1
2

7 วิธีการทำแบรนด์ ให้คน 'ว้าว!' ต้อนรับปี 55




Crescendo-ดีกว่าเดิม.



7 วิธีการทำแบรนด์ ให้คน 'ว้าว!' ต้อนรับปี 55
โดย : ดร.ฐิติพร สงวนปิยะพันธ์

การจะประสบความสำเร็จในโลกธุรกิจวันนี้ มีความท้าทายสูงเพราะไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปแบรนด์อะไรที่เคยตอบโจทย์ผู้บริโภคในอดีต


ปัจจุบันความคิดที่ขอแค่ได้เงินจากกระเป๋าของลูกค้าหรือการแค่ตอบโจทย์นั้น ล้าสมัยไปแล้วคุณต้องทำให้ลูกค้าประทับใจที่สุด เกิดความพึงพอใจสูงสุดและมีความสุขด้วยเช่นกัน จะสิ้นปีแล้วดิฉันขอรวบรวมวิธีการทำการตลาดที่สำคัญที่ได้เคยเขียนไว้ในปีที่ผ่านมา มาเป็น 7 วิธีการทำแบรนด์ให้สำเร็จและทำให้คนต้องร้องว้าว!!! ต้อนรับปีใหม่นี้กันนะคะ




 1.ปลดล็อกมูลค่าสูงสุดสู่ใจลูกค้า 
นักการตลาดในปัจจุบันจำเป็นต้องเข้าใจวิถีชีวิตและความต้องการของผู้บริโภคอย่างถ่องแท้การดูพฤติกรรมของผู้บริโภคก่อน โดยมีการคำนึงถึงการแก้ปัญหาให้กับลูกค้า หรือหาความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าให้เจอ เพื่อค้นหาว่ามีช่องทางใหม่ๆ หรือช่องทางใดบ้างที่จะเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ดีกว่าเดิมจะสามารถสร้างโอกาสและดึงมูลค่าสูงสุดในตัวลูกค้าออกมาได้


 2.สร้างกับดักทางการตลาดใหม่ๆ 
ทุกวันนี้ลูกค้าของเรานอกจากจะชอบการให้ และรับข้อมูลแล้วเขาต้องการมีส่วนร่วมเขาต้องการแสดงตัวตนของตัวเอง และฉลาดในการเลือกรับสิ่งมีคุณค่าของตัวเองทั้งในยุคดิจิทัลเครือข่ายเพื่อนฝูงของผู้บริโภคนับได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามหาศาล ดังนั้นเจ้าของสินค้าจึงจำเป็นที่จะต้องกำหนดกิจกรรมที่จะทำให้ผู้บริโภคได้ใกล้ชิดและมีประสบการณ์ที่ดีกับสินค้าและบริการของตนเพื่อที่ผู้บริโภคนั้นจะได้กลายเป็นกระบอกเสียงที่เผยแพร่ข้อมูลประสบการณ์หรือความรู้สึกที่ดีเกี่ยวกับแบรนด์หรือสินค้าหรือบริการเหล่านั้นต่อไป


 3.สร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค 
มูลค่าสูงสุดของผู้บริโภคนั้น ไม่ได้จำกัดอยู่แต่เพียงยอดซื้อสินค้าและบริการเท่านั้น แต่ยังรวมถึงมูลค่าหลังการขายเช่นความสัมพันธ์ที่ดีในระยะยาวระหว่างแบรนด์สินค้าหรือบริการกับตัวผู้บริโภค และความสามารถที่ผู้บริโภคจะกลายเป็นสื่อในการสร้างความสัมพันธ์หรือมีอิทธิพลความคิดตลอดจนเป็นผู้สร้างเนื้อหาข้อมูลรวมทั้งบริการและประสบการณ์ที่ดี ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญสูงมากในปัจจุบัน สร้างความสัมพันธ์ด้วยการบริหารข่าวสารให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างคงเส้นคงวาชัดเจนแม่นยำสู่กลุ่มเป้าหมายปรับง่ายต่อการเข้าใจ และสอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายด้วยวิธีการที่เหมาะสมไม่ใช่ยัดเยียดให้ผู้บริโภคตามที่องค์กรต้องการ


