1
2

มหาเศรษฐีฮ่องกง ลี กา ชิง สอนวิธีทีซื้อบ้านและรถภายในเวลา 5 ปี


ชีวิตลิขิตเอง (Life Design) ▬ Cover official

มหาเศรษฐีฮ่องกง ลี กา ชิง 
สอนวิธีทีซื้อบ้านและรถภายในเวลา 5 ปี

หมายเหตุ : *1 หยวน ประมาณ 5 บาท

มหาเศรษฐีฮ่องกง ลี กา ชิง แบ่งปันความภูมิปัญญาทางด้านการเงินของเขา สรุปแผนที่ใช้ในการสร้างแรงบันดาลใจเกี่ยวกับแผนห้าปีที่จะเปลี่ยนชีวิตคนไปในทางที่ดีขึ้นได้อย่างสิ้นเชิง



สมมติว่ารายได้ต่อเดือนของคุณมีแค่ 2,000 หยวน คุณสามารถมีการ เป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้ โดยการที่คุณแบ่งเงินเป็น 5 ส่วน ส่วนแรก 600 หยวน, ส่วนที่สอง 400 หยวน, ส่วนที่สาม 300 หยวน, ส่วนที่สี่ 200 หยวน, ส่วนที่ห้า 500 หยวน


เงินส่วนแรก 
กันเอาไว้เพื่อใช้จ่ายในการดำเนินชีวิตประจำวัน
ด้วยวิธีง่ายๆ คุณแค่แบ่งเงินในแต่ละวันไว้ใช้จ่ายไม่เกิน 20 หยวนต่อวัน 
มื้อเช้าของทุกวันกินวุ้นเส้น ไข่หนึ่งฟอง และนมหนึ่งแก้ว 
ส่วนมื้อกลางวันก็กินอาหารเบาๆ และผลไม้ 
พอมือเย็นก็เข้าครัวไปทำอาหารที่ประกอบด้วยผัก 
และดื่มนมหนึ่งแก้วก่อนนอน 
ในหนึ่งเดือนค่าใช้จ่ายตกประมาณ 500-600 หยวน 
เมื่อคุณยังหนุ่มสาวร่างกายคุณยังไม่ค่อยเจ็บป่วยในช่วงปีแรกๆ พอเพียงสำหรับการกินอยู่แบบนี้


เงินส่วนที่สอง 
กันไว้สำหรับการสร้างเพื่อน และขยายความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในแวดวง 
สิ่งนี้จะทำให้คุณมั่งคั่ง กันไว้ 100 หยวนสำหรับค่าโทรศัพท์ 
กันเงินไว้สำหรับกินข้าวกับเพื่อนๆ 2 มื้อต่อเดือน มื้อละ 150 หยวน 

ใครคือคนที่คุณสมควรจะกินข้าวด้วย? 
จำไว้เสมอว่าคุณจะต้องกินข้าวกับคนที่มีความรู้มากกว่าคุณและรวยกว่าคุณหรือคนทีจะช่วยสนับสนุนคุณในด้านการงานได้ แน่ใจว่าคุณต้องทำเช่นนี้ทุกเดือน 
หลังจากนั้นหนึ่งปีแวดวงเพื่อนๆ ของคุณจะสร้างคุณค่ามากมายมหาศาลให้กับคุณ ชื่อเสียงและอิทธิพลของคุณจะเพิ่มมูลค่าเป็นที่จดจำ ภาพลักษณ์ของคุณจะเพิ่มขึ้นเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง


เงินส่วนที่สาม 
การเรียนรู้ 
คุณควรจะจ่ายเงินประมาณ 50 ถึง 100 หยวน ในการซื้อหนังสือ เพราะคุณมีเงินไม่มาก คุณควรเอาใจใส่กับการจ่ายเงินไปกับการเรียนรู้ 

เมื่อคุณซื้อหนังสือและอ่านมันอย่างระมัดระวัง จงเรียนรู้บทเรียนและกลยุทธต่างๆ ที่สอนไว้ในหนังสือ หลังจากอ่านหนังสือแต่ละเล่มให้เล่าเรื่องราวเป็นภาษาของคุณ การแบ่งปันกับคนอื่นจะช่วยให้คุณได้รับความน่าเชื่อถือและเป็นคนที่น่าสนใจ 

และประหยัดเงินเดือนละ 200 หยวนเพื่อเข้าคอร์สอบรมต่างๆ เมื่อคุณรายได้เพิ่ม ให้กันเงินส่วนนี้เพิ่มขึ้นและเข้าร่วมคอร์สอบรมในระดับที่สูงขึ้น เมื่อคุณเข้าร่วมคอร์สอบรมที่ดีมันจะไม่ช่วยแค่ให้คุณมีความรู้ที่ดี แต่ยังจะช่วยให้คุณเจอเพื่อนที่มีความคิดเหมือนกันซึ่งหาไม่ได้ง่ายๆ 


เงินส่วนที่สี่ 
เก็บไว้ใช้สำหรับการเดินทางไปต่างประเทศในวันหยุด 
ให้รางวัลแก่ตนเองโดยการเดินทางไปต่างประเทศอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อการเติบโตของประสบการณ์ในชีวิตอย่างต่อเนื่อง พักในโฮสเตลราคาประหยัด ในเวลาไม่กี่ปีผ่านไปคุณจะเดินทางไปหลายประเทศและจะมีประสบการณ์หลากหลาย ใช้ประสบการณ์เหล่านี้เป็นการเพิ่มพลังใหม่ให้ตัวเองมีแรงขับดันในการทำงานต่อไป


