นกที่บินหลงทาง




นกที่บินหลงทาง

ที่ภูเขาต้าเยี่ยน มีพระรูปหนึ่งปฏิบัติธรรมอยู่ที่นั่น ท่านเป็นพระที่เทศน์

เก่งมาก ท่านมักจะใช้สิ่งที่มีชีวิตรอบตัวสอดแทรกธรรมะ จากนั้นก็ใช้คำ

ง่ายๆแต่งเป็นโศลก



มีอยู่ครั้งหนึ่ง อุบาสกท่านหนึ่งถามท่านว่า

“ มีคนพูดกันว่า การบูชาใดๆต่อพระพุทธเจ้าทั้งปวงในสากลโลก ก็ไม่

เท่ากับการบูชาต่อผู้ที่ดำเนินตามทางแห่งมรรคเพียงคนเดียว ไม่ทราบว่า

พระพุทธเจ้าทั้งปวงเป็นอย่างไร ? คนเดินตามทางเดินแห่งมรรคมีบุญกุศล

ใด “

พระรูปนั้นพูดเป็นโศลก ว่า



“ เพียงแค่มีเมฆหมอกมาบดบัง นกก็ยังหลงทางบินกลับรัง "



" เป็นเพราะว่ามีเมฆหมอกมาปิดทางกลับรังของนก นกจึงหาทางกลับ

รังไม่ถูก ถ้าเรามัวแต่บูชาพระพุทธองค์ จิตย่อมจดจ่อและยึดติดอยู่กับองค์

พระ ทำให้ตัวเองกลับเดินหลงทาง ผู้ที่เดินตามทางแห่งมรรคย่อมทำให้จิต

ตัวเอง สะอาด และสว่างกลับมารู้จักตัวเอง จิตจึงไม่หลงทาง “


อุบาสกคนนั้นถามต่อว่า โบสถ์วิหารเป็นดินแดนแห่งความสงบ

และสะอาด ทำไมถึงต้องตีกลองและเคาะ “ ปลาไม้ ”


พระรูปนั้นตอบเป็นโศลกว่า


“ เพื่อตีให้เสียงก้องกังวานไป เพื่อมิให้เหล่ามังกรนั่งคำนับ “


วัดที่เงียบสงบต้องตีกลองและเคาะ “ ปลาไม้ ”มีความหมายที่ลึกซึ้งแฝง
อยู่ในนั้น ธรรมดาปลาอยู่ในน้ำ ไม่เคยปิดตา ดังนั้นการเคาะ ”ปลาไม้” จึง
เป็นการแสดงถึงความขยันฝึกฝน ไม่เกียจคร้าน การตีกลองก็เพื่อย้ำเตือน
ให้ผู้คน เลิกทำบาป และสร้างกุศล




อุบาสกท่านนั้นถามต่ออีกว่า

“ เมื่อปฏิบัติธรรมอยู่กับบ้านก็ได้ ทำไมถึงต้องออกบวชอีก “

พระรูปนั้นตอบเป็นโศลกว่า

“ นกยูงแม้จะมีปีกที่สวยงาม แต่ก็บินได้ไม่สูงเฉกเช่นนกอื่น “

" การปฏิบัติธรรมที่บ้านเป็นสิ่งที่ดี แต่เมื่อบวชแล้วย่อมจะตั้งมั่น

และ แน่วแน่กว่า ย่อมจะไปได้ไกลกว่า"