 4.เน้นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ 
การสร้างมูลค่าเพิ่มจากไอเดีย ทำสิ่งที่แตกต่างไปจากเดิมในทางที่ดีขึ้น ปัจจุบันการใช้อินเทอร์เน็ตและการใช้สื่อดิจิทัลเป็นเรื่องง่ายใครๆ ก็ใช้ทั่วไปการจะสร้างความสำเร็จในโลกดิจิทัลจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราเข้าถึงสื่อดิจิทัลหรือไม่แต่เป็นเรื่องของไอเดียความคิดสร้างสรรค์ และเนื้อหาข้อมูลที่โดนใจผู้บริโภคเราต้องเข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้สื่อเหล่านี้และกำหนดกลยุทธ์ที่จะทำให้เรามีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคกลยุทธ์และกิจกรรมที่เราทำจะต้องมีความโดดเด่นใน 2 ด้านพร้อมกันคือการสร้างสรรค์และประสิทธิภาพจึงจะช่วยให้เราประสบความสำเร็จได้ในยุคนี้


 5.เน้นความรู้สึกและประสบการณ์แบบว้าวๆ 
ทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดขององค์กรคือพนักงานเพราะเขามีปฏิสัมพันธ์ทุกวันกับเพื่อนร่วมงานลูกค้าผู้ส่งวัตถุดิบกระทั่งคู่แข่งรวมถึงครอบครัวและเพื่อนฝูงเขาจึงเสมือน Brand Ambassadors ด้วยการพูดปากต่อปาก (Word-of-mouth) วิธีการที่จะช่วยสร้างพนักงานเป็น Brand Ambassadors คือการฝึกอบรมให้มีความรู้อย่างเพียงพอในแบรนด์โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเข้าใจความเชื่อของเขาโดยกำหนดให้พนักงานทุกคน (ทุกตำแหน่งไม่มีการยกเว้น) ต้องเข้าร่วมฝึกอบรมประจำปีทุกปีเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ขององค์กร


 6.สร้างระบบการส่งมอบคุณค่าที่ถูกต้องให้ผู้บริโภคแบรนด์
คือคำมั่นสัญญาซึ่งทำให้ทุกคนมีความคาดหวังจากองค์กรดังนั้นควรเน้นรายละเอียดในการส่งมอบคุณค่าตามที่ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ระบบการบริการที่ถูกต้องและมั่นใจได้ว่าผู้บริโภคได้รับความเอาใจใส่จริงๆ จากระบบภายในซึ่งสอดคล้องกับความคาดหวังจากภายนอกทุกจุดที่เขาสัมผัสได้


 7.การปรับปรุงอย่างอดทนและพร้อมที่จะลงมือเปลี่ยนแปลง 
สภาวะการแข่งขันในธุรกิจเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาองค์กรจึงควรประเมินผลและปรับปรุงแบรนด์อย่างสม่ำเสมอให้มีความแตกต่างและมีความสามารถในการตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างคงเส้นคงวาแบรนด์ที่เข้มแข็งมักจะขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยผู้นำที่ไม่เคยเหน็ดเหนื่อยในการยกระดับความสามารถของตนเองตลอดเวลา 


ดังคำกล่าวของ Winston Churchill ที่ว่า 
“To improve is to change; to be perfect is to change often”



* วินสตัน เชอร์ชิลล์
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


เซอร์วินสตัน เลโอนาร์ด สเปนเซอร์-เชอร์ชิลล์ (อังกฤษ: Sir Winston Leonard Spencer-Churchill) (30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2417 - 24 มกราคม พ.ศ. 2508) 
เป็นนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรที่มีชื่อเสียงในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เขายังได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม เมื่อ พ.ศ. 2496
เชอร์ชิลล์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีวาระแรกระหว่าง พ.ศ. 2483-พ.ศ. 2488 โดยได้รับแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีหลังจากเยอรมนีบุกฝรั่งเศส เชอร์ชิลล์นำสหราชอาณาจักรฝ่าวิกฤตสงครามโลกครั้งที่สอง และเป็นหนึ่งในผู้นำที่สำคัญของฝ่ายสัมพันธมิตรร่วมกับประธานาธิบดี แฟรงกลิน ดี. รูสเวลต์ แห่งสหรัฐอเมริกา และโจเซฟ สตาลิน ผู้นำของสหภาพโซเวียต
เชอร์ชิลล์กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้งโดยนำพรรคอนุรักษ์นิยม เอาชนะพรรคแรงงาน เมื่อ พ.ศ. 2494 และเขาได้ลาออกเมื่อ พ.ศ. 2498

http://bit.ly/u3yWXg





28 ธันวาคม วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช



คาราบาว_เจ้าตาก[KARAOKE]