เงินส่วนที่ห้า 
ลงทุน 
ประหยัด 500 หยวนเก็บไว้ในธนาคารเพื่อเป็นทุนในการเริ่มต้นทำธุรกิจ เงินทุนสามารถใช้ในการเริ่มต้นทำธุรกิจเล็กๆ การเริ่มจากธุรกิจเล็กๆ มักจะปลอดภัยในการเริ่มต้น ไปหาผู้ค้าส่งและหาสินค้ามาขาย แม้คุณจะขาดทุน คุณจะเสียเงินไม่มาก 

อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณเริ่มหาเงิน มันจะช่วยเพิ่มความมั่นใจกับความกล้า และได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ของการเริ่มต้นทำธุรกิจเล็กๆ เมื่อมีรายได้มากพอคุณสามารถเริ่มมองหาแผนการลงทุนระยะยาว และลงทุนในหลักทรัพย์ระยะยาวด้วยเงินของคุณและครอบครัวคุณ ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องกังวลเพราะเงินจำนวนนี้ของคุณไม่ได้ทำให้คุณภาพชีวิตคุณตกต่ำลง



อย่างไรก็ดี หลังจากคุณดิ้นรนเป็นเวลาผ่านไปหนึ่งปี ถ้าเงินเดือนคุณยังคง 2,000 หยวน 
นั่นหมายความว่าคุณไม่ได้มีความก้าวหน้าขึ้นเลย คุณควรจะสำนึกละอายใจและสั่งสอนตัวเองด้วยการไปซื้อซุปเปอร์มาร์เก็ต และซื้อเต้าหู้ที่แข็งที่สุด แล้วเอามันปาใส่หัวตัวเองเพราะคุณสมควรโดนแบบนั้น

แต่ถ้าถึงตอนนั้นรายได้ต่อเดือนคุณอยู่ที่ 3,000 หยวน 
คุณต้องยังคงทำงานหนัก คุณต้องหางานเสริม จะเป็นการดีถ้าเป็นงานขาย ทำให้การขายเป็นเรื่องท้าทาย เป็นวิธีที่เร็วที่สุดที่คุณจะได้เรียนรู้ศิลปะในการขายและความรู้อย่างลึกซึ้งซึ่งสามารถนำไปใช้กับอาชีพคุณได้ เจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จเริ่มจากการเป็นนักขายที่ดี พวกเขามีความสามารถในการขายความฝันและวิสัยทัศน์ คุณจะพบผู้คนมากมายที่มีคุณค่าต่ออาชีพของคุณในภายหลัง เมื่อเริ่มขายคุณจะได้เรียนรู้ว่าอะไรขายได้และอะไรขายไม่ได้ ใช้ไหวพริบในการตรวจสอบตลาดเป็นวิธีในการดำเนินธุรกิจของคุณและหาผลิตภัณฑ์ที่จะเป็นผู้ชนะในอนาคต

ซื้อเสื้อผ้าและรองเท้าให้น้อยที่สุด 
คุณสามารถซื้อมันทั้งหมดได้เมื่อคุณรวย ประหยัดเงินของคุณและซื้อของขวัญให้คนที่คุณรักและบอกพวกเค้าถึงแผนการและเป้าหมายทางการเงินของคุณ บอกพวกเค้าว่าทำไมคุณถึงต้องประหยัดอดออม บอกเค้าถึงความพยายาม ทิศทางที่คุณกำลังจะไป และความฝันต่างๆ ของคุณ

นักธุรกิจทุกคนต้องการความช่วยเหลือ 
ให้คุณเสนอตัวเองต่อพวกเขาในการทำงานนอกเวลาในโอกาสต่างๆ สิ่งเหล่านี้จะช่วยพัฒนาความสามารถของคุณ และคุณจะได้พัฒนาทักษะในการเจรจาของคุณและในไม่ช้าคุณจะใกล้เป้าหมายทางการเงิน 

เมื่อเข้าปีที่สองรายได้ของคุณควรจะเพิ่มเป็น 5,000 หยวน อย่างน้อยสุดก็ควรจะเป็น 3,000 หยวน มิฉะนั้นคุณจะไม่สามารถสู้กับเงินเฟ้อได้

ไม่ว่าคุณจะหารายได้เพิ่มมาขึ้นเท่าไร จำไว้เสมอว่าแบ่งเงินเป็นห้าส่วน 
ทำตัวเองให้เป็นประโยชน์อยู่เสมอ จงใช้เงินลงทุนเพิ่มขึ้นไปกับการสร้างเครือข่าย เมื่อคุณรู้จักผู้คนมากขึ้นเครือข่ายของคุณขยายมากขึ้นคุณจะสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น จงใช้เงินลงทุนเพิ่มขึ้นไปกับการเรียนรู้เพื่อสร้างความมั่นใจให้ตัวเองมากขึ้น จงใช้เงินเพิ่มขึ้นไปกับการท่องเที่ยวในวันหยุดในที่ใหม่ที่ยังไม่เคยไป จงเพิ่มการลงทุนไปกับอนาคตคุณซึ่งมันจะสร้างรายได้ให้คุณอย่างมหาศาล

