วันหนึ่งมีชายผู้โชคดีไปพบเกาะนี้เข้าโดยบังเอิญ เขาขนสมบัติใส่เรือกลับมา แล้วเอามาขายที่หมู่บ้าน จนสามารถยกระดับฐานะ จากชาวบ้านธรรมดา กลายเป็นเศรษฐีขึ้นมาได้ในชั่วข้ามคืน
พอเรื่องของชายผู้โชคดีแพร่สะพัดออกไป ชาวบ้านจำนวนมากต่างก็ล่องเรือไปหาขุมทรัพย์ที่เกาะแห่งนี้ และดูเหมือนทรัพย์สมบัติจะมีอยู่เยอะ ขนาดคนนับร้อยนับพันไปแย่งกันก็ยังไม่หมด
เรียกได้ว่า “รวยกันถ้วนหน้า” เลยทีเดียว
เด็กหนุ่มบางคน เพิ่งทำงานซื้อเรือได้ลำแรก แทนที่จะไปทำมาค้าขายอย่างอื่น เขากลับมุ่งหน้าไปยังเกาะมหาสมบัติ แต่นั่นก็ดูเหมือนจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะแก้วแหวนเงินทองที่ได้มา คิดเป็นมูลค่าหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ของเงินที่ลงทุนไปเป็นค่าเรือ
คนหนุ่มหลายคน “รวยติดจรวด” จากการไปที่เกาะแห่งนี้แค่ 2-3 เที่ยว หลายคนบอกว่าชีวิตนี้ไม่คิดจะทำมาหากินอย่างอื่นอีกแล้ว แค่ล่องเรือไปยังเกาะมหัศจรรย์ไม่กี่รอบ ก็สบายไปทั้งชาติ
แม้ราคาเรือขณะนั้นจะถูกโก่งจนแพงลิบลิ่ว แต่บรรดา “คนตื่นทอง” ก็ยอมจ่าย เพราะคิดว่ายังไงก็คุ้ม
ที่น่าตกใจกว่าคือ บางคนออกเรือไปตัวคนเดียว ทั้งๆ ที่ยังบังคับเรือไม่เป็นเสียด้วยซ้ำ
แต่แล้ว พอหน้ามรสุมมาถึง ในหมู่ชาวบ้านเริ่มมีเสียงเตือนกันว่า อย่าได้เสี่ยงชีวิตไปที่เกาะมหาสมบัติอีกเลย เพราะสภาพอากาศเลวร้ายมาก ขืนออกเรือไปอาจไม่รอดชีวิตกลับมาก็เป็นได้
พูดง่ายๆ คือ มัน “เสี่ยง” เกินไปแล้ว สู้รอให้ “ฟ้าเปิด” ค่อยกลับไปอีกครั้งจะดีกว่า
ทว่าใครจะเชื่อเล่าครับ ก็สมบัติเยอะซะขนาดนั้น ไม่กล้าก็ต้องกล้า บางคนแม้จะกลัว แต่ก็เกรงว่าหากไปช้า พวกใจกล้าจะแย่งเอาของดีไปจนหมด
ด้วยเหตุนี้ ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงยังคงยอมเสี่ยง ฝ่าลมฝ่าฝนเดินทางไปที่นั่น |