28 ธันวาคม วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช


พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก wikipedia


วันที่ 28 สิงหาคมของทุกปี ถือเป็นวันสำคัญของประวัติศาสตร์ชาติไทยอีกหนึ่งวัน เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันปราบดาภิเษกสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระมหากษัตริย์ผู้กอบกู้เอกราชจากพม่าให้แก่ประเทศไทย และเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงธนบุรีเพียงพระองค์เดียว


ด้วยเหตุนี้ จึงขอนำพระราชประวัติของพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ มาบอกเล่า เพื่อร่วมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และความกล้าหาญของพระองค์ ที่ช่วยให้คนไทยได้มีชาติไทยอาศัยอยู่มาจนถึง ณ ทุกวันนี้


สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หรือ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรืออีกพระนามคือ สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 พระราชสมภพ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2277 ทรงมีพระนามเดิมว่า "สิน" พระบิดาเป็นพ่อค้าชาวจีนแต้จิ๋ว นามว่า "นายไหฮอง แซ่แต้" พระมารดา เป็นหญิงไทยนามว่า "นกเอี้ยง" สันนิษฐานว่า ถิ่นกำเนิดของพระองค์น่าจะอยู่แถบภาคกลาง ในกรุงศรีอยุธยา มากกว่าเมืองตาก


พระบรมสาทิสลักษณ์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช


ในวัยเยาว์ พระยาจักรีได้รับเด็กชายสินเป็นบุตรบุญธรรม และนำไปฝากให้เรียนหนังสือกับพระอาจารย์ทองดี วัดโกษาวาส (วัดคลัง) ทรงศึกษาพระไตรปิฎกจนแตกฉาน จากนั้นเมื่อเล่าเรียนจบ พระยาจักรีได้พาเด็กชายสิน ไปถวายตัวเป็นมหาดเล็กในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ด้วยความเฉลียวฉลาด รอบรู้ และพูดได้ถึง 3 ภาษา พระองค์จึงได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นมหาดเล็กรายงานราชการทั้งหลายในกรมมหาดไทย และกรมวังศาลหลวง


กระทั่งปี พ.ศ.2301 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เสด็จสวรรคต สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอุทุมพร ขึ้นครองราชย์ต่อได้เพียง 3 เดือนเศษ ก็ถวายราชสมบัติให้สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้นายสินมหาดเล็กรายงาน เชิญท้องตราราชสีห์ขึ้นไปชำระความหัวเมืองฝ่ายเหนือ นายสินมหาดเล็กสร้างผลงานได้รับความดีความชอบ สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายสินมหาดเล็กรายงานเป็นหลวงยกบัตรเมืองตาก จนกระทั่งพระยาตากถึงแก่กรรม หลวงยกบัตรเมืองตากจึงได้เลื่อนเป็นพระยาตาก ปกครองเมืองตากสืบต่อไป


ครั้นเมื่อพม่ายกทัพมารุกรานกรุงศรีอยุธยาทางตอนใต้ เมื่อปี พ.ศ.2307 โดยมีมังมหานรธาเป็นแม่ทัพ พระยาตากยกทัพไปช่วยรักษาเมืองเพชรบุรี และตีทัพพม่ากลับไปอย่างง่ายดาย ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2308 พม่าได้ยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาอีกครั้ง พระยาตากก็สามารถช่วยรักษาพระนครไว้ได้อีก ความดีความชอบนี้ ทำให้ สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพระยาตากเป็นพระยาวชิรปราการ เจ้าเมืองกำแพงเพชร แต่ยังไม่ทันที่พระยาวชิรปราการจะได้ครองเมืองกำแพงเพชร พม่าก็ยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาอีกครั้ง พระยาวชิรปราการจึงต้องเข้ากรุงศรีอยุธยา เพื่อป้องกันพระนคร