รักษาสมดุลนี้ไว้ และคุณจะเริ่มมีเหลือกินเหลือใช้เรื่อยๆ คุณกำลังเดินทางมาถูกทางสำหรับการวางแผนในชีวิต สุขภาพของคุณจะดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อคุณได้รับสารอาหารและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพื่อนจะมีมากมายคุณจะสามารถสร้างคุณค่าจากเครือข่ายของเพื่อนได้ในเวลาเดียวกัน คุณจะได้รับโอกาสในการฝึกฝนตัวเองในทักษะระดับสูง และคุณจะได้รับผิดชอบโครงการที่ใหญ่กว่าเดิม โอกาสที่ใหญ่กว่าเดิม ในไม่ช้าคุณจะตระหนักว่าคุณมีความฝันมากมาย ซื้อบ้าน ซื้อรถ และเตรียมค่าเล่าเรียนของลูกของคุณ



ชีวิตและเส้นทางชีวิตสามารถออกแบบได้ซึ่งจะนำไปสู่ความสุข 
คุณควรเริ่มแผนตั้งแต่ตอนนี้ 

เมื่อคุณจน ให้ใช้เวลาอยู่ที่บ้านให้น้อยกว่าการใช้เวลาอยู่ข้างนอก 
เมื่อคุณรวย อยู่ที่บ้านมากขึ้นอยู่ข้างนอกให้น้อยลง นี่คือศิลปะการใช้ชีวิต 

เมื่อคุณจน ให้ใช้จ่ายเงินไปกับผู้อื่น 
แต่เมื่อคุณรวย ใช้เงินไปกับตัวคุณเอง คนส่วนใหญ่ทำตรงกันข้ามกัน

เมื่อคุณจน จงทำดีกับผู้อื่นอย่ามัวแต่คิดเรื่องผลประโยชน์ 
เมื่อคุณรวย คุณต้องเรียนรู้ที่จะทำให้ผู้อื่นดีต่อคุณ 
คุณต้องเรียนรู้ที่จะทำตัวเองให้ดีกว่าเป็นคนที่ดีกว่าที่เป็น 

เมื่อคุณจน คุณต้องผลักดันตัวเองออกมาในที่คนอื่นสามารถจะมองเห็นคุณได้
เพื่อให้คนอื่นใช้งานและทักษะที่คุณมี 
เมื่อคุณรวย คุณต้องรู้จักปกป้องตัวเองอย่าปล่อยให้ใครมาหลอกใช้คุณได้ง่ายๆ 
เป็นความซับซ้อนในเส้นทางของชีวิตที่หลายคนยังไม่เข้าใจ

เมื่อคุณจน ให้คุณใช้เงินเพื่อทำให้ผู้อื่นรู้จักคุณ 
แต่เมื่อคุณรวย จงอย่าโอ้อวดว่าคุณรวย 
ใช้จ่ายเงินของคุณในการซื้อของอย่างเงียบๆ 

เมื่อคุณจน คุณต้องเป็นคนมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
และเมื่อคุณรวย คุณต้องไม่ถูกมองว่าเป็นคนฟุ่มเฟือย 
ชีวิตของคุณจะวนกลับมาสู่สามัญคุณควรจะอยู่อย่างเรียบง่ายเมื่อคุณมาถึงจุดนี้

ไม่มีสิ่งใดผิดเมื่อคุณยังหนุ่มสาว คุณไม่ต้องกลัวว่าคุณจน คุณต้องรู้วิธีลงทุนในตัวคุณเองที่จะเพิ่มปัญญาและระดับความสำเร็จ คุณต้องรู้ว่าอะไรจำเป็นและไม่จำเป็นต่อชีวิต คุณต้องรู้ว่าอะไรควรหลีกเลี่ยงและไม่จ่ายเงินฟุ่มเฟือยไปกับมัน 



นี่คือวินัยที่จำเป็นอย่างยิ่ง พยายามหลีกเลี่ยงในการใช้จ่ายเงินไปกับการซื้อเสื้อหลายๆ ชุดแต่รู้จักเลือกซื้อเสื้อผ้าที่ดูดีเพียงไม่กี่ชุด พยายามกินข้าวนอกบ้านให้น้อยที่สุด ถ้าคุณกินข้างนอกบ้านคุณต้องแน่ใจว่าคุณซื้อมื้อกลางวันหรือมื้อเย็นที่คุณจ่าย คุณจ่ายเพื่อกินกับผู้คนที่มีความฝันใหญ่กว่า ทำงานหนักกว่าคุณ

เมื่อการทำมาหากินของคุณไม่เป็นเรื่องที่ต้องกังวลอีกต่อไป ใช้เงินที่เหลือไล่ตามความฝันของคุณ สยายปีกของคุณและกล้าที่จะฝันทำให้คุณแน่ใจว่าชีวิตของคุณเป็นสิ่งวิเศษ



ทฤษฎีที่มีชื่อเสียงจากฮาร์วาร์ด 
ความแตกต่างของโชคชะตาของแต่ละคนถูกตัดสินจากสิ่งที่เค้าจ่ายในเวลาว่างระหว่าง 20.00 น. ถึง 22.00 น. 

