น้ำดีแม้เพียงนิด ดีกว่าน้ำเป็นลิตรแต่ไม่ดี {นานาสาระ ธรรมะสวัสดี: ฉบับที่ 4425}




น้ำดีแม้เพียงนิด ดีกว่าน้ำเป็นลิตรแต่ไม่ดี

ธรรมะสวัสดี สหายธรรมทุกท่าน ห่างหายกันไปนาน ไม่ได้แต่งเมล์เชิงธรรมะฝากเป็นเเง่คิดกัน หลายเพลา นานแล้ว วันนี้นั่งรถเมล์มาจู่ๆก็ผลุดหัวเรื่องนี้ขึ้นมาเลยประเดิมสักฉบับ ด้วยหัวเรื่อง น้ำดีแม้เพียงนิด ดีกว่าน้ำเป็นลิตรแต่ไม่ดี

น้ำในมหาสมุทร นั้นมีมากเหลือคณานับ แต่นำมาใช้ดื่ม กิน ไม่ได้ มีมาก แต่ประโยชน์การใช้น้อย แต่น้ำจืด น้ำฝน แม้นเพียงตกลงมาเล็กน้อย กลับทำให้ชีวิต พืชพันธุ์ งอกงาม เจริญขึ้นได้ จึงนับได้ว่า เป็นประโยชน์ มีคุณค่า เรามนุษย์ได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ สามารถพัฒนาทั้งทางวัตถุและทางจิตใจ ได้สูงสุด จนพ้นทุกข์ได้สิ้นเชิง นั้นการศึกษาและปฎิบัติธรรม เป็นสิ่งที่สำคัญ น้ำหากเปรียบเทียบกับมนุษย์เรา คงจะเทียบได้กับน้ำใจ นั่นเองซึ่งจิตใจแต่ละคนนั้น สั่งสม ปริมาณน้ำใจ ไม่เท่าเทียมกันแล้วแต่ปัจจัย และเหตุต้นผลการกระทำ ที่ตัวเองทำไว้ บางคนใจใหญ่ แต่เหือดแห้ง แล้งน้ำใจ


บางคนใจเล็ก แต่น้ำใจล้นพูนออกมา สู่คนรอบข้าง มนุษย์เรามีคุณค่าอยู่ในตัวเองทุกคนแล้ว ลองดูสิ เช้ามาลองยิ้มให้กับตัวเอง มองตัวเองอย่างเห็นคุณค่า ว่าเรายังมีลมหายใจ ยังมีชีิวิต ที่จะสร้างประโยชน์กับคนรอบข้าง ยิ้มให้กับตัวเองแล้วคนรอบข้าง เพื่อนร่วมงาน แค่นี้ก็เป็นการยื่นความสุข น้ำใจ และไมตรี ให้แก่กัน ไม่เสียทรัพย์ภายนอก แต่กลับได้ทรัพย์ น้ำใจ สั่งสมไว้ภายใน อีกต่างหาก แต่บางคนหาไม่เจอ ไปแสวงหาคุณค่าภายนอกตัว หาเท่าไร ก็ไม่เจอ เหมือนปลาแหวกว่ายในสายน้ำ แต่มองไม่เห็นน้ำ วิหค โผผิน บนนภา แต่มองไม่เห็นอากาศผยุงตัวเองไว้


เคยไหม ที่เวลาตัวเอง พบเจอ ปัญหา ต้องการความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง แต่ไม่มีใครสักคน ให้กำลังใจ และความช่วยเหลือเรา แถมยัง โทษผู้อื่น อีกต่างหาก แต่ไม่หันกลับมาดูตัวเอง ว่าเราเคย ช่วยเหลือพึ่งพาใครบ้างไหม....แต่ไม่เป็นไรครับ ชีวิตยังมีลมหายใจ ก็ย่อมมีโอกาสสร้างสิ่งดีๆ สั่งสมกันได้ ยังไม่สายเสียทีเดียว ในการเติมน้ำใจ ของตัวเองให้เต็ม จนเต็มแล้วแบ่งปันน้ำใจสู่ผู้อื่น รับรอง ครอบครัว ที่ทำงาน สังคม และประเทศชาติ จะน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะเลย ว่า....มั้ย.....

