วัดหลวงพ่อโสธร ที่แปดริ้ว
ท้ายสุดที่ฉันฟิวส์ขาดก็ งานด่วนหัวหน้าจะเอาพรุ่งนี้ ตอนสาย ๆ แต่เช้ามา แม่บอกว่า ไปส่งแม่ไหว้พระที่ วัดหลวงพ่อโสธร ที่แปดริ้ว ขอแป็นตอนบ่าย ก็ไม่ยอม ฉันตะโกนใส่หน้าแม่ว่า ถ้าฉันไปส่งแม่ตอนนี้ ฉันคงต้องตกงานแน่ ๆ หัวหน้าจะเอางานที่ฉัน อีกสองชั่วโมงนี้แล้ว และมันก้อยังไม่เสร็จ แม่นั่งเงียบ หลบไปนั่งกอดกล่องสังกะสีใบเก่า ๆ เหม่อมอง อย่างไร้จุดหมาย ดวงตาแม่มีน้ำใส ๆ คลออยู่ แต่ฉันสิ ฉันโกธรสุด ๆ และตัดสินใจว่า แม่ต้องไปอยู่บ้านพักคนชรา
ฉันใช้เวลาหลายวันมาก ติดต่อบ้านพักคนชรา ปรึกษาพี่ ๆ ว่า ฉันไม่ไหวแล้ว หรือว่า พี่ ๆ คนไหนจะรับแม่ไปดูแลก็ตามใจ ซึ่ง ก็ไม่มีพี่คนไหนเสนอตัวรับ ต่างก็อ้างภาระครอบครัว ในที่สุดพี่ ๆ ทุกคนก็ยอม ฉันเอาเรื่องนี้ไปบอกกันแม่ฉันพยายามให้ เหตุผลกับแม่ว่า ที่นั่น แม่จะมีเพื่อน แม่ไม่ต้องเหงาในกลางวันที่ฉันไม่อยู่บ้าน แม่ไม่ต้องคอยฉันกลับบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ แม่จะ มีคนดูแลแม่ตลอด แม่พยักหน้า อย่างไร้ความรู้สึก ฉันรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก แต่.. ฉันไม่ไหวแล้วจริง ๆ
ในที่สุดวันนั้นก็มาถึง ฉันช่วยแม่เก็บข้าวของใส่กระเป๋า แม่กอดกล่องสังกะสีใบเก่า ๆนั้น ตลอดเวลา ฉันขนกระเป๋าแม่ใส่ท้าย รถฉัน ฉันบอกตัวเองตลอดว่า ฉันจำเป็นต้องทำ แม่เหลียวมองบ้านที่แม่อยู่มาตลอดเกือบสี่สิบปี ก่อนก้าวขึ้นไปนั่งในรถ กอด กล่องสังกะสีใบเดิมไว้ ไอ้ฝนเจ้ากรรม ก้อดันตกอยู่ตลอดเวลา ฝนตก รถก้อต้องติด เอาเถอะ อีกแค่ ไม่กี่ชั่วโมงจากนี้ ฉันก้อจะ เป็นอิสระ จากพันธนาการทั้งหลาย ผ่านไปครึ่ง ชม ฉันยังไปไม่ถึงไหน ไฟแดงข้างหน้า ฉันต้องกลับรถ ฉันเปิดไฟเลี้ยวขวา รอสัญญาณไฟเลี้ยวขวา ฉันจะได้กลับรถ รถยังเคลื่อนตัวไปอย่างช้า ๆ ที่ปัดน้ำฝนยังคงทำงานของมัน อีกสามคัน ฉันคิดอยู่ในใจ แม่ยังคงนั่งเหม่อ มือยังถือกล่องสังกะสีใบเดิม รถขยับไปช้า ๆ จนถึงคิวฉัน ฉันก้อหมุนพวงมาลัย ขวาเต็มที่ เพื่อ เลี้ยวกลับรถ แต่ไอ้รถคันที่อยู่ทางซ้ายมือ มันฉวยโอกาส เบียดหน้ารถฉัน แล้วชิงเลี้ยวก่อน ฉันเบรคทันที แรงเบรค ทำให้กล่องสังกะสีแม่ หลุดมือ ร่วงลงไปยังพื้นรถ ข้าวของข้างใน กระเด็นออกมา ฉันเหลือบตามอง ข้างของในกล่อง มีรูปขาวดำเก่า ๆ สมัยพวกฉัน เป็นเด็ก สี่รูป กับกระดาษปฎิทินเก่า ๆ คร่ำคร่า สามสี่แผ่น แม่รีบก้มเก็บมันขึ้นมา ใส่ลงไปในกล่องสังกะสี
ฉันถามแม่ว่า มันคืออะไร เหรอ แม่ถึงได้หวงมันนักหนา แววตาแม่เปลี่ยนจากว่างเปล่า เป็นแววตาที่สดใสขึ้นมาทันที แม่เล่าว่า แม่ไม่เคยเรียนหนังสือ แม่อ่านหนังสือไม่เป็น แม่เขียนหนังสือไม่ได้ วันที่แม่เกิดพวกแก อาอี๊ ก้อฉีกปฎิทินยัดใส่มือแม่ไว้ บอกแม่ ว่า เก็บไว้ดี ๆ แม่ได้แต่กำไว้ พูดจบ แม่ก็ค่อย ๆ หยิบใบหนึ่งขึ้นมา ให้ดูแล้วบอกว่า อันนี้ของพี่แก
วัดเล่งเน่ยยี่
ทุกปี แม่ต้องไปไหว้พระ ที่วัดเล่งเน่ยยี่ เอาไปให้ซินแสดูว่า แต่ละปี พวกแกแต่ละคน ต้องระวังอะไร อย่างปีก่อน พี่แก ปีชงแม่บอกให้พี่แกไปไหว้พระสะเดาะเคราะห์ พี่แกก็ไม่ยอมไป แม่ก้อต้องไปไหว้พระให้พี่แก แม่ก้มหยิบอีกใบ นี่ใบนี้ ของแก ปีนี้ซินแสบอกว่า แกมีเรื่องกลุ้มใจกับงาน แม่ก็บอกแก แกก็อ้างไม่ว่าง งานยุ่ง แม่ก็ต้องไปไหว้พระขอพระที่วัดหลวงพ่อโสธร แทนแก แต่ไม่เป็นไรหรอก แกไม่ว่าง แม่ก็ไปของแม่เองได้ งานการพวกแกมันเยอะ แม่เข้าใจ
ถึงตอนนี้ ไม่รู้สายฝนหรือน้ำตา ทำให้ฉันมองถนนไม่เห็น ทั้ง ๆ ที่ปัดน้ำฝนยังคงทำงานตามปรกติ ฉันกระพริบตาถี่ ๆ ในที่สุดฉันก็ รู้ว่ามันคือน้ำตา ก้อนอะไรไม่รู้ไหลมาจุกที่คอ ฉันกลืนมันลงไปอย่างยากเย็น ฉันขับรถตรงไปอีกแยก แล้วเปิดสัญญาณไปเลี้ยวขวา เพื่อเลี้ยวกลับรถอีกครั้ง ฉันตัดสินใจ ขับรถกลับบ้าน ฉันต้องอยู่กับแม่ ไม่ว่า แม่จะทำอะไร ฉันจะทำให้แม่ก่อน เสมอ จากนี้ไป
ขอบคุณ
http://www.ranthong.com/