ใช้เวลา 2 ชั่วโมงนี้ในการเรียนรู้ คิด และเข้าร่วมในการเข้าร่วมการบรรยายหรือการสัมมนาที่มีความหมาย ถ้าคุณทำแบบนี้สักปีสองปี ความสำเร็จจะเข้ามาหาคุณ

ไม่สำคัญว่าคุณหาเงินได้เท่าไร จำไว้ว่าแบ่งเงินเป็นห้าส่วน 
ดูแลตัวเองรักษารูปร่างให้ดีอยู่เสมอ ลงทุนในการเข้าสังคมพบผู้คนใหม่อย่างต่อเนื่องและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้จากคนเหล่านี้ การขยายเครือข่ายทางสังคมจะทำให้รายได้คุณเพิ่มขึ้น เดินทางทุกปีในที่แตกต่างกันออกไป และคอยติดตามการพัฒนาการล่าสุดของโลกอุตสาหกรรมด้วย ถ้าคุณทำตามแผนนี้อย่างขยันขันแข็ง คุณจะมีเงินทุนเหลือมากมาย



อะไรที่ผ่านไปแล้วในอดีตก็ปล่อยให้มันผ่านไป 
อย่ามัวจมอยู่กับความผิดพลาด 
ไม่จำเป็นที่จะมัวมานั่งเสียใจกับสิ่งที่สูญเสียไปแล้ว 
ทุกคนเคยทำผิดพลาด และคุณจะได้เรียนรู้จากมัน 
และสัญญากับตัวเองว่าจะไม่พลาดซ้ำอีก 
เมื่อคุณพลาดโอกาสอย่ามัวเศร้าเสียใจ 
มีโอกาสใหม่รออยู่ข้างหน้าเสมอ



คุณสามารถที่จะยิ้มรับเมื่อถูกเข้าใจผิดเล็กๆ น้อยๆ 
เมื่อคุณทำผิดและคุณยิ้มรับอย่างสงบนั้นคือความใจกว้าง 
เมื่อคุณถูกเอาเปรียบแต่คุณยังยิ้มได้คุณคือคนใจกว้าง 
เมื่อคุณทำอะไรไม่ถูกให้คุณค่อยๆ ยิ้มอย่างใจเย็นมันจะทำให้คุณอยู่ในสภาวะที่สงบนิ่ง 
เมื่อคุณเจ็บปวดคุณสามารถที่จะหัวเราะออกมาดังๆ ได้คุณคือคนใจกว้าง 
เมื่อคุณถูกดูหมิ่นเหยียดหยามและคุณยิ้มได้อย่างสงบคุณคือคนที่มีความมั่นใจ 
เมื่อคุณถูกปฏิเสธในความสัมพันธ์และคุณสามารถยิ้มได้คุณคือคนอ่อนโยน

ยังมีคนอีกจำนวนมากที่จะดิ้นรนเพื่อที่จะมีเงินเพียงพอต่อการใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน แต่มันไม่สำคัญว่าคุณจะรวยหรือจน นี่คือทั้งหมดของบทเรียนที่คุณได้เรียนรู้จาก ลี กา ชิง

บทความจาก : therealsingapore.com

บทสรุป

30%    กิน/ใช้
20%    กินข้าวกับเพื่อน
15%    เรียนรู้/อบรม
10%    ท่องเที่ยวต่างประเทศ
25%    ลงทุน

แนวคิดบทความ เขาให้นำไอเดียไปประยุกต์ใช้ ก็จะได้ประโยชน์มหาศาล 
ถึงใช้ไม่ได้ทั้งหมด เราก็ปรับใช้เท่าที่ใช้ได้ก็พอ

ทำตามเขา อย่างไรก็ไม่รวย
ทำตามแนวทาง แต่ปรับให้เข้ากับตัวเราเอง อาจรวยได้

...เปิดตาให้กว้างๆ มองโลกให้มากไว้ มองความเปลี่ยนแปลงไปของโลก มองสิ่งใหม่ๆที่เกิดขึ้นในโลก และตามให้ทัน

...เปิดหูให้ชัดๆ รับฟังผู้อื่นพูดให้มาก โดยเฉพาะผู้ที่ประสบความสำเร็จ ผู้มีความรู้ในเรื่องที่ทำให้เราก้าวไปถึงเป้าหมาย เรียนรู้จากประสบกรณ์ของผู้คนหลากหลาย นำมาเพิ่มในสิ่งที่ขาด หรือลดในสิ่งที่เกิน

...เปิดปากให้มากๆ พูดคุยถามในเรื่องที่จะเพิ่มความรอบรู้ พูดคุยเพื่อขยายเพื่อนๆ ขยายขอบข่ายให้มากไว้ ไม่แน่วันนึงเพียงเพราะเราเคยพูดคุยดีๆ ทำเรื่องดีๆกับใครบางคนไว้ จะย้อนกลับมาให้เราได้รับโอกาสที่ดีในชีวิตได้  

...เปิดสมองให้โล่งๆ รวบรวมเรื่องราวต่างๆที่ได้รับมา ทบทวนจัดเรียงเรื่องราวแล้วนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุด

...เปิดมือทั้งสองข้างออกกว้างๆ เพียงรู้อย่างเดียวไม่พอ ต้องลงมือทำด้วย แม้เป้าหมายจะอยู่ห่างไกล แต่การเริ่มลงมือทำและทำอย่างสม่ำเสมอ สะสมอันละนิดอันละน้อย จะลดระยะทาง หรือถึงเป้าหมายได้ในวันนึง


...ความมุ่งมั่น ตั้งใจ พกให้อยู่เต็มในกระเป๋า

:: pantip.com ::





" ผู้ชาย ตบผู้หญิงบนรถเมล์จนขึ้นศาล "


รถเมล์ - P2Warship



" ผู้ชาย ตบผู้หญิงบนรถเมล์จนขึ้นศาล (ขำๆ) "
ทำไมเธอจึงโดนชายคนนี้ตบบนรถเมล์?



