หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า Ten Powerful Phrases for Positive People หรือ ชื่อในภาษาไทย “10 วลีทรงพลังเพื่อคนคิดบวก” ผู้เขียนคือริช เดอโวส ผู้ร่วมก่อตั้งธุรกิจแอมเวย์ ที่ค่อยๆ สร้างธุรกิจ จนเป็นที่รู้จักไปทั่วทุกมุมโลก
ริช เดอโวส เขียนหนังสือเล่มดังกล่าวเมื่อไม่นานมานี้ หลังตกผลึกว่าพลังของการคิดบวกนั้นเปี่ยมล้นด้วยอานุภาพเหลือคณานับ หากศึกษาประวัติของริช จะพบว่าเพราะการ “คิดบวก” ทำให้ก้าวผ่านเหตุการณ์ต่างๆ อย่างนึกไม่ถึง ทั้งช่วงเริ่มก่อตั้งธุรกิจ การทำให้ธุรกิจได้รับการยอมรับไปทั่วโลก รวมถึงการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจในวัย 71 ปี ซึ่งถือว่าสุ่มเสี่ยงต่อชีวิตอย่างยิ่ง
มาดูกันว่า “10 วลีทรงพลังเพื่อคนคิดบวก”
ของริช เดอโวส มีอะไรกันบ้าง
1. “ฉันผิดเอง” (I am wrong)
ริช เดอโวส ระบุว่า “ฉันผิดเอง” เป็นคำพูดที่ช่วยเปลี่ยนทัศนคติตัวเราได้ดีที่สุด เนื่องจากคนส่วนใหญ่มักไม่ยอมรับว่าตัวเองทำผิด โดยเฉพาะเมื่อต้องยอมรับผิดต่อหน้าคนอื่น เจ้าตัวแนะว่า เราทุกคนต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับว่าตัวเองผิด แค่เอ่ยคำว่า “ฉันผิดเอง คุณทำถูกแล้วล่ะ” เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้สัมพันธภาพดีขึ้น ช่วยให้การเจรจาต่างๆ เดินไปข้างหน้า หรือยุติการโต้แย้งที่กำลังเกิดขึ้น
“ฉันผิดเอง” ยังเป็นคำพูดที่แปรเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตร แม้การยอมรับว่า “ฉันผิดเอง” จะลดความน่าเชื่อถือของคุณในบางสถานการณ์ลงก็ตาม
2. “ฉันขอโทษ” (I am sorry)
หลายๆ ครั้งที่การกล่าวถ้อยคำสั้นๆ นี้เป็นเรื่องยาก แต่การกล่าวคำนี้ให้เป็นนิสัยเป็นสิ่งคุ้มค่า เพราะโดยธรรมชาติมนุษย์มักปกป้องตัวเอง มักคิดว่าตัวเองถูกเสมอ แต่พอเอ่ยคำนี้ออกมาจะรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก การกล่าวคำว่า “ขอโทษ” แสดงถึงว่าคุณปรารถนาจะกลับมาสานต่อความสัมพันธ์กับบุคคลที่เป็นคู่กรณีกับคุณ
การกล่าว "ขอโทษ" ต้องออกจากส่วนลึกจริงๆ ความรู้สึกนี้ยังเกิดขึ้นพร้อมๆ กับการแสดงออกทั้งสีหน้าและแววตา ไม่ใช่กล่าวแบบขอไปที เพื่อให้จบๆ ลงเท่านั้น
ผมเองใช้คำว่า “ขอโทษ” ทั้งชีวิตส่วนตัวและการทำงาน ยกตัวอย่างเวลาที่เรามีโปรโมชั่นแรงๆ และสินค้าไม่พอขาย เพียงกล่าวคำคำนี้ จากหนักจะกลายเป็นเบาทันที ทุกคนพร้อมจะให้อภัยคุณ
3. "คุณทำได้" (You can do it)
