ออฟฟิศ ซินโดรม
โรคฮอตคุกคาม หนุ่มสาวออฟฟิศ
โดย...สุรีย์รัตน์ พิทักษ์
หนุ่มสาวออฟฟิศที่ต้องนั่งทำงานวันละหลายชั่วโมงมีแนวโน้มที่จะถูกโรคภัยต่างๆ คุกคามได้ง่าย โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวเนื่องมาจากความเครียด งานนี้มีโรคอะไรบ้าง ตามไปดูกัน
นิ่วในถุงน้ำดี การกินอาหารที่มีไขมันสูงเป็นประจำอาจก่อให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้ ซึ่งมักพบในผู้หญิงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป และคนอ้วนมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้มากกว่าคนผอม โดยนอกเหนือจากนั้นก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลให้เกิดโรคนี้ได้อีก เช่น กรรมพันธุ์ การอักเสบ และการคั่งของน้ำดีในถุงน้ำดี การรับประทานยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน โดยเมื่อเป็นนิ่วในถุงน้ำดีแล้ว ถ้าไม่รีบรักษาอาจจะก่อให้เกิดอาการเรื้อรังตามมาได้
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ การที่ต้องนั่งทำงานนานๆ จนบางครั้งลืมเข้าห้องน้ำ หรือบางทีก็ต้องเดินทางไกล ทำให้ต้องอั้นปัสสาวะเป็นประจำ เป็นสาเหตุสำคัญของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ โดยโรคนี้พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ซึ่งถ้าไม่อยากเป็นโรคนี้ก็ห้ามอั้นปัสสาวะเด็ดขาด
โรคเครียด นอนไม่หลับ โรคเครียด ถือเป็นโรคฮิตสำหรับคนวัยทำงานเลยทีเดียว ไม่ว่าคนที่เริ่มทำงานใหม่ๆ หรือทำงานมาเป็นสิบๆ ปี ซึ่งบางคนอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้ ว่ากำลังเผชิญอยู่กับภาวะเครียดรุมเร้า วิธีการหลีกเลี่ยงที่ง่ายที่สุดก็คือ พยายามไม่เครียด รู้จักผ่อนคลาย อาจจะลองหยุดทำงานแล้วไปเดินเล่นสัก 10 นาที ก็จะช่วยให้ผ่อนคลายความเครียดจากการทำงานได้แล้ว
ความดันโลหิตสูง ภัยเงียบที่ไม่มีอาการ มักพบในคนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป เกิดได้จากปัจจัยบางอย่าง ได้แก่ การมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ก็จะมีโอกาสเป็นโรคความดันโลหิตสูงมากกว่าคนอื่นถึง 3 เท่า นอกจากนี้ยังเกิดจากโรคอ้วน ความเครียด การรับประทานอาหารรสเค็ม การสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า หรือผู้ที่ทำงานนั่งโต๊ะในสำนักงานจะมีความเสี่ยงสูงกว่าผู้ที่ทำงานใช้กำลัง และความดันโลหิตสูงนี้อาจจะนำไปสู่อาการเส้นเลือดแตก อัมพฤกษ์ อัมพาต ไตวาย พิการ และหัวใจวายได้อีกด้วย
โรคอ้วน ล่าสุดพบว่าโรคอ้วนเป็นกันมากขึ้นในคนวัยทำงาน โดยเฉพาะพวกที่ชอบทำงานไปด้วยรับประทานไปด้วย ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ซึ่งผู้หญิงสามารถอ้วนได้ง่ายกว่าผู้ชาย โดยโรคอ้วนยังเป็นบ่อเกิดของโรคสำคัญๆ มากมาย เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ ไขมันในหลอดเลือดสูง ความดันโลหิตสูง เป็นต้น ผู้ที่เป็นโรคอ้วนควรดูแลใส่ใจเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษ ควรปรึกษาโภชนากร และควรหาเวลาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ กรดไหลย้อน คนที่รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา รีบมากจนเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด เครียดจัดจนอาหารไม่ย่อย และคนที่สูบบุหรี่ หรือดื่มเหล้าจัด มักเสี่ยงกับการเป็นโรคกรดไหลย้อน นอกจากนี้ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้มาเป็น 10 ปี อาจนำไปสู่การเกิดโรคมะเร็งหลอดอาหารส่วนปลายได้อีกด้วย