เกิดคดีความฟ้องร้องต่อศาล
สอบปากคำโจทก์จำเลยเผยเรื่องจริง

พิจารณาสรุปความคำถามสุดท้าย
คุณเป็นชายแล้วไปตบหล่อนทำไม

ชายเหลือบมองคู่กรณีเห็นทีหยิ่ง
ผมเจอหล่อนที่ป้ายจอดรถเมล์

ขึ้นรถเมล์คันเดียวกันมันงี่เง่า
เธอสำแดงเหตุบอกออกอาการ
ชาย!! มหาญฮึกสยบตบผู้หญิง
เหตุผลติงสำนวนต่อน่าพอใจ

จำเลยชายต้องตอบคำถามใหม่
เหตุผลใดให้การมาอย่าโมเม

แล้วให้การตามจริงไม่หันเห
ยืนหน้าเบ้บุญไม่รับอับประมาณ

พอกระเป๋าเขามาเก็บค่าโดยสาร
สุดทนทานนั่งข้างเธอผมเผลอไป



เปิดกระเป๋าใหญ่แล้วหยิบกระเป๋าเล็ก
หยิบแบงค์จากกระเป๋าเล็กในทันใด

เธอปิดกระเป๋าเล็กแล้วใส่ลงกระเป๋าใหญ่
พลางปิดกระเป๋าใหญ่ไม่รอรี

เปิดกระเป๋าใหญ่แล้วหยิบกระเป๋าเล็ก
เอาตั๋วใส่กระเป๋าเล็กอย่างเร็วไว

ปิดกระเป๋าเล็กแล้วใส่ลงกระเป๋าใหญ่
รับตังค์ทอนจากกระเป๋าแล้วกานดา

เปิดกระเป๋าเล็กแล้วปิดกระเป๋าใหญ่
หยิบกระเป๋าใหญ่แล้วเปิดใส่กระเป๋าเล็ก

ครั้นนายตรวจขึ้นมาหาช้าไม่
ปิดกระเป๋าใหญ่เปิดกระเป๋าเล็กไม่ช้าเลย

แล้วปิดกระเป๋าเล็กก่อนเปิดกระเป๋าใหญ่
แล้วเธอปิดกระเป๋าใหญ่ไม่รอรา

เปิดกระเป๋าใหญ่แล้วหยิบกระเป๋าเล็ก
เอาตั๋วใส่กระเป๋าเล็กแล้วปิดไว



ตุลาการนั่งฟังความตามคดี
กระเป๋าเล็กกระเป๋าใหญ่ดูพันพัว

จำเลยชายได้จังหวะจึงฉะฉาน
ท่านเพียงฟังยังเวียนหัวถึงเพียงนี้

ตุลาการพินิจผลถึงต้นเหตุ
จึงยกฟ้องปลดปล่อยจำเลยไป
เปิดกระเป๋าเล็กแล้วปิดกระเป๋าใหญ่
แล้วเปิดกระเป๋าใหญ่ในทันที

ส่งเงินให้เด็กกระเป๋าขมันขมี
ครั้นรับตั๋วทันทีเธอฉับไว

เปิดกระเป๋าเล็กแล้วปิดกระเป๋าใหญ่
แล้วเธอเปิดกระเป๋าใหญ่ไม่รอช้า

แล้วก็ปิดกระเป๋าใหญ่อย่างแน่นหนา
เปิดกระเป๋าใหญ่แล้วหยิบหากระเป๋าเล็ก

ตังค์ทอนใส่กระเป๋าเล็กแล้วปิดเหง็ก
ปิดกระเป๋าใหญ่แล้วตรวจเช็คเหมือนเช่นเคย

เธอเปิดกระเป๋าใหญ่หยิบกระเป๋าเล็กหน้าตาเฉย
หยิบตั๋วเผยให้นายตรวจได้ตรวจตรา

ใส่กระเป๋าเล็กลงไปไม่กังขา
พอรับตั๋วกลับมามิช้าไย

เปิดกระเป๋าเล็กแล้วปิดกระเป๋าใหญ่
เปิดกระเป๋าใหญ่ใบเล็กใส่จนเนียนัว



บอกหยุดทีฟังแล้วน่าเวียนหัว
น่าเวียนหัวพัลวันพอกันที

ข้าแต่ศาลที่เคารพคิดดูถี
แล้วผมนี่นั่งข้างหล่อนจะทนไย

พิจารณาพิเศษเห็นสมควรจะตบได้
กระเป๋าเล็กกระเป๋าใหญ่พอกันที
Fwd.
ผมก็เวียนหัวเหมือนกานน....เฮ้อ !!