ริช ระบุว่า...ผู้คนจำนวนมากไม่เคยลองทำอะไรเลยเพราะกลัวความล้มเหลว กลัวว่าตัวเองไม่มีชั่วโมงบินมากพอ กลัวเสียงวิพากษ์วิจารณ์ หรือหัวเราะเยาะ สำหรับคนเหล่านี้ ริช แนะนำว่า “ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน แล้วก็ลงมือได้เลย คุณทำได้!” แน่นอน เมื่อได้ยินคำว่า “คุณทำได้” จะสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้นได้ไม่มากก็น้อย
4. “ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณ” (I believe in you)
เป็นคำพูดที่ต่อเนื่องจาก “คุณทำได้” (คุณทำได้...ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณ) ต่างกันที่เป็นคำพูดที่แสดงถึงความรู้สึกลึกๆ เป็นคำพูดสำหรับผู้นำที่ใช้พูดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ พ่อแม่ที่ส่งต่อความรู้สึกนี้กับลูกๆ หรือเจ้านายที่มีต่อลูกน้องที่กำลังเจออุปสรรคและต้องการความช่วยเหลือ
เราสามารถแสดงให้เห็นถึงความ “เชื่อมั่น” ได้ง่ายๆ อาทิ การเปิดโอกาสให้เพื่อนร่วมงานได้แสดงความสามารถ แม้จะรู้ดีว่าสิ่งที่เสนอมานั้นอาจมีความผิดพลาดเกิดขึ้น
5. “ฉันภูมิใจในตัวคุณ” (I am proud of you)
เพียงเราเปล่งคำนี้ จะพบว่ามีอานุภาพสูงมากในการสร้างขวัญกำลังใจให้ผู้ฟัง คำพูดที่ว่า “พ่อภูมิใจในตัวลูก” หรือ “ผมภูมิใจในตัวคุณ” “ผมภูมิใจในความสำเร็จของคุณ” เป็นการให้กำลังใจที่ดีมาก โดยปกติแล้วคนไทยเราไม่ค่อยชมเชยผู้อื่นด้วยคำพูดนี้เท่าไหร่นัก
6. คำว่า "ขอบคุณ" (Thank you)
ริช ระบุว่า เป็นคำที่ทุกๆ คนอยากได้ยิน และทุกคนสามารถกล่าวได้อย่างไม่ตะขิดตะขวง เรากล่าวคำขอบคุณกับผู้ให้บริการ หรือผู้ที่ทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้เรา กล่าวกับผู้ที่ชมเชยเรา ผู้ที่มีน้ำใจ หรือมีเมตตาต่อตัวเรา แม้ว่าจะเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
ริช เดอโวส ตั้งข้อสังเกตว่า บ่อยครั้งที่เราใช้เวลานานมากกว่าจะเปล่งคำคำนี้ออกมาสักครั้ง แต่ใช้เวลาเดี๋ยวเดียวในการต่อว่าผู้อื่น บางทีเรามัวแต่นึกถึงและยุ่งอยู่กับตัวเอง จนลืมขอบคุณผู้อื่น
7. "ฉันต้องการคุณ" (I need you)
เป็นอีกคำที่มีอานุภาพยิ่งสำหรับคนคิดบวก เพราะบ่งบอกถึงการยอมรับในความสามารถผู้อื่น เป็นคำที่สำคัญมากสำหรับผู้นำ จะเห็นว่าผู้นำหลายๆ คน เมื่อมีตำแหน่งสูงขึ้นเพียงใดยิ่งมองไม่เห็นความสำคัญของผู้มีตำแหน่งต่ำกว่า ทั้งที่ในความเป็นจริง ไม่มีทางที่เราจะนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จได้โดยลำพัง เมื่อคุณกล่าวคำคำนี้ออกมา จะเป็นการสร้างบรรยากาศเชิงบวกให้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในบ้านหรือที่ทำงาน
8. "ฉันวางใจในตัวคุณ" (I trust you)
