คุณเช็คอีเมล์ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่?
ในปัจจุบันการติดกับสังคมไซเบอร์มากเกินไปนั้นก็ทำให้โลกส่วนตัวของคุณพังลงได้ บางคนถึงกับพกโทรศัพท์หรือไอโฟนตัวเก่งออกไปไหนๆเพื่อดูว่ามีอีเมล์ใหม่ๆเข้ามาบ้างหรือไม่ จริงๆมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องน่าเป็นห่วงอะไร แต่แพทย์หลายท่านแจงว่า พฤติกรรมแบบนี้ อาจจะมีผลกับชีวิตประจำวันและสุขภาพจิตของเรา
เราตรวจสอบอาการที่บ่งบอกว่าคุณติดอีเมล์ได้จาก
1.คุณเช็คอีเมล์ชั่วโมงละหลายๆครั้ง หรือเปิดโปรแกรมทิ้งไว้แล้วเข้าไปดูบ่อยๆ 3.คุณรู้สึกว่าต้องตอบอีเมล์ในช่วงไม่ถึงนาทีที่ได้รับข้อความ4.คุณรู้สึกว่าพฤติกรรมจริงๆของคนๆนั้นมีผลกับการตอบอีเมล์
5.บางครั้ง อีเมล์ก็ถึงนำมาผูกพันธ์เข้ากับชีวิตจริงๆ เช่น ทำให้นอนไม่หลับ,
1.จำไว้ว่าอีเมล์โดยมากไม่ใช่เรื่องด่วน เตือนตัวเองอยู่เสมอนั้นไม่ได้ทำลายตัวเอง
เราตรวจสอบอาการที่บ่งบอกว่าคุณติดอีเมล์ได้จาก
1.คุณเช็คอีเมล์ชั่วโมงละหลายๆครั้ง หรือเปิดโปรแกรมทิ้งไว้แล้วเข้าไปดูบ่อยๆ ชนิดเป็นกังวลตลอดเวลา
2.คุณดูและอ่านทุกๆข้อความที่เข้ามาถึงคุณ ไม่ว่าอยู่ หรือไม่อยู่ออฟฟิส
2.คุณดูและอ่านทุกๆข้อความที่เข้ามาถึงคุณ ไม่ว่าอยู่ หรือไม่อยู่ออฟฟิส3.คุณรู้สึกว่าต้องตอบอีเมล์ในช่วงไม่ถึงนาทีที่ได้รับข้อความ4.คุณรู้สึกว่าพฤติกรรมจริงๆของคนๆนั้นมีผลกับการตอบอีเมล์5.บางครั้ง อีเมล์ก็ถึงนำมาผูกพันธ์เข้ากับชีวิตจริงๆ เช่น ทำให้นอนไม่หลับ, มีปัญหาเรื่องความผูกพันธ์, ความเครียด หรือผลกระทบที่เห็นได้ต่างๆ
ถ้าหากคุณมีอาการเกินดัง 3ข้อด้านบนก็เรียกได้ว่าคุณได้เริ่มติดอีเมล์ซะแล้ว
และเราก็มีทิปเด็ดๆมาช่วยคุณ
1.จำไว้ว่าอีเมล์โดยมากไม่ใช่เรื่องด่วน เตือนตัวเองอยู่เสมอนั้นไม่ได้ทำลายตัวเอง หากคุณไม่ได้อ่านมัน หากมีเรื่องด่วนจริงๆ ผู้ส่งจะโทรหาคุณ ส่งข้อความ หรือเดินมาหาคุณเอง
2.ทำตัวคุณให้ตื่นตัว ปฏิบัติตัวคุณเช่นเด็กๆ ตัวสินใจว่าเวลาไหนควรจะส่งข้อความ และทำมันให้ได้ ต้องกลับบ้านให้ได้ตอน 6 โมงเย็น ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ หากคุณต้องการได้ชีวิตจริงๆของคุณ กลับคืนมา
3.ตั้งตารางเวลาอีเมล์ ทำให้เป็นเวลา ว่าจะตรวจสอบอีเมล์เวลาไหน และไม่ต้องเปิดหน้าต่างของ โปรแกรมทิ้งไว้ อาจจะ 10 นาทีในตอนเช้า หรือ 10 นาทีก่อนเที่ยง และ 10 นาทีในตอนบ่าย เป็นต้น