นิ่งได้ด้วยใจสงบ


นิทานนิ่ง



นิ่งได้ด้วยใจสงบ 
พระไพศาล วิสาโล



กบที่พบเห็นตามทางเดินในสวนหรือสำนักอันร่มรื่นกลางดึก  ดูเผิน ๆ เหมือนนั่งหลับ เพราะแน่นิ่งไม่ไหวติง  แต่ที่จริงมันมีความตื่นตัวอย่างยิ่ง  หากมีแมลงโฉบบินมาใกล้ ๆ มันจะตวัดลิ้นจับแมลงเคราะห์ร้ายใส่ปากทันที แล้วก็นั่งนิ่งเหมือนเดิม ไม่แสดงอาการลิงโลดดีใจแม้แต่น้อย



ครูบาอาจารย์บางท่านเปรียบนักภาวนาผู้เจนจบว่าเป็นเหมือนกบ  คือ นิ่งสงบแต่ตื่นตัวอยู่เสมอ ถึงคราวทำหน้าที่การงานก็กระฉับกระเฉง  ไม่เฉื่อยเนือย  ครั้นทำเสร็จ  ก็กลับมานิ่งเหมือนเดิม ไม่ว่าสำเร็จหรือล้มเหลว ก็ไม่มีอาการดีใจหรือเสียใจ  ตื่นรู้อยู่กับปัจจุบัน พร้อมที่จะทำงานได้ทุกเมื่อ

ภาพเช่นนี้อาจตรงข้ามกับความเข้าใจของหลายคน ซึ่งมองว่าผู้ปฏิบัติธรรมที่ดีต้องเนิบนาบเชื่องช้า เพราะเป็นเครื่องหมายของความสงบสำรวม ถ้าทำอะไรเร็ว ๆ ก็ไม่ถูกต้อง  หลวงพ่อชา สุภัทโท ก็เคยมีความเข้าใจเช่นนี้สมัยเป็นพระหนุ่ม  เห็นพระอาจารย์ทองรัตน์ กันตสีโล ศิษย์หลวงปู่มั่น  ฉันอาหารเร็วมาก ทำอะไรก็ฉับไวไปหมด  แต่กลับสอนศิษย์ให้ฉันช้า ท่านจึงขุ่นเคืองใจมาก แต่ภายหลังจึงรู้ว่าพระอาจารย์ทองรัตน์นั้นเป็นผู้ที่เป็นอยู่อย่างรู้แจ้งและมีสติตลอดเวลา



ผู้มีสติตื่นรู้นั้น ในยามทำงาน ภายนอกดูว่องไว ไม่หยุดนิ่ง  แต่ภายในนั้นนิ่งสงบ จิตไม่กระเพื่อม นอกจากไม่กังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง และปล่อยวางสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  ยังรักษาใจไม่ให้ขึ้นลงตามอารมณ์ที่มากระทบ  ครั้นเสร็จกิจ ก็สงบทั้งภายนอกและภายใน อยู่นิ่ง ๆ ได้ด้วยใจที่เป็นสุข

คนทั่วไปนั้นอยู่นิ่งได้ยากมาก  แม้ตัวจะนิ่ง แต่ใจฟุ้งซ่านกระสับกระส่าย  สุดท้ายก็นิ่งได้ไม่นาน ต้องออกไปคุยกับผู้คน ดูหนัง ฟังเพลง เที่ยวห้าง  เสพรับอารมณ์ใหม่ ๆ ที่เร้าใจ อย่างน้อยก็ขอให้มีอะไรทำสักอย่าง อย่าต้องอยู่นิ่งก็แล้วกัน  อากัปกิริยาเหล่านี้ดูเหมือนเป็นการแสวงหาความสุข  แต่แท้จริงคือการหนีทุกข์ต่างหาก

ผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่กับการเที่ยวเตร่ สนุกสนาน  แสวงหาสิ่งเสพใหม่ ๆ อยู่เสมอ  ดูเผิน ๆ เหมือนเขามีความสุข แต่ที่จริงเป็นเพราะเขาถูกความทุกข์ผลักดันต่างหาก จึงอยู่เฉยไม่ได้ จำต้องมีพฤติกรรมอย่างนั้น   สิ่งที่เขาเรียกว่าความสุขนั้น แท้จริงก็คือปลอดจากทุกข์เพียงชั่วคราวเท่านั้น  จะว่าไปแล้วความสุขของคนส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นนี้  ด้วยเหตุนี้สถานที่ที่ใช้ปลดทุกข์ เราจึงเรียกว่า “ห้องสุขา” 

คนทุกวันนี้แค่อยู่นิ่งก็เป็นทุกข์แล้ว แม้อยู่ในสถานที่ที่สะดวกสบาย มีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ก็ตาม สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเบื่อหน่าย รู้สึกซ้ำซากจำเจ  ไม่พอใจในสิ่งที่มีและเป็น  ในส่วนลึกจะมีแรงผลักให้ต้องออกไปเสพรับอารมณ์ใหม่ ๆ หรือมีอะไรที่ต่างจากเดิม หาไม่จะกระสับกระส่าย  พอได้เปลี่ยนที่เปลี่ยนทางหรือหลุดจากสภาพเดิม ๆ จึงรู้สึกเป็นสุข  แต่ที่จริงแล้ว มันเป็นแค่การคลายทุกข์เท่านั้น   ไม่ต่างจากคนที่นั่งหรืออยู่ในอิริยาบถใดนาน ๆ แม้นเป็นท่าที่คิดว่าสบายที่สุดแล้ว แต่ไม่นานก็จะรู้สึกเมื่อย ทำให้อยากเปลี่ยนอิริยาบถ  เมื่อได้เปลี่ยนอิริยาบถสมใจ ก็รู้สึกสุขสบาย  แต่ถ้าดูให้ดี  มันเป็นเพราะความปวดเมื่อยจางคลายไปต่างหาก 

