"มีสิ่งหนึ่งที่ข้าพอจะช่วยเจ้าได้ ก็คือ คำแนะนำ...การที่เจ้าจะยิ่งใหญ่จากดินขึ้นไปเป็นดาวนี่เจ้าจงอ่อนน้อมถ่อมตนให้มากๆ...ความอ่อนน้อมถ่อมตน จะเป็นบันใดขึ้นสู่ที่สูงให้แก่เจ้าส่วนไอ้หนูตายตัวนั้น ข้าก็จนปัญญาจริงๆ ว่าจะให้เจ้าเอาไปขายให้ใคร..."
เขาได้ฟังแม่ค้าบอกดังนั้น ก็เข้าใจทันทีเลยว่าเหตุใด คนที่อยากรวยหลายๆ คน จึงไม่รวยเพราะความเสี่ยงนี่เอง...คนไม่กล้าเสี่ยง ไม่กล้าเปลี่ยนแปลง ก็เลยต้องทำอย่างที่เคยทำอยู่ทุกวันเพราะมันมีความมั่นคงกว่า....
"สิ่งแรกที่สุดเลยก็คือ... ความฝัน" เศรษฐีพูดอย่างตั้งใจ "ต่างคนก็ต่างมีความฝันของใครของมัน บางคนก็อยากมีชีวิตที่พออยู่พอกินก็พอแล้ว บางคนก็อยากใช้ชีวิตสงบสบาย ท่ามกลางสวน บางคนก็ขอให้มีงานทำ มีครอบครัวที่อบอุ่น และบางคนก็อยากร่ำรวยมหาศาล..."
เศรษฐีมองหน้าชายหนุ่ม ก่อนจะพูดต่อว่า "ไม่ว่าจะเป็นอะไร นั่นมันก็เป็นความฝันของใครของมัน คนที่ไม่ได้ฝันว่าจะร่ำรวย เขาก็ไม่ได้เดินบนถนนที่จะนำพาให้เขาร่ำรวย... แต่พวกเขาก็ยังเดินอยู่บนเส้นทางของพวกเขา รวมทั้งเดินไปด้วยความสุขใจที่ ความฝันเป็นจริง"
"เรามาดูอีกกลุ่มหนึ่งคือ กลุ่มที่มีความฝันว่าอยากรวย แต่ก็ไม่สามารถที่จะรวยได้... หลายๆ คนในกลุ่มนี้ เกิดจากการวางแผนผิด รู้ก็ทั้งรู้ว่า การจะรวยได้ จำเป็นจะต้องเอาเงินไปต่อเงิน ลำพังเพียงแค่การใช้แรงกายแลกเงินตรามานั้น มันไม่สามารถทำให้ร่ำรวยได้หรอก ทุกคนเกิดมาก็มี 24 ชั่วโมงเท่ากันหมด คนที่รวยได้ เขาไม่ได้มีเวลามากกว่าคนอื่นเลย แต่เขาสามารถบริหารเงินและเวลาของเขาได้ดีกว่าคนอื่น"
"เริ่มต้นก็คงต้องทำอะไรๆ นั่นแหล่ะ แล้วเมื่อถึงเวลาหนึ่ง ก็หยุดทำ แต่ยังได้เงินอยู่... ส่วนจะทำอย่างไรนั้น เธอต้องมองหาวิธีเอาเอง... โอกาสมีเสมอในท้องถนน เธอจงหาโอกาสนั้นให้เจอ..." เศรษฐีตอบคำถาม
"เธอทำถูกต้องแล้วล่ะ... แบ่ง 10% ของรายได้ เพื่อทำประโยชน์แก่ผู้อื่น" เศรษฐีพูดจบก็ดื่มน้ำอ้อยสดจนหมดแก้ว...
"เธอเป็นคนเก่งและฉลาดนะ เพียงแต่เธอขาดโอกาสที่จะได้เรียนสูงๆ เท่านั้นเอง ... แต่มันก็เป็นข้อดีกับเธอ เพราะคนที่คิดว่าตนเองเรียนน้อย ไม่มีความรู้ จะขนขวายหาความรู้เพิ่มเติมตลอดเวลา... และที่สำคัญ... เธอให้คนที่เขาเก่งกว่าเธอ มาทำงานให้เธอ..." เศรษฐี หยุดพูดพร้อมกับมองหน้าชายหนุ่ม
"ฉันเห็นมาเยอะ... คนที่เก่งแล้วพยายามทำทุกอย่างเอง แต่เขาไม่รู้หรอกว่า มีคนเก่งกว่าเขา ทำให้ธุรกิจของเขาเสียโอกาสที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด" เศรษฐียิ้มให้ชายหนุ่ม และพูดต่อว่า
"คราวนี้เธอก็เข้าใจแล้วสิว่า หยุดทำงานแล้ว แต่ยังมีรายได้อยู่ มันทำได้อย่างไร เป้าหมายแรกที่ฉันให้เธอทำ ก็คือ ให้มีค่าใช้จ่ายรายวัน โดยไม่ต้องทำอะไร แต่เธอไปได้ไกลกว่านั้นอีก มีกระแสเงินสดเพิ่มมากขึ้นกว่ารายจ่ายประจำวัน หลายเท่าตัวนัก..."
"ลำดับต่อไปของเธอก็คือ ขยายตัวสินค้าเพิ่ม และคิดว่าจะเอากระแสเงินสดที่ได้มา ไปทำอะไรต่อ"
"ผมยังไม่รู้เลยครับเถ้าแก่... แต่ท่านเศรษฐีบอกว่า โอกาสมันมีมากมายในท้องถนน ใครตาแหลมคมก็จะมองเห็น" ชายหนุ่มตอบ
"การจะเป็นคนที่แตกต่างจากคนทั่วไป เราจำเป็นจะต้องคิดไม่เหมือนพวกเขา ถ้าเราคิดเหมือนเขา... เราก็จะเป็นเหมือนพวกเขา" เศรษฐีพูดขึ้น หลังจากชายหนุ่มกลับมาปรึกษาเขา
"เหมือนกับคนที่บอกตัวเองว่า อยากรวย กับคนที่บอกกับตัวเองว่า ต้องรวย เราสามารถทำนายอนาคต คนทั้งสองได้เลย" เศรษฐียิ้มนิดหนึ่งที่มุมปาก
"เมื่อเธอตัดสินใจแล้วว่าจะทำ ฉันก็อยากจะให้ข้อคิดเธอไปข้อหนึ่ง เธอเอารองเท้าไปขายก็จริง แต่จงอย่าขายรองเท้าให้เขา"
"อย่าขายผักบุ้งไฟแดง แต่จงขายไฟที่มันลุกพรึ๊บ เวลาเทผักบุ้งใส่กระทะ และขายผักบุ้งที่ลอยขึ้นไปบนฟ้า แล้วตกลงมาสู่จานที่มีคนรอรับอยู่..."
"ที่ปรึกษา...." ความคิดหนึ่งแล่นปรี๊ดขึ้นมาในสมองของเขา ชายหนุ่มเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับการให้คนที่เก่งกว่าเรา ทำงานให้เรา หรือเป็นที่ปรึกษาให้เรา ชายหนุ่มรีบลงมือทันที