แถมทิ้งท้าย กันอีกสักนิด เครื่องมือ ที่ใช้เพิ่มเติมน้ำใจ ให้ได้ผลเร็วยิ่งขึ้น ผู้ที่ประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือนี้ คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรานั่นเอง รับรองใครใช้ ก็ให้ผลทันตาเห็น น้ำใจจะไหลมาเทมาสู่ใจท่านเลยทีเดียวเชียวแหล่ะ สิ่งประดิษฐ์นั้นเรียกว่า...

สังคหวัตถุ 4


สังคหวัตถุ 4 หมายถึง หลักธรรมที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวน้ำใจของผู้อื่น ผูกไมตรี เอื้อเฟื้อ เกื้อกูล หรือเป็นหลักการสงเคราะห์ซึ่งกันและกัน มีอยู่ 4 ประการ ได้แก่

1. ทาน คือ การให้ การเสียสละ หรือการเอื้อเฟื้อแบ่งปันของๆตนเพื่อประโยชน์แก่บุคคลอื่น ไม่ตระหนี่ถี่เหนียว ไม่เป็นคนเห็นแก่ได้ฝ่ายเดียว คุณธรรมข้อนี้จะช่วยให้ไม่เป็นคนละโมบ ไม่เห็นแก่ตัว เราควรคำนึงอยู่เสมอว่า ทรัพย์สิ่งของที่เราหามาได้ มิใช่สิ่งจีรังยั่งยืน เมื่อเราสิ้นชีวิตไปแล้วก็ไม่สามารถจะนำติดตัวเอาไปได้

2. ปิยวาจา คือ การพูดจาด้วยถ้อยคำที่ไพเราะอ่อนหวาน พูดด้วยความจริงใจ ไม่พูดหยาบคายก้าวร้าว พูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์เหมาะสำหรับกาลเทศะ พระพุทธเจ้าทรงให้ความสำคัญกับการพูดเป็นอย่างยิ่ง เพราะ การพูดเป็นบันไดขั้นแรกที่จะสร้างมนุษย์สัมพันธ์อันดีให้เกิดขึ้น วิธีการที่จะพูดให้เป็นปิยวาจานั้น จะต้องพูดโดยยึดถือหลักเกณฑ์
ดังต่อไปนี้

เว้นจากการพูดเท็จ
เว้นจากการพูดส่อเสียด
เว้นจากการพูดคำหยาบ
เว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ

3. อัตถจริยา คือ การสงเคราะห์ทุกชนิดหรือการประพฤติในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น

4. สมานัตตา คือ การเป็นผู้มีความสม่ำเสมอ หรือมีความประพฤติเสมอต้นเสมอปลายคุณธรรมข้อนี้จะช่วยให้เราเป็นคนมีจิตใจหนักแน่นไม่โลเล รวมทั้งยังเป็นการสร้างความนิยม และไว้วางใจให้แก่ผู้อื่นอีกด้วย


ท้ายฉบับธรรมะสวัสดี


ให้เป็นกลอน ไม่คล้องจอง ไว้แล้วกันนะสหายธรรมะสวัสดีทุกคน

น้ำใจไมตรี มีกันไว้เถิด เพื่อนพร้อง
รับรองท่าน ไม่มีคำว่า หงอยเหงา
มีเพื่อนพ้อง ห้อมล้อม ปกป้องเรา
ดีหรือเปล่า เราท่าน ใครครวญดู

ธรรมะสวัสดี

--
สว่างตา ด้วยแสงไฟ สว่างใจ ด้วยแสงธรรม
พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
สังฆัง สรณัง คัจฉามิ

สรณะอื่น ไม่มี ชีวิตนี้เพื่อพระรัตนตรัย
ธรรมะสวัสดี กรุ๊ป
คลังเมล์สาระดีๆทางธรรม และทางโลกและอื่นๆอีกมากมาย เพียบ!
http://groups.google.com/group/DhammaSawasdee?hl=th