย่างไม่มีเหตุผล ไม่นึกไม่ฝัน มาอย่างไม่มีคำอธิบาย
และบางครั้งมันค่อยๆ มา แต่บางครั้งมันก็ถาโถมมาพร้อมๆ กัน
ถ้าเจออย่างนั้นก็คงเป็นยากที่จะรับมือ
เมื่ออะไรร้อยอย่างพันอย่างดาหน้าเข้ามา
ก็คงไม่ต่างอะไรกับการที่มีใครสักคนโยนเชือกวงใหญ่มาครอบตัวเราไว้
แล้วหมุนเชือกให้เกลียวพันกันยุ่งเหยิง
ความตกใจจะทำให้สติของเรากระจัดกระจาย
และตื่นตระหนกกับความอึดอัด และคับแคบ
เหมือนไม่มีทางออก เหมือนไม่มีอากาศหายใจ
จนต้องวิ่งวนหาทางออกอยู่อย่างนั้นด้วยความตื่นกลัว และไม่รู้ตัว
เหมือนคนที่ตกใจเวลาเจอเหตุการณ์ที่รุนแรง ที่ไม่รู้จะทำอะไรก่อนหลัง
รู้เพียงแต่ว่าต้องวิ่งๆๆ ต้องหนี ต้องร้อนรน
โดยไม่มีทางรู้เลยว่าขณะที่วิ่งไม่รู้ทิศอยู่นั้น
เชือกยิ่งจะพันตัวเรามากขึ้น และจะมัดเราไว้อย่างแน่นหนาในที่สุด
ลองหยุดสักพักดีไหม…หยุดให้หัวใจได้หายเหนื่อย
หยุดให้เวลาตัวเอง ให้สติได้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว
แล้วอาจจะมีเวลาทบทวนว่า นาทีนี้เราต้องทำอะไรเป็นสิ่งแรก
การหยุดอยู่นิ่งๆ สักครู่ จะทำให้เรารู้ว่า
เราต้องมองเชือกที่กำลังมัดเราอยู่อย่างยุ่งเหยิงอย่างพิจารณา
มองหาปลายเชือกหรือต้นเชือกให้เจอ แล้วค่อยมาตัดสินใจว่า
เราจะเริ่มคลายที่ปลายเชือกหรือต้นเชือกง่ายกว่ากัน
หยิบออกมาสักทางแล้วค่อยๆ ย้อนปลายเชือกออกไปทีละนิด
ย้อนออกไปทางที่มันพันเข้ามา
ถ้าเหนื่อยก็หยุดพักก่อน หายเหนื่อยแล้วค่อยลุกขึ้นมาทำต่อ
ค่อยๆ คลายมันต่อไป แม้ว่ามันจะยังไม่คลายไปทั้งหมด
แต่ก็ยังพอมีพื้นที่ให้เราได้เคลื่อนไหวในระดับหนึ่ง
การทำงานหรือทำอะไรบางอย่างที่เรามุ่งที่จะทำให้เสร็จ
ทำๆๆ โดยไม่รู้จักหยุด อาจจะทำให้งานนั้นเสร็จไวก็จริง
แต่เราก็จะเหนื่อยเกินกว่าความเป็นจริง แล้วงานก็จะไม่ดีจริง
บางเวลา…
เราก็ไม่จำเป็นต้องวิ่งตามชีวิตทุกครั้ง
แค่เราหยุดนิ่งๆ สักพัก แล้วชีวิตจะหยุดรอเรา
บางทีโลกทั้งใบ...
ก็ไม่รู้ว่ามีใครยอมทนแบก...
ขนาดเพียงเสี้ยวของการมีชีวิตอยู่...
ยังสาหัสสากรรจ์เหลือเกิน...
คงมีเพียงแรงใจ...และกำลังใจในส่วนก้นบึ้งของหัวใจ...
ที่บอกให้อดทน...และก้าวเดินต่อไปให้ถึงที่สุด...
แม้จะยากท้อแท้...เพียงใด...
ธัมมทินน์
หัดมองดูหัวใจตัวเองซะบ้าง สุข เศร้า เหงา และรัก ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้น จากจิตใจ ของตัวเราเองทั้งนั้น หัวใจเวลาสุข ก็แสนจะอิ่มเอม เบิกบาน หน้าตาก็สดใส แต่ถ้าหากวันใดหัวใจเราเศร้า มีทุกข์ จากที่เคยสดใส ก็กลายเป็นหม่นหมอง น่าจะได้ เวลาแล้ว ที่เราต้องหันมาดูแลเอาใจใส่หัวใจตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งพา อาศัยให้ใครมาช่วยดูแล จะมีไหมที่หัวใจ . . . จะได้หยุด หยุดเพื่อคิด . . . หยุดเพื่อสร้า ง . . . ถึงสิ่งใหม่ วันนี้คุณดูแลหัวใจคุณเอง แล้วหรือยัง ? หยุดเพื่อเติม . . . สีสันและ . . . แรงใจ หยุดเพื่อเติม . .. สิ่งใหม่ . . .ให้ตัวเอง หัวใจ . . . ใช่เป็นดั่ง . . . เหล็กกล้า จึงต้อง . . . ให้เวลา . . . ใจ . . . พักบ้าง ให้เวลา . . . เพื่อเก็บ . . .ซึ่ง . . . ประสบการณ์ ให้เวลา . . . สร้างตำนาน . . . แห่งหัวใจ มีบ้างยามเหนื่อยล้าพาโหยไห้ . . . ไม่มีใครคอยปลอบใจยามทุกข์เศร้า อาจเจ็บแค้นแน่นอก . . . ใยต้องเป็นเรา ไม่ใช่เขาไม่ใช่เหล่าคนอื่นเลย. . . มันก็มีบ้าง ที่บางครั้งต้องหยุด เพราะเดินมามากเกินไป คำเท่ห์ๆ มันช่วยให้ชีวิตเดินต่อไปได้ก็จริง . . . แต่มันทำให้เราเหนื่อยจนเกินกว่าจะเป็น . . . Keep Walking แค่คุณหยุดก้าวก็เท่ากับคุณถอยหลัง การหยุดก็เท่ากับการได้พัก และมีเวลากับตัวเองมากขึ้น บางทีก็อาจทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้นก็เป็นได้ ขอให้มีความสุขในการหยุดพัก. . . คุณเลือกเอง จั่นเจา |