เส้นทางเดินทัพของเจ้าตากครั้งกอบกู้เอกราช

ระหว่างทำการสู้รบอยู่นั้น พระยาวชิรปราการเกิดท้อแท้ใจที่แม้จะตีค่ายพม่าได้ แต่พระนครไม่ส่งกำลังไปหนุน จนทำให้พม่ายึดค่ายกลับคืนได้ อีกทั้งยังเห็นว่า ทัพพม่ามีกำลังมากกว่า หากออกไปรบคงพ่ายแพ้อย่างหมดทางสู้ และตนเองยังถูกภาคทัณฑ์ที่ยิงปืนใหญ่ใส่ทัพพม่าโดยไม่ได้ขออนุญาตจากศาลาลูกขุนขึ้น ด้วยเหตุนี้ พระยาวชิรปราการจึงเห็นว่า คงไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ป้องกันพระนคร และเชื่อว่า กรุงศรีอยุธยาคงจะต้องเสียกรุงเสียครานี้ เพราะผู้นำอ่อนแอ ไม่สนใจบ้านเมือง พระยาวชิรปราการจึงนำไพร่พล 500 คน ตีฝ่าวงล้อมพม่าออกจากค่ายพิชัย ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และยึดเมืองระยองได้สำเร็จ ระหว่างนั้น ได้เกิดเหตุอัศจรรย์ พายุหมุนอย่างรุนแรงจนบิดต้นตาลเป็นเกลียวโดยไม่คลายตัว ชาวบ้านจึงเรียกว่า "ตาลขด" ขณะที่เหล่าเสนาบดี ทหารทั้งหลายก็ยกย่องพระยาวชิรปราการเป็น "เจ้าตาก"




หลังจากนั้น พระเจ้าตาก วางแผนจะเข้ายึดเมืองจันทบูร จึงสั่งให้ทหารทำลายหม้อข้าวให้หมด เพื่อปลุกขวัญกำลังใจทหารให้ฮึดสู้ตีเมืองจันทบูรให้แตก จะได้เข้าไปทานข้าวในเมือง จนสุดท้ายกองทัพพระเจ้าตากสามารถตีเมืองจันทบูรได้เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ.2310 หลังจากนั้นก็ได้มีผู้คนมาเข้าร่วมกับพระองค์เป็นจำนวนมาก เนื่องจากเมืองจันทบูรและเมืองตราดไม่มีพม่าเข้ายึดครอง


กระทั่ง 3 เดือนผ่านไป พระองค์รวบรวมเสบียง และกำลังคนได้ราว 5,000 นาย จึงได้ยกทัพเรือล่องมาจนถึงปากแม่น้ำเจ้าพระยา และยึดเมืองธนบุรีจากพม่าได้สำเร็จ จากนั้น พระองค์ได้ยกทัพเรือต่อไปยังกรุงศรีอยุธยา ก่อนจะสามารถเข้ายึดค่ายโพธิ์สามต้น และขับไล่ทหารพม่าออกไปจากราชอาณาจักร สามารถกอบกู้เอกราชได้สำเร็จภายในเวลา 7 เดือน นับตั้งแต่ที่เสียกรุงเมื่อปี พ.ศ.2310


การปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช


หลังจากนั้น พระองค์ได้ยกทัพกลับมาที่ธนบุรี ตั้งราชธานีใหม่ ณ ที่แห่งนี้ ขนานนามว่า "กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร" และทรงปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2310 ในพระชนมายุ 34 พรรษา ทรงเฉลิมพระนามว่า สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 และพระราชกรณียกิจหลังจากนั้นของพระองค์ คือการปราบปรามก๊กต่าง ๆ ที่แตกแยกเป็นฝ่าย เพื่อรวบรวมให้เป็นอาณาจักรเดียวกัน และฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นหลังจากทำสงครามกับพม่า