ความสำเร็จที่ได้รับขึ้นอยู่กับเราได้มอบความไว้วางใจให้กับใครสักคน ว่า จะสามารถทำงานให้บรรลุเป้าหมาย และไว้ใจได้ว่าจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้ เราจำเป็นต้องไว้วางใจเพื่อนร่วมงาน ครอบครัว รวมไปถึงชุมชน ในสังคมที่ไม่มีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน จะเดินหน้าต่อไปไม่ได้
ความไว้วางใจเป็นคุณสมบัติสำคัญของการเป็นผู้นำเช่นกัน เมื่อมีคุณสมบัตินี้ ใครๆ ก็อยากเป็นเหมือนคุณ อยากเป็นเพื่อนคุณ อยากปฏิบัติตามคุณ อยากทำธุรกิจหรือร่วมลงทุนกับคุณริช ระบุไว้ในหนังสือว่า กฎทองของคำคำนี้ คือ จงปฏิบัติต่อผู้อื่น เหมือนที่อยากให้ผู้อื่นปฏิบัติกับคุณ
9. "ฉันเคารพคุณ" (I respect you)
คุณจะได้รับความเคารพกลับมาก็ต่อเมื่อให้ความเคารพผู้อื่น "ฉันเคารพคุณ" จึงเป็นคำพูดที่ทั้ง "ให้" และ "รับ" จากผู้อื่น การเคารพยังเป็นการแสดงออกที่ซ่อนเร้นได้ยาก และสามารถรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณ
ริช กล่าวว่า ในช่วงที่เป็นผู้นำองค์กรเขาคิดว่าการเคารพผู้อื่นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ความรู้พื้นฐานทางธุรกิจและวิธีการดำเนินองค์กรจะมีค่าน้อยทันที หากคุณไม่เคารพคนที่คุณทำงานด้วย ถ้าพวกเขาไม่เคารพคุณ เท่ากับคุณไม่ใช่คนที่เป็นผู้นำ
"เราทุกคนล้วนต้องการเป็นที่เคารพ ถ้าคุณต้องการความเคารพ ผมแนะนำให้คุณเริ่มต้นด้วยการเคารพผู้อื่นก่อน" ริช เดอโวส ระบุเอาไว้
10. "ฉันรักคุณ" (I love You)
เป็นคำพูดทรงพลังที่โอบกอดทุกคนไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกต่อคนรัก ครอบครัว หรือหมู่เพื่อนสนิท เป็นคำพูดที่ผู้ฟังรู้สึกอบอุ่นมากกว่า "ฉันวางใจในตัวคุณ" หรือ "ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณ" เป็นคำที่ใช้พูดกับคนที่คุณรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ การพูดว่า "ฉันรักคุณ" เป็นย่างก้าวสำคัญสำหรับทุกๆ คน
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ มีคำคำไหนที่ตัวผมใช้มากที่สุด คำว่า "ขอโทษ" เป็นคำที่ใช้ทั้งส่วนตัวและชีวิตประจำวัน แต่ถ้าในการทำงานในแอมเวย์ ประเทศไทย มีทั้ง I trust you ที่แสดงถึงความไว้เนื้อเชื่อใจในเพื่อนร่วมงาน หรือ I am proud of you ที่บ่งบอกถึงความภูมิใจ และใช้กันบ่อยๆ ในโลกขายตรง
ข้อสังเกตของผม ก็คือ คนไทยมักไม่ค่อยเอ่ยคำว่า I love you เหมือนสังคมตะวันตก ทั้งที่เป็นคำที่มีความหมายล้ำลึกยิ่ง เพราะความรักไม่ได้จำกัดเฉพาะสามีภรรยา คนหนุ่มสาว เพื่อนร่วมงาน ยังมีสิ่งอื่นๆ ที่เราสามารถแสดงซึ่งความรักได้ ไม่ว่าจะเป็นความรักต่อแผ่นดินเกิด หรือความรักที่มีต่อประเทศชาติ
http://www.bangkokbiznews.com