4.ตั้งวัน No E-mail Day หรือวันปลอดอีเมล์ โดยไม่ต้องกด Send Receive เพื่อจะผ่อนคลายตัวคุณ เอง และความวิตกกังวลทั้งหลายทั้งมวล การทำแบบนี้ช่วยคุณได้ในเรื่องจิตวิทยา และด้านสุขภาพ ด้วย เมื่อเราทำแบบนี้ สมองของเราจะกลับสู่ความเป็นระบบชีวิตแบบเดิมมากขึ้น คุณจะไม่ต้องทุกข์ ร้อนใจกับอีเมล์ หากคุณไม่สามารถทำได้ทั้งวัน ให้ลองใช้การตรวจสอบเพียงแค่ 5 นาที ในวันเสาร์ เช้าหลังจากนั้นก็ออกไปข้างนอก ทำตัวเองให้ว่าง
5.มีวันหยุดพักผ่อน เมื่อคุณได้ออกไปห่างคอมพิวเตอร์ ห่างมือถือ ลองตั้งเวลาสักอาทิตย์ละครั้ง หรือ ตามแต่ที่แพทย์แนะนำ ผู้คนทั่วโลกได้รับประโยชน์มากมายจากการที่ใช้เวลาพักผ่อน และปลอดตัว เองจากเครื่องมืออิเลคทรอนิก และควรจำไว้ว่า ปิดคอมพิวเตอร์ ปิดไอโฟน หรือแม้แต่พีดีเอของ คุณบ้าง และใช้ชีวิตตามปกติ เติมความสุขให้กับตัวคุณเอง ข้อความของคุณนั้นสามารถคอยได้ แต่ ชีวิตของคุณคอยไม่ได้
2.ทำตัวคุณให้ตื่นตัว ปฏิบัติตัวคุณเช่นเด็กๆ ตัวสินใจว่าเวลาไหนควรจะส่งข้อความ และทำมันให้ได้ ต้องกลับบ้านให้ได้ตอน 6 โมงเย็น ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ หากคุณต้องการได้ชีวิตจริงๆของคุณ กลับคืนมา3.ตั้งตารางเวลาอีเมล์ ทำให้เป็นเวลา ว่าจะตรวจสอบอีเมล์เวลาไหน และไม่ต้องเปิดหน้าต่างของ โปรแกรมทิ้งไว้ อาจจะ 10 นาทีในตอนเช้า หรือ 10 นาทีก่อนเที่ยง และ 10 นาทีในตอนบ่าย เป็นต้น4.ตั้งวัน No E-mail Day หรือวันปลอดอีเมล์ โดยไม่ต้องกด Send Receive เพื่อจะผ่อนคลายตัวคุณ เอง และความวิตกกังวลทั้งหลายทั้งมวล การทำแบบนี้ช่วยคุณได้ในเรื่องจิตวิทยา และด้านสุขภาพ ด้วย เมื่อเราทำแบบนี้ สมองของเราจะกลับสู่ความเป็นระบบชีวิตแบบเดิมมากขึ้น คุณจะไม่ต้องทุกข์ ร้อนใจกับอีเมล์ หากคุณไม่สามารถทำได้ทั้งวัน ให้ลองใช้การตรวจสอบเพียงแค่ 5 นาที ในวันเสาร์ เช้าหลังจากนั้นก็ออกไปข้างนอก ทำตัวเองให้ว่าง5.มีวันหยุดพักผ่อน เมื่อคุณได้ออกไปห่างคอมพิวเตอร์ ห่างมือถือ ลองตั้งเวลาสักอาทิตย์ละครั้ง หรือ ตามแต่ที่แพทย์แนะนำ ผู้คนทั่วโลกได้รับประโยชน์มากมายจากการที่ใช้เวลาพักผ่อน และปลอดตัว เองจากเครื่องมืออิเลคทรอนิก และควรจำไว้ว่า ปิดคอมพิวเตอร์ ปิดไอโฟน หรือแม้แต่พีดีเอของ คุณบ้าง และใช้ชีวิตตามปกติ เติมความสุขให้กับตัวคุณเอง ข้อความของคุณนั้นสามารถคอยได้ แต่ ชีวิตของคุณคอยไม่ได้