ปวดหลังเรื้อรัง การใช้ชีวิตอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์วันละ 8 ชั่วโมง และใส่รองเท้าส้นสูงบ่อยๆ อาจเป็นสาเหตุสำคัญของอาการปวดคอ บ่า ไหล่ หลัง แขน ขา และสะโพก อันเกิดเนื่องมาจากโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง ใครที่มีอาการปวดแบบเรื้อรังควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวินิจฉัยและรักษาได้อย่างถูกต้อง
ไมเกรน ปวดศีรษะเรื้อรัง คุณเคยรู้สึกไหมว่าเวลานั่งทำงานเครียดๆ จะรู้สึกปวดหัวบริเวณขมับด้านหน้าศีรษะ หรือหลังต้นคอ นั่นคือสัญญาณเตือนให้คุณรู้ถึงสภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคไมเกรน การพักผ่อนไม่เพียงพอ แสงแดด ความร้อน และขาดฮอร์โมนบางชนิดก็เป็นปัจจัยก่อให้เกิดโรคนี้ได้เช่นกัน
มือชา เอ็นอักเสบ นิ้วล็อก การอักเสบของปลอกหุ้มเอ็นข้อมือ เส้น เอ็นนิ้วมือนั้นพบได้มากขึ้นในปัจจุบัน เพราะเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนในชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าจากการใช้คอมพิวเตอร์ การจับเมาส์ในท่าเดิมนานๆ ทำให้กล้ามเนื้อกดทับเส้นประสาท และเส้นเอ็นจนอักเสบ จนเกิดพังผืดยึดจับบริเวณนั้นเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดอาการปวดของปลายประสาทนิ้วล็อก หรือข้อมือล็อกและในปัจจุบันนี้หนุ่มสาวรุ่นใหม่มักมีอาการเจ็บปวดนิ้วหัวแม่มือ เนื่องมาจากการใช้เครื่องแบล็คเบอร์รี่ หรือเครื่องเล่นอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีปุ่มขนาดเล็กซึ่งต้องเกร็งนิ้วเวลากด ทำให้เกิดอาการเส้นเอ็นอักเสบ ปวดตามข้อนิ้วได้ หรือที่เรียกกันว่า แบล็คเบอร์รี่ ทัมบ์ (BlackBerry Thumb)
ต้อหิน ตาพร่ามัว 1 ใน 10 ของคนอายุ 40 ปีขึ้นไป มีความเสี่ยงสูงในการเป็นโรคต้อหิน หรือกำลังเป็นโรคนี้โดยไม่รู้ตัว และที่อันตรายที่สุดคือ ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องตาอาจบอดได้ สาเหตุเกิดจากการใช้สายตานานๆ การอักเสบหรือติดเชื้อของกระจกตาของการใส่คอนแทคเลนส์ การที่มีความดันในลูกตาสั้นหรือยาวมากๆ ผู้ป่วยโรคต่อมไทรอยด์ และกรรมพันธุ์ ดังนั้นควรตรวจสุขภาพตาเป็นประจำทุกปี เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต้อหิน และภัยร้ายต่างๆ ในดวงตาก็จะไม่ถามหาอีกด้วย
หนุ่มๆ สาวๆ ออฟฟิศทั้งหลายลองหันมาใส่ใจในสุขภาพของตัวเอง ด้วยการออกกำลังกาย รับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ และตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี รวมถึงสำรวจความผิดปกติของร่างกายอยู่เป็นประจำจะช่วยให้เรารู้ว่าร่างกายของเราส่งสัญญาณเตือนภัยอะไรมาบ้าง ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ไข http://bit.ly/czK3nY
|