อย่างไรก็ตามความปวดเมื่อยหายไปชั่วคราวเท่านั้น หากเปลี่ยนอิริยาบถแล้วอยู่ในท่านั้นนาน ๆ มันก็จะกลับมาเยือนอีก  ทำให้ต้องเปลี่ยนท่าอีก  เป็นเช่นนี้เรื่อยไป  ใช่หรือไม่ว่า การแสวงหาความสุขของผู้คนก็เช่นกัน  คือ  เป็นการหนีทุกข์ เพียงเพื่อจะมาเจอทุกข์อีก  แล้วก็ต้องหนีต่อไป   แม้ได้เสพอารมณ์ที่น่าพอใจ ได้ครอบครองวัตถุสมปรารถนา แต่ไม่ช้าไม่นานก็จะรู้สึกเบื่อหน่ายจำเจ  เกิดแรงผลักภายในให้อยู่เฉยไม่ได้  ต้องขวนขวายไปหาอารมณ์หรือสิ่งเสพใหม่ ๆ เพียงเพื่อจะเจอกับความเบื่อหน่ายอีก แล้วต้องดิ้นรนออกไปแสวงหาสิ่งใหม่ไม่รู้จบ



ชีวิตที่เอาแต่หนีทุกข์  ย่อมเป็นชีวิตที่หาความสุขได้ยาก  เพราะนอกจากจะเหนื่อยกับการหาทางหนีทุกข์แล้ว  ยังต้องหนีทุกข์ไม่หยุดหย่อนจนกว่าจะหมดลม  จะไม่ดีกว่าหรือหากเราหันมาเผชิญหน้ากับทุกข์  หันมารับมือกับแรงผลักจากภายในที่ทำให้เราต้องดิ้นรนไม่หยุดหย่อน โดยเฉพาะความเบื่อ ความฟุ้งซ่าน ความกระสับกระส่าย รวมทั้งความอยากได้ใคร่ดีทั้งหลาย   

ลองกลับมาดูใจของตน และรู้ทันอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เห็นมันด้วยใจที่เป็นกลาง ไม่ผลักไสกดข่ม ก็จะพบว่าอารมณ์เหล่านี้เหมือนสายลม มาแล้วก็ผ่านเลยไป  ที่สุดเราจะพบกับความสงบนิ่งที่กลางใจ ซึ่งสามารถนำพาความสุขมาหล่อเลี้ยงจิตใจของเราได้ โดยไม่จำต้องไปเสาะแสวงหาความสุขจากสิ่งเสพใด ๆ ภายนอกตัว



จวงจื๊อ ปราชญ์จีนเมื่อ ๒,๓๐๐ ปีที่แล้ว เล่าว่ามีชายคนหนึ่งรำคาญเงาของตัวเองมาก อีกทั้งยังทนรอยเท้าของตัวไม่ได้  เขาจึงพยายามวิ่งหนีจากทั้งสองสิ่งนี้ แต่ไม่ว่าจะวิ่งไปไหน  เงาและรอยเท้าก็ยังติดตามเขาไป  เขาคิดว่าเขาวิ่งเร็วไม่พอ จึงเร่งฝีเท้า ไม่ยอมหยุด วิ่งแล้ววิ่งเล่า ในที่สุดก็หมดแรง ล้มลงและถึงแก่ความตาย แล้วจวงจื๊อก็ตบท้ายว่า “เขาหารู้ไม่ว่า ถ้าเพียงแต่เขาเข้าร่ม เงาก็จะหายไป และถ้าเขานั่งนิ่ง ๆ ก็จะไม่มีรอยเท้าเลย”

คนทุกวันนี้ไม่ต่างจากคนหนีเงา พยายามทำทุกอย่างเพื่อหนีทุกข์ โดยคิดว่าเป็นความสุข แต่ทุกข์ก็ยังตามมาไม่หยุด  เขาหารู้ไม่ว่า ความทุกข์จะหมดไปเมื่อเขาหันเข้าหาร่มแห่งธรรมและทำใจให้นิ่งสงบ

ถึงที่สุดแล้ว ใครจะมีความสุขหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่ว่าเขาออกไปตักตวงแสวงหาทรัพย์สมบัติและชื่อเสียงเกียรติยศได้สำเร็จหรือไม่ แต่อยู่ที่เขามีความสงบนิ่งได้มากน้อยเพียงใดต่างหาก



ไม่ใช่นิ่ง...เพื่อนิ่ง
แต่นิ่ง
เพื่อให้รู้เท่าทันสิ่งทั้งหลาย
ที่ไม่นิ่ง

ชยสาโรภิกขุ






NEED ที่คนเราไม่ควรละเลย



When I Need You by Celine Dion

NEED ที่คนเราไม่ควรละเลย
อะไรที่จำเป็นในการสร้างชีวิตที่ดี คนในโลกนี้คิดมานานแล้วว่า...มันจะมีอะไร ถ้าไม่ใช่เรื่องการสร้างสมดุลในเรื่องงานกับครอบครัว...ขอยืนยันว่าไม่ใช่แค่นั้น....