สมเด็จพระเจ้าตากสิน ทรงครองราชย์ได้ 15 ปี ก็เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ.2325 สิริพระชนมายุได้ 48 พรรษา โดยเหตุแห่งการสวรรคตปรากฎในเอกสารหลาย ๆ ฉบับและสาเหตุแตกต่างกัน แต่เหตุส่วนใหญ่ที่ปรากฎ คือ ในช่วงปลายรัชสมัยได้เกิดกบฏขึ้นที่อยุธยา เจ้าเมืองจึงหนีมายังกรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสิน จึงรับสั่งให้พระยาสรรค์ขึ้นไปนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ แต่พระยาสรรค์กลับไปเข้าพวกกบฏ และยกพวกมาปล้นพระราชวังกรุงธนบุรี พร้อมบังคับให้สมเด็จพระเจ้าตากสินออกผนวช เพื่อควบคุมพระองค์ไว้ในวัดอรุณราชวราราม


ต่อมา สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (ทองด้วง) ซึ่งกำลังยกทัพไปเขมร ได้ยกทัพมายังกรุงธนบุรีก่อน และได้เข้าปราบปรามพระยาสรรค์ และขุนนางที่ก่อกบฏ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีถูกกล่าวโทษว่า พระองค์ทรงเสียพระสติ ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน จึงถูกสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์ และเสด็จสวรรคต จากนั้นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกก็ปราบดาภิเษกเป็น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีสืบต่อมา ส่วนพระยาสรรค์ก็ถูกนำตัวไปประหารชีวิต


แผนที่แสดงอาณาเขตประเทศไทย ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสิน


ตลอดรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าตากสิน พระองค์ได้ทำสงครามกับพม่าถึง 9 ครั้งและทรงได้รับชัยชนะทุกครั้ง รวมทั้งทรงทำศึกกับเขมร 3 ครั้ง ส่วนพระราชกรณียกิจด้านอื่น ๆ นอกจากการเมืองและการศึกสงครามแล้ว พระองค์ทรงฟื้นฟูด้านเศรษฐกิจ การคมนาคม การบำรุงการศึกษาตามวัด การรวบรวมพระไตรปิฎก อัญเชิญพระแก้วมรกต และพระบางจากเวียงจันทน์ กลับมายังกรุงธนบุรี บูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอารามต่ง ๆ ด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ รวมทั้งยังพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์ ไว้ 4 ตอน


พระราชกรณียกิจเหล่านี้ แสดงให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถรอบด้านของพระองค์ ด้วยเหตุนี้ คณะรัฐมนตรีจึงประกาศให้วันที่ 28 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันที่พระองค์ทรงปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ เป็น "วันสมเด็จพระเจ้าตากสิน" และถวายพระราชสมัญญานามว่า "สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช" เพื่อยกย่องพระองค์เป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของชาติไทย ผู้กอบกู้เอกราชให้ชาติไทย และได้สร้างอนุสาวรีย์พระบรมรูปทรงเครื่องขัตติยาภรณ์ ประทับเหนืออัศวราชพาหนะ พระหัตถ์ขวาทรงพระแสงดาบ ประดิษฐานบนแท่งคอนกรีตเสริมเหล็ก ณ บริเวณวงเวียนใหญ่ ฝั่งธนบุรี


ทั้งนี้ ในทุกวันที่ 28 ธันวาคมของทุกปี ทางกรุงเทพมหานครจะได้จัดงาน "วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช" ขึ้น ณ บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (วงเวียนใหญ่) และถนนลาดหญ้าตลอดสายถึงแยกคลองสาน ซึ่งมีการจัดงานมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานตั้งแต่ปี พ.ศ.2520 เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และให้ประชาชนชาวไทยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์สืบต่อไป






1
2

Wish You Happinessss

Success is not the key to happiness. Happiness is the key to success. 
If you love what you are doing, you will be successful. 

~ Albert Schweitzer ~

 คัมภีร์ 5 ห่วง  วิถีแห่ง "ซามูไร" วิถีแห่งนักรบ "บูชิโด"   แนวคิดของตัวเม่น   GOOD LUCK สร้างแรงบันดาลใจเพื่อความสำเร็จ ในชีวิตและธุรกิจด้วยตัวคุณเอง    Why complicate life ?   3 x 8 = เท่าไหร่ ?????   "ฉันชื่อ..โอกาส"

Wish You Happinessss