  • ความต้องการทางด้านร่างกาย ( Physiological needs )
  • ความต้องการความปลอดภัย ( Safety needs )
  • ความต้องการความรักและความเป็นเจ้าของ ( Belongingness and love needs )
  • ความต้องการได้รับความนับถือยกย่อง ( Esteem needs )
  • ความต้องการที่จะเข้าใจตนเองอย่างแท้จริง ( Self-actualization needs )
** ลำดับขั้นความต้องการของมาสโล มีการเรียงลำดับขั้นความต้องการที่อยู่ในขั้นต่ำสุด จะต้องได้รับความพึงพอใจเสียก่อนบุคคลจึงจะสามารถผ่านพ้นไปสู่ความต้องการที่อยู่ในขั้นสูงขึ้นตามลำดับ

นักจิตวิทยาชื่อ Abraham Maslow ได้เสนอแนวคิดที่นำเอาความจำเป็นพื้นฐาน basic needs ไว้ล่างสุดในบรรดาความจำเป็นทั้งหลายของคน แล้วสร้างบันไดความต้องการที่สูงขึ้นจนถึงขั้นสูงสุด กล่าวคือ เรื่องความปลอดภัย ความมั่นคงมาก่อน ส่วนเรื่องศิลปะ เรื่องจินตนาการ เรื่องการบรรลุนั้นมาทีหลัง ซึ่งเจ้าบันไดที่เรียกว่า "hierarchy of needs” นั้นสร้างความสั่นสะเทือนวงการมาก มันเข้ากันกับสามัญสำนึกของคนได้เป๊ะ ชีวิตที่ดีจึงต้องเริ่มที่การมีรากฐานที่มั่นคงก็จริง แต่ชีวิตมันเปลี่ยนไปทุกขณะ มันมี need ที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ถ้าไม่มี need อันนี้ ไม่ว่าเงิน หรือ ครอบครัว อาชีพที่มั่นคง ตำแหน่งใหญ่โตก็ไม่มีความหมาย มันจะทำให้ทุกอย่างพังได้เลย Deepak Chopra เรียกว่าเป็น “need for self-care” คนเราจำเป็นต้องดูแลตัวเอง...



การดูแลตัวเองนั้น...ไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพ แต่มันเป็นการดูแล “ความเชื่อ” ถ้าเราคิดว่าใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว คือ เรื่องจริง เราก็ควรมีความเชื่อใหม่ มี model ใหม่สำหรับ self-care ซึ่งก็คือ

ให้ความสุข (ที่แท้) เป็นความสำคัญลำดับต้นของชีวิต
ต้องทำให้ชัด ให้แน่ว่าชีวิตของเรามีเป้าหมาย มีความหมาย
ใช้ชีวิตตามวิสัยทัศน์ตัวเอง...มุ่งมั่น อย่าหลงทาง

สร้างการตระหนักรู้ในทุกช่วงชีวิต มีสติ...ไม่ง่าย แต่ต้องทำ
สละเวลาเพื่อการพัฒนาตัวเอง...ช่วยรักตัวเองกันหน่อย
สนใจในชะตากรรมของโลกที่อาศัยอยู่.. เราเป็นส่วนหนึ่งของโลก
เลือกกินอาหารดี (good diet) และออกกำลังกาย...ไม่ได้ยากขนาดนั้น
reset สมอง ทำให้ว่างๆบ้างในแต่ละวัน...อย่ามัววุ่น วีน เหวี่ยง
เรียนรู้ตัวเอง ทบทวนโลกภายในตัวเอง
ฝึกชื่นชมชาวบ้าน ฝึกสำนึกผิดชอบชั่วดี
เรียนรู้ที่จะรักและถูกรัก...มีคน มีญาติโยมให้เรียนรู้เรื่องรักเยอะ 

.....ความเชื่อเก่าๆนั้นมันมาถึงทางตัน ยิ่งคิด ชีวิตยิ่งทื่อ หาความสุขไม่ได้ อย่าลืมว่าสังคมการบริโภคนิยม consumerism มันเป็นระเบิดเวลาที่เร่งเร้าชีวิตที่เป็นสุขให้เหือดหาย ประเภท "work hard and play hard" มันจะทำให้ชีวิตเฉาและทำให้ร่างกายเสื่อมโทรม อย่ารีรอ อย่าเลื่อนความสุขไปไว้หลังเกษียณ..มันเสียเวลา ลองคิดสักนิด...self-care มันเป็น need ที่เราไม่ควรละเลย มันเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตที่...ถ้าคิดได้...มันจะทำให้ชีวิตในอนาคตสดใสทุกวัน....








1
2

Wish You Happinessss

Success is not the key to happiness. Happiness is the key to success. 
If you love what you are doing, you will be successful. 

~ Albert Schweitzer ~

 คัมภีร์ 5 ห่วง  วิถีแห่ง "ซามูไร" วิถีแห่งนักรบ "บูชิโด"   แนวคิดของตัวเม่น   GOOD LUCK สร้างแรงบันดาลใจเพื่อความสำเร็จ ในชีวิตและธุรกิจด้วยตัวคุณเอง    Why complicate life ?   3 x 8 = เท่าไหร่ ?????   "ฉันชื่อ..โอกาส"

